บทที่ 376 โอกาส
ปีนี้อายุของหลี่เจี้ยนเหว่ยก็ยังไม่ย่างเข้าสู่วัยห้าสิบปี นี่เป็นช่วงวัยที่ดีสำหรับการเดินไปตามเส้นทางอาชีพอย่างสง่าผ่าเผย
เขามองไป๋เยี่ยด้วยแววตาลึกซึ้ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นช้าๆ “คำว่าปัจจัยการเจริญเติบโตที่มีผลต่อการซ่อมแซมกระดูกนี่เป็นแนวคิดได้เลยนะ แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นข้อเสนอที่เป็นเท็จได้เช่นกัน”
“เพราะว่าตอนนี้ปัจจัยการเจริญเติบโตมีผลต่อการฟื้นฟูกระดูก สิ่งที่คุณพูดมานั้นมุ่งเน้นไปที่การซ่อมแซมเฉพาะส่วน แต่ระบบฮอร์โมนมีผลต่อเนื้อเยื่อทั้งร่างกายนะ”
“สุดท้ายแล้วทั้งฮอร์โมนที่ช่วยเรื่องการเจริญเติบโตและการซ่อมแซมกระดูกก็ล้วนช่วยส่งเสริมร่างกายของมนุษย์ทั้งนั้น อย่างโกรทฮอร์โมนก็ใช้หลักการนี้เหมือนกัน โดยมันจะถูกหลั่งไปยังต่อมต่างๆ ในร่างกาย เพราะฉะนั้น ถ้าคุณจะพุ่งเป้าไปที่ส่วนใดส่วนหนึ่งก็คงจะยากอยู่พอสมควร”
ไป๋เยี่ยฟังหลี่เจี้ยนเหว่ยเงียบๆ ถึงแม้ว่าหลี่เจี้ยนเหว่ยจะดูไม่ค่อยเห็นด้วยกับแนวคิดนี้สักเท่าไหร่ แต่ไป๋เยี่ยก็ไม่ได้รู้สึกเศร้าใจแต่อย่างใด
การหารือก็เป็นแบบนี้ จะต้องมีการพูดคุยถึงข้อเสนอแนะที่สร้างสรรค์ต่างๆ อยู่เสมอ
อีกอย่าง ที่ไป๋เยี่ยมาหาหลี่เจี้ยนเหว่ยในวันนี้ก็เพราะเขาหวังว่าจะได้รับคำแนะนำที่พอจะจุดประกายความคิดผ่านการพูดคุยบ้าง
โรงพยาบาลผู่เจ๋อมีประวัติมายาวนาน ซึ่งแผนกศัลยกรรมกระดูกก็เป็นแผนกที่โดดเด่นมาโดยตลอด จึงมีจุดเด่นในด้านประสบการณ์การรักษาและการวิจัยอย่างมาก
ช่วงที่ผ่านมานี้ งานวิจัยของไป๋เยี่ยและคนอื่นๆ มีความก้าวหน้าชนิดก้าวกระโดดมาก ทุกคนพร้อมใจกันตื่นแต่เช้าและเข้านอนดึกดื่นเสียจนลืมใช้ชีวิต
แต่ยิ่งพวกเขาค้นคว้ามากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งเข้าใกล้ทางตันมากขึ้นเท่านั้น
ตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการแยกสารและสกัดสารที่มีสรรพคุณจากสารประกอบต่างๆ ไปจนถึงการตรวจสอบอาการกระดูกหักในระยะต่างๆ กระทั่งการเกิดปัจจัยการเจริญเติบโต
แต่ทุกครั้งที่ได้พบกับจุดเปลี่ยน ความจริงกลับยิ่งทำให้พวกเขาสิ้นหวัง
เช่นเดียวกับตอนนี้ การค้นคว้าเรื่องปัจจัยการเจริญเติบโตกำลังตกอยู่ในหล่ม ไปต่อไม่ได้
เพราะระหว่างการวิจัยนั้น พวกเขาก็พบปัญหาอย่างหนึ่ง นั่นคือตัวยาต่างๆ ไม่ได้มีผลต่อการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของปัจจัยการเจริญเติบโตที่มีส่วนช่วยในการซ่อมแซมกระดูกแต่อย่างใด
ถึงแม้ว่าจะทดสอบไปหลายครั้งแล้ว แต่ตัวยาก็ไม่ได้มีผลเลยแม้แต่น้อย
นอกจากนี้ ปัจจัยการเจริญเติบโตไม่ได้มีผลต่อระบบโครงกระดูกของมนุษย์เพียงอย่างเดียว แต่มันมีผลต่ออวัยวะต่างๆ ด้วย และยังมีกลไกการออกฤทธิ์ที่หลากหลาย ซึ่งช่วยควบคุมฮอร์โมนชนิดต่างๆ ในร่างกายได้
ดังนั้นถ้าพวกเขาหาสาเหตุไม่เจอ งานวิจัยชิ้นนี้ก็จะพบกับทางตันจนไปต่อไม่ได้ในที่สุด
หลังจากที่ไป๋เยี่ยพยายามหารือเรื่องนี้กับทุกคนอย่างขันแข็งแล้ว เขาก็ได้พบกับมุมมองใหม่
นั่นคือเมื่อกระดูกเกิดการแตกหัก ระบบกระดูกก็จะเข้าสู่สภาวะซ่อมแซมตนเอง
ซึ่งในสภาวะดังกล่าวก็จะเกิดกลไกการฟื้นฟูกระดูกโดยเฉพาะขึ้น
ทันใดนั้น ทุกคนก็พากันเบิกตากว้างด้วยความดีใจ จากนั้นก็สังเกตและทดลองต่อไป
มุมมองของไป๋เยี่ยไม่ใช่เอฟเฟกต์จากโหมดระดมความคิดแต่อย่างใด กลับกัน มันคือสมมติฐานที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้ทำวิจัยและพิจารณาจนถี่ถ้วน
มันอาจจะถูก แต่มันก็อาจจะผิดได้เช่นกัน
แต่ถึงกระนั้น นี่ก็ถือเป็นความก้าวหน้าอย่างหนึ่ง
ไป๋เยี่ยเอ่ยถาม “อาจารย์หลี่ครับ อาจารย์คิดว่าปัจจัยที่ว่านี่ไม่ได้มีมาตั้งแต่แรก หรืออีกนัยหนึ่งคือมันไม่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์เรา แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากกลไกการซ่อมแซมตนเองของกระดูก ซึ่งเป็นส่วนที่เข้ามาทดแทนระหว่างกระบวนการซ่อมแซมหรือเปล่าครับ”
“ลองนึกภาพดูนะครับ เหมือนกับตอนที่ร่างกายของเรามีแผลเลือดออก ร่างกายก็จะสั่งการให้เกิดกระบวนการแข็งตัวของเลือด ทำให้เลือดหยุดไหลได้”
“ร่างกายมนุษย์มีระบบสั่งการที่ซับซ้อน มันจะตอบสนองต่ออาการบาดเจ็บต่างๆ โดยการสร้างกลไกการฟื้นตัวขึ้นมา”
“ผมก็เลยเดาว่าระบบโครงกระดูกก็คงจะมีกลไกแบบนั้นเหมือนกันครับ”
ทันทีที่ไป๋เยี่ยพูดจบ หลี่เจี้ยนเหว่ยก็ขมวดคิ้ว สายตาของเขาทอดมองไปรอบๆ สื่อให้เห็นว่าเขากำลังใช้ความคิดอยู่
คำพูดของไป๋เยี่ยสร้างแรงบันดาลใจให้กับเขา มันเป็นสมมติฐานที่ถูกคิดมาอย่างรอบคอบและสร้างสรรค์มาก เพราะว่าไม่เคยมีใครค้นคว้ามุมมองนี้มาก่อนเลย
ตอนนี้หลี่เจี้ยนเหว่ยคล้ายจะกลายเป็นคอมพิวเตอร์ที่ทำงานอย่างไม่หยุดหย่อน หากเขาต้องการจะยอมรับ หรือคัดค้านความคิดของไป๋เยี่ย ก็จำเป็นจะต้องนำสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาตลอดทั้งชีวิตมาตรวจสอบความเป็นไปได้ของสมมติฐาน
เวลาค่อยๆ ผ่านเลยไป ทว่าหลี่เจี้ยนหว่ยยังคงเงียบ ตอนแรกเขาเพียงแค่คาดเดาเท่านั้น แต่แล้วเขาก็เริ่มหยิบกระดาษขึ้นมาขีดๆ เขียนๆ จนกระทั่งผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมง เขาก็ยังคงไม่ได้ให้คำตอบ ทว่าบนขมับของเขากลับปรากฏร่องรอยของหยาดเหงื่อขึ้นมาบ้างแล้ว
การตรวจสอบสมมติฐานที่มีความลึกซึ้งเช่นนี้ต้องอาศัยความพยายามอย่างยิ่ง
ส่วนไป๋เยี่ยก็คอยมองดูหลี่เจี้ยนเหว่ยขีดเขียนลงบนกระดาษอย่างใจเย็นและไม่เข้าไปรบกวนเขา ทำให้ทั้งสองคนต่างตกอยู่ในความเงียบไปโดยปริยาย
ในที่สุดหลี่เจี้ยนเหว่ยก็เป็นฝ่ายเงยหน้าขึ้นมา
“คุณจะต้องมีเครื่องมือก่อน!” เขาเอ่ย
ไป๋เยี่ยผงะไป “เครื่องมืออะไรเหรอครับ”
หลี่เจี้ยนเหว่ยพูดต่อ “บริษัทเอสพีโอเอ็มเพิ่งจะผลิตเครื่องตรวจสอบสมดุลฮอร์โมนชื่อว่า ‘ดีเอ็มแอล-2764ที’ ขึ้นมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมันจะช่วยตรวจจับความผันผวนของระดับโกรทฮอร์โมนในร่างกายมนุษย์เป็นหลัก มันตรวจสอบระดับโกรทฮอร์โมนในหนึ่งวันได้อย่างแม่นยำเลยละ แต่ว่าเจ้าเครื่องนี่ยังไม่มีวางขายในตลาดนะ พอดีผมได้ยินคำแนะนำเกี่ยวกับเครื่องนี้จากที่ประชุมในอเมริกาเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาน่ะ”
ได้ยินคำพูดของหลี่เจี้ยนเหว่ยแล้ว ไป๋เยี่ยก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ทุกวันนี้การจะตรวจระดับฮอร์โมนในร่างกายมนุษย์ ไม่เพียงแต่อาศัยความพยายามเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผลการทดสอบที่ไม่แม่นยำพอ และการลงทุนมากจนเกินไป
เพราะว่าสถาบันวิจัยหลายแห่งทดสอบไม่ได้ จึงต้องส่งไปที่ศูนย์วิจัยใหญ่ๆ ซึ่งก็ต้องใช้เงินจำนวนมาก
และค่าใช้จ่ายในการทดสอบรายวันก็สูงราวห้าแสนหยวน นับเป็นตัวเลขที่น่าสะพรึงมากเลยทีเดียว แต่ถึงกระนั้นบริษัทเอาท์ซอร์สเหล่านั้นก็ยังต้องการเพิ่มราคาขึ้นอีก
หากมีเครื่องมือดังกล่าวก็จะเป็นการดีสำหรับการพัฒนาศูนย์วิจัยต่างๆ ในระยะยาวต่อไปอย่างแน่นอน
ไป๋เยี่ยถามต่อ “ผมจะติดต่อทางนั้นได้ยังไงบ้างครับ”
หลี่เจี้ยนเหว่ยเห็นท่าทีตื่นเต้นของไป๋เยี่ยก็ถอนหายใจ “เครื่องมือนี้คงมีจำนวนไม่มากหรอก แถมยังมีราคาสูงมากด้วย ผมก็ไม่แน่ใจว่าทางนั้นเขาพร้อมวางขายในจีนหรือยัง”
“ยิ่งเป็นเครื่องมือสุดไฮเทคที่มีความแม่นยำสูงแบบนี้ด้วยแล้ว ถ้าอีกฝ่ายอยากขาย ก็ต้องขายมันในราคาที่สูงมากแน่นอน โดยเฉพาะกับตลาดในประเทศเราน่ะ แต่คุณจะลองดูก็ได้ ถ้าได้ก็ดี เพราะว่าในประเทศเรายังไม่มีเครื่องดีเอ็มแอล-2764ทีเลยสักเครื่อง“
“ผมมีเบอร์ผู้จัดการบริษัทนะ คุณลองโทรไปถามเขาดูก็ได้”