รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 927 ซี ‘เจ้าคิดมากเกินไป ไม่มีกำลังเสริมแต่อย่างใด!’

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 927 ซี ‘เจ้าคิดมากเกินไป ไม่มีกำลังเสริมแต่อย่างใด!’

บทที่ 927 ซี ‘เจ้าคิดมากเกินไป ไม่มีกำลังเสริมแต่อย่างใด!’

ไม่พบ!

ปิงหยวนและหนานกงเจิ้นเทียนค้นพื้นที่โดยรอบอย่างละเอียดกลับไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด!

“ไม่ธรรมดาจริง ๆ!”

หนานกงเจิ้นเทียนหัวเราะเสียงเย็น ไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด ราวกับคาดการณ์ไว้แต่แรก

ถึงอย่างไรหากกองหนุนแข็งแกร่งไม่พอก็คงไม่มาที่นี่

เวลานั้น คลื่นพลังที่ประตูใหญ่ลานเต๋าทวีความรุนแรง สิ่งมีชีวิตตนอื่นในที่นี้ตระหนักได้เช่นกันว่าผนึกเหมือนกำลังจะคลาย!

พวกเขาพากันจับตามองที่นี่ นึกอยากเห็นว่าซีเป็นคนเช่นไรกันแน่!

ผ่านไปไม่นาน ผนึกที่นั่นคลายออกสมบูรณ์ เข้าออกไปตามใจชอบแล้ว

สิ่งมีชีวิตทั้งหลายตื่นเต้นขึ้นมาอย่างอดมิได้ ใคร่รู้ในตัวซีมาก

ภายใต้สายตานับหมื่น มีร่างหนึ่งเดินออกจากลานเต๋า

ทว่าหลังสิ่งมีชีวิตทั้งหลายได้เห็นร่างนี้ต่างมีสีหน้าประหลาดไป

“นี่หรือคือซี”

“ไม่จริงกระมัง ซีคือเต่าชราตัวหนึ่งหรือนี่”

สิ่งมีชีวิตไม่น้อยเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ

ผู้ที่ก้าวออกจากลานเต๋าคือเต่าชราตัวหนึ่ง

“ไอ้หยา ทุกคนตั้งตารอข้าถึงเพียงนี้เชียว! โอ๊ย เต่าชราอย่างข้าเขินอายเหลือเกิน! แม้ว่าข้าจะหล่อเหลาเอาการ พรสวรรค์สูงส่งไม่น้อย กระนั้นยังมิควรค่าให้ทุกท่านเฝ้ารอเต่าชราเช่นข้าถึงปานนี้!”

เต่าชราเอ่ยด้วยท่าทางเหนียมอาย

หน้าด้านเกินไปหรือไม่

ผู้ใดตั้งตารอเต่าชราเช่นเจ้ากัน!

สิ่งมีชีวิตทั้งหลายหมดคำพูดในบัดดล เต่าชราผู้นี้ไร้ยางอายยิ่งนัก ถึงกับเอ่ยวาจาหน้าด้านเช่นนี้ออกมา!

ผู้ที่พวกเขาตั้งตารอคือซี ใช่เต่าชราตัวนี้ที่ไหน!

ไม่นานนักพวกเขาก็ได้สติ ซีคือสตรีเผ่ามนุษย์ หาใช่เต่าชราแต่อย่างใด

ทว่าพวกเขารู้ดีว่าซีกำลังจะออกมาจริง ๆ!

พวกเขารู้จักเต่าชรา รู้ว่ามันมีสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับซี และทั้งสองก็มายังลานเต๋านี้ด้วยกัน

เต่าชราออกมาแล้ว ถัดไปซีต้องตามออกมาแน่

ตามคาด ลมหายใจต่อมา ร่างอรชรร่างหนึ่งก้าวพ้นลานเต๋า งดงามจับตา โฉมสะครามเลิศล้ำ รูปร่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ!

นี่ต่างหากคือซี! สตรีที่โลกหลังฉากวิจารณ์ถึงไม่หยุด!

“เยาว์วัยเหลือเกิน!”

ปิงหยวนทอดมองซี สายตาเปี่ยมไปด้วยความเหลือเชื่อ

เขาสัมผัสได้ถึงพลังปราณวัยเยาว์เหลือล้นของซี เรื่องนั้นไม่อาจเปลี่ยนแปลง ซียังอายุน้อย อาจมีชีวิตไม่ถึงเศษเสี้ยวของเขาเลยก็ได้

“เจ้าหรือคือซี? จองหองพองขนยิ่งนัก! ไล่พวกอวี่เอ๋อร์ไปไม่พอ ทั้งยังยึดแผนผังแปดทิศซึ่งเป็นสมบัติสำคัญแห่งตระกูลเราไปอีก!”

หนานกงเจิ้นเทียนมองซีด้วยสายตาโหดเหี้ยม

เขาไม่ได้ลงมือในทันที หากแต่ติดต่อเหล่าผู้ช่วยที่เขาลอบติดต่อไว้ก่อน ให้พวกเขาเตรียมตัวมาเสริมกำลังให้ที่นี่ทุกเมื่อ

“จองหองพองขน? เปล่าเลย ข้ายังไม่ถึงขั้นนั้น พวกเขาสามคนต่างหากจองหองพองขนจริง ๆ มาถึงก็อ้างว่าแดนมงคลอันดับหนึ่งเป็นของพวกเขา สั่งให้ข้าสำนึกบุญคุณพวกเขา!”

สีหน้าของซีราบเรียบ หันมองพวกหนานกงอวี่สามคนพลางกล่าว

“เรื่องนี้เป็นความผิดของพวกเขาจริง ๆ”

เวลานั้น ปิงหยวนเอ่ยขึ้นยิ้ม ๆ “ข้าชอบศึกษาวิชาผนึกที่สุด ขอถามสักคำได้หรือไม่ เจ้าเป็นผู้ปรับเปลี่ยนผนึกในลานเต๋าหรือ”

“อืม”

ซีพยักหน้า มิได้ปิดบัง

เรื่องเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องปิดบัง

“อาศัยเจ้าเพียงผู้เดียวจริงหรือ”

ปิงหยวนเอ่ยด้วยท่าทางตะลึง

แม้นเขาคิดไว้แต่แรกแล้วว่าเป็นฝีมือของซี ทว่ายามซียอมรับจริง ๆ เขายังตะลึงอยู่ดี

ซีอ่อนเยาว์เกินไป นางทำได้อย่างไร พรสวรรค์ด้านผนึกของซีน่าตกใจจริง ๆ!

นัยน์ตาหนานกงเจิ้นเทียนมีประกายประหลาดพาดผ่านเช่นกัน ซีอายุเพียงเท่านี้ก็มีพรสวรรค์ด้านผนึกอันน่าทึ่ง หากให้เวลานางได้เติบโต ก็มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่านางจะไปถึงระดับที่น่าพรั่นพรึงเพียงใดบนวิถีผนึก!

ซีเอ่ยว่า “พวกเจ้าล้อมอยู่ที่นี่ด้วยเหตุอันใด คิดจะสะสางกับข้าหรือ หากเป็นเรื่องสะสาง ข้ามองว่าไม่จำเป็น ข้าผู้นี้ใจกว้างอย่างยิ่ง ลืมเลือนเรื่องก่อนนี้ไปหมดแล้ว พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องตั้งใจมารอขอโทษข้าที่นี่”

ตั้งใจมารอขอโทษที่นี่?!

วาจาเหลวไหลอะไรกัน!

คิ้วของหนานกงเจิ้นเทียนตั้งขึ้นฉับพลัน

ซีผู้นี้มั่นใจในตัวเองเหลือเกิน!

เขาเฝ้าอยู่ด้านนอกเพื่อสะสางเรื่องราวกับซีจริง ทว่ามิใช่เพื่อขอโทษนาง หากแต่ทำให้นางชดใช้กับการกระทำของตนเอง!

มุมปากปิงหยวนกระตุกอย่างอดมิได้เช่นกัน

ดูคำพูดของซีเข้า ไม่สามารถสนทนากันต่อได้แล้ว

ทว่าเรื่องนี้เป็นผลให้เขาตระหนักถึงความไม่ธรรมดาของซีได้จริง ๆ หาไม่แล้วซีคงมิกล้าเอ่ยวาจาเช่นนี้

“ขอถามหน่อยว่าแม่นางมาจากที่ใด ตระกูลอันใด โลกหลังฉากหาได้กว้างใหญ่ หากแม่นางยอมบอก พวกเราอาจรู้จักกันก็ได้”

ปิงหยวนถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ไม่ต้องคิดให้มากความ พวกเจ้าไม่มีทางรู้จักข้า”

ซีสั่นศีรษะ “เอาล่ะ เรื่องในอดีตปล่อยให้สลายดั่งควัน จบไปแล้วในใจข้า ไม่ต้องเอ่ยถึงอีก”

นางเอ่ยต่อ “ข้ายังมีธุระ พวกเราลาจากกันเท่านี้เถิด”

จากนั้น นางกับเต่าชราก็ทำท่าจะไปจากที่นี่

“จริงสิ ข้าปรับเปลี่ยนผนึกในลานเต๋าอีกครั้ง สิ่งมีชีวิตที่ตรงตามเงื่อนไขสามารถเข้าออกได้ตามต้องการ ไม่ต้องคิดเรื่องเข้าไปใช้กำลังกันอีกแล้ว ข้าเพิ่มกฎเกณฑ์เข้าไป หากใช้กำลังจะถูกกฎเกณฑ์จำกัด เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายอันมิสมควร ทุกท่านอย่าได้คิดใช้กำลังกันอีก”

นางกล่าวต่อ “นอกจากนี้ ข้าแก้ไขการจัดแจงในแต่ละแดนมงคลให้เหมาะแก่การฝึกฝนยิ่งขึ้น ได้ผลลัพธ์โดดเด่นยิ่งขึ้น”

กล่าวจบ นางกับเต่าชราก็เหินขึ้นไปบนฟ้า เตรียมไปจากที่นี่

ปิงหยวนมิได้เอ่ยวาจา มิเคยลงมือหักห้ามซี

เพราะยามนี้เขายังมองซีไม่ออก จึงไม่ต้องการตั้งตนเป็นปรปักษ์กับอีกฝ่าย

หัวใสจริงเชียว!

ไหนว่าจะสนทนาหัวข้อผนึกกับซีมิใช่หรือ?

ซีจะไปอยู่แล้ว ปิงหยวนไม่เห็นมีท่าทีอยากรั้งนางสักนิด!

หนานกงเจิ้นเทียนเหน็บแนมปิงหยวนในใจไม่หยุด เห็นได้ชัดว่าปิงหยวนไม่ต้องการทิ้งภาพจำไม่ดีต่อซี เรื่องหยุดยั้งนั้นรอให้เขาเป็นผู้ลงมือ

เดิมเขาอยากรู้ข้อมูลของซีให้มากขึ้นผ่านตัวนางเอง แล้วค่อยตัดสินใจต่อว่าจะจัดการซีอย่างไร

บัดนี้มิได้แล้ว เขาจำต้องหยุดซีไว้ มิฉะนั้นอีกฝ่ายคงไปจากที่นี่แน่

เขาไม่มีทางปล่อยนางไปง่าย ๆ!

“ขับไล่อวี่เอ๋อร์ออกจากลานเต๋า ซ้ำยังแย่งแผนผังแปดทิศอันเป็นสมบัติสำคัญของตระกูลเรา บัดนี้เจ้าคิดจะไปจากที่นี่ง่าย ๆ รึ ง่ายดายเช่นนั้นที่ไหน!”

ร่างของเขาวูบไหว ปรากฏอยู่เบื้องหน้าซีและเต่าชราในพริบตา หยุดยั้งพวกนางไว้

“เรื่องอื่นยังไม่ต้องกล่าวถึง คืนแผนผังแปดทิศของตระกูลข้ามาก่อน!”

เขาปริปาก เรียกเอาแผนผังแปดทิศคืนจากซี

แผนผังแปดทิศติดอันดับในโลกหลังฉาก เขาไฉนเลยจะปล่อยให้ซีนำไปด้วย!

เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้เลย!

“เจ้าเลิกคิดเรื่องแผนผังแปดทิศไปเถิด นี่เป็นราคาที่เขาต้องจ่ายโทษฐานลงมือกับข้า!”

ซีเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา

“เจ้ากล่าวคำว่าราคาอยู่ได้ เอาความมั่นใจที่ใดมาใช้วาจาเช่นนี้!”

แววตาหนานกงเจิ้นเทียนเย็นยะเยือก “เรียกกำลังเสริมของเจ้าออกมา ข้าไม่อยากลดเกียรติพล่ามกับยายหนูน้อยอย่างเจ้า!”

“เจ้าคิดมากเกินไป ไม่มีกำลังเสริมที่ว่าแต่อย่างใด!”

ซีเอ่ย “ข้าก็ไม่อยากลดเกียรติสนทนากับคนเช่นเจ้า ในเมื่อเราทั้งสองต่างไม่ต้องการลดเกียรติเสวนากับอีกฝ่าย พอดีเลย ไม่ต้องพูดอะไรกันอีก”

“ไม่มีกำลังเสริม เจ้ายังกล้ากำแหงปานนี้รึ?”

จิตสังหารซัดสาดออกจากตัวหนานกงเจิ้นเทียน

ซีเห็นเขาโง่หรืออย่างไร?

บังอาจหลอกเขาเช่นนี้?!

เขาบันดาลโทสะ รู้สึกอยากฆ่านางแล้วจริง ๆ

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท