บทที่ 1393 นึกถึงความหลัง
บทที่ 1393 นึกถึงความหลัง
“ในตอนที่ข้ายังเด็ก ข้ามักจะเห็นภาพแบบนี้ ท่านแม่ของข้ากำลังกินเกี๊ยวนึ่งอย่างเอร็ดอร่อย และท่านพ่อของข้าก็จัดวางเกี๊ยวนึ่งให้นางไม่หยุด หลังจากนั้นไม่นาน ข้าก็เห็นท่านพ่อวิ่งกระโดดไปรอบ ๆ ร้องโหยหวนอยู่คนเดียว โดยมีท่านพ่อวิ่งไล่ตามหลังท่านแม่ ตอนนั้นข้ายังเป็นเด็กไม่รู้ความ ข้าถามท่านพ่อว่าเป็นอะไร เจ้าทายสิว่าท่านพ่อของข้าตอบว่าอย่างไร ท่านพ่อตอบว่า เมื่อครู่ท่านแม่ของข้ากินมากเกินไป ท่านพ่อก็เลยช่วยท่านแม่ย่อยอาหาร”
“ฮ่า ๆๆ” กู้เสี่ยวหวานหัวเราะออกมาเสียงดัง นัยน์ตาของนางช่างงดงาม และตอนนี้ไม่มีร่องรอยของความโศกเศร้าอยู่อีกต่อไป
“ถ้าเช่นนั้นท่านพ่อกับท่านแม่ของท่านต้องรักกันมาก ๆ รักกันมากจริง ๆ”
“อื้ม รักกันมาก ทั้งสองรักกันมาก ถ้าไม่มีกันและกันก็จะไม่มีแรงจูงใจในการใช้ชีวิต” เสียงของฉินเย่จือลุ่มลึกลงเรื่อย ๆ และนึกถึงเวลานั้น
มันเป็นฝันร้ายที่เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ในชั่วข้ามคืน เขาสูญเสียพ่อและแม่ เขาถูกทิ้งและต้องดิ้นรนชีวิตตามลำพัง
โชคดีที่เขาได้พบนางในภายหลัง มิฉะนั้น เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าวันคืนที่เต็มไปด้วยความมืดมนไม่มีที่สิ้นสุดจะจบลงอย่างไร
“ข้าขอโทษนะพี่เย่จือ ข้าย้ำเตือนท่านในสิ่งที่ท่านไม่มีความสุขใช่หรือไม่” กู้เสี่ยวหวานเห็นอารมณ์ของฉินเย่จือกำลังดิ่งลง ลงนางรีบจับมือเขาแน่นและถามอย่างเป็นทุกข์
“ช่วงเวลาแห่งความทุกข์นั้นผ่านไปแล้ว หากพวกท่านรู้ว่าตอนนี่ท่านกำลังใช้ชีวิตอย่างมีความสุข พวกท่านก็คงมีความสุขเหมือนที่ข้ามีความสุขกับท่าน” ฉินเย่จือไม่ได้รู้สึกผิดหวัง เขาจึงฉีกยิ้มออกมาทันที การที่มีนางอยู่ต่อหน้าเขา ทำให้เขารู้สึกโล่งใจ
“ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าหึงหวงใช่หรือไม่?” ฉินเย่จือขมวดคิ้วและยิ้ม
“ไม่ ๆ ใครหึงหวงท่านกัน?” กู้เสี่ยวหวานเสมองไปด้านข้าง และรีบพูดกลบเกลื่อน
ถ้าคนอื่นรู้เข้าว่านางอิจฉาแม่สามีของตัวเอง นางคงถูกผู้คนหัวเราะเยาะเอาได้
“ไม่หึงหวงจริง ๆ หรือ แล้วใครกันล่ะที่ตั้งแต่เข้ามาในสวนก็ไม่สนใจข้า” ฉินเย่จือจงใจหยอกเย้าเสี่ยวหวาน เมื่อเห็นใบหน้าของลูกแมวที่กลับมาเป็นปกติ ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย ฉินเย่จือก็อารมณ์ดี
เจ้าแมวตัวน้อยหน้าแดงเหมือนลูกท้อ เห็นแล้วอยากจะกัดด้วยความมันเขี้ยว
แต่ฉินเย่จือจะไม่ปฏิบัติต่อนางอย่างเลวร้าย
เขาลดศีรษะลง โน้มตัวลงมา และกดจูบลงตรงแก้มที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ ริมฝีปากที่อุ่นร้อนของเขาช่างอ่อนโยนและอ้อยอิ่ง
ในห้องเงียบสงบ ไม่มีใครมารบกวน
“ในเมืองหลวง ระแวกนี้เป็นสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด กฎหมายและความสงบเรียบร้อยก็ยังดีอยู่มาก หากเจ้าต้องการออกไปเดินเล่น พาอาจั่วกับอาโม่ไปก็เพียงพอแล้ว แต่อย่าอยู่ข้างนอกนานเกินไป แต่ว่าหวานเอ๋อร์ ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะบอกเจ้า” จู่ ๆ ฉินเย่จือก็พูดอย่างจริงจัง
“กับคนภายนอก เราพูดได้แต่เพียงว่าเช่าบ้านหลังนี้เท่านั้น เราไม่สามารถพูดอะไรได้อีก เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
เมื่อเห็นสีหน้าที่จริงจังของฉินเย่จือ กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าเขากังวลว่า หากนางไม่อาศัยอยู่ในบ้านที่ฮ่องเต้มอบให้ แต่อาศัยอยู่บ้านที่นี่แทน เกรงว่าฮ่องเต้จะตำหนินาง ดังนั้นนางจึงพยักหน้าตอบกลับไปว่า “รู้แล้วน่า… ข้าบอกคนภายนอกไปว่าบ้านหลังนั้นกำลังซ่อมแซม ข้าก็เลยให้คนหาเช่าบ้านเพื่ออยู่อาศัยชั่วคราวเท่านั้น”
ฉินเย่จือพยักหน้าและยื่นมือออกไปเพื่อดึงกู้เสี่ยวหวานเข้าสู่อ้อมแขนของเขาอีกครั้ง
มองไปที่บ้าน ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม
เนื่องจากพ่อแม่ของเขาเสียชีวิต เขาจึงอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลาหลายปี เขาคุ้นเคยกับต้นไม้ทุกต้นในบ้านหลังนี้เป็นอย่างดี
เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นของเขา
ไม่มีใครรู้ว่าบ้านหลังนี้ถูกซื้อโดยฉินฟ่างเพื่อเป็นของขวัญให้กับเย่หลัน ภรรยาที่น่ารักของเขา และไม่มีใครรู้ว่าบ้านหลังนี้อยู่ภายใต้ชื่อของกู้เสี่ยวหวาน
ถือว่าสวนชิงนี้ เป็นสถานที่ลึกลับที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวง
ฉินเย่จือโอบแขนรอบเอวกู้เสี่ยวหวานและคอยลูบมวยผมของนางเบา ๆ
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้พูดอะไร และเอนกายพิงหน้าอกของฉินเย่จืออย่างเงียบ ๆ นางรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจของฉินเย่จือที่ผันผวนอย่างรวดเร็ว
บ้านหลังนี้เป็นบ้านของฉินเย่จือ
บ้านของฉินเย่จือตั้งอยู่ในสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมืองหลวง เห็นได้ว่าครอบครัวเดิมของฉินเย่จือนั้นร่ำรวยมาก
แต่สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด
ในตอนนี้ฉินเย่จือต่างจากอดีตเล็กน้อย เมื่อเขาเล่าย้อนถึงอดีตในตอนที่เขามีความสุขกับท่านพ่อและท่านแม่ของเขาในบ้านหลังนี้ แม้ว่าฉินเย่จือจะมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเขา แต่เสี้ยวหนึ่งในดวงตาของเขาก็พบว่ามีความโกรธอยู่
ความโกรธนี้มาจากไหน
ทำไมท่านพ่อกับท่านแม่ของพี่เย่จือถึงได้จากไปตั้งแต่อายุยังน้อย
คำถามแต่ละข้อเหมือนเป็นปริศนา
กู้เสี่ยวหวานไม่อยากคาดเดา และนางก็ไม่คิดจะเอ่ยปากถาม หากวันหนึ่งเมื่อพี่เย่จือเต็มใจที่จะบอกนาง เขาก็จะบอกนางเอง
เมื่อรู้สึกถึงความเหม่อลอยของคนที่นางพิงอยู่ กู้เสี่ยวหวานก็ถอนหายใจเบา ๆ นางยื่นแขนออกไปกอดฉินเย่จือและให้ความอบอุ่นแก่เขาด้วยความอบอุ่นของนางเอง
ทั้งสองไม่พูดอะไรหลังจากนั้น ได้แต่กอดกันแน่น
ในเมืองหลวงนี้ ถนนกว่างหลงถือเป็นย่านที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด
เนื่องจากสวนชิงตั้งอยู่บนถนนสายนี้ ซึ่งที่นี่เต็มไปด้วยบ้านของบุคคลสำคัญ จึงไม่มีแผงขายของที่ทางเข้า
ตรงกันข้ามกับถนนฝั่งตรงข้ามที่เต็มไปด้วยร้านค้าระดับสูง
ผ้า ขนมทานเล่น ของเก่า เครื่องประทินผิว เครื่องประดับ และของอื่น ๆ ได้ยินคนพูดว่าร้านค้าที่เปิดแถวย่านนี้ถือว่าเป็นร้านค้าที่ดีที่สุด และยังเป็นร้านค้าที่ราคาสูงที่สุดในเมืองหลวงอีกด้วย
ถึงจะแพงแต่ก็มีคนมาเยอะจริง ๆ
ในรถม้าหรูหราสามหรือห้าคัน มีหญิงสาวที่แต่งตัวดีกำลังเดินลงจากรถม้า คนรับใช้ที่ประตูล้วนแต่งตัวดี พร้อมกับเชิญผู้ที่มาเยือนเข้ามา พวกเขาเอาแต่เยินยอและชมเชย ทำให้คนร่ำรวยเหล่านั้นรู้สึกภาคภูมิใจมาก
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา หลังจากเตรียมของในสวนชิงเสร็จแล้ว กู้เสี่ยวอี้รู้สึกรำคาญเล็กน้อย
นางวิ่งไปแกล้งกู้เสี่ยวหวานแต่เช้า “ท่านพี่ ข้าได้ยินมาว่ามีสิ่งที่น่าสนใจมากมายบนถนน ไปเดินเล่นกันไหม”
หลี่เมี่ยวเมี่ยวจะมาเล่นที่นี่ตลอดทั้งวัน แม้ว่านางจะอายุน้อยกว่ากู้เสี่ยวหวานไม่มาก แต่นางก็เป็นคนอารมณ์ดีและขี้เล่น และนางก็มักจะไปเล่นกับกู้เสี่ยวอี้เสมอ
พวกนางสองคนตัวติดกันตลอดสองวันที่ผ่านมา เมื่อเล่นจนทั่วสวนชิงและไม่รู้จะเล่นอะไรแล้ว ดังนั้นพวกนางจึงมีความคิดที่อยากจะออกไปข้างนอก