เกิดใหม่เป็นข้ารับใช้ไร้ชื่อในเกมจีบสาวสุดหดหู่แนวญี่ปุ่นย้อนยุคไม่พอผู้หญิงรอบตัวยังดูน่ากลัวกันทุกคนอีก – ตอนที่ 6.1

เกิดใหม่เป็นข้ารับใช้ไร้ชื่อในเกมจีบสาวสุดหดหู่แนวญี่ปุ่นย้อนยุคไม่พอผู้หญิงรอบตัวยังดูน่ากลัวกันทุกคนอีก

“เจ้าจะถูกตระกูลของพวกเราซื้อไป นับบัดนี้เป็นต้นไป เจ้าจะมีชีวิตอยู่เพื่อทำงานแก่พวกเราตลอดจนชีวิตของเจ้า”

มันเป็นความฝันที่ฉันเคยฝันเมื่อนานมาแล้ว ทั้งๆ ที่เรื่องนั่นก็ผ่านมาสิบกว่าปีได้แล้ว มันก็เพียงแค่ความทรงจำแย่ๆ ที่ฉันรับรู้และเคยฝัน

ฉันนั้นได้ทำอะไรผิดงั้นเหรอ? เป็นเพราะฉันไม่สามารถซ่อนพลังวิญญาณของฉันได้ดีพองั้นเหรอ? หรือว่าฉันทำตัวฉลาดมากกว่าคนอื่นๆ ที่เพราะว่าฉันกลับชาติมาเกิดงั้นเหรอ? ไม่…ไม่ใช่เลย มันผิดตั้งแต่เกิดใหม่ในโลกห่านี้แล้ว

ฉันนั้นได้เกิดใหม่ในโลกของเกมที่ฉันรู้จักเป็นอย่างดี…ตอนแรกฉันนั้นก็ได้ตื่นเต้นมากๆ หลังจากที่ได้เกิดมาในโลกใบนี้แต่พอผ่านไปเพียงไม่กี่วัน

ฉันก็ได้รับรู้ความจริงอย่างหนึ่งโลกใบนี้มันช่างโหดร้ายเกินกว่าจะอยู่ มันเลวร้ายเกินไป(จากผู้แปลให้นึกถึง the city ใน project moon นั้นแหละ)

ยิ่งไปกว่านั้น พอหลังจากที่ฉันรู้ว่าตัวเองนั้นไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความสามารถโกงๆ เหมือนในต่างโลกเรื่องอื่นๆ ตอนนั้นความรู้มันก็ได้เปลี่ยนเป็นความสิ้นหวัง

ในโลกนี้ฉันสามารถที่จะตายได้ตลอดเวลาโดยไม่แม้แต่ทีจะทีมีส่วนร่วมกับเนื้อเรื่องหลักด้วยซ้ำไป

ทำงานอย่างหนักเพื่อฝึกพลังวิญญาณของตัวเอง ซึ่งทั้งอ่อนแอและเปราะบางเกินกว่าจะได้เป็นของที่เป็นผลของการกลับชาติมาเกิด หรือก็คือไม่มีพลังที่มีความสามารถสูงกว่าผู้อื่นเลย

และต้องพยายามเพื่อควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์

พลังวิญญาณไม่ใช่แค่พลังในการต่อสู้กับโยวไคเท่านั้น แต่ยังเป็นกลิ่นหอมสำหรับพวกมันโยวไคอีกด้วย

ถ้าเกิดมันยังไม่แข็งแกร่งมากพอก็จะสู้พวกโยวไคไม่ได้เลย

หรือแม้จะมีพลังแค่ครึ่งเดียว พวกมันก็ฆ่าฉันได้อย่างง่ายๆ อยู่ดี

ดังนั้นฉันจึงฝึกฝนอย่างหนักเพื่อกดพลังและซ่อนพลังวิญญาณของฉัน

จริงๆ นะ…มันยากสุดๆ เลย เซ็ดติ้งของ’หิ่งห้อยรัตติกาล(Yamiyo no Hotaru)’

ที่ยิ่งได้รับแรงบันดาลใจจากภาคเหนือของญี่ปุ่นหรือภูมิภาคโฮคุริคุ(Hokuriku)

ซึ่งก็คือช่วงหน้าหนาวมันช่างโหดร้าย และฉันนั้นได้เกิดในหมู่บ้านอันหนาวเย็นในดินแดนที่สุดแห้งแล้ง

ซึ่งอยู่กับพี่น้องอีกสามคน เด็กๆ นั้นเป็นกำลังแรงงานอันล้ำค่าในหมู่บ้าน

เมื่อได้ถึงเวลาที่่ฉันก็จำชาติที่แล้วได้

ฉันก็ได้เพียงแค่ใช้จอบขุดดินในขณะที่ท้องร้องคล้ำคลวญ

ต้องตักหิมะออกไปพร้อมกับร้องเท้าแตะผ้าใบอย่างหนาวสั่น

และได้ใช้เวลาอันมีค่าทั้งหมดที่เหลืออยู่เพื่อระงับพลังจิตวิญญาณของฉัน

ซึ่งเป็นอีกวันที่ฉันคิดได้เพียงอย่างเดียวคืออนาคตที่จะเกิดขึ้นต่อไป

ความสนุกของฉันเพียงไม่กี่อย่างก็คือตอนที่ฉันนั้นได้ดูแลน้องชายหรือน้องสาวคนเล็กของฉัน

หรือแม้แต่ดูแลเด็กคนอื่นๆ ในหมู่บ้านนี่ด้วย

ฉันนั้นได้เล่านิทานให้พวกเขาฟังซึ่งเป็นนิทานที่ฉันรู้มาจากชาติก่อน และสอนให้พวกเขาอ่าน เขียน และสอนเลขคณิตอย่างง่าย

เด็กๆ นั้นช่างบริสุทธิ์ พวกเขาชื่นชมยื่นยอฉันและไม่ได้ตั้งคำถามใดๆ เลยเกี่ยวกับนิทานที่ฉันได้เล่า

มันช่างเป็นเรื่องน่าอับอายที่จะพูด

ซึ่งมันเป็นงานอดิเรกไม่กี่อย่างที่ฉันมี

อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นเองที่ฉันเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์บางอย่าง

วันหนึ่งมีแขกที่แต่งตัวดีมาที่หมู่บ้านของเรา

ผู้ใหญ่บ้าน(จากผู้แปล นึกถึงมีมต้องรีบแจ้งผู้ใหญ่บ้าน)มักจะเรียกร้องส่วยจำนวนมากและมักสั่งให้เราทำงานบ้าน

และเขาก็ได้มองพวกเราแวบหนึ่งขณะที่เราก้มศีรษะอย่างสิ้นหวัง

แต่อยู่ๆ ฉันนั้นก็ได้รู้สึกหายใจไม่ออก ทันใดนั้น ฉันรู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณที่หลั่งไหลล้นจากร่างกายของฉัน

มันทำให้ฉันคลื่นไส้สุดๆ

ไม่สิ ในตอนนั้นฉันจำได้ว่าตัวเองถึงกับอาเจียนเลยแหละ

ฉันนั้นได้รับพลังวิญญานมากเกินไปและได้ล้มลงไป

ฉันอาเจียนอย่างกับพวกคนเมา

ถึงแม้จะไม่มีอะไรอยู่ในท้องมากนักเลยก็ตาม

ฉันอาเจียนทั้งๆ ที่มีเพียงแต่น้ำย่อย

หัวของฉันนั้นปวดหัวเหมือนกับพวกคนเมา

วิสัยทัศน์ของฉันเริ่มไม่ไหว

และสติของฉันก็ดับลง

เสียงที่อยู่รอบๆ ตัวฉันก็หายไปเช่นกัน

มันเป็นเสียงที่ยากจะฟังออกว่าพวกเขาพูดอะไร

ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจมน้ำทั้งที่อยู่บนพื้นดิน

อย่างไรก็ตาม ฉันนั้นรู้ว่าผู้ใหญ่บ้านตะโกนใส่ฉันแล้วหยิบแส้ของเขาออกมา

ฉันคิดว่าตัวเองจะโดนแส้ตีแล้วแต่ว่าพวกแขกที่อยู่ที่หมู่บ้านก็ได้เข้ามาห้ามปราม

ในช่วงเวลานั้น ฉันได้มองร่างที่อยู่ด้านบนฉัน ฉันมั้นใจได้เลยล่ะว่าพลังของฉันได้ถูกเปิดเผยออกไปแล้ว

หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ ฉันถูกจับตามองอยู่ เมื่อนึกย้อนกลับไป มันต้องเป็นเทคนิคประเภทดวงตาอย่างหนึ่งแน่ๆ

หลังจากนั้นก็มีการพูดคุยของผู้ใหญ่บ้านและพ่อแม่ของฉัน

และฉันถูกแขกพาตัวไปโดยไม่มีคำอธิบายใดๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นและพวกเขาก็มอบเงินให้กับพ่อแม่ของฉันและผู้ใหญ่บ้าน

จากนั้นฉันก็เห็น พี่น้องของฉันไล่ตามฉันพร้อมกับน้ำตา

แต่พวกเขาก็ถูกพ่อแม่ของฉันห้ามไว้

และนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันได้เห็นครอบครัวของฉัน

หลังจากวันนั้น

ความทรงจำของฉันก็รู้สึกพร่ามัว แต่ว่าฉันยังจำได้แม่นอยู่อย่างหนึ่งคือพวกเขาถามฉันบางคำถามขณะที่พาตัวฉันไป

พวกเขาพาฉันขี่ม้าข้ามภูเขาซึ่งไปกับพวกเขาเป็นเวลาหลายวัน

ฉันจำได้ว่าพวกเขาให้ฉันถอดผ้าขี้ริ้วและสวมเสื้อผ้าใหม่เอี่ยมในโรงเตี๊ยมระหว่างทางที่กำลังไป

จากตอนนั้น

ความทรงจำของฉันก็อย่างกับถูกหมอกปดบางเอาไว้

แต่ที่ฉันยังจำก็คือได้เดินผ่านประตูบ้านของตระกูลคิซึกิ ที่ฉันเคยเห็นในเกม

จากนั้นฉันก็ถูกจูงมือเดินตามทางเดินและถูกพาไปที่ห้องบางอย่าง

ทันทีที่ประตูบานเลื่อนถูกเปิดออก

มันมีสองสิ่งที่ทำให้ฉันตกใจขณะหนึ่งเลย

อย่างที่หนึ่งก็ฉันเห็นความสวยของเธอคนนั้นจนถึงกับตลึง

อย่างที่สองอยู่ๆ ประตูเลื่อนก็ถูกปิด(จากผู้แปล ดันแปลเพลง Kami no Manimani ตอนเพลงกำลังถึงจังหวะร้องพร้อมกันหลายๆ คน ตอนเจอฉันนี้ รั่วเลย)

ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว

ฉันสังเหตุว่าตอนนี้ตัวเองถูกขังในคูน้ำที่ฉันไม่สามารถหนีออกมาได้(จากผู้แปล ditch แปลว่าคูน้ำงี้ปล่าวว่ะ)

“รู้หรือไม่เด็กน้อย การดูแลสาวน้อยหน้าม้าคนนั้นคงจะต้องระมัดระวังมากเลยสินะ? เจ้าน่ะฉลาดเกินอายุตัวเองจริงๆ เจ้าน่ะดูแลเธอคนนั้นไว้อย่างดีเลยสินะ? เจ้าอาจจะเข้ากับเธอได้ดีก็ได้นะ เพราะมีสายเลือดชาวนาเหมือนกัน”

ผู้ใหญ่คนที่พาตัวฉันมาด้วยนั้นได้กลับไป ทิ้งฉันให้ยืนอยู่ตรงนั้น ฉันได้แต่มองเด็กผู้หญิงที่ใส่ผ้าปิดตาคนนั้น แต่ฉันก็ไม่อยากจะอยู่นิ่งๆ ที่นี้ตลอดไปหลอกนะ ดังนั้นฉันเลยจ้องหน้าเธออีกครั้ง

“เจ้ามีปัญหาที่หน้าข้ารึ? เจ้าเป็นใครกันแน่? หรือเจ้าเป็นอะไรกันแน่”

คำพูดของเธอนั้นช่างน่ารังเกียจอย่างไม่น่าเชื่อสำหรับคนที่อาศัยอยู่ในตระกูลคิซึกิ

ซึ่่งเป็นตระกูลผู้ปัดเป่าที่โด่งดัง

เธอทำตัวเหมือนลูกของชาวนาในแถวๆ ชนบท

จากที่ฉันเคยสังเกตุเห็นเด็กมากมายในหมู่บ้านของฉัน

ไม่สิ…มันหนักมากกว่านั้นอีก

“..? เจ้าจะมองข้าอีกนานแค่ไหนห่ะ มึงเก๋าหรอ?”

สาวสวยผมสีเข้ม(จากผู้แปล ผมสีดำนั้นแหละ) มองมาที่ฉันและพูดคำไม่สุภาพและมีสีหน้ารำคาญนิดหน่อย

และเธอก็ยังสวมชุดกิโมโนที่ไม่เรียบร้อยอีก นางไม่การทั่งจะรวบผมหรือหวีผมด้วยซ้ำ

และดูจากดวงตาของเธอ ฉันมองเห็นถึงความไม่เป็นมิตรสุดๆ เลยละ

…แต่ว่าฉันรู้ตัวอยู่อย่างหนึ่ง

“โทษทีนี้ แต่ว่าข้าแค่คิดว่าท่านดูน่ารักเกินไปเท่านั้นเอง”(จากผู้แปล เปโดไอ้เหี้ย)

แหม เนื่องจากเราทั้งคู่ดูเหมือนเด็ก ฉันจึงพูดจาโผงผางออกไป โดยไม่คิดอะไร(จากผู้แปล พวกเปโดทุกคนก็แก้ตัวกันงี้แหละ)

เด็กหญิงที่มีความอดทนต่ำแม้แต่ภายในเกมนั้นตกใจกับคำพูดเพียงคำเดียว จากนั้นเธอก็ดูเขินอายเล็กน้อย ภายใต้รอยยิ้มแบบเด็กๆ ของเธอ(จากผู้แปล bro)

ฉันก็ได้คิดอย่างใจเย็นชั่วครู่’เธอนั้นก็ยังมีนิสัยเด็กๆ นี่น่า’

“อืม…พวกผู้ใหญ่ได้พวกว่าต่อจากนี่ข้าจะอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้า นามของข้าคือ…”(จากผู้แปล your name ref บ่หนิ)

ในตอนนั้น ฉันคงจะมีความคิดมากมายอยู่เต็มหัว บางทีอาจจะเต็มไปด้วยความคับแค้นใจจากชีวิตที่ยากลำบากที่ฉันผ่านพ้นมา

ดังนั้นฉันจึงเข้าไปหาเธอโดยไม่คิด

หวังว่าจะได้ลิ้มรสน้ำหวานของเธอ(ผู้แปลจริงๆ คำน้ำหวานอาจแปลว่าผลประโยชน์ แต่อยากทำให้เครดิตเขาเสียเฉยๆ)

แต่ มันเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่เลยล่ะ

ฉันไม่ควรทำการกระทำแบบนั้นและโลภมากเช่นนั้น จริงๆ แล้วมันเป็นความผิดพลาดที่เลวร้ายและไม่อาจย้อนกลับได้เลย(ผู้แปล โดนFBI เล่นงานไปแล้ว)

“โอะ? เจ้าตื่นแล้วงั้นรึ ข้าควรพูดว่าอรุณสวัสดิ์รึเปล่านะ? อุ๊ย”

หลังจากฉันตื่นขึ้นมาแล้วฉันก็หยิบหอกของฉันแล้วก็หันไปแทงเธอซึ่งกำลังจ้องใบหน้าของฉัน

แน่นอน ปีศาจตัวนี่ต้องหลบได้แม้จะเฉียวเส้นผมหน่อยหนึ่งตามที่ฉันคาดไว้

“ตกใจหมดเลย ทำไมข้าต้องโดนแทงทันทีหลังจากที่เจ้าตื่นขึ้นมาด้วยเล่า?”

“แหมถามโง่ๆ อีดอกนี้ แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ เจ้าใช้ยาสลบใส่ข้าใช่หรือไม่”

ฉันพยายามนึกความทรงจำที่ค่อนข้างเหมือนมีหมอกคุมของฉัน

“โอ้เจ้าจำได้ด้วยรึ? แหมๆ ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอกนะ ที่เจ้าแม้ไม่ต้องกินก็ยังมีแรงเพราะนอนนี้”

อีนี้้แม่งพร่ามเหี้ยไรว่ะแต่ก็ฉันยกคิ้วขึ้นมองปีศาจผู้ที่เป็นคนเห็นแก่ตัวเช่นนี้

ตัวนี้ฉันค่อนข้างตื่นตกใจหลังจากที่พึ่งนอนโดยไร้การป้องกันข้างๆ เธอด้วย

เธอกินร่างกายฉันไปยังนะ?

ฉันตรวจดูนิ้ว,จมูก,หู,อื่นๆ

เพื่อมั่นใจว่าตัวเองยังไม่โดน”แทะ”ที่ไหน

ปีศาจได้ยักไหล่ตัวเอง

“เจ้านี้ระวังมากกว่าปกติอีกนะ? ทำไมถึงไม่เชื่อใจข้าเลยละ”

“ใครแม่งจะไปเชื่อพวกปีศาจถามจริงเหอะ?”

ฉันมองดูขึ้นไปบนท้องฟ้าผ่านรูในถ้ำ และดูเหมือนว่าจะไม่มีหมอกแล้ว

“อ่อแล้วก็ข้าน่ะไปแตะโยวไคเมื่อวานด้วยน่ะ ปัจจุบันน่าจะบาดเจ็บพอสมควรอยู่”

“ข้าว่าแล้วคนที่กระซิบใส่ข้าเมื่อวานตอนกำลังสู้อยู่นี้เป็นเจ้าจริงๆ ด้วยสินะ”

เสียงดังลั่นตาม ด้วยอยู่ๆ การโผล่มาของหมอกนั้น ก็เป็นฝีมือเธอรึเปล่านะ?

(แต่ว่า โยวไคที่ยังมีชีวิตหลังจากที่เธอถูกเตะไปแล้วเนี้ยนะ? สงสัยตอนที่หมอกนั้นคงจำกัดความสามารถของเธอไปด้วยสินะ?…)

“อ่อแล้วก็โยวไคตัวนั้นก็ดูสภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่และดูเดินไม่ค่อยได้ จนลูกน้องของเจ้่านั้นต้องแบกมันไป”

“…”

“เฮ้ๆ อย่าพึ่งสงสัยข้าสิ แม้ปีศาจจะโกหกแต่ก็ไม่โกหกตลอดเวลาสักหน่อย”

ฉันเบือนหน้าหนีจากปีศาจที่หัวเราะและพยายามหลอกลวงฉัน

แล้วฉันก็คิดคัดรายชื่อผู้ต้องสงสัยคนที่สร้างหมอกนั้นให้แคบลง

โชคดีที่ฉันเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับโยวไคหลายเล่มจากเจ้าหญิงกอริลลาเพราะความอยากรู้อยากเห็น

ดังนั้นผู้ต้องสงสัยจึงปรากฏขึ้นในทันที

“เจ้าหอยนั้นคงเป็นหนึ่งในความเป็นไปได้สินะ?”

ถ้าเกิดมันมีร่างกาย

ใช้หมอกลวงตา

ไม่มีร่างมนุษย์

เคลื่อนที่ช้า

ก็น่าจะเป็นปีศาจตัวนั้นสินะ

“ชิน/เชน(蜃)”…เจ้าหอยยักษ์นั้นคงจะเป็นคนสร้างมันสินะ เป็นสัตว์ประหลาดที่ถูกเล่าขานกันมาหลายยุคตั้งแต่ในชาติที่แล้ว

ภายในเกม’หิ่งห้อยรัติกาล(yamiyo no Hotaru)’ มันโผล่มาฐานะโยวไค

ในเกม เป็นโยวไคตัวใหญ่และทรงพลังได้ทรมานพระเอกโดยแสดงภาพหลอนของคนในตระกูลที่ตายไปแล้ว

ไม่รู้ว่าใช่ตัวเดียวกันรึเปล่า แต่ก็ยังโชคดีอยู่

มันไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะสู้โดยตรง

ตัดสินจากตอนสู้กับพวกโยวไคในหมอกเมื่อวัน

และมันคงจะอ่อนแอมากๆ พอที่โดนแตะทีเดียวโดยปีศาจตรงหน้าฉัน

(ตัวละครของคิซึกิ อายากะ แม้ว่าเธอจะเป็นคนรับใช้เหมือนฉัน แต่เธอคงจะไม่ทิ้งฉันไว้ที่นั่นถ้าเธอไม่แน่ใจว่าฉันตายไปแล้วจริงๆ พวกเขาคงจะหาวิธีจัดการไปแล้วสินะ)

ในการต่อสู้เมื่อวัน การเคลื่อนไหวของเธอค่อนข้างขาดความแม่นยำ น่าจะเพราะความกังวลใจ

ฉันได้ร่วมทำงานของเธอหลายครั้ง

แต่ครั้งนี้มีผู้ปัดเป่าที่แก่กว่าเธอไปด้วย

ภายในเกมเธอเป็นคนค่อนข้างที่จะขี้ลังเล ไม่เด็ดขาด

แต่ตอนนี้เธอคงจะอยู่ในภารกิจเดี่่ยวครั้งแรกของเธอ

มันน่าจะเป็นอย่างนั้น แม้จะคิดอย่างนั้นก็ตาม

การสำเร็จภารกิจคงไม่ใช่เรื่องยาก

“งั้นข้าควรจะไปร่วมกับคนอื่น…ห่ะ”

เกิดใหม่เป็นข้ารับใช้ไร้ชื่อในเกมจีบสาวสุดหดหู่แนวญี่ปุ่นย้อนยุคไม่พอผู้หญิงรอบตัวยังดูน่ากลัวกันทุกคนอีก

เกิดใหม่เป็นข้ารับใช้ไร้ชื่อในเกมจีบสาวสุดหดหู่แนวญี่ปุ่นย้อนยุคไม่พอผู้หญิงรอบตัวยังดูน่ากลัวกันทุกคนอีก

Status: Ongoing
ดูเหมือนจะมาเกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้ชื่อในเกมจีบสาวแฟนตาซีแบบญี่ปุ่นย้อนยุค…แต่ปัญหาคือไอ้เกมนี้ทั้งเนื้อเรื่องหดหู่ แล้วก็มีแต่ผู้สาวเอาแน่เอานอนไม่ได้ทั้งนั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท