รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 936 ยามตกทุกข์พิสูจน์ใจคน มัจฉาสัตมายาคู่ควรแล้ว!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 936 ยามตกทุกข์พิสูจน์ใจคน มัจฉาสัตมายาคู่ควรแล้ว!

บทที่ 936 ยามตกทุกข์พิสูจน์ใจคน มัจฉาสัตมายาคู่ควรแล้ว!

มัจฉาสัตมายาไพล่มือไปด้านหลัง มาดมั่นฮึกเหิม ราวกับพร้อมปกครองแผ่นดินอย่างนั้น

หวนนึกถึงผู้ติดตามคุณชายรวมถึงจอบที่คุณชายใช้พรวนดิน ล้วนกล้าแกร่งไร้พ่ายยามออกไปเผชิญโลกภายนอก ไร้เทียมทานจนเป็นที่ประจักษ์

บัดนี้เขาได้ออกมาผจญโลกเช่นกัน อย่างไรก็ต้องดื่มด่ำกับความไร้เทียมทานนี้หน่อยมิใช่หรือไร!

อีกด้าน ชางเหยาหน้าตาร้อนรน กระตุกชายเสื้อมัจฉาสัตมายาอย่างบ้าคลั่ง

สถานการณ์เลวร้ายจริง ๆ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่อาจสื่อสารกับภาพอักษรของคุณชาย ภาพอักษรของคุณชายมิมีปฏิกิริยาตอบโต้แต่อย่างใด อยู่ในสภาวะนิทราตลอด

นางมีของวิเศษชิ้นอื่นบนตัวซึ่งได้จากคุณชาย อย่างเช่นเครื่องประดับและอาภรณ์จำนวนหนึ่ง ยามนี้กลับสิ้นฤทธิ์เดชลงทั้งหมด อยู่ในสภาวะนิทราเช่นกัน ไม่มีพลังไหลเวียน

แย่แล้วจริง ๆ!

เหล่าของวิเศษมิอาจสำแดงพลานุภาพ ซ้ำร้ายนางกับมัจฉาสัตมายายังถูกปลดพลังทั้งหมด แล้วจะสู้กับนักพรตอ้วนอย่างไร

สู้ไม่ได้เลย!

“อย่าเพิ่งกวน ข้ารู้ว่าเจ้าทนไม่ไหวอยากลงมือเต็มแก่ ไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวจะให้เจ้าได้ออกโรงแน่!”

มัจฉาสัตมายาคิดว่าชางเหยาอยากได้หน้า จึงกล่าวเช่นนั้นออกไปกับชางเหยา ขอให้ตัวเองได้หน้าก่อน!

ชางเหยาร้อนรนเหลือแสน อยากตบเขาสักฉาด

หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ มัจฉาสัตมายายังมัวคิดเรื่องได้หน้าอยู่อีก?!

กระนั้นนางมิกล้าบอกทุกอย่างออกไปตรง ๆ

บางทีการเบ่งอำนาจเช่นนี้ของมัจฉาสัตมายาอาจข่มนักพรตอ้วนได้จริง ๆ เป็นผลให้นักพรตอ้วนเกิดความยำเกรง มิกล้าผลีผลามกระทำการใด

หากนางบอกตรง ๆ ว่าเหล่าของวิเศษสิ้นฤทธิ์ทั้งหมดย่อมมิอาจย้อนคืนแก้ไข

ตามคาด นักพรตอ้วนถูกท่าทางมั่นใจเหลือแสนของมัจฉาสัตมายาหลอกเอาได้

อีกทั้งจากที่เขารับรู้มา หลี่จิ่วเต้าไม่ธรรมดาจริง ๆ พลังที่สำแดงออกมานั้นน่าตะลึงอย่างยิ่ง

แม้เขาจะมั่นใจในพลังของตน ทว่ากับหลี่จิ่วเต้า เขายังรู้สึกหวั่นเกรง

มิฉะนั้นเขาคงมิต้องคอยตกปลาอยู่ที่นี่ แต่บุกไปยังฐานทัพใหญ่ของหลี่จิ่วเต้าตรง ๆ แล้ว

“ปากกล้าไม่เบา เพียงแต่ไม่รู้ว่าพลังของพวกเจ้าเก่งกล้าเท่าใด!”

นักพรตอ้วนกล่าว “อย่าเอาแต่พูดอย่างเดียว ลงมือมาได้เลย ขอข้าดูความสามารถที่แท้จริงของพวกเจ้าหน่อย”

เขาสงสัยว่าในตัวมัจฉาสัตมายาและชางเหยามีของวิเศษที่หลี่จิ่วเต้าประทาน จึงให้ความสำคัญกับมัจฉาสัตมายาและชางเหยาอย่างยิ่ง

“ได้ เช่นนั้นจักให้เจ้าได้ลิ้มรส!”

มัจฉาสัตมายาไร้ซึ่งความกลัวเกรง ยังคงปากกล้าต่อไป

“มาเถิดชางเหยา เจ้าอยากลงมือมาตลอดมิใช่หรือ บัดนี้ขอยกโอกาสนี้ให้เจ้า สั่งสอนเขาให้สาสม ให้เขาได้ตระหนักว่ามิใช่ใคร ๆ ต่างหมายตาคุณชายได้!”

เขาหันไปบอกกับชางเหยา

“คือว่า…ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย”

“ไม่สบายหรือ ท้องหรือ?”

มัจฉาสัตมายามิได้สงสัยเป็นอื่น ถามออกไปซื่อ ๆ

ไม่กี่วันก่อน ราตรีอันมืดมิดคืนหนึ่ง ชางเหยา…อืม ถูกสันดานดิบครอบงำ พวกเขาร่วมเตียงกันแล้ว!

หลังเสร็จกิจ เขาร่ำไห้ด้วยความโศกา เป็นบุรุษยามอยู่ข้างนอกก็ไม่ปลอดภัย จำต้องปกป้องตนเองให้ดี!

เขานึกว่าเรื่องคราวนั้นเป็นผลให้ชางเหยาตั้งครรภ์ ถึงได้รู้สึกไม่สบาย

หลังได้ยินคำกล่าวของมัจฉาสัตมายา ชางเหยาอดมองค้อนมัจฉาสัตมายามิได้

“ท้องบ้าอะไร!”

นางหมดคำพูดอย่างสิ้นเชิง เหตุใดมัจฉาสัตมายาถึงซื่อบื้อปานนี้!

ไฉนเลยจะไวเช่นนั้น!

อีกอย่างต่อให้ตั้งครรภ์จริง นางเพิ่งท้องก็ไม่มีทางรู้สึกไม่สบายขึ้นมา!

“ได้ยินว่าสตรีมักมีวันที่ไม่สบายตัวในทุก ๆ เดือน คงมิใช่เรื่องจริงกระมัง”

มัจฉาสัตมายาถามเสียงฉงน

ชางเหยาโมโหจนกระหน่ำหมัดใส่มัจฉาสัตมายาไปหลายที เจ้าปลาหน้าโง่ คิดเพ้อเจ้อไปถึงไหนกัน!

“แล้วเป็นอะไรเล่า”

มัจสัตมายาหน้าบูด ไม่เข้าใจว่าตกลงชางเหยาเป็นอันใด

“มิได้เป็นอะไร ข้าแค่อยากบอกว่าอย่าได้เข่นฆ่าห้ำหั่นกันเลย เสียกิริยาเปล่า ๆ ทุกคนนั่งลงสนทนากันย่อมเป็นทางออกที่ดีกว่า”

ชางเหยาเอ่ย

“???”

มัจฉาสัตมายาหน้าตาคับข้องใจ สับสนอย่างสิ้นเชิง

ใช่ว่าสู้มิได้ ไยต้องทำเช่นนี้?

“ดูท่าคงดีแต่ปากจริง ๆ!”

นักพรตอ้วนหัวเราะ ไฉนเลยจะยังไม่เข้าใจอีก มัจฉาสัตมายาแสร้งทำเป็นเก่ง แท้จริงแล้วไร้ฝีมือ มิได้มีพลังกล้าแกร่งแต่อย่างใด

ทว่าเขายังคงระมัดระวังมิได้ลงมือด้วยตนเอง หากแต่ปรายตามองพวกจินเซวียน ส่งสัญญาณให้พวกจินเซวียนลงมือ

หลังพวกจินเซวียนเห็นสายตาจากนักพรตอ้วนก็เข้าใจในบัดดล บุกไปหามัจฉาสัตมายาทันที

“ลงมือสิ!”

มัจฉาสัตมายาร้อนใจ ไม่เหลือท่าทีองอาจราวกับได้ปกครองแผ่นดินแม้แต่น้อย ขอให้ชางเหยาลงมือ

“ไม่ได้ ของวิเศษสิ้นฤทธิ์เดชกันหมด!”

ชางเหยาได้เห็นภาพนี้จึงรู้ว่ามิอาจปิดบังได้อีกต่อไป จึงรีบบอกทุกอย่างกับมัจฉาสัตมายา

“หา?!”

มัจฉาสัตมายาหน้าเขียว

ในที่สุดเขาก็เข้าใจสาเหตุที่ชางเหยาเอ่ยว่าไม่สบาย

ของวิเศษสิ้นฤทธิ์เดชกันหมดเลยหรือนี่!

นักพรตอ้วนผู้นี้มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่!

เขาตกตะลึง!

เวลานั้นพวกจินเซวียนพุ่งเข้ามา กระชากตัวมัจฉาสัตมายาขึ้นมาซ้อมอย่างหนัก มัจฉาสัตมายาถูกอัดจนใบหน้าฟกช้ำดำเขียว กระอักเลือดไม่หยุด!

‘เหตุใดข้าถึงอนาถเช่นนี้?!’

มัจฉาสัตมายาร่ำไห้ครวญคราง นึกไปถึงผู้ที่ได้ติดตามข้างกายคุณชาย เขาคงน่าเวทนาที่สุดแล้วกระมัง

ไม่ต้องเอ่ยถึงพวกพี่ลั่วสุ่ยที่ออกไปคราใดชนะได้ทั่วทิศ เด็ก ๆ อย่างพวกต้าเต๋อยังมิเคยเสียเปรียบต่อผู้ใดมาก่อน!

เขาเล่า?

เดิมคิดจะวางมาดให้ยิ่งใหญ่ แสดงความไร้เทียมทานให้เห็นแจ้ง สุดท้ายบัดนี้กลับถูกกระทืบอย่างหนัก!

นี่คงเป็นชะตากรรมของเขากระมัง!

อเนจอนาถตั้งแต่ต้น ใช้ชีวิตด้วยความอกสั่นขวัญผวา อุตส่าห์ได้ดีแล้ว ก็มิได้ผงาดขึ้นกว่าเดิมเท่าใด!

ยังคงอนาถดังเดิม!

“ไร้น้ำยาก็อย่าได้ปากกล้า!”

นักพรตอ้วนปรายตามองมัจฉาสัตมายาด้วยความดูแคลน สั่งให้พวกจินเซวียนหยุด

เมื่อครู่เขารึอุตส่าห์มีความวิตก บัดนี้ดูแล้วไร้ความจำเป็นสิ้นดี

พลังที่ตื่นขึ้นของเขากล้าแกร่งอย่างแท้จริง!

ดูท่าแม้แต่ของวิเศษที่หลี่จิ่วเต้าประทานแก่มัจฉาสัตมายาและชางเหยาก็ไม่ไหว อยู่ใต้อำนาจพลังของเขา

เขามีพลังพิเศษอย่างหนึ่ง เป็นพลังที่เพิ่งตื่นขึ้นในช่วงนี้

พลังนี้คือเขาสามารถทำให้เป้าหมายสูญเสียพลังวิถี!

เขาไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงมีพลังเช่นนี้ จู่ ๆ วันหนึ่งก็ตื่นขึ้นมา!

นอกจากนี้เขายังรู้สึกได้ราง ๆ ว่าวันหน้าต้องมีความทรงจำอีกจำนวนหนึ่งตื่นขึ้น ซึ่งเป็นความทรงจำเกี่ยวกับพลังนี้

ทว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น เขาก็มิได้ประมาท ไม่เคยดูแคลนหลี่จิ่วเต้า

ถึงอย่างไร หลี่จิ่วเต้าก็ลึกล้ำเกินหยั่งจริง ๆ!

“เอาล่ะ ขอคุมตัวเมียเจ้าไว้ที่นี่ เจ้ากลับไปแล้วแจ้งสารจากข้า บอกให้หลี่จิ่วเต้ามาหาข้าที่นี่”

ถึงอย่างไรเขายังมีความยำเกรงต่อหลี่จิ่วเต้า มิกล้าบุกเข้าไปถึงฐานทัพใหญ่ของหลี่จิ่วเต้า จึงอยากให้หลี่จิ่วเต้ามาเยือนถิ่นของเขา

มัจฉาสัตมายาถูกอัดจนยับเยินมิอาจทนมอง ใบหน้าบวมประหนึ่งหัวหมู ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล น่าเวทนายิ่ง!

“คุมตัวข้า อย่าคุมตัวเมียข้า!”

เขาตะโกน เป็นห่วงชางเหยาในใจเหลือแสน ไม่อยากให้ชางเหยาถูกทิ้งไว้ที่นี่

นักพรตอ้วนมีความน่าพรั่นพรึงอยู่จริง ๆ เขากลัวว่าทิ้งชางเหยาไว้แล้วจะเกิดเรื่อง จึงอยากอยู่ที่นี่แทนชางเหยา

“ท่านพี่ชวน…”

ชางเหยาซึ้งใจเหลือแสน นางรักคนไม่ผิดจริง ๆ

โบราณว่าไว้ ยามตกทุกข์พิสูจน์ใจคน ผู้ที่ถูกคุมตัวอยู่ที่นี่ย่อมมีอันตราย มัจฉาสัตมายามิได้ทิ้งนางไป ซ้ำยังต้องการอยู่ที่นี่แทนนาง หัวใจของนางพลันถูกห่อหุ้มด้วยความอบอุ่น น้ำตาร่วงเผลาะอย่างห้ามไม่อยู่

“เป็นคนรักมั่นเสียด้วย”

นักพรตอ้วนหันมองมัจฉาสัตมายา “เอาล่ะ ข้าจะไม่ทำอะไรเมียเจ้า แน่นอนว่ามีเงื่อนไขคือเจ้าต้องปฏิบัติภารกิจที่ข้ามอบหมายให้ลุล่วง มิฉะนั้น ข้าไม่รับประกันความปลอดภัยของเมียเจ้า!”

พูดจบ เขาก็สั่งให้พวกจินเซวียนลากตัวมัจฉาสัตมายาออกไปจากที่นี่

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท