ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 498 ที่แท้ก็พี่สะใภ้นี่เอง(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 498 ที่แท้ก็พี่สะใภ้นี่เอง(1)

ตอนที่ 498 ที่แท้ก็พี่สะใภ้นี่เอง(1)

คังอันเหอเห็นสามีเดินมา ก็ชี้ไปที่ฉินมู่หลานด้วยสีหน้าดุร้ายก่อนจะพูดขึ้น “เป็นเพราะนังนั่น กล้าดียังไงมาว่าฉันอัปลักษณ์ วันนี้ฉันจะไม่ปล่อยหล่อนไปแน่”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ถูเฉิงเสียงก็หันไปมอง ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายเป็นหญิงตั้งครรภ์ แต่ถึงจะเป็นหญิงมีครรภ์ การมาต่อว่าคังอันเหอก็เท่ากับว่าเป็นการไม่ไว้หน้าเขาเช่นกัน วันนี้ยังทำเช่นนี้ได้ หากเป็นแบบนี้ต่อไปคงเหิมเกริมจนไม่เห็นศีรษะใคร

เพียงแต่ถูเฉิงเสียงยังไม่ทันได้พูดอะไร เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เดินเข้ามาขวางตรงหน้าฉินมู่หลาน จ้องมองคังอันเหอด้วยท่าทางเย็นชา ก่อนจะเอ่ย “มู่หลานของเราไม่เคยด่าใครโดยไม่มีเหตุผล แถมผมที่เพิ่งมาถึงก็เห็นว่าคุณนั่นแหละที่เป็นฝ่ายเอาแต่ก่นด่า เป็นคนแบบนี้ก็สมควรที่จะโดนคนด่าแล้ว”

“คุณ…เซี่ยเจ๋อหลี่?”

ตอนแรกคังอันเหอโกรธมาก จึงไม่ทันได้สังเกตรอบตัว จนกระทั่งในตอนนี้ถึงได้เห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าฉินมู่หลาน

ถูเฉิงเสียงในตอนนี้ก็มีอาการตอบสนอง

“ที่แท้ก็พี่สะใภ้นี่เอง”

เซี่ยเจ๋อหลี่พยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่แล้ว มู่หลานเป็นภรรยาของฉันเอง ฉันมาที่นี่ก็เห็นว่าพวกนายหลายคนกำลังจะรังแกหล่อนที่เป็นคนท้อง”

“ปล่อย…”

“อันเหอ…”

ก่อนที่คังอันเหอจะทันได้ก่นด่าต่อไป เสียงแก่ ๆ ก็ดังขึ้นมา “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว อย่าด่าคนอื่นไปทั่วแบบนี้สิ”

คังอันเหอเห็นใครบางคนกำลังเดินเข้ามา จึงรีบเข้าไปกล่าวทักทาย “พ่อ พ่อมาได้ยังไงคะ”

“ฉันเห็นว่าทางนี้มีเสียงเอะอะโวยวายก็เลยเดินมาดู ไม่นึกเลยว่าแกกำลังมีปากเสียงกับคนอื่น” พูดจบคังติ้งจงก็หันมองไปทางเซี่ยเจ๋อหลี่และฉินมู่หลาน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?”

“พ่อ คือว่า…”

“หุบปาก”

คังติ้งจงพูดขัดลูกสาวทันที ก่อนจะหันมองไปทางด้านฉินมู่หลานพร้อมรอยยิ้ม แล้วเอ่ยถาม “สหาย ไม่ทราบว่าบอกได้ไหมว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

ฉินมู่หลานหันไปมองคังติ้งจงพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ก่อนจะพยักหน้าให้พร้อมทั้งรอยยิ้ม แล้วเล่าให้ฟังว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น โดยสรุปว่า “ฉันแค่พูดเตือนว่าให้หล่อนระวังตรงหัวมุมที่จะเลี้ยวหน่อย แต่หล่อนกลับไม่เชื่อฟัง ฉันที่มีภาวะอารมณ์แปรปรวนเพราะกำลังท้องก็เลยโกรธ เราก็เลยมีปากเสียงกันค่ะ”

“อืม นั่นสินะ สาวน้อยตัวแค่นี้ตั้งท้องคงลำบากน่าดู แล้วยังไปมีปากเสียงกับหล่อนอีก”

“ใช่แล้ว เดิมทีเธอเป็นคนผิด ทำไมถึงต้องไปตำหนิคนท้องเขาด้วย”

เมื่อได้ยินแบบนี้ คังอันเหอก็เม้มปากแน่น แม้จะปฏิเสธไม่ได้เพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ยังไม่ยอมแพ้

คังติ้งจงหันไปมองลูกสาวพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “อันเหอ ขอโทษซะ”

“พ่อ…”

คังอันเหอหันมองพ่อตัวเองด้วยความเหลือเชื่อ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงอยากให้ตัวเองขอโทษอีกฝ่าย

แต่ถึงอย่างนั้นคังติ้งจงก็ยังหนักแน่น ดูเหมือนอยากจะให้คังอันเหอขอโทษ คังอันเหอเห็นท่าทางของผู้เป็นพ่อก็เข้าใจว่าวันนี้ตัวเองต้องเป็นฝ่ายขอโทษ สุดท้ายจึงต้องเอ่ยขอโทษอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

ฉินมู่หลานเห็นท่าทางของคังอันเหอเป็นแบบนี้ จึงทราบว่าหล่อนไม่ค่อยเต็มใจนัก เธอจึงเหลือบมองเซี่ยเจ๋อหลี่ สุดท้ายก็เอ่ยอย่างใจเย็น “เอาเถอะ เรื่องในวันนี้ก็จบแค่นี้เถอะค่ะ”

คังอันเหอได้ยินแบบนั้นก็กำหมัดแน่น แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้

ถูเฉิงเสียงที่อยู่ข้าง ๆ ก็คลี่ยิ้มแล้วเอ่ยเชิญ “ผู้กองเซี่ย ยังไงนายกับพี่สะใภ้ก็อยู่ที่นี่แล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาดื่มกันสักหน่อยเถอะ”

เซี่ยเจ๋อหลี่ปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด

“ไม่ต้องหรอก ฉันกินข้าวมาแล้ว”

ฉินมู่หลานก็พยักหน้ากล่าวเหมือนกัน “พวกเราก็ใกล้จะกินเสร็จแล้ว เตรียมตัวจะกลับแล้วล่ะค่ะ”

หลังจากพูดจบก็เดินจากไปพร้อมกับเซี่ยเจ๋อหลี่ เกาซุนชิวและพวกเซี่ยปิงชิงก็ตามพวกเขาไปด้วย

ขณะที่เกาอวิ๋นเซียวเดินไป ก็ยังจ้องมองพวกตระกูลคังด้วยสีหน้าถมึงทึง ถึงแม้ความสัมพันธ์ของเขากับฉินเคอวั่งจะค่อนข้างผิวเผิน แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยคิดทำร้ายหญิงตั้งครรภ์ แต่พวกคนตรงหน้านี้กลับคิดจะลงไม้ลงมือกระทั่งหญิงตั้งครรภ์โดยไม่มีข้อยกเว้น นี่มันเกินไปแล้ว เมื่อสักครู่ที่เกิดการประชันฝีปากกัน เขาควรจะหาโอกาสสั่งสอนสักสองสามครั้ง

ขณะมองดูพวกฉินมู่หลานเดินจากไป คังติ้งจงก็ขมวดคิ้วแล้วหันมองไปที่เกาอวิ๋นเซียว ก่อนจะเอ่ยขึ้น “หนุ่มน้อยคนนั้นมาจากตระกูลเกาเหรอ ทำไมดูคุ้นหน้าคุ้นตาจริง”

ถูเฉิงเสียงเคยได้ยินเรื่องตระกูลเกามาก่อน แต่ไม่ค่อยสนิทสนมกับตระกูลเกานัก จึงไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า

ตอนนี้คังอันเหออารมณ์สงบลงแล้ว หล่อนนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบ ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนว่าจะเป็นนายน้อยตระกูลเกาจริง ๆ เมื่อกี้หนูเหมือนจะเห็นเกาซุนชิวกับเกาเชี่ยนเชี่ยนด้วย ทำไมสามพี่น้องถึงมาร่วมโต๊ะกับนังนั่นได้”

“คังอันเหอ…”

คังติ้งจงได้ยินคำพูดของลูกสาว ก็ขมวดคิ้วหันไปมอง ได้แต่รู้สึกว่าลูกสาวช่างไร้เหตุผลมากขึ้นเรื่อย ๆ “กลับไปที่ห้องกินข้าวก่อน”

เมื่อเห็นสีหน้าพ่อดูไม่ค่อยมีความสุข คังอันเหอจึงไม่พูดอะไรไร้สาระอีกต่อไป แล้วเดินตามกลับไปที่ห้องรับประทานอาหารอย่างเชื่อฟัง

ในตอนนี้ ทุกคนที่มาอวยพรวันเกิดคังติ้งจงก็ทยอยกลับไปกันเกือบหมดแล้ว เป็นเพราะกินอาหารใกล้เสร็จและยังเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก วันนี้จึงไม่ใช่วันดีที่จะอยู่ต่อ

หลังจากทุกคนกลับไปกันแล้ว สุดท้ายคังติ้งจงก็ไม่สามารถอดกลั้นอารมณ์เอาไว้ได้อีกต่อไป

“คังอันเหอ นี่แกทำบ้าอะไร ออกมากินข้าวนอกบ้านยังจะก่อเรื่องให้ฉันอีก แกอย่าคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น ข่มเหงคนอื่นได้ตามอำเภอใจนะ วันนี้ไม่ได้ดั่งใจเลย”

เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของคังอันเหอก็ไม่ค่อยดีนัก

“พ่อ หนูจะไปรู้ได้ยังไงว่านั่นคือภรรยาของเซี่ยเจ๋อหลี่ ไม่แปลกหรอกที่หล่อนจะน่ารำคาญอย่างนี้ อย่างที่คิดเอาไว้เลยว่าน่ารำคาญทั้งคู่”

คังติ้งจงก็ทราบเรื่องของลูกเขยอยู่ไม่น้อย เมื่อเขาได้ยินแบบนี้ ก็หันไปมองถูเฉิงเสียงแล้วเอ่ยถาม “ผู้ชายคนนั้นเป็นหัวหน้าทีมคนใหม่ของนายเหรอ”

“ใช่ครับพ่อ เขาชื่อเซี่ยเจ๋อหลี่ ตอนแรกอยู่ที่เหอเป่ย เพิ่งย้ายมาครั้งนี้ แต่เขากลับได้เป็นหัวหน้าทีมของเราครับ”

กระทั่งเอ่ยขึ้นมาในตอนนี้ เขาก็ยังรู้สึกไม่เต็มใจนัก เดิมทีมันควรจะเป็นโอกาสของเขาที่ได้เลื่อนตำแหน่ง แต่อยู่ ๆ ก็โดนอีกฝ่ายปาดหน้าไปกะทันหันเสียได้

“แกลองตรวจสอบเรื่องของเซี่ยเจ๋อหลี่หรือยัง ว่าภูมิหลังครอบครัวเป็นยังไง”

ถูเฉิงเสียงได้ตรวจสอบเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว “แม่ของเขาเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลเหยาครับ เพิ่งจะหากันจนเจอ นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วครับ”

“ที่แท้ก็เป็นหลานชายของนายท่านเหยานี่เอง ทำไมแกถึงไม่บอกให้ฉันรู้ตั้งแต่แรก”

“ไม่รู้ว่านายท่านเหยาจะเป็นคนที่มีอำนาจอะไรหรือเปล่า เพราะฉะนั้นเซี่ยเจ๋อหลี่จึงย้ายมาประจำการที่เมืองหลวงได้ เหอะ…พอมาถึงก็ขัดแข้งขัดขาผมเลย”

คังอันเหอก็เอ่ยขึ้นตาม “ใช่แล้ว ตอนแรกสามีหนูจะได้เป็นหัวหน้าทีม แต่กลายเป็นว่าตอนนี้สามีของนางนั่นได้แทน สองสามีภรรยานี่น่ารังเกียจอย่างที่คิดเอาไว้เลย”

หลังจากพูดจบ หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะหันถูเฉิงเสียงแล้วเอ่ยถาม “นังนั่นไม่ได้อยู่ในฐานทัพใช่ไหม ฉันไม่เคยเห็นหน้าหล่อนในฐานทัพมาก่อนเลย”

“อาจจะไม่ ได้ยินว่าครอบครัวของเซี่ยเจ๋อหลีมาตั้งรกรากที่เมืองหลวงกันหมดแล้ว ตอนนี้ภรรยาของเซี่ยเจ๋อหลี่น่าจะอยู่ที่บ้านหลังใหม่”

เมื่อได้ยินแบบนี้ คังอันเหอก็อดไม่ได้ที่จะหันมองถูเฉิงเสียงแล้วเอ่ยถาม “แกนี่ก็รู้ค่อนข้างเยอะนะ”

“มันก็ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ”

คังติ้งจงพยักหน้าให้กับลูกเขย จากนั้นก็เอ่ย “ใช่ ควรจะทำแบบนั้น แล้วภูมิหลังของภรรยาเซี่ยเจ๋อหลี่เป็นอย่างไรบ้าง แกตรวจสอบหมดแล้วหรือยัง?”

“มาจากหมู่บ้านเดียวกับเซี่ยเจ๋อหลี่ครับ หลังจากนั้นหัวหน้าตระกูลเจี่ยงก็รับเป็นลูกบุญธรรม มีช่วงหนึ่งที่พวกเขาทั้งหมดอาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลเจี่ยง อาจเป็นเพราะตระกูลเจี่ยง จึงทำให้พวกเขากลายเป็นคนในเมืองหลวง”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ความประทับใจขอคังติ้งจงที่มีต่อฉินมู่หลานก็ยิ่งแย่ลงไปอีก “เอาล่ะ ต่อไปก็ใส่ใจให้มากกว่านี้หน่อย ถึงแม้นายท่านเหยาจะเกษียณไปนานแล้ว แต่ก็ยังมีเส้นสายอยู่”

“ครับ พ่อ ผมเข้าใจแล้ว”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ไปขัดแข้งขัดขาคนใหญ่คนโตในปักกิ่งเข้าอีกแล้วพี่หลี่เอ๊ย เหนื่อยอีกรอบแล้วล่ะสิ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท