บทที่ 490 ตกลงเลือกเธอ
บทที่ 490 ตกลงเลือกเธอ
“คิดว่ายังไงครับ?” อู๋ฝานหันมามองเกาหานพลางถาม
“ผม… ผมว่าเหมาะสมดีมากเลยครับ” เกาหานกลืนน้ำลายตอบออกมาอย่างยากลำบาก
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้เธอทำนั่นแหละครับ” อู๋ฝานตอบกลับ “ติดต่อหาตัวแทนของเธอแล้วปรึกษาเรื่องความร่วมมือการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ด้วยนะครับ”
“เถ้าแก่ครับ” เกาหานรู้สึกว่าตนเองควรต้องย้ำเตือนอู๋ฝาน “สวี่จื่อฉีดีอย่างไม่มีข้อกังขาอะไรครับ เธอคนนั้นมีอิทธิพลระดับประเทศ โดยเฉพาะกับในช่วงวัยของคนหนุ่มสาว แต่ค่าใช้จ่ายที่จะให้เธอเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์นั้นต้องไม่น้อยแน่ครับ”
“ไม่น้อย? แล้วจะประมาณเท่าไหร่กันครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม เนื่องจากไม่ได้มีความเข้าใจในส่วนนี้ เพราะเขาเองก็ไม่เคยไปหาใครมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์มาก่อน
“น่าจะสักสิบล้านได้นะครับ” เกาหานตอบกลับ
“ขนาดนั้นเลย?!” อู๋ฝานถามกลับด้วยความประหลาดใจ
เดิมเขาคิดว่าการให้สวี่จื่อฉีเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์น่าจะต้องใช้งบอย่างมากก็ราวสองล้าน ไม่เคยคิดมาก่อนว่ามูลค่าจะเกินไปไกลถึงหลักสิบล้าน เรียกได้ว่ามากเกินกว่าที่คิดเอาไว้จนเกินไป
“เป็นดาราก็ต้องหาเงินให้ได้ประมาณนี้แหละนะ แต่ค่าธรรมเนียมการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ต่อปีนี่ก็สูงเกินไปมาก” อู๋ฝานพึมพำ
“อันที่จริงมันก็ขึ้นอยู่กับว่าดาราที่จะว่าจ้างเป็นใครด้วยครับ” เกาหานตอบกลับ “ถ้ามองทางดาราเกรดสามหรือว่าเกรดสี่ ค่าตัวเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ก็คงอยู่หลักหมื่นหรือว่าหลักแสนต่อปี แต่สวี่จื่อฉีเป็นอีกระดับหนึ่งเลยครับ เพราะเธอเป็นดาราอันดับหนึ่ง ค่าตัวของดาราระดับนั้นแพงหูฉี่อยู่แล้วครับ”
เดิมเกาหานคิดว่าอู๋ฝานจะมองหาดาราเกรดสามหรือว่าเกรดสี่มาเป็นตัวแทน ไม่ได้คาดว่าอีกฝ่ายจะมองเป้าหมายเป็นสวี่จื่อฉีผู้เป็นถึงดาราระดับแถวหน้าสุด
อู๋ฝานพยักหน้าตอบรับ เพราะไม่ว่าอุตสาหกรรมใดก็ต้องมียอดพีระมิดที่สามารถทำเงินได้เกินกว่าใคร สวี่จื่อฉีเป็นผู้ถือครองตำแหน่งนั้นในวงการบันเทิง ไม่แปลกหากค่าตัวของเธอจะสูงเทียมฟ้า
“นอกจากนี้แล้ว ต่อให้พวกเราจ่ายไหว แต่สวี่จื่อฉีก็อาจไม่ตกลงยอมเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์นะครับ” เกาหานยังคงพูดต่อ
“ทำไมล่ะครับ? มันเป็นช่องทางที่เธอจะทำเงินได้ไม่ใช่เหรอ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
แท้จริงแล้วอู๋ฝานก็ไม่ค่อยรู้เรื่องราวของสวี่จื่อฉีมากนัก ทราบก็เพียงมีคนเช่นนั้นอยู่ อาจจะเคยได้ยินและได้ดูเธอผ่านสื่อมาบ้าง แต่ในแง่ของธุรกิจนั้นแทบไม่ทราบเรื่องราวอะไรของเธอคนนั้นแม้แต่น้อย
“สวี่จื่อฉีมีชื่อเสียงโด่งดัง มีแบรนด์มากมายนับไม่ถ้วนอยากได้เธอเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ครับ ข่าวลือบอกว่าเธอค่อนข้างระมัดระวังงานด้านนี้พอสมควร ดังนั้นต่อให้มีงานเสนอเข้าไปก็ไม่ใช่ว่าจะตอบรับทั้งหมด แต่จะต้องเป็นสินค้าที่เธอให้การยอมรับจากใจจริงเท่านั้นครับ ยังไงมันก็เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องการทำเงินอย่างเดียว” เกาหานบอกออกมา
“มีหลักการที่ดีเลยทีเดียวครับ” อู๋ฝานชื่นชม
เกาหานพยักหน้าตอบ “ใช่ครับ เพราะเธอต้องรับผิดชอบต่อคนที่ชื่นชมและติดตามผลงาน รวมถึงสาธารณชนที่ไว้ใจผลิตภัณฑ์ที่เธอเลือกเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ การที่เธอจะรักษาชื่อเสียงเอาไว้ได้ดี มันก็เป็นผลพวงถึงผลิตภัณฑ์และแบรนด์ที่ได้รับความร่วมมือในอนาคตด้วยครับ”
อู๋ฝานพยักหน้ารับ “หมายความว่ามีความเป็นไปได้ที่เธอจะไม่มองสินค้าของพวกเราอย่างนั้นสินะครับ?”
“เถ้าแก่อย่าโกรธหรือเคืองไปเลยครับ มีแบรนด์ระดับสูงมากมายที่สวี่จื่อฉีปฏิเสธความร่วมมือ เธอจะปฏิเสธผลิตภัณฑ์ของเราก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรครับ” เกาหานตอบกลับ เพราะในความเห็นของเขา สวี่จื่อฉีไม่มีทางมองสินค้าจากโรงงานของพวกเขาอยู่แล้ว ขนาดแบรนด์ใหญ่ยังผ่านการคัดเลือกของเธออย่างยากเย็น ปฏิเสธไปก็มาก กับโรงงานเล็กจ้อยไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมีหรือจะทำให้เธอยอมรับได้
“พูดไปแล้วก็จริงครับ” อู๋ฝานหัวเราะตอบ “ได้ยินว่าสวี่จื่อฉีมีรอยแผลเป็นบนแขนใช่ไหมครับ?”
“ใช่ครับ รอยแผลเป็นนั้นมีตั้งแต่ก่อนเธอจะเดบิวต์แล้ว สุดท้ายผ่านมาหลายปีก็ลบไม่ออกครับ” เกาหานตอบกลับ
“งั้นก็เหมาะพอดี ตอนไปพูดคุยหารือให้เธอเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เอายาทาลบรอยแผลเป็นจากโรงงานของเราไปด้วยก็แล้วกันครับ” อู๋ฝานตอบ
“เถ้าแก่ยังยืนยันให้เลือกเธอเหรอครับ?” เกาหานมองอู๋ฝาน
คล้ายว่าความหวังดีในบทสนทนาก่อนหน้าจะสูญเปล่า อู๋ฝานไม่มีท่าทีคิดเปลี่ยนใจแม้แต่น้อย
“ทำไมจะไม่กันล่ะครับ?” อู๋ฝานตอบกลับ “ผมมั่นใจว่าเธอจะยอมรับสินค้าของโรงงานเราแน่นอน มั่นใจมากเลยด้วย“
เกาหานไม่ทราบว่าอู๋ฝานไปเอาความมั่นใจมากมายขนาดนี้มาจากไหน สินค้าจากโรงงานของพวกเราจะไปเทียบกับของแบรนด์ใหญ่ได้ยังไงกัน?
“เถ้าแก่ ต่อให้สวี่จื่อฉียอมตกลงเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ แต่ค่าตัวก็เป็นอะไรที่ไม่น่าจะต่อรองได้นะครับ” เกาหานยังคงพยายามพูด
ช่วงตั้งต้นของโรงงานเภสัชกรรมใช้งบไปราวสิบล้าน ขณะนี้กำลังจะจ้างแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่ราคาอาจแพงยิ่งกว่า เกาหานมองว่าจะเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย เงินทองจำนวนมากมายขนาดนั้นควรไปลงทุนด้านศึกษาค้นคว้าผลิตภัณฑ์ก่อนจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า
อันที่จริงอู๋ฝานเองก็มองว่าสิบล้านเป็นจำนวนเงินที่ค่อนข้างมาก เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงตอบออกมา “เอาแบบนี้ก็แล้วกันครับ ขีดเส้นไว้ที่ห้าล้าน ถ้าเกินกว่านั้นพวกเราจะไม่ขอให้เธอเป็นตัวแทนแล้ว”
“ห้าล้านเหรอครับ?” เกาหานชะงัก แม้เขาเองก็มองว่าค่าแบรนด์แอมบาสเดอร์เกินกว่าสิบล้านก็เป็นมูลค่าที่แพงเกินไป แต่การจะจ่ายเงินเพียงห้าล้านเพื่อจ้างสวี่จื่อฉีก็ออกจะดูเป็นไปไม่ได้ เว้นแต่จะเป็นช่วงที่เธอเพิ่งเดบิวต์ในวงการถึงจะยังพอเป็นไปได้
สินค้าที่ยังมีชื่อเสียงไม่มาก ก็ควรมีค่าประชาสัมพันธ์ที่ไม่สูงจนเกินไป เกาหานไม่อาจเข้าใจว่าเพราะอะไรอู๋ฝานถึงต้องการแบรนด์แอมบาสเดอร์
‘แต่แบบนี้ก็ดี ขีดเส้นเอาไว้ชัดเจนก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ไว้ถูกปฏิเสธเมื่อไหร่ เถ้าแก่คงยอมหาคนอื่นแทนเองนั่นแหละนะ’ เกาหานได้คิดอยู่ในใจ
หลังคิดได้ดังนั้นเขาจึงตอบรับ “ทราบแล้วครับเถ้าแก่ ผมจะทำตามที่ว่า”
“ครับ” อู๋ฝานพยักหน้ารับ “อย่าลืมเอาขวดยาทาลบรอยแผลเป็นติดไปเจรจาด้วยล่ะครับ”
“จำได้เรียบร้อยแล้วครับ” เกาหานพยักหน้ารับ
อันที่จริงอู๋ฝานก็ไม่ได้มีความมั่นใจมากขนาดนั้น ไม่ใช่เพราะไม่เชื่อในสินค้าของตัวเอง แต่รู้สึกว่าค่าตัวของสวี่จื่อฉีสูงเกินไป แน่นอนว่าเธอคงไม่ยอมลดค่าตัวลงมาแน่ เพราะมันไม่เพียงเกี่ยวข้องกับรายได้ แต่ยังรวมถึงราคามาตรฐานในภายหน้า อย่างไรผู้ผลิตสินค้ามากมายต่างก็ต้องการให้เธอเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ หากครั้งนี้ยอมลดราคา ครั้งหน้าเธอก็ต้องถูกต่อราคาและเกิดข้อครหา
‘ถ้าไม่ได้ผล ไว้ถึงเวลาค่อยหาดาราเกรดสองในวงการ ก็น่าจะพอกับงบที่ตั้งเอาไว้’ อู๋ฝานได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจ
แน่นอนว่าแม้มีความหวังน้อยนิดเขาก็ยังอยากให้สวี่จื่อฉีตอบรับ อย่างไรอีกฝ่ายก็มีอิทธิพลมาก แม้ทราบดีว่าโอกาสที่เธอจะตอบรับมีไม่มาก แต่ก็ยังคาดหวังและอยากลองดู
หลังออกจากโรงงานเภสัชกรรม เขาก็มุ่งหน้าไปยังโรงงานเครื่องดื่มต่อ แค่มาถึงก็เห็นคนงานกำลังเคลื่อนย้ายลังชาตื่นรู้เข้าไปเก็บในโกดัง
“เถ้าแก่” เมื่อมาถึง จิงเฟิงผู้ที่ได้รับการติดต่อเอาไว้ก่อนหน้านี้จึงเข้ามาทักทาย
จิงเฟิงก็เหมือนกับเกาหาน เป็นผู้จัดการคนเดิมของโรงงาน โรงงานเภสัชกรรมฝากเกาหานดูแล ส่วนโรงงานเครื่องดื่มก็ฝากจิงเฟิงดูแล
“เป็นยังไงบ้างครับ? กระบวนการผลิตดำเนินไปได้ด้วยดีไหม?” อู๋ฝานถามขณะมองกลุ่มคนงานที่กำลังยุ่ง
“เรียบร้อยดีครับ เดิมที่นี่ก็เป็นโรงงานผลิตเครื่องดื่มอยู่แล้ว แค่เปลี่ยนสูตรกับอุปกรณ์นิดหน่อย ไม่นานทุกคนก็ชินกับของใหม่ กระบวนการผลิตไม่ได้ช้าลงกว่าที่คาดเอาไว้ครับ ตอนนี้ผลิตชาตื่นรู้ได้ถึงหนึ่งหมื่นลังบรรจุแล้วครับ” จิงเฟิงตอบกลับมา