รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 933 วาจาใหญ่โต เห็นได้ชัดว่ามีสิ่งใดหนุนหลัง!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 933 วาจาใหญ่โต เห็นได้ชัดว่ามีสิ่งใดหนุนหลัง!

บทที่ 933 วาจาใหญ่โต เห็นได้ชัดว่ามีสิ่งใดหนุนหลัง!

มัจฉาสัตมายามองเห็นสิ่งใด?

เขาเห็นสิ่งมีชีวิตภายนอกที่สงวนความผยองและวางท่าใหญ่โตเอาไว้ ส่วนสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นกลับกลายเป็นฝ่ายยโสใช้อำนาจบาตรใหญ่แทน

สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นกลุ่มหนึ่งกำลังเรียกเก็บวิชาและสมบัติล้ำค่าจากสิ่งมีชีวิตภายนอกที่อยู่ด้านในอาณาจักร!

“ไม่ว่าจะเอ่ยเช่นไร อาณาจักรแห่งนี้ก็เป็นดินแดนของพวกข้า เมื่อพวกเจ้าเข้ามาแล้ว ได้เพลินเพลินกับสภาพแวดล้อมการฝึกตนอันดียิ่งในดินแดนของพวกข้า ทั้งยังได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ก็สมควรตอบแทนบางอย่างไม่ใช่หรือ?”

เม่นตัวหนึ่งที่ทั้งร่างปกคลุมด้วยหนามแหลมเอ่ยกับสิ่งมีชีวิตภายนอก

ขอบเขตของมันไม่ได้ตำ บรรลุกลายเป็นเซียนแล้ว หากเป็นก่อนหน้านี้ คงนับว่าเป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง

หากในยามนี้กลับเป็นเพียงเรื่องปกติยิ่ง

สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นจำนวนไม่น้อยได้บรรลุกลายเป็นเซียนแล้ว

สภาพแวดล้อมฟ้าดินเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ทุกสิ่งล้วนเริ่มจากอาณาจักรแห่งนี้ สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นในอาณาจักรแห่งนี้จึงเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์สูงสุด

สิ่งมีชีวิตที่มาจากอาณาจักรเก้าตอนบนที่อยู่ตรงนั้น เมื่อได้ยินคำพูดของเม่นแล้วภายในใจก็พลันโกรธเป็นอย่างยิ่ง

อาณาจักรเก้าตอนบนก่อนหน้านี้เคยสูงส่งเป็นอย่างยิ่ง อาณาจักรแห่งนี้ไม่มีสิ่งใดอยู่ในสายตาของพวกเขาแม้แต่น้อย ทว่าตอนนี้พวกเขากลับมีฐานะต่ำต้อยเป็นอย่างมาก เช่นนั้นพวกเขาจะทนยอมรับได้อย่างไร

โดยเฉพาะการกระทำของเม่นยังไร้เหตุผลเป็นอย่างยิ่ง

พวกเขาไม่อาจแน่ใจได้เสียด้วยซ้ำว่าเม่นเป็นสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นหรือไม่ แต่ถึงจะเป็นสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นจริง ก็ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว

หากวันนี้เม่นมาเรียกเก็บวิชาและสมบัติล้ำค่า แล้วพวกเขาให้ไป เช่นนั้นถ้าวันรุ่งขึ้นมีสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นมาขอวิชาและสมบัติล้ำค่าอีก พวกเขาเองก็ต้องให้อีกอย่างนั้นหรือ?

สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นมีจำนวนมากมาย แล้วพวกเขาจะมอบให้หมดได้อย่างไร!

ทว่าพวกเขาก็ไม่กล้าปริปากพูดออกไปตามใจชอบ

ภายในอาณาจักรแห่งนี้มีตัวตนยิ่งใหญ่อันน่าสะพรึงกลัวอยู่ พวกเขาเกรงว่าหากก่อเรื่องจะประสบภัยร้ายแรงถึงชีวิต!

“พวกข้าจะออกไปจากอาณาจักรแห่งนี้!”

มีสิ่งมีชีวิตตัดสินใจเอ่ยตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

เขาไม่กล้าอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้ต่อ ต้องการจะกลับไปยังอาณาจักรของพวกเขา

อาณาจักรที่พวกเขาอาศัยก็เกิดการเปลี่ยนแปลง มีสสารระดับสูงหลั่งไหลออกมาเช่นกัน ทว่าอาณาจักรแห่งนี้ทำให้พวกเขาสัมผัสได้ถึงอันตราย

การกระทำของเม่นเป็นสัญญาณแสดงถึงความอันตราย

แม้ว่าอาณาจักรแห่งนี้จะดีกว่าอาณาจักรของพวกเขาอย่างแน่นอน แต่การล่าถอยไปให้ไวที่สุดย่อมเป็นเรื่องดีกว่า ไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาขึ้นโดยง่าย

“หากอยากไปก็ย่อมได้ ทิ้งสิ่งของทั้งหมดของพวกเจ้าเอาไว้แล้วค่อยจากไป”

เม่นเอ่ยอย่างไม่แยแส “ข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้านำของจากอาณาจักรแห่งนี้ออกไปด้วย”

อันใดกัน!

นี่มันโจรชัด ๆ ไม่ใช่หรือ?

วางแผนปล้นอย่างโจ่งแจ้งอย่างนั้นหรือ?

สิ่งมีชีวิตตรงนั้นต่างโกรธอย่างถึงที่สุด พวกมันอยากไปก็ไปไม่ได้อย่างนั้นหรือ?

เม่นชักจะเกินเลยไปแล้ว!

“อันใด? คิดจะลงมืออย่างนั้นหรือ?”

เม่นกล่าวออกมาด้วยเสียงหัวเราะ “อย่าได้แม้แต่จะคิดลงมือ นั่นไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย พวกเจ้าควรตระหนักชัดเจนว่าผลที่ตามมาของการลงมือกับสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นร้ายแรงมากเพียงใด!”

สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นต้องการจะลงมือจริง ๆ ทว่าหลังจากได้คิดคำพูดของเม่นแล้ว พวกเขาก็พลันสูญเสียความฮึกเหิมทันใด

ใช่แล้ว ผลที่ตามมาหลังจากการลงมือกับสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นนั้นร้ายแรงเป็นอย่างมา ก่อนหน้านี้เคยมีตัวอย่างจำนวนมากมายให้เห็น สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นล้วนแข็งแกร่งกว่าพวกมันมาก มีทั้งสิ่งมีชีวิตจากแดนบรรพโกลาหลและจักรวาลโกลาหลอื่น ๆ ที่ต้องจ่ายราคาอย่างสาสมสำหรับการลงมือกับสิ่งมีชีวิตท้องถิ่น

“ทุกท่านกำลังทำสิ่งใดอยู่หรือ?”

ขณะนั้นเอง มัจฉาสัตมายาและชางเหยาก็มาถึงยังที่แห่งนี้

มัจฉาสัตมายาแย้มยิ้มแล้วพูดกับสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น “ดูจากการแต่งกายของทุกท่านแล้ว สมควรมาจากอาณาจักรกู่อี”

“อืม”

สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งพยักหน้า พวกเขามาจากอาณาจักรกู่อีอันเป็นหนึ่งในอาณาจักรเก้าตอนบนจริง ๆ เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ล้วนเป็นไปตามวัฒนธรรมของอาณาจักรกู่อี ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

“เช่นนั้นก็ดี ข้าชื่นชอบวัฒนธรรมของอาณาจักรกู่อีเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้ได้พบกับสหายจากอาณาจักรกู่อี พวกเราสามารถสนทนาแลกเปลี่ยนกันได้”

มัจฉาสัตมายากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ามาจากอาณาจักรอวี้ซวี เป็นหนี่งในอาณาจักรเก้าตอนบนเช่นเดียวกับอาณาจักรกู่อี”

อาณาจักรอวี้ซวี?

มาจากอาณาจักรเก้าตอนบน?

เม่นที่ได้ยินดังนั้นก็แย้มยิ้มกว้างออกมาทันที

นี่เป็นการโยนตัวเองเข้ามาในมือมันไม่ใช่หรือ?

“สหายอย่าได้เอ่ยเช่นนั้น พวกข้าคุ้นเคยกับอาณาจักรอวี้ซวีเป็นอย่างมาก คนรุ่นเยาว์ทั้งหมด พวกข้าล้วนรู้จัก ข้าไม่เคยพบเจอสหายมาก่อนเลย”

สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งเอ่ยออกมา “เหตุใดสหายจึงแสร้งทำเป็นมาจากอาณาจักรอวี้ซวีกัน? ไม่มีความจำเป็นเช่นนั้น! ดูการแต่งกายของสหายสิ เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นของอาณาจักรแห่งนี้”

มันปฏิเสธตัวตนที่มาจากอาณาจักอวี้ซวีของมัจฉาสัตมายาทันที ไม่ต้องการให้มัจฉาสัตมายาตกหลุมร่วมกับพวกมัน

หากมันยืนยันตัวของมัจฉาสัตมายาจากอาณาจักรอวี้ซวี รับรองได้เลยว่ามัจฉาสัตมายาย่อมไม่อาจหนีรอดจากการขูดรีดของเม่นได้

“สหายล้อเล่นแล้ว ข้าไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตท้องถิ่น มาจากอาณาจักรอวี้ซวีจริง ๆ”

มัจฉาสัตมายายืนกรานอีกครั้ง

สิ่งมีชีวิตทั้งหมดจากอาณาจักรกู่อีร้อนใจยิ่ง เหตุใดมัจฉาสัตมายาจึงไม่ตามน้ำไป!

ยามนี้ตัวตนจากอาณาจักรอวี้ซวีไม่ได้สูงส่งเท่าตัวตนสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นของอาณาจักรแห่งนี้ เหตุใดมัจฉาสัตมายาจึงไม่อาจคิดถึงจุดนี้ได้!

“พอ ไม่ต้องพยายามปิดบังแล้ว!”

เม่นถลึงตามองสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรกู่อี หลังจากนั้นก็มองไปทางมัจฉาสัตมายาและชางเหยา “พวกเจ้าทั้งสองมาจากอาณาจักรอวี้ซวีหรือ?”

“ใช่”

มัจฉาสัตมายาและชางเหยาตอบกลับ

“เช่นนั้นก็ดี จ่ายค่าธรรมเนียมในการมาอาณาจักรแห่งนี้เสีย นำคัมภีร์ ยอดศาสตรา และสมบัติล้ำค่าทั้งหมดออกมาเสีย”

เม่นเอ่ยด้วยรอยยิ้มระรื่น

“ย่อมได้”

มัจฉาสัตมายาไม่ได้โกรธ ทั้งยังตอบรับออกมาทันที

“เห็นหรือไม่? ดูคนเหล่านั้นแล้วมาดูพวกเจ้าเสีย! ใช้การไม่ได้จริง ๆ!”

เม่นถลึงตามองสิ่งมีชีวิตแดนกู่อีอีกครั้ง

“จ่ายค่ายธรรมเนียมให้เจ้า นี่หมายความว่าเจ้าเป็นตัวแทนของอาณาจักรแห่งนี้ เป็นผู้ปกครองอาณาจักรแห่งนี้ใช่หรือไม่?”

มัจฉาสัตมายากล่าว “หากเจ้าเป็นตัวแทน เป็นผู้ปกครองของอาณาจักรแห่งนี้ เช่นนั้นก็ไม่ผิดปกติอันใดที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมกับเจ้า อืม ถ้าข้าจ่ายแล้วหมายความว่าจะต้องได้รับการคุ้มครองจากเจ้าด้วย เช่นนั้นข้าย่อมสามารถครอบครองดินแดนในอาณาจักรแห่งนี้ได้ใช่หรือไม่?”

เขาเอ่ยต่อ “หากเป็นเช่นนั้น ข้าสามารถให้ข้าวของทั้งหมดกับเจ้าได้ ข้าคิดว่าสำนักไท่หัวนั้นเป็นสถานที่ดีอย่างยิ่ง เช่นนั้นเจ้าก็มอบสำนักไท่หัวให้ข้าเถิด”

เม่นแต่เดิมที่ต้องการกล่าวว่ามัจฉาสัตมายารู้จักอยู่เป็น มองสถานการณ์ออก

แต่เมื่อได้ยินคำพูดของมัจฉาสัตมายาแล้ว ใบหน้าของมันพลันมืดครึ้มลงทันที

ต้องการสำนักไท่หัว?

ล้อเล่นอันใดกัน!

นั่นคือสำนักที่เซี่ยเหยียนอยู่!

เซี่ยเหยียนเคยสำแดงถึงพลังอันไร้เทียมทานออกมาแล้ว เช่นนั้นใครจะกล้ายั่วยุเซี่ยเหยียนโดยง่าย!

“เจ้ามาที่นี่เพื่อหาเรื่องหรือ?”

มันมองมัจฉาสัตมายาด้วยความเย็นชา เหตุใดจึงยังจะไม่เข้าใจว่ามัจฉาสัตมายาจงใจมาที่นี่เพื่อหาเรื่อง!

“อย่าพูดเช่นนั้นเลย!”

มัจฉาสัตมายาเอ่ย “เรียกเก็บสมบัติล้ำค่าจากสิ่งมีชีวิตภายนอกอย่างพวกข้า การกระทำเช่นนี้มีเพียงผู้ปกครองอาณาจักรแห่งนี้เท่านั้นที่สามารถทำได้ หรือว่าเจ้าไม่ใช่ผู้ปกครองอาณาจักรนี้กัน และก็ไม่ได้เป็นตัวแทนของอาณาจักรแห่งนี้ด้วย?”

สีหน้าของเขาพลันเย็นชาลง

“ไม่ใช่ผู้ปกครองอาณาจักร และก็ไม่ใช่ตัวแทนอาณาจักรแห่งนี้ ยังกล้าเรียกเก็บสิ่งใด! ผู้ใดมอบสิทธิ์นี้ให้กับเจ้ากัน?!”

เขากล่าวด้วยเสียงเย็นชา

เม่นตนนี้ช่างหาญกล้าเสียจริง กระทั่งคนรอบกายคุณชายยังไม่กล้าทำเรื่องเช่นนี้ เม่นนำความกล้ามาจากที่ใด ช่างเป็นสุนัขขวัญกล้าเทียมฟ้า!

อ่า ไม่สิ ช่างเป็นเม่นขวัญกล้าเทียมฟ้า!

“มาที่นี่เพื่อหาเรื่องจริง ๆ ด้วย!”

เม่นเงยหน้าหัวเราะเสียงเย็นชา “ให้พวกเจ้าจ่ายก็จ่ายเสีย เอ่ยเรื่องไร้สาระอันใดมากมาย! อย่าได้พูดให้มากความ กระทั่งสิ่งมีชีวิตจากจักรวาลโกลาหลอื่น ๆ หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตจากเทวโลก ทั้งหมดล้วนต้องจ่ายออกมาอย่างว่าง่าย!”

มัจฉาสัตมายาได้ยินเช่นนั้นก็พลันหรี่ตาลง

เดิมทีมันคิดว่านี่เป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ มีเม่นเพียงลำพังที่หาญกล้าทำ

แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเม่นแล้ว ดูเหมือนว่าเรื่องจะไม่ได้เรียบง่ายปานนั้น

แม้แต่สิ่งมีชีวิตจากเทวโลกก็ต้องจ่าย?

ประโยคนี้ยังสามารถพูดออกมาได้ด้วยความมั่นใจยิ่ง!

เห็นได้ชัดว่ามีบางสิ่งหนุนหลังเม่น!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท