Invincible โลกอมตะ – ตอนที่ 321

ตอนที่ 321

ตอนที่ 321 ต่อสู้กับจ้าวเฉินอีกครา

หวงเสี่ยวหลงก็ยืนฟังคําพูดเสียดสีของหลี่ฉิวปิงและคนอื่นๆ ด้วยท่าทางอดทนอดกลั้น

แต่ทว่าจ้าวเฉินกลับแสงดสีหน้าเคร่งขรึมมากขึ้นในขณะที่เขามองหวงเสี่ยวหลง และเขาก็ยังได้ฟังความคิดเห็นจากคนที่อยู่ข้างๆหลี่ฉิวปิงด้วย เขารู้จักความแข็งแกร่งของหวงเสี่ยวหลงดีมากกว่าใครที่อยู่ในนี้ ครั้งที่แล้วเขาปล่อยให้หวงเสี่ยวหลงนี้ไปได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเขาจะไม่มีทางให้หวงเสี่ยวหลงหลบหนีไปได้อีก มิฉะนั้น เขาคงเสียศักดิ์ศรีต่อหน้าหลี่ฉิวปิงและอัจฉริยะจากเมืองอื่นๆแน่!

ที่อยู่ในนี้ ครั้งคนที่อยู่ข้างๆหลืองมากขึ้นในขณะที่เขา

ในขณะที่เขาเดินเข้าใกล้หวงเสี่ยวหลงกลิ่นอายของจ้าวเฉินก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆและจ้าวเฉินก็ได้ปล่อยแรงกดดันเข้าปกคลุมหวงเสี่ยวหลงหลี่ฉิวปังหวังหลินกั่วเตอฮุยที่กําลังพูดคุยกันเองอยู่นั้นก็สังเกตเห็นบรรยากาศไม่ชอบมาพากลพวกเขาจึงได้หยุดพูดคุยแล้วหันไปมองหน้ากันและกันแต่ละคนนั้นแสดงสีหน้าสับสนออกมาเหมือนๆกัน

เห็นได้ชัดว่า ไม่มีใครสักคนเข้าใจว่าทําไมจ้าวเฉินถึงได้ทําราวกับพบศัตรูอันแข็งแกร็ง

“เด็กนี่เป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 ชั้นปลาย-สูงสุดไม่ใช่หรอ?”หลี่ฉิวปิงก็ส่ายหัวอย่างลับๆ “ทําไมเขาต้องทําตัวจริงจังด้วย?”

ในขณะที่หลี่ฉิวปิงและคนที่เหลือคิดว่าจ้าวเฉินจริงจังเกินไป ในตอนนั้นก็ได้มีเพลิงสีฟ้าปะทุขึ้นมาจากร่างของจ้าวเฉิน จากนั้นก็ได้มีนักสีฟ้าสองหัวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือหัวของเขาพร้อมกับเพลิงสีฟ้าที่โบกสะบัดไปมาอย่างบ้าคลั่ง

พอเห็นว่าจ้าวเฉินั้นเรียกจิตวิญญาณต่อสู้ออกมาจัดการกับผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 ปลาย-สูงสุด หลี่ฉิวปัง หวังหลิน กั่วเตอฮุยและคนที่เหลือที่อยู่ในลานแห่งนี้ก็ตื่นตระหนกขึ้นมา

อย่างไรก็ตาม มันยังไม่จบเพียงแค่นั้น ในชั่วครู่ต่อมา เพลิงสีฟ้าที่ปกคลุมรอบร่างจ้าวเฉินก็เปล่งแสงออกมาพร้อมกับมีขนนกสีฟ้าเข้าปกคลุมร่างของเขาราวกับเกราะ แขนแต่ละข้างของเขานั้นมีขนนกสีฟ้ายื่นออกมาราวกับเหล็ก

ไม่เพียงจ้าวเฉินจะเรียกจิตวิญญาณต่อสู้ของเขาออกมาเท่านั้น เขากระทั่งทําการรวมร่างด้วย!

ดวงตาของหลี่ฉิวปิง หวังหลินและกั่วเตอฮุยก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ การที่จ้าวเฉินจัดการเด็กนี่ด้วยตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่ทําให้พวกเขารู้สึกตกใจมาก แต่ตอนนี้ แม้กระทั่งก่อนที่จ้าวเฉินจะโจมตีออกไป เขากลับเรียกจิตวิญญาณต่อสู้ออกมาแล้วทําการรวมร่างด้วยซะงั้น?

การที่ผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะฆ่าผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนนั้นก็เป็นเพียงออกแรงเล็กน้อย แล้วเมื่อไหร่กันที่มันเปลี่ยนมาเป็นการทําการรวมร่างกับจิตวิญญาณต่อสู้?

ในขณะที่ศิษย์จากเมืองผีเขียว เมืองจักรพรรดิดาบ เมืองมังกรเหมันยังตกตะลึงในการกระทําของจ้าวเฉิน จู่ๆก็ได้มีแสงระเบิดออกมาจากร่างของจ้าวเฉินพร้อมกับมีหลุมดําสีฟ้าขนาดใหญ่อันลึกที่จะหยั่งถึงปรากฏขึ้น

“มิติเทวะ!” ทุกคนที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็ได้พูดออกมา ดวงตาของพวกเขานั้นแสดงอารมณ์จากความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายออกไปได้กลายมาเป็นไม่อยากจะเชื่อ จ้าวเฉินทําถึงกระทั่งใช้มิติเทวะ! ถ้าหากพวกเขารู้ว่าหลังจากที่จ้าวเฉินเรียกมิติเทวะออกมา หวงเสี่ยวหลงก็ยังสามารถหลบหนีจากจ้าวเฉินเมื่อคราวที่แล้วได้ แล้วพวกเขาจะรู้สึกอย่างไรกัน?

แม้จะเป็นแบบนั้น ก็ไม่มีใครสักคนที่สามารถเข้าใจว่าทําไมจ้าวเฉินถึงทําถึงขนาดเรียกมิติเทวะออกมาพวกเขาหลายคนต่างก็ใช้สาตาที่สงสัยใคร่รู้หันไปมองดูหวงเสี่ยวหลง แต่พวกเขาก็ไม่ เข้าใจในความพิเศษของชายหนุ่มผอมแห้งที่มีการบ่มเพาะระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 ชั้นปลาย สูงซึ่งสามารถผลักดันให้จ้าวเฉินมาถึงขั้นนี้ได้เลยสักคน

ในครั้งนี้เป็นฝายจ้าวเฉินที่โจมตีออกไปก่อน เขาได้กู้ร้องพร้อมกับซัดฝามือส่งเปลวเพลิงสีฟ้าพุ่งออกไปซึ่งคลื่นความร้อนนี้ได้เข้าปกคลุมหวงเสี่ยวหลง

“หวงเสี่ยวหลง เจ้าจงตายที่นี้ซะ!” ดวงตาของจ้าวเฉินก็ระเบิดกลิ่นอายสังหารออกมา ในครั้ง นี้เขาต้องการจะคร่าชีวิตหวงเสี่ยวหลงด้วยกรโจมตีเพียงครั้งเดียว เพื่อกําจัดความอับอายของเขา!

แต่มันก็เหมือนครั้งที่แล้ว ก่อนที่คลื่นความร้อนจะเข้ามาใกล้หวงเสี่ยวหลง หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกร้อนราวกับถูกเผาไหม้จนเหลือแต่ความว่างเปล่า อย่างไรก็ตามครั้งนี้หวงเสี่ยวหลงนั้นไม่ได้หลบการโจมตี ในดวงตาของเขานั้นมีความกระหายในการต่อสู้ลุกโชน เขาจึงได้ใช้กายาเทพอสูรซึ่งทําให้มีปีกปีศาจอันคมกริบงอกออกมาจากหลังเขา จากนั้นหวงเสี่ยวหลงก็ซัดฝ่ามืออกไปทั้งสองข้างโดยไม่ทําการเรียกจิตวิญญาณต่อสู้ออกมาหรือทําการรวมร่างเลย

ฝ่ามือพุทธปฐพี!

พระพุทะรูปหลายองค์ก็ได้ผุดขึ้นมาจากพื้นทีละองค์และบินขึ้นท้องฟ้าไปพร้อมกับส่องสว่างรัศมีพุทธะออกมา พระพุทธรูปเหล่านี้แตกต่างจากเมื่อก่อน พระพุทธรูปทุกองค์นั้นมีเปลวเพลิงอันทรงพลังที่ดูเหมือนว่ามันจะทรงพลังกว่าเปลวเพลิงสีฟ้าจากมิติเทวะของจ้าวเฉิน พอพุทธรูปเหล่านี้ทําลายคลื่นความร้อนของจ้าวเฉินแล้ว มันก็พุ่งเข้าหาเปลวเพลิงสีฟ้าของจ้าวเฉิน

เปลวเพลิงที่ปกคลุมพระพุทธรูปนั้นเป็นแก่นแท้เพลิงของหวงเสี่ยวหลง! หวงเสี่ยวหลงได้นําแก่นแท้เพลิงของเขารวมเข้ากับฝ่ามือพระพุทธปฐพีโดยการเพิ่มอาภรณ์ปกคลุมปกครุมรอบตัวพระพุทธรูปทําให้พระพุทธรูปนี้ดูราวกับเป็นร่างอวาตารของพระพุทธเพลิง

บึม! ฝ่ามือพระพุทธปฐพีก็ได้ปะทะเข้ากับเพลิงสีฟ้าที่มาจากมิติเทวะของจ้าวเฉินการปะทะนี้ทําให้เกิดการระเบิดขึ้นหลายครั้งและยังทําให้พื้นที่พวกเขายืนอยู่ก็สั่นไหวอย่างรุนแรง

พ่อบ้านเฟิงและข้ารับใช้ที่เหลือที่เข้าล้อมหวงเสี่ยวหลงนั้นก็ถูกผลักกระเด็นเพราะแรงปะทะแม้กระทั่งผียักษ์เฟิงหยางก็ยังถูกแรงปะทะพักไปอยู่ด้านข้าง

หลี่ฉิวปิง หวังหลินและคนที่เหลือก็สัมผัสได้ถึงแรงปะทะ ในครูต่อมา พวกเขาก็มองเห็นหวงเสี่ยวหลงโจมตีด้วยวิชาฝ่ามือพระพุทธปฐพี่ซึ่งพระพุทธรูปเพลิงหลายรูปได้เข้าทําลายมวลหมู่เพลิงสีฟ้าและเข้าปะทะกับมิติเทวะของจ้าวเฉิน

จ้าวเฉินรู้สึกราวกับมิติเทวะของเขานั้นถูกภูเขายักษ์พุ่งเข้าชนซึ่งทําให้มันสั่นไหวอย่างรุนแรงในขณะที่จ้าวเฉินถูกผลักถอยไปจากแรงปะทะ เปลวเพลิงสีฟ้าของเขากระจัดกระจายออกไป

คลื่นความร้อนก็กระจัดกระจายไปทั่วอากาศ ในเวลาเดียวกันพื้นที่รอบๆก็ได้เงียบลงราวกับปาช้า

ดวงตาของหลี่ฉิวปิง หวังหลิน ทั่วเตอฮุยก็เกือบจะทะลักออกมาจากเบ้าตาในขณะที่พวกเขาจ้องมองจ้าวเฉิน จ้าวเฉินถูกผลักถอย!

ปะ-เป็นไปไม่ได้! ผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นกลับบังคับให้ผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะถอยไปได้เนี่ยนะ!

ผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะที่ใช้มิติเทวะกลับไม่สามารถกําจัดผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนได้เนี่ยนะ!!เหล่าผู้คนที่ได้เป็นพยานในเหตุการณ์อันน่าประหลาดใจแบบนี้ ไม่มีสามารถตอบสนองกันได้เลยสักคนเดียว

แม้ว่าจะผลักดันจ้าวเฉินออกไปได้สําเร็จ หวงเสี่ยวหลงก็ยังถอยหลังออกไปอย่างโซเซจากการปะทะกันอยู่ดีดูจากภายนอกดูเหมือนพวกเขาจะสู้กันได้อย่างสูสีซึ่งไม่มีใครได้เปรียบเลยแต่ภายในลึกๆ พวกเขาเข้าใจดีว่าใครแข็งแกร่งกว่า ใครอ่อนแอกว่า

ไม่เพียงจ้าวเฉินจะทําการรวมร่างกับจิตวิญญาณต่อสู้ เขากระทั่งใช้ไพ่ตายอย่าง มิติเทวะด้วย แต่ทว่าทางหวงเสี่ยวหลงนั้นไม่ได้ทําการรวมร่างกับจิตวิญญาณต่อสู้

หลี่ฉิวปิง หวังหลิน และคนที่เหลือก็ถอนสายตาจากจ้าวเฉินแล้วหันไปมองหวงเสี่ยวหลงแทนแตะละคนต่างก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วถ้าหากหวงเสี่ยวหลงทําการรวมร่างกับจิตวิญญาณต่อสู้หล่ะ ไม่ใช่ว่านี้แสดงให้เห็นอย่างอ้อมๆว่าหวงเสี่ยวหลงนั้นแข็งแกร่งกว่าจ้าวเฉินงั้นหรอ?!

ผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนกลับทรงพลังมากกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะ?!

นี่มันบ้าชัดๆ! นี่มันบ้าเกินไปแล้ว!

ผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนนั้นแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนระดับเทวะ!

“เจ้า จริงๆแล้ว..”ใบหน้าของจ้าวเฉินก็เต็มไปด้วยความโกรธเมื่อเขายืนได้อย่างมั่นคง ในขณะที่เขาจ้องมองหวงเสี่ยวหลงนั้นสีหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความโกรธและความตกใจที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ในการปะทะกันเมื่อครู่ เขาพบว่าความแข็งแกร่งของหวงเสี่ยวหลงในปัจจุบันนั้นได้เพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อตอนที่อยู่ในดินแดนหมื่นเทวะ!

หวงเสี่ยวหลงไม่ได้สนใจในสีหน้าของหลี่ฉิวปิงและคนที่เหลือที่จ้องมองเขา เขานั้นก็ได้มองจ้าวเฉินอย่างเย็นชา “จ้าวเฉิน ในเมืองหมื่นเทวะเจ้าบอกว่าจะสอนข้าเรื่องช่องว่างระหว่างระดับเซียนเทียนและระดับเทวะไม่ใช่หรอ? นี่หรอช่องว่างระหว่างขั้นที่เจ้าพูดถึง?”

หลี่ฉิวปิงและคนที่เหลือก็ตกใจขึ้นมาอีกครั้งเพราะคําพูดที่หวงเสี่ยวหลงเผยออก จากคําพูดของหวงเสี่ยวหลง นั้นมันแสดงให้เห็นว่าพวกเขาทั้งสองนั้นเคยต่อสู้กันในเมืองหมื่นเทวะมาก่อน!

พวกเขาจึงสงสัยว่าผลการต่อสู้นั้นเป็นอย่างไร!

จากนั้น พวกเขาก็นึกถึงข่าวลือที่เกิดขึ้นเร็วๆนี้ขึ้นมาได้ มีคนหลายคนกล่าวว่ามีผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะงี่เง่าคนนึงไปหาเรื่องจ้าวเฉินในเมืองหมื่นเทวะเมื่อหลายวันก่อน จากนั้นจ้าวเฉินและผู้ เชี่ยวชาญคนนั้นก็ต่อสู้กันในเมืองและผู้เชี่ยวชาญคนนั้นก็พ่ายแพ้ให้จ้าวเฉินและหลบหนีไปอย่าง อับอาย

หรือว่าจะเป็น..?!

มันต้องใช้อย่างแน่นอน! คนที่สู้กับจ้าวเฉินในเมืองหมื่นเทวะนั้นจะต้องเป็นเด็กหนุ่มผมดําคนนี้ซึ่งเขานั้นไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะแต่เป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 ชั้นปลาย-สูงสุด

แต่ หลี่ฉิวบิง หวังหลิน และกั่วเตอฮุยนั้นก็ไม่รู้ว่าเมื่อตอนนั้นหวงเสี่ยวหลงยังคงอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 ชั้นกลาง

จ้าวเฉินก็สัมผัสได้ถึงการเยาะเย้ยในคําพูดของหวงเสี่ยวหลง ตั้งแต่คอไปจนถึงใบหน้าของเขาก็แดงขึ้น จากนั้นจ้าวเฉินก็คํารามออกมาด้วยความโกรธแล้วพุ่งแวบออกไปชกหมัดใส่หวงเสี่ยวหลง

“หมัดทะลายดวงดาว!!”

เพลิงสีฟ้าก็ระเบิดออกราวฝนดาวตกที่ลุกใหม่ซึ่งมันได้พุ่งเข้าตรงหน้าของหวงเสี่ยวหลง

หวงเสี่ยวหลงก็ส่งเสียงดูถูกในขณะที่เขาเฝ้ามองการโมตีนี้ จากนั้นเขาจึงซัดฝ่ามือออกไปอย่างลื่นไหล ปลดปล่อยวงแหวนสีทองพุ่งขยายออกไป

ฝ่ามือผนึกพระเจ้า!

ต่อหน้าสายตาที่ตื่นตระหนกของหลี่ฉิวปิงและคนที่เหลือซึ่งยืนอยู่รอบๆมองเห็นระเบิดเปลวพลิงสีฟ้าที่หยุดนิ่งอยู่กลางอากาศซึ่งห่างจากหวงเสี่ยวหลงหลายจาง

หวงเสี่ยวหลงก็ใช้โอกาสนี้กระโดดบินในขณะที่มังกรศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลสีดําและสีฟ้าโผล่ขี้นมาพันรอบตัวหวงเสี่ยวหลง ซึ่งมังกรอันน่าเกรงขามทั้งสองตัวก็กู่คํารามดังสนั่นไปทั่วสวรรค์และปฐพี

Invincible โลกอมตะ

Invincible โลกอมตะ

จากลูกศิษย์ของวัดเส้าหลินบนแผ่นดินใหญ่ หวงเสี่ยวหลงกลับคืนสู่โลกแห่งการต่อสู้โดยได้อาศัยความรู้จากความลับของหัวเซี่ย ซึ่งเป็นวิชาลับจากคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น ในโลกของจิตวิญญาณการต่อสู้โดยเฉพาะผู้ที่มีจิตวิญญาณการต่อสู้เท่านั้นที่จะสามารถฝึกในปราณฉีและกลายเป็นนักรบได้ หวงเสี่ยวหลงเกิดมาพร้อมกับวิญญาณการต่อสู้ที่หายากจากภายในสวรรค์แห่งนี้ได้ถูกปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ ในช่วงพิธีปลุกเสกโดยคนของโลกแห่งนี้ อย่างไรก็ตามหวงเสี่ยวหลง กับ “ตัวแปร” จิตวิญญาณการต่อสู้ต้องลุกขึ้นต่อสู้อีกครั้งและแสดงความสามารถพิเศษอื่น ๆ เพื่อเอาชนะเหล่าอัจฉริยะสร้างความตกตะลึงให้กับตระกูลและเหล่าผู้คนของโลกจิตวิญญาณการต่อสู้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท