รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 919 ตกปลาแรงจึงมีความหมายที่สุด เพลิดเพลินที่สุด!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 919 ตกปลาแรงจึงมีความหมายที่สุด เพลิดเพลินที่สุด!

บทที่ 919 ตกปลาแรงจึงมีความหมายที่สุด เพลิดเพลินที่สุด!

สายเบ็ดห้อยด้วยตะขอตกปลาปรากฏขึ้นต่อหน้าหลี่จิ่วเต้า ด้านบนมีสมุนไพรห้อยเอาไว้อยู่ ดูแล้วเหนือชั้นไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง เปี่ยมด้วยประกายชีวิตไหลเวียน

ช่างใจถึงยิ่งนัก!

ลั่วสุ่ยรู้สึกว่าคนผู้นี้ไม่เพียงหาญกล้า แต่ยังใจถึงยิ่งนัก สมุนไพรที่เป็นเหยื่อล่อไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง แม้เทียบในหลังฉากก็นับได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่า สามารถดึงดูดยอดฝีมือหลังฉากให้ต่อสู้แย่งชิงอย่างบ้าคลั่ง

ต้องการจะหย่อนเบ็ดล่อตกเขาหรือ?

หลี่จิ่วเต้าพูดไม่ออก นี่คือมีผู้ฝึกตนต้องการจะตกเขาอย่างนั้นหรือ?

นั่งบนท้องฟ้า ปฏิบัติต่อเขาดังปลาที่ตกได้ตามต้องการ

ทว่านี่คืออันใดกัน?

ช่วยเอาของดูดีกว่านี้มาได้หรือไม่!

ตะขอเบ็ดหย่อนลงมา เหยื่อที่ถูกผูกไว้กลับเป็นผักป่าเน่า ๆ!

เช่นนี้ยังจะนำมาหย่อนเบ็ดล่อเหยื่ออีกหรือ!

นี่มันดูแคลนเขาชัด ๆ!

เขาจะถูกผักป่าเน่า ๆ ดึงดูดได้อย่างไร!

ใช่แล้ว

ในสายตาของลั่วสุ่ยนี่คือโอสถสวรรค์อันเหนือชั้น ทว่าในสายตาของหลี่จิ่วเต้าแล้วกลับเป็นเพียงแค่ผักป่าเน่า ๆ

“อันใดกัน หย่อนเบ็ดล่อปลาหรือ เฮ้อ ต่อให้เป็นชาวประมงก็ไม่ตระหนี่ถี่เหนียวเช่นนี้ ถึงกับนำเหยื่อเน่าเสียเช่นนี้มาได้ ผู้ใดกันจะติดเบ็ดกัน!”

หลี่จิ่วเต้าอดเอ่ยไม่ได้

ตระหนี่ถี่เหนียว?

เหยื่อเน่าเสีย?

ลั่วสุ่ยตกตะลึง ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่าคนผู้นี้หาญกล้ายิ่ง ใจถึงยอมใช้เหยื่อเช่นนี้ ทว่าเหตุใดเมื่อออกจากปากคุณชายแล้วกลับกลายเป็นเหยื่อเน่าเสียกัน?

‘นี่คือคุณชาย โอสถสวรรค์ระดับสูงสุดแล้วอย่างไร ต่อหน้าคุณชายก็เป็นได้แค่ของเน่าเสีย!’

ทว่านางก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วพร้อมเอ่ยในใจ

แม้ว่าโอสถสวรรค์นี่จะดีจริง ๆ แต่ก็ไม่มีค่าอันใดให้พูดถึง กระทั่งผักกาดขาวที่เก็บจากลานเล็ก ๆ ของคุณชายยังดีกว่าโอสถสวรรค์นี่!

“ไปเถิด”

หลี่จิ่วเต้าคร้านเกินกว่าจะใส่ใจ เขากับลั่วสุ่ยเดินเลี่ยงเบ็ดตกปลาก่อนจากไป

ลึกลงไปใต้ดินแดนแห่งหนึ่ง

สถานที่แห่งนี้มีพระราชวังใต้ดินขนาดมโหฬารอยู่ ดูแล้วให้ความรู้สึกเก่าแก่ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน

ภายในพระราชวัง บริเวณสระน้ำด้านหน้า มีชายชราผู้หนึ่งนั่งถือเบ็ดตกปลาหย่อนลงไป

เคราของเขากระเพื่อมพร้อมถลึงตามอง เห็นได้ชัดว่ากำลังคาดไม่ถึงเป็นอย่างยิ่ง ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการตกปลาที่ไม่เคยพลาดมาก่อนอย่างเขา ครั้งนี้กลับประสบความล้มเหลว!

“ตาอวี๋ เจ้าล้มเหลวเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ? ก็บอกแล้วว่าวิชาของเจ้ามันใช้การไม่ได้แล้ว ทว่าเจ้าก็ไม่ยอมรับ ต้องการพิสูจน์ตนเองว่าสุดยอดยิ่ง สามารถตกสิ่งใดก็ได้!”

มีชายชราอีกคนเข้ามาพร้อมหัวเราะเยาะชายชรานาม ‘ตาอวี๋’

“ไร้สาระ!”

ตาอวี๋โต้แย้งอย่างดื้อดึง “เป็นเพราะข้าประมาทเกินไป คาดไม่ถึงว่าเด็กนั่นจะตระหนี่เช่นนี้!”

เขาไม่พอใจจริง ๆ ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ใส่ใจหลี่จิ่วเต้ามากนัก เพียงแค่ตกปลาอย่างสบาย ๆ ทั้งเบ็ดและเหยื่อล้วนไม่ได้เตรียมการอย่างดี

ใช่แล้ว เขาคือคนที่หย่อนเบ็ดคิดตกหลี่จิ่วเต้า!

สำหรับโอสถสวรรค์นั้น มันเป็นเพียงแค่ผักป่าเน่า ๆ จริง ไม่ใช่โอสถสวรรค์ระดับสูงสุดแต่อย่างใด

ลั่วสุ่ยมองไม่ออกก็เพราะขอบเขตของนางยังไม่เพียงพอ

“ใช้การไม่ได้ก็คือใช้การไม่ได้ ไยต้องมีข้อแก้ตัวมากมาย!”

ชายชราอีกคนเอ่ยดูแคลน “เจ้าคิดว่าตนเองกำลังตกปลาอยู่จริงหรือ กระทั่งสายเบ็ดกับตะขอก็ยังไม่ซ่อน แสดงออกให้เห็นอย่างซึ่งหน้า ผู้ใดจะติดเบ็ดกัน!”

“อย่าได้เอ่ยสุ่มสี่สุ่มห้า ก่อนหน้านี้ข้าเคยล้มเหลวที่ไหนกัน? ต่างติดเบ็ดทั้งหมด!”

ตาอวี๋ถลึงตามอง ‘ตาหวัง’ ผู้จงใจเอ่ยทับถม เขาไม่เคยซ่อนสายและตะขอเบ็ด แต่ก็ยังสามารถตกเหยื่อได้ ทั้งยังไม่เคยล้มเหลวมาก่อน

“พวกนั้นล้วนโง่งม หากไม่โง่แล้วไยจึงจะถูกตกได้?”

ตาหวังหัวเราะออกมา “ครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดไม่ใช่หรือ? ความล้มเหลวขอเจ้าถูกกำหนดเอาไว้แล้ว!”

ตกปลาโดยไม่ซ่อนสายหรือตะขอเบ็ด เขามักดูแคลนพฤติกรรมเช่นนี้เสมอ ทว่าน่าเสียดายที่ตาอวี๋ประสบความสำเร็จไปเสียทุกครั้ง เขาอยากเอ่ยฉีกหน้าก็ไม่อาจทำได้

ครั้งนี้เขามีโอกาสแล้ว เหตุใดจึงจะยอมปล่อยได้โดยง่าย จะต้องเอ่ยฉีกหน้าเยาะเย้ยตาอวี๋สักครั้ง

“ล้มเหลวแล้วอย่างไร? เช่นนี้ถึงทำให้การตกได้มีความหมาย!”

ตาอวี๋กล่าวขึ้นมา “ซ่อนสายและตะขอเขตเบ็ดเอาไว้จะมีความหมายอันใด? ข้าต้องการให้คนที่โดนตกรู้ว่ากำลังถูกหย่อนเบ็ดล่อ ทว่าก็ยังคงติดเบ็ด เช่นนี้จึงจะมีความหมาย!”

ใช่แล้ว

สำหรับเขาแล้วการซ่อนสายและตะขอเบ็ดเอาไว้เป็นเรื่องที่สามารถทำได้อย่างง่ายดาย

แต่การตกปลาเช่นนั้นช่างไร้ความหมายเกินไป

เขาชื่นชอบการตกปลาเช่นนี้ ชอบที่จะได้เห็นคนถูกตกงับเหยื่อทั้ง ๆ ที่ตระหนักเป็นอย่างดีว่าอาจมีอันตราย

ดังนั้นเขาจึงไม่เคยซ่อนสายเบ็ดและตะขอแต่อย่างใด แสดงให้เห็นอย่างเปิดเผย ทว่าเหยื่อล่อนั้นน่าดึงดูดมากเกินไปจนคนอดไม่ได้ที่จะงับเหยื่อ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าอาจมีอันตรายก็ตามที

“ไม่ยอมติดเบ็ดแสดงว่าเหยื่อไม่ได้ผล”

ตาอวี๋กล่าว “ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะไม่ธรรมดา สามารถมองออกถึงความจริงของเหยื่อล่อ ดังนั้นจึงนิ่งเฉยและไม่ติดเบ็ด”

เขาพูดต่อ “นี่ทำให้ข้าตื่นเต้นขึ้นมาจริง ๆ ข้าชื่นชอบการตกเหยื่อยากเย็นเช่นนี้ การตกปลาธรรมดา ๆ นั้นช่างไร้ความหมายยิ่งนัก!”

หลังจากกล่าวจบ เขาก็ดึงเบ็ดกลับขึ้นมา หยิบผักป่าเน่าที่ติดเอาไว้โยนทิ้งไปอีกด้าน

จากนั้นเขาก็มัดโอสถล้ำค่าที่แท้จริงติดเอาไว้

“เหยื่อมีแรงแล้วอย่างไร? ข้าเองก็มีเหยื่อล่อที่แรงกว่าเช่นกัน!”

เขายิ้มออกมาเผยให้เห็นฟันซี่เหลือง

“หน้าไม่อายเสียจริง!”

ตาหวังเอ่ยด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม “เจ้านำดอกจื่ออิงออกมา เช่นนั้นแล้วคนจะไม่ติดเบ็ดได้อย่างไร!”

ดอกจื่ออิงเป็นโอสถล้ำค่าที่พิเศษเหนือชั้นเป็นอย่างยิ่งในหมู่โอสถ

นี่คือสิ่งที่ผู้เบิกทางหลงเหลือเอาไว้ แม้จะเป็นเพียงสมบัติเล็กน้อย แต่ก็ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง หากนำออกไปย่อมทำให้เกิดการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ไปทั่วทั้งแดนดิน

“เจ้าทำเช่นนี้แล้วยังจะมีความหมายอันใดอีก? เพียงแค่ซ่อนสายเบ็ดและตะขอก็ได้!”

เขาเอ่ยประชดประชัน

นำดอกจื่ออิงออกมา สิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายนอกจะต้องติดเบ็ดอย่างไร้ข้อยกเว้นแน่นอน!

“ย่อมต้องมีความหมาย! ซ่อนสายเบ็ดและตะขอก็คือการซ่อนความอันตราย! ข้าไม่ได้ต้องการซ่อนความอันตราย! ข้าต้องการเห็นเหยื่อก้าวเข้ามาติดเบ็ดเองแม้จะรู้ดีว่ามีอันตรายก็ตาม!”

ตาอวี๋แย้มยิ้มเริงร่า จากนั้นก็หย่อนเบ็ดที่ผูกไว้ด้วยดอกจื่ออิงลงไปในสระน้ำอีกครั้ง ผ่านช่องว่างเข้าไป!

เขาชื่นชอบความรู้สึกในการตกปลาแรง นี่เป็นความรู้สึกที่ปลาธรรมดาไม่อาจนำมาให้เขาได้

“เวลาผ่านมาช้านาน เจ้ากับข้าต้องอยู่เพียงในพระราชวังแห่งนี้ จะหาความสุขมากมายมาจากที่ใดกัน เจ้าเองก็ควรจะเรียนรู้จากข้าเสียดีกว่า พวกเรามาตกปลาด้วยกัน ดูสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นหลงลืมอันตรายเพราะความโลภ คิดดูเสียว่าน่าสนใจมากเพียงใด!”

เขาพูดกับตาหวัง ต้องการให้ตาหวังมาตกปลากับเขา

“น่าสนใจอันใด! ข้าไม่รู้ถึงความน่าสนใจสักนิด เพียงแค่ต้องนั่งริมสระน้ำเป็นเวลานานก็รู้สึกทรมานแล้ว!”

ตาหวังกล่าว เขาไม่ได้มีนิสัยเหมือนกับตาอวี๋ เขาไม่เคยตกปลามาก่อน สิ่งที่เขาชอบทำคือการโต้เถียงกับตาอวี๋

“เช่นนั้นก็น่าเสียดายที่เจ้าไม่อาจเพลิดเพลินไปกับความสุขเช่นนี้ได้”

ตาอวี๋ยิ้มกว้าง “หย่อนเหยื่อล่อแล้ว ตอนนี้ก็รอเพียงให้เขาติดเบ็ด พอคิดถึงท่าทางดิ้นรนของเขา ข้าก็ตั้งตารอไม่ไหวเสียแล้ว”

เขามองไปทางตาหวัง “ช่างมันเถิด แม้ว่าข้าจะบอกไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ เช่นนั้นก็ให้ข้าเพลิดเพลินกับความสุขนี้เพียงผู้เดียว”

เขาไม่ใส่ใจตาหวังอีก จับจ้องมองไปทางสระน้ำ รอให้ความสุขของเขาปรากฏออกมา

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท