สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 186 งานเลี้ยงเหอหยวน

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 186 งานเลี้ยงเหอหยวน

รองเจ้ากรมต้วนกลับถึงจวนก็ตรงไปเรือนหรูอี้ถัง

นายหญิงผู้เฒ่ายังไม่รู้เรื่องที่ซินโย่วบริจาคไปห้าหมื่นตำลึง เห็นบุตรชายเข้าก็ยิ้มถามขึ้นว่า “เหตุใดกลับมาตอนนี้”

“ท่านแม่ ขอเบิกเงินส่วนตัวหนึ่งพันตำลึงให้ข้าด้วย”

นายหญิงผู้เฒ่านั่งหลังตรงทันที “เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ”

ตอนนี้นายหญิงบ้านสองจูซื่อดูแลจัดการในจวน การเบิกจ่ายต่างๆ ในจวนล้วนเป็นบัญชีกลาง

“บริจาคเงินช่วยเขตภัยพิบัติติ้งเป่ย”

นายหญิงผู้เฒ่าได้ยินก็รู้สึกไม่ถูกต้อง “หลายวันก่อนไม่ได้บริจาคไปหกร้อยตำลึงหรือ”

หกร้อยตำลึงนี้แม้จ่ายในนามบุตรชายคนโต แต่ก็เป็นเงินส่วนกลาง แสดงให้ถึงเกียรติของจวนรองเจ้ากรม

รองเจ้ากรมต้วนหนังตากระตุก เอ่ยลอดไรฟันว่า “ท่านแม่ได้ยินมาแล้วหรือยัง ชิงชิงบริจาคช่วยเขตประสบภัยห้าหมื่นตำลึง”

“เท่าไรนะ”

รองเจ้ากรมต้วนเอ่ยทีละคำ “ห้า หมื่น ตำลึง!”

นายหญิงผู้เฒ่าสูดลมหายใจพลางยกมือกุมหัวใจไว้แน่น

“ท่านแม่ท่านไม่เป็นอันใดกระมัง” มองดูปฏิกิริยาของนายหญิงผู้เฒ่า รองเจ้ากรมต้วนก็เริ่มรู้สึกผิดที่เอ่ยออกไป

หากท่านแม่ทนรับไม่ไหวก็คงแย่

นายหญิงผู้เฒ่าโบกมือ เอ่ยเสียงสั่น “บริจาคห้าหมื่นตำลึงจริงหรือ”

รองเจ้ากรมต้วนพยักหน้าอย่างแรง “ตอนนี้แพร่ออกไปทั่วแล้ว ไม่มีเท็จเป็นแน่”

“เจ้าเด็กคนนี้!” นายหญิงผู้เฒ่าตบพนักเท้าแขนเก้าอี้

ก่อนหน้านี้แจกข้าวต้ม เงินทองจ่ายไปไม่มาก แต่ได้ชื่อเสียงมานับว่าคุ้มค่า แต่ห้าหมื่นตำลึงนี้ ทำให้นายหญิงผู้เฒ่าปวดใจจริงๆ

ชื่อเสียงดีงามขนาดใดมีค่าห้าหมื่นตำลึง?

นายหญิงผู้เฒ่าปวดใจเสร็จแล้วก็ถามบุตรชาย “แล้วเหตุใดเจ้าต้องบริจาคอีกหนึ่งพันตำลึง”

รองเจ้ากรมต้วนถูกซินโย่วทำเอาพูดไม่ออก เกิดความรู้สึกเสียหน้า แต่การจ่ายเงินก้อนโตเช่นนี้จำต้องกล่าววให้กระจ่าง “…เรื่องก็เป็นแบบนี้ นังเด็กนั่นพูดชักชวนข้าต่อหน้าผู้คน หากข้าบริจาคน้อย ก็จะเป็นที่หัวเราะเยาะ”

นายหญิงผู้เฒ่าสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง ค่อยๆ เอ่ยว่า “วันหน้าเจ้าก็อย่าไปใกล้ชิดชิงชิง”

รองเจ้ากรมต้วนเองก็คิดตบปากตนเอง

เหตุใดเขาจึงไม่หลาบจำเสียที!

เรื่องที่ปลอบใจเขาเพียงหนึ่งเดียวก็คือ เพราะเงินบริจาคเกินหนึ่งพันตำลึง เขาจึงได้บัตรเชิญมาร่วมงานเลี้ยงเหอหยวน ถึงตอนนั้นจะได้ปรากฏตัวต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้

วันที่ยี่สิบแปด เดือนสิบสอง หิมะตกหนักโปรยปราย ท้องถนนมีรถม้าและเกี้ยวไปมาไม่น้อย

เหอหยวนเป็นอุทยานหลวง อย่าว่าแต่ชาวบ้านทั่วไป แม้แต่ขุนนางบุ๋นบู๊ปกติก็เข้ามาไม่ได้ คนที่มาร่วมงานเลี้ยงส่วนใหญ่มาด้วยความตื่นเต้น โดยเฉพาะคหบดี นอกจากตื่นเต้นแล้วหัวใจยังเต้นแรงไม่เป็นจังหวะอีกด้วย

เสี่ยวเหลียนเลิกมุมม่านขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น “คุณหนู มีรถม้ามากมายเลยเจ้าค่ะ!”

ซินโย่วคลี่ยิ้ม “ดีใจเพียงนี้?”

เสี่ยวเหลียนพยักหน้า “แต่ไรมาบ่าวไม่เคยคิดว่ามาได้มาอุทยานหลวง”

สำหรับนางแล้ว เป็นเรื่องห่างไกลอย่างมาก ไม่เพียงแค่นาง ยังหมายรวมถึงคุณหนูของนาง

ติดตามคุณหนูจึงได้รู้ว่าที่แท้สมบัติที่คุณหนูของนางมีนำมาสร้างประโยชน์ได้มากมายเช่นนี้

ช่วยเหลือคนได้ เปิดโลกทัศน์ได้ มีชีวิตอย่างเบิกบานใจอย่างเต็มที่ได้

คุณหนูของนางมีทุกอย่างอยู่แท้ๆ แต่กลับเอาแต่ขลุกตัวอยู่ในเรือน ถึงกับแม้นางดำรงชีวิตเช่นนั้นก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับ

พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เสี่ยวเหลียนก็แค้นใจจวนรองเจ้ากรม

“เช่นนั้นอีกสักครู่ก็ดูให้ดี” ซินโย่วยิ้มเอ่ยขึ้นว่า

ไม่นานเสี่ยวเหลียนก็พาตนเองออกจากห้วงอารมณ์โศกเศร้าได้ ปล่อยม่านลงพยักหน้าให้ซินโย่วเต็มแรง “เจ้าค่ะ”

ผ่านไปไม่นานก็ถึงเหอหยวน

ใกล้จะปีใหม่แล้ว เหอหยวนประดับผ้าและโคมไฟสีสัน ขันทีนางกำนัลแต่งกายชุดใหม่ยืนรออยู่หน้าประตูรอต้อนรับแขก

ซินโย่วลงจากรถก็เห็นรองเจ้ากรมต้วน ก็ยกชายกระโปรงเดินไปหา “ท่านลุง”

รองเจ้ากรมต้วนได้ยินเสียงเรียกก็ตัวแข็งทื่อ ค่อยๆ หันกลับมา

สาวน้อยยกชายกระโปรงก้าวมาบนพื้นหิมะ ยิ้มกว้างกระจ่างใส แต่ภาพที่รองเจ้ากรมต้วนกลับเป็นดาบคมกริบแล้งน้ำใจ

เข้าใกล้ครั้งหนึ่งก็เฉือนเนื้อเขาไปชิ้นหนึ่ง เข้าใกล้ครั้งหนึ่งก็เฉือนเนื้อเขาไปชิ้นหนึ่ง …

รองเจ้ากรมต้วนผงะถอยครึ่งก้าว รู้สึกได้ถึงสายตามากมายที่มองมา แต่ก็แสดงท่าทางสนิทสนม “ชิงชิง หลังงานเลี้ยงเลิก กลับจวนรองเจ้ากรมกับลุงก็แล้วกัน ใกล้จะปีใหม่แล้ว ท่านยายคิดถึงเจ้า”

ซินโย่วเอ่ยรับคำ “เจ้าค่ะ”

รองเจ้ากรมต้วน “…”

“คุณหนูโค่ว” เสียงเรียกแทรกขึ้น

ซินโย่วหันหน้าไปมองเห็นซิ่วอ๋อง

“ถวายบังคมซิ่วอ๋อง” ทุกคนคำนับพร้อมเพรียง

ในบรรดาคนเหล่านี้ นอกจากเหล่าขุนนาง ยังมีคหบดีที่ตื่นเต้นจนหน้าแดง คิดจะมองให้ละเอียดก็ไม่กล้าเงยหน้ามองดังใจคิด

ซิ่วอ๋องประสานมือตอบ “วันนี้ทุกท่านล้วนเป็นแขกของข้า ไม่จำเป็นต้องมากพิธี”

พอทุกคนลุกขึ้นยืนตรง ซิ่วอ๋องพยักหน้ายิ้มให้ซินโย่ว กล่าวว่า “คุณหนูโค่วอยู่ในรายชื่อผู้นำบริจาค ข้าเลื่อมใสอย่างยิ่ง คุณหนูโค่ว เชิญ…”

ซินโย่วย่อกายคำนับ “ซิ่วอ๋อง ทำให้ข้าน้อยอายุสั้นแล้วเพคะ”

“เชิญทุกท่าน” ซิ่วอ๋องเอ่ยวาจาตามมารยาทจบก็พาซินโย่วเดินเข้าไปในสวน

บรรดาคนที่ตามหลังมาต่างมีสีหน้าแตกต่างกัน ในใจคิดว่าคุณหนูโค่วช่างเปี่ยมบารมีแท้ องค์ชายมานำทางด้วยตนเอง แต่พอคิดถึงว่านางบริจาคถึงห้าหมื่นตำลึง ในใจก็รู้สึกรับได้

คนที่รับไปไม่ได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือรองเจ้ากรมต้วน

ในความคิดเขา อย่างไรเขาก็เป็นลุงของโค่วชิงชิง ซิ่วอ๋องให้ความสำคัญต่อหลานสาวเขาเช่นนี้ ก็ควรให้ความสำคัญกับเขาผู้เป็นผู้อาวุโสบ้าง ผู้ใดจะรู้ว่าเขาเป็นเพียงหนึ่งใน ‘ทุกท่าน’ ของซิ่วอ๋อง…

รองเจ้ากรมต้วนจ้องมองแผ่นหลังของซิ่วอ๋องท่ามกลางผู้คน ในใจอัดอั้นอย่างมาก

ซิ่วอ๋องพาซินโย่วเดินไปได้ระยะทางหนึ่ง ก็หยุดก่อนจะกำชับคนในวังที่อยู่ตรงนั้นว่า “ดูแลแขกผู้มีเกียรติทุกท่านให้ดี”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“คุณหนูโค่วเชิญเดินตามสบายก่อน ข้าไปทักทายแขกที่หน้าประตูสักครู่”

ซินโย่วย่อกายคำนับส่งซิ่วอ๋องเดินกลับไป

ด้วยสถานะซิ่วอ๋อง ไม่จำเป็นต้องไปรอต้อนรับแขกเหรื่อที่หน้าประตู คิดว่างานเลี้ยงนี้ ซิ่วอ๋องน่าจะได้สร้างชื่อเสียงไม่น้อย

คิดถึงชิ่งอ๋องที่ไปเก็บเกี่ยวชื่อเสียงดีงามจากติ้งเป่ย ซิ่วอ๋องยังดำรงสตินิ่งสุขุมเช่นนี้ได้ แม้เป็นการเสแสร้ง แต่ซินโย่วก็พอจะเข้าใจได้

ความจริงนางก็มิได้รังเกียจซิ่วอ๋องเท่าไร

แม้ว่าได้ยินจากใต้เท้าเฮ่อว่าท่านแม่รู้เรื่องซิ่วอ๋องสองแม่ลูกจึงได้ออกจากวังไป แต่นางมองกระจ่างยิ่งกว่า ไม่มีพระสนมอันผินก็มีผู้อื่นอีก ท่านแม่จากไปด้วยตนเองไม่ใช่เพราะหญิงอื่นใด แต่เพราะผิดหวังในคนผู้นั้น

“คุณหนูโค่ว ข้าน้อยเป็นเจ้าของร้านข้าวสารจิ่นเต๋อ ได้ยินว่าร้านข้าวสารซิงเหรินก็เป็นกิจการของคุณหนูโค่ว…” คหบดีผู้หนึ่งเข้ามาเอ่ยทัก

ไม่นานซินโย่วก็ถูกบรรดาพ่อค้าคหบดีรุมล้อม

รองเจ้ากรมต้วนเห็นดังนี้ สีหน้าก็ดำทะมึน หลานสาวคนนี้ช่างไม่รู้จักละอาย คุยเล่นกับผู้ชายทั้งกลุ่ม!

เฮ่อชิงเซียวเดินเข้ามาเห็นภาพนี้ก็อดยิ้มไม่ได้ เป็นดังที่เขาคาดไว้ คุณหนูโค่วย่อมเป็นคนที่ทุกคนให้ความสนใจที่สุดในงานเลี้ยง

ลูกน้องที่ติดตามเฮ่อชิงเซียวมีสีหน้าสับสน

คุณหนูโค่วดังเดือนในหมู่ดาว แต่รัศมีรอบกายใต้เท้าพวกเขา นอกจากเขาแล้วไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใด ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน

ยามนี้ในวัง ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรสมุดบัญชีผู้บริจาคเงินที่ได้รับมาจากรองเจ้ากรมจางจบ ก็ทอดพระเนตรไปยังชื่อแรกสุด

“ก็หมายความว่า คนที่บริจาคเงินให้เขตภัยพิบัติติ้งเป่ยมากที่สุดก็คือคุณหนูโค่ว”

คุณหนูคนหนึ่งบริจาคห้าหมื่นตำลึง เป็นเรื่องคาดไม่ถึงจริงๆ

คุณหนูโค่วเป็นคนเช่นไรกัน

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ยิ่งรู้สึกสนพระทัย

“ยามนี้งานเลี้ยงเหอหยวนใกล้เริ่มแล้วกระมัง”

มหาขันทีซุนเหยียนรับคำ “พ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ลุกขึ้น “ไปเหอหยวน เราจะไปพบปะผู้มีใจกุศลบริจาคเงินให้ติ้งเป่ย”

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท