Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน – ตอนที่ 680 เรื่องเดิมไม่เกิดขึ้นเกินสามครั้ง

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนที่ 680 เรื่องเดิมไม่เกิดขึ้นเกินสามครั้ง

ในนิยายมักมีตัวละครซึ่งคล้ายกับวายร้ายตัวเอ้ ยอดนักสืบโฮล์มส์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

และวายร้ายตัวเอ้ของนิยายเรื่องนี้มีชื่อว่ามอริอาร์ตี

คนคนนี้ภายนอกเป็นศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยและนักปรัชญา มีชื่อเสียงในทางที่ดีในสายตาสาธารณชน

อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังของชายคนนี้คือผู้นำองค์กรอาชญากรรมของโลก ไร้ซึ่งจิตสำนึกและศีลธรรม เป็นอัจฉริยะทางอาชญากรรมซึ่งมีไอคิวเทียบเท่าโฮล์มส์!

เขาสร้างอาณาจักรอาชญากรชนาดใหญ่ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ เครือข่ายอำนาจใต้ดินของเขาแพร่กระจายไปทั่วประเทศ และมีอิทธิพลอย่างมาก คดีเกือบครึ่งหนึ่งในลอนดอนเกี่ยวข้องกับเขา และหลังจากที่ก่ออาชญากรรมทุกครั้ง เขาก็ไม่สามารถทิ้งเบาะแสใดๆ ไว้ ทำลายหลักฐานทั้งหมดโดยไม่มีใครรู้ และหลบหนีได้อย่างไร้ร่องรอย แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยพลาดพลั้ง แม้แต่โฮล์มส์ก็ยังพ่ายแพ้ในมือของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ไม่เคยทีคำบรรยายในเชิงบวกเกี่ยวกับมอริอาร์ตี

ตัวละครนี้ โดยพื้นฐานแล้วล้วนปรากฏในคำบอกเล่าจากปากของโฮล์มส์

ทว่าเล่มที่หลินเยวียนจะเขียนต่อจากนี้มีชื่อว่า ‘คดีสุดท้าย’

มอริอาร์ตีในฐานะบอสวายร้าย จะปรากฏตัวในเล่มนี้อย่างเป็นทางการ

การออกโรงในครั้งนี้อลังการมาก…

เนื่องจากสุดท้ายแล้วตัวร้ายคนนี้ออกโรงอย่างเป็นทางการครั้งแรกก็เป็นต้องเก็บของกลับบ้านเก่า ด้วยวิธีตกหน้าผาลงไปพร้อมกับตัวเอกอย่างโฮล์มส์!

อลังการใช้ได้เลยใช่ไหมล่ะ?

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ

โฮล์มส์จะตาย!

ตายไปพร้อมกับมอริอาร์ตี!

นี่คือสาเหตุที่หลินเยวียนรู้สึกแย่

เขาเคยเขียนให้ปี้เหยาและปัวโรต์ตายมาแล้ว และทั้งสองกรณีนี้ก่อให้เกิดการลุกฮือในหมู่ผู้อ่าน

หลินเยวียนคาดการณ์ได้

ว่าผู้อ่านจะโมโหแค่ไหน ถ้าโฮล์มส์ถูกเขียนให้ตาย

เนื่องจากการทยอยออกนิยายชุดยอดนักสืบโฮล์มส์ ชื่อเสียงของโฮล์มส์จึงโด่งดังมานานแล้ว

ปี้เหยาไม่สามารถเทียบได้

มีเพียงปัวโรต์ซึ่งครั้งก่อนตายไปภายใต้ปากกาของหลินเยวียนที่สามารถเทียบเทียมนี้

นี่เป็นเพราะหลินเยวียนสร้างภาพลักษณ์ของปัวโรต์ขึ้นก่อน ทำให้เขาได้เปรียบในเรื่องนี้…

ในโลกเดิม

ตอนที่เซอร์ อาเธอร์ โคนัน ดอยล์เขียนให้โฮล์มส์ตาย ก็ก่อให้เกิดการลุกฮือในหมู่ผู้อ่าน ทั้งยังเป็นการลุกฮือของผู้อ่านที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์

ผลลัพธ์นั้นร้ายแรงเสียยิ่งกว่าพล็อตเรื่องของหลงฉีซื่อ[1]ที่กิมย้งเขียนเสียอีก…

ร้ายแรงจนเซอร์ อาเธอร์ โคนัน ดอยล์ต้องเชื่อฟังคำขู่ของสาธารณชน และคืนชีพให้กับโฮล์มส์

ในครั้งนี้ถ้าหลินเยวียนจะเขียนให้โฮล์มส์ตาย จะกระตุ้นการตอบสนองที่รุนแรงยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม ประโยคเช่นนี้มาได้อย่างไร

หนึ่งครั้งแปลกหน้า สองครั้งคุ้นเคย

ถึงแม้ในใจจะเกิดความลังเลอยู่บ้าง แต่หลินเยวียนไม่ได้หยุดชะงักนานนัก และไม่ได้มีแผนการที่จะบังคับเปลี่ยนโครงเรื่อง

เขาช่ำชองมากแล้ว

ถึงอย่างไรฉู่ขวงก็แบกรับคำก่นด่ามาตั้งนานหลายปี ดังนั้นเหตุการณ์หนึ่งจึงไม่ได้สร้างความแตกต่าง ผู้อ่านน่าจะคุ้นเคยแล้ว

ผ่านไปสองนาที

หลินเยวียนเริ่มพิมพ์ต้นฉบับลงในคอมพิวเตอร์

เขากำลังจะเขียนให้โฮล์มส์ตายตามโครงเรื่องที่วางไว้!

กระบวนการนี้กินเวลาไม่นานนัก

ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง หลินเยวียนก็พิมพ์ ‘คดีสุดท้าย’ เสร็จสมบูรณ์ และส่งไปให้จินมู่

“คดีสุดท้าย?”

เมื่อจินมูได้รับคดีสุดท้าย ในใจพลันกระตุกวาบ

ชื่อตอนนี้ทำให้จินมู่นึกถึง ‘ผ้าม่าน’ ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของนิยายชุดปัวโรต์

“เป็นคดีสุดท้ายอย่างที่ผมจินตนาการหรือเปล่าครับ?”

สายตาของจินมู่จับจ้องหลินเยวียนด้วยความสงสัย

เหตุและผลบอกเขาว่า หลินเยวียนจะไม่เล่นกับใจผู้อ่านครั้งแล้วครั้งเล่า

การตายของปัวโรต์จากครั้งที่แล้วอาจทำให้ฉู่ขวงได้รับบทเรียนมาบ้าง

แต่ในขณะเดียวกัน จินมู่ก็เข้าใจเช่นกัน

ถ้าผู้ชายนอกจะใน มีเพียงศูนย์ครั้ง หรือนับครั้งไม่ถ้วน

หลินเยวียนไม่ได้เล่นกับความรู้สึกของผู้อ่านเป็นครั้งแรก

หลินเยวียนพูดอย่างจริงจัง “เรื่องเดิมไม่เกิดขึ้นเกินสามครั้ง”

“ฮู้ว”

จินมู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินดังนี้ “งั้นก็ดีแล้วครับ ผมจะส่งนิยายให้คลังหนังสือซิลเวอร์บลู”

……

คลังหนังสือซิลเวอร์บลู

เมื่อเฉาเต๋อจื้อจากแผนกวรรณกรรมสอบสวนสอบสวนได้รับต้นฉบับคดีสุดท้าย ปฏิกิริยาของเขานั้นค่อนข้างคล้ายคลึงกับจินมู่

“ชื่อตอนสร้างเรื่อง? ”

“เรื่องเดิมไม่เกิดขึ้นเกินสามครั้ง”

จินมู่ยิ้มพลางเอ่ยตอบ “ฉู่ขวงพูดเองครับ”

ฉู่ขวงสร้างเรื่องมามากมายเหลือเกิน เรียกได้ว่ามีประวัติด่างพร้อย

ไม่ว่าใครที่เห็นชื่อเรื่องว่า ‘คดีสุดท้าย’ ก็ย่อมเกิดความคิดเชื่อมโยงตามสัญชาตญาณ หรือแม้กระทั่งหวนนึกถึงความทรงจำซึ่งไม่ค่อยงดงามนักเหล่านั้นขึ้นมา

หลังจากได้รับการรับรองจากจินมู่ เสียงของเฉาเต๋อจื้อจึงอ่อนลง

“งั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว”

ดูเหมือนว่าอาจารย์ฉู่ขวงจะได้รับประสบการณ์จากลุกฮือของผู้อ่านเมื่อสองครั้งก่อนมาแล้ว

ดีจริงๆ !

เฉาเต๋อจื้อวางสาย

และเริ่มต้นอ่านนิยาย

อ่านไปได้ไม่นาน แววตาของเฉาเต๋อจื้อก็เป็นประกายขึ้นมา

ในที่สุดวายร้ายตัวตึงในนิยายชุดโฮล์มส์อย่างมอริอาร์ตีก็ออกโรงแล้ว!

แฟนคลับของเชอร์ล็อก โฮล์มส์จำนวนมากตั้งตารอวันนี้!

ใครไม่อยากเห็นตัวเอกเผชิญหน้ากับหัวโจกวายร้ายของนิยายทั้งบ้าง

ความคาดหวังและความสนใจเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดในทันที

เฉาเต๋อจื้อพลิกหน้ากระดาษอย่างมีความสุข และอ่านต่อด้วยความเพลิดเพลินใจ

กระบวนการนี้ยังน่าสนใจมาก

โฮล์มส์และมอริอาร์ตีต่างฝ่ายต่างต่อสู้กันด้วยสติปัญญาและความกล้าหาญ แม้แต่ระหว่างนั้นบ้านของโฮล์มส์บนถนนเบเกอร์ก็ยังถูกเผาเช่นกัน

แต่ถึงอย่างไรโฮล์มส์ก็เป็นตัวเอก

ด้วยการคำนวณอันแม่นยำของเขา และค่อยๆ ได้เปรียบในการต่อสู้ ท้ายที่สุดแล้วมอริอาร์ตีจะถูกจับกุม

สิ่งเดียวที่น่าเสียดายก็คือ มอริอาร์ตีหนีการจับกุมไปได้!

โฮล์มส์รู้สึกหัวเสียมาก

เขายังคงไล่ตามมอริอาร์ตีอย่างสุดกำลัง

“หรือว่าตอนนี้จะเป็นตอนจบของยอดนักสืบโฮล์มส์”

เฉาเต๋อจื้ออ่านถึงตอนนี้ และเห็นชื่อบทนี้ จู่ๆ ในใจของเขาก็พลันหนักขึ้น

กระแสของโฮล์มส์นั้นสูงมาก!

นี่คือยอดนักสืบคนที่สองซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งฉินฉีฉู่เยี่ยนหานต่อจากปัวโรต์!

ตอนจบเช่นนี้ของนิยายจะต้องมีผลกระทบตามมาอย่างใหญ่หลวงแน่นอน!

อย่างไรก็ตาม โฮล์มส์ได้รับการตีพิมพ์มาอย่างยาวนาน และดูเหมือนว่าควรถึงเวลาที่จะจบลงได้แล้ว

แม้ว่าโฮล์มส์ในขณะนี้คือช่วงเวลาที่รับความนิยมสูงทะลุเพดานก็ตาม!

แต่ฉู่ขวงดูเหมือนเป็นคนที่ใส่ใจเรื่องพรรค์นี้หรือ?

เมื่อขมวดปมจบนิยาย เขาไม่เคยแสดงความปรานี และไม่สนใจเลยสักนิดว่าในเวลานั้นนิยายจะโด่งดังมากแค่ไหน!

ยิ่งไปกว่านั้น

เมื่อเทียบกับผลงานที่ผ่านมา นิยายชุดโฮล์มส์นับว่ายาวมากแล้ว

มิน่าล่ะ เล่มนี้ถึงมีชื่อว่าคดีสุดท้าย

เฉาเต๋อจื้อกระสับกระส่ายขึ้นมา เขานึกอยากโทรหาฉู่ขวงเดี๋ยวนี้เพื่อขอคำยืนยัน

ถ้าความคิดของเขาไม่ผิดละก็ นี่จะเป็นข่าวซึ่งสั่นสะเทือนทั่วทั้งวงการนิยาย!

ทว่าด้วยความสงสัยในเรื่องราวหลังจากนั้น เขาจึงอ่านต่อไป

ถึงอย่างไรเขาก็ใกล้จะอ่านถึงตอนจบแล้ว

โฮล์มส์ มาถึงสถานที่ซึ่งมีชื่อว่า ‘น้ำตกไรเคนบาค’

ในเนื้อเรื่องบรรยายว่าน้ำตกแห่งนี้อันตรายมาก ฉู่ขวงใช้ฝีมือไปไม่น้อยเพื่อบรรยายภาพของน้ำตกนี้

หรือว่ามอริอาร์ตีจะหลบซ่อนอยู่ใกล้กับน้ำตก?

เฉาเต๋อจื้อผู้มากประสบการณ์สัมผัสถึงบางอย่างได้อย่างว่องไว

ยังไม่ต้องมีคำบรรยายใด

จู่ๆ หัวใจที่หนักอึ้งอยู่แล้ว ก็ถูกเงามืดเข้าปกคลุมอีกชั้น เขารู้สึกได้ว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น

ฉู่ขวงคงไม่ได้จะ…

ไม่นะ!

เฉาเต๋อจื้อส่ายหัวอย่างแรง

นี่คือเชอร์ล็อก โฮล์มส์เชียวนะ!

โฮล์มส์เคยผิดพลาดในการจับคนร้ายด้วยหรือ?

ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นมอริอาร์ตีก็เถอะ!

ต้องบอกว่า!

ภาพที่โฮล์มส์ทิ้งไว้ให้กับผู้อ่านนั้นแข็งแกร่งเหลือเกิน!

แข็งแกร่งเสียจนทุกคนคิดว่าโฮล์มส์จะหัวเราะจนถึงฉากสุดท้ายไปตลอดกาล

รวมไปถึงเฉาเต๋อจื้อ

เฉาเต๋อจื้อถึงขั้นหัวเราะ “จะเป็นไปได้ยังไงกัน ต่อให้นิยายจะจบ อาจารย์ฉู่ขวงก็ไม่เสี่ยงตั้งตัวเป็นศัตรูกับใต้หล้าหรอก”

คนบางคนมักหัวเราะขณะดูภาพยนตร์สยองขวัญ

ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่า แท้จริงแล้วผู้ชมกำลังบรรเทาความกลัวของตนเอง ไม่ได้ไม่กลัว หรือมองว่าเป็นเรื่องตลกจริงๆ

“เรื่องเดิมไม่เกิดขึ้นเกินสามครั้งไม่ใช่หรือไง”

เฉาเต๋อจื้อหัวเราะพลางพูดกับตัวเอง

นี่เป็นคำพูดที่อาจารย์ฉู่ขวงพูดเอง และเป็นเพียงการสปอยล์รูปแบบหนึ่งเท่านั้น

เกลียดจริงๆ เลย

เฉาเต๋อจื้อพลิกอ่านนิยายต่อไปท่ามกลางเสียงหัวเราะ

สามนาทีผ่านไป

รอยยิ้มของเฉาเต๋อจื้อกลับนิ่งค้างบนใบหน้า ในห้องทำงานเงียบสงบ ลมหายใจของเขาค่อยๆ หนักหน่วงขึ้น

เส้นเลือดปรากฏชัด สติสัมปชัญญะของเฉาเต๋อจื้อถูกกลืนกินด้วยความเดือดดาลและเสียใจ

ขณะเดียวกัน

จินมู่ซึ่งอยู่ในสตูดิโอก็อ่านเรื่องราวของคดีสุดท้ายจบแล้วเช่นกัน และจ้องมองไปยังหลินเยวียนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“ไหนบอกว่าเรื่องเดิมไม่เกิดขึ้นเกินสามครั้งไงครับ?”

“อื้ม”

“ปี้เหยาครั้งที่หนึ่ง ปัวโรต์ครั้งที่สอง โฮล์มส์ครั้งที่สาม นี่ เรียกว่าเรื่องเดิมไม่เกิดขึ้นเกินสามครั้งไงครับ”

จินมู่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันมองไปยังหลินเยวียน เสียงของเขาราวกับเปล่งลอดไรฟัน!

พรึบๆๆ

หลินเยวียนรีบเก็บสิ่งของอันตรายลงจากโต๊ะ จากนั้นจึงมองไปยังจินมู่ “นี่เป็นครั้งสุดท้ายแน่นอน”

“…”

หลังจากปี้เหยากับปัวโรต์ โฮล์มส์กลายเป็นตัวละครยอดนิยมคนที่สามซึ่งถูกฉู่ขวงสังหารอย่างโหดเหี้ยม!

[1] หลงฉีซื่อ มาจากนิยายเรื่องมังกรหยก เป็นชื่อที่เสี่ยวหลงหนี่ว์ (เซียวเหลงนึ่ง) ใช้เรียกอิ่นจื้อผิง (อี่จี้เพ้ง) เป็นเจ้าสำนักเต๋านามว่าเฉวียนจินเต้า ซึ่งเป็นตัวและครในเรื่องและเป็นบุคคลซึ่งมีตัวตนอยู่จริง ทว่าในนิยายและซีรีส์มังกรหยก 2 (2006) ในเรื่องราวบรรยายว่าอิ่นจื้อผิงไปขืนใจเสี่ยวหลงหนี่ว์ ทำให้เกิดความไม่พอใจและการลุกฮือในหมู่แฟนคลับ จนพาลไปสาปแช่งถึงอิ่นจื้อผิงตัวจริงซึ่งล่วงลับไปแล้วและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวซึ่งแต่งขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ภายหลังกิมย้งแก้ไขชื่อ ‘อิ่นจื้อผิง’ ในมังกรหยกเวอร์ชันใหม่เป็น ‘เจินจื้อปิ่ง’

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Status: Ongoing

‘เขา’ ทะลุมิติมายังจักรวาลคู่ขนานซึ่งมีชื่อว่า ‘บลูสตาร์’

ดินแดนซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะวัฒนธรรม ศาสตร์ทุกแขนงซึ่งเกี่ยวข้องกับศิลปะ

ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ดนตรี จิตรกรรม วรรณกรรม หรือการเขียนพู่กันก็ล้วนเฟื่องฟูอย่างยิ่ง

ร่างที่เขามาสิงอยู่คือ ‘หลินเยวียน’ นักศึกษาปีสองที่กำลังจะเดบิวต์

แต่โชคชะตากลับเล่นตลกให้หลินเยวียนป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ทำให้ร้องเพลงไม่ได้ และมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ครอบครัวก็หมดเงินไปกับค่ารักษาจนอยู่ในภาวะการเงินขัดสน

เป็นเหตุให้หลินเยวียนตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระของครอบครัวต่อไป

แต่ ‘เขา’ ไม่คิดจะปลิดชีพตัวเองเหมือนหลินเยวียน

ถึงแม้ร่างนี้จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ก็ยังพอเหลือเวลาให้ทำอะไรอยู่บ้าง

และแม้จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเองไม่ได้ ก็ยังพอจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของครอบครัวได้

เขาจะเขียนเพลง เขียนหนังสือ ถ่ายทอดความรู้ หารายได้ให้ครอบครัว!

ทันใดนั้น…

[กำลังตรวจเลือด…กำลังตรวจยีน…กำลังตรวจม่านตา…

ระดับความเข้ากันได้ร้อยละ 99.36…ตรงตามมาตรฐาน…

เลือกจากฐานข้อมูล…โลกในระบบสุริยจักรวาล…ระบบกำลังเชื่อมต่อ…]

[ดาวน์โหลดสำเร็จ เชื่อมต่อระบบศิลปะเสร็จสมบูรณ์!]

[สวัสดีโฮสต์ ยินดีสำหรับการเชื่อมต่อกับระบบศิลปะ

ระบบของเราจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่เพื่อให้ท่านได้เป็นศิลปินของบลูสตาร์!]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท