ตอนเช้าตรู่ ประตูห้องผมก็ถูกพังอีกครั้ง
ใช่แล้ว คนที่พังประตูเป็นเด็กสาว น่าเสียดายที่เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ ตัวเอกจะลำบากแน่นอน และตัวเอกตอนนี้ก็คือผม
“อรุณสวัสดิ์? เอ๋ ตื่นแล้วเหรอ?”
แถมยังไม่เคาะประตูอีก ผมจะเก็บค่าซ่อมประตูนี้กับใครดีล่ะ
“ใช่ ต้องขอบคุณนาฬิกาปลุกประหลาดของเธอ”
ผมจัดแจงชุดนักเรียนแล้วตอบไปด้วย ทว่า ลาน่าดูไม่พอใจที่แกล้งผมไม่สำเร็จ หลังจากโยนอาหารไว้บนเตียงผม ก็ยื่นมือมาทางผม
“จ่ายเงินมา! สองเท่า!”
“เฮ้ยๆ ทำธุรกิจก็ไม่ควรทำแบบนี้สิ! แล้วเธอก็เป็นคนขายนาฬิกาปลุกให้ฉันแท้ๆ…”
“ข้าก็แค่ไม่พอใจ! ถึงแม้ความคิดของเจ้าจะไม่เลว จนทำให้ข้าได้กำไรไม่น้อย แต่ว่า! สำหรับข้าแล้ว การกลั่นแกล้งคนอื่นเป็นเรื่องสำคัญที่สุด!”
“อยากแกล้งก็อย่ามาแกล้งฉันสิ โธ่เอ๊ย เอ๊ะ? นี่เธอแต่งตัวอะไรเนี่ย?”
ลาน่าในวันนี้ต่างไปจากปกติ สวมเครื่องแบบ…แต่ว่าเครื่องแต่งกายดูเหมือนมีอะไรเกินมาหน่อย
เสื้อคลุมยาวสีขาวของสถาบันเล่นแร่แปรธาตุ แต่แขน เอว หลัง แล้วก็ต้นขากลับผูกกระเป๋าหนังขนาดประมาณหนังสือหลายเล่มไว้
“ช่วยไม่ได้นี่นา วันนี้ข้าต้องขายของเยอะ”
ขณะพูดเช่นนี้ ลาน่ายังเปิดกระเป๋า หยิบเอาของที่คล้ายปากกาออกมา
“ไม้คทาระเบิดน้ำแข็ง สะสมพลัง 5 วินาที จากนั้น…”
“รอเดี๋ยว! เธอหมายความว่ามันเป็นเวทระเบิดน้ำแข็งขั้นสูงที่สามารถแช่แข็งสิ่งของทุกอย่างในระยะหนึ่งร้อยเมตรได้งั้นเหรอ? แล้วเธอเอาของแบบนี้เข้ามาในห้องฉันเนี่ยนะ? อย่าทำเป็นเล่นสิ!”
“หน่าๆ ไม่เป็นไรๆ”
ลาน่าเก็บวัตถุอันตรายชิ้นนั้นกลับไปในกระเป๋าด้วยสีหน้าสบายใจ
“ถ้าต้องการมันก็บอกข้านะ”
“เธอห่วงตัวเองหน่อยเถอะ ถ้าถูกผู้ดูแลจับได้ว่าเธอขายของพวกนี้ คงไม่ใช่ง่ายๆ แค่ถูกคุมขังแน่”
“รู้แล้วน่า”
พูดจบ ยัยนี่ก็วิ่งหายวับออกไปจากห้องของผม แม้แต่ประตูก็ยังไม่ปิด…ช่างเถอะ ถึงปิดก็ไม่มีประโยชน์ ยังไงกลอนประตูก็พังไปแล้วนี่
“บ้าเอ๊ย วันหลังต้องร่ายเวทป้องกันไว้บนกลอนประตูซะแล้ว ไม่งั้นเงินของฉันคงต้องเสียไปกับการซ่อมกลอนแน่”
จัดแจงชุดบนตัวเรียบร้อย จากนั้นก็โยนหนังสือของวันนี้เข้าไปในกระเป๋านักเรียน ผมที่ถืออาหารเช้าเอาไว้ ก็เริ่มเดินไปทางอาคารเรียน
ใช่แล้ว ทำไมตอนนี้ผมถึงอยู่ในสถานะนักเรียนน่ะเหรอ ก็ต้องเริ่มเล่าจากเมื่อหนึ่งเดือนก่อนที่ถูกพวกลาน่าพามาที่สถาบัน
ทว่า เรื่องที่ต้องอธิบายเป็นอย่างแรกคงจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากวันที่ผมเข้าห้องสมุด…
หนึ่งเดือนก่อน
อนุภาคสีเทาค่อยๆ รวมตัวกันอีกครั้ง ขณะนี้ผมจึงพบว่าที่แท้ห้องเรียนไม่มีประตู มันจะเปิดและปิดอัตโนมัติเมื่อต้องเข้าออก
และมีเพียงเจ้าของห้องที่สามารถกำหนดคนที่จะเข้าออกห้องได้
แน่นอนว่าตอนนี้มีเพียงฟาลันที่เป็นนักเรียนของสถาบัน ดังนั้น คนควบคุมห้องจึงต้องเป็นเธอ
“ตกลงเจ้ารู้เรื่องของข้ามากน้อยแค่ไหน?”
ฟาลันลากเก้าอี้ออกมาจากข้างโต๊ะ แล้วนั่งลงทันที
ขณะเดียวกันก็ผุดหมอกสีดำที่ดูเหมือนระเหยออกมาจากใบหน้าและเส้นผม หน้าตาของเธอก็เกิดความเปลี่ยนแปลง
ผมสีดำ ดวงตาสีแดง แถมเสื้อคลุมสีดำก็ลอยขึ้นอัตโนมัติ ดูยังไงก็เหมือนกับลักษณะของบทตัวร้าย…ไม่สิ ตามเนื้อเรื่องแล้ว ยัยนี่ควรจะกลายเป็นตัวร้ายจริงๆ เพียงแต่เธอมีความแปรปรวนสูงเกินไป จึงเป็นแค่สมาชิกในทีมเท่านั้น
“ผู้ส่งมอบความตาย นักฆ่านับหมื่น ผู้ถูกประกาศจับ นักเรียนสถาบันเวทมนตร์เกรย์ หนึ่งในสามผู้แข็งแกร่งที่สุดของสถาบัน เคห์ลานี เรดลีฟ”
“หึ รู้ละเอียดดีนี่…”
เธอยิ้มๆ ดูค่อนข้างพอใจต่อคำตอบของผม
ถ้าเธอรู้ว่าผมแค่อ่านฉายาข้างๆ ชื่อของเธอออกมาเท่านั้น เธอจะคิดยังไงนะ?
“เธอนั่นแหละ…เธอคงเป็นอาชญากรที่เพิ่งโผล่ออกมาช่วงนี้ล่ะสิ? ไม่งั้นฉันคงรู้จักแล้ว ยังไงซะฉันก็รู้จักผู้ถูกประกาศจับที่อายุไล่เลี่ยกับฉันทั้งหมด”
“งั้นเหรอ…”
ผมพยักหน้า
ถ้าไม่พูดความจริงที่นี่คงลำบากแน่ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ตอนนี้ข้อมูลของผมถูกประกาศออกไป แล้วยัยนี่ยังมีเวทตรวจจับคำโกหกอีก ถ้าไม่พูดความจริง คงโดนจับได้แน่
“ชื่อเดิมของฉันคือหลินฟีล อย่างที่ฉันบอก ฉันเป็นชาวอาณาจักรเชอร์ฟา แต่ว่า ฉันแค่หยิบของนิดหน่อยมาจากอาณาจักรเท่านั้น เอ่อ ของในท้องพระคลังน่ะ”
“อ้อ”
ไม่รู้ว่าลูกบอลสีดำเพิ่มขึ้นมาในมือของฟาลันตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่การเลี่ยงคำตอบโดยตรง ดูแล้วคงไม่ทำให้ลูกบอลในมือของเธอเกิดปฏิกิริยาอะไร
ขณะเดียวกัน เธอก็วางมือลงบนลูกบอลที่วางอยู่บนโต๊ะ แผ่นกระดานที่เหมือนกับหน้าจอหลายแผ่นก็ปรากฏออกมาล้อมรอบลูกบอลเอาไว้
สุดยอดไปเลย! มันคืออะไรน่ะ? เทคโนโลยีขั้นสูงเหรอ?
“…แต่ข้อมูลเงินรางวัลในกิลด์ดูไม่ธรรมดาขนาดนั้นนะ”
ฟาลันจับหน้าจอไว้แผ่นหนึ่ง แล้วโยนมาตรงหน้าผม
ฟีล หลิน
ถูกพระราชวงศ์เชอร์ฟาประกาศจับ เสนอรางวัลหนึ่งล้านเหรียญทอง โทษฐาน: สังหารขุนนางเคานต์คลอส วู้ดและไวส์เคานต์เอส วู้ดแห่งอาณาจักร ขโมยทรัพย์สินของอาณาจักร
ข้างล่างยังมีภาพจำลองใบหนึ่ง…หืม ผมต้องขอบคุณจิตรกรคนนี้ซะแล้ว เพราะรูปใบนี้ต่างกับหน้าตาของผมราวฟ้ากับดินเลย
ทว่า ข้อหานั้นเป็นการใส่ร้ายกันจริงๆ มิน่าฉายาแพะรับบาปถึงอัพไปหลายเลเวลอย่างต่อเนื่อง! ที่แท้ก็เป็นเรื่องนี้เองเหรอ?
“เธอคงรู้ว่าฉันไม่ได้โกหก ฉันไม่ฆ่าใครแน่”
“อืม ก็จริงอยู่ แต่ก็ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าใช้เงินตามอำเภอใจแบบนี้ ที่แท้ก็ขโมยจากท้องพระคลังของอาณาจักรนี่เอง”
“นอกจากนี้จะมีวิธีไหนหาเงินได้เร็วกว่าอีกล่ะ?”
“สังหารหมู่ไง?”
“การฆ่าคนวุ่นวายมาก ฉันชอบเป็นพวกแอบดูมากกว่า”
“ฮะ? แหม ช่างเถอะ แบบนั้นก็ไม่เลว ข้าว่าขอเพียงเจ้าเต็มใจจ่ายเงิน ถ้าต้องการได้รับคุณสมบัติเป็นนักเรียนของสถาบันเวทมนตร์ก็คงไม่มีปัญหา”
“ฉันสงสัยมากว่าเธอเข้ามาได้ยังไง”
“ข้าข่มขู่ผู้รับผิดชอบ แล้วล้างความทรงจำของเขาหลังจากให้เขาลงทะเบียน”
ผมกุมขมับ มันช่างเป็นวิธีที่เหมาะกับนิสัยและตัวตนของยัยนี่จริงๆ
“ปกติแล้วเธอต้องการเงินเท่าไหร่ในการฆ่าคน?”
“ฮะ? ข้าไม่ใช่ฆาตกร ถ้าข้าจะฆ่าคนก็ต้องดูอารมณ์ด้วย…ราคาสามพันขึ้นไป เป็นอย่างไร มีคนที่อยากฆ่าไหม?”
เฮ้ยๆๆ! ความหมายของคำพูดก่อนหน้านั้นอยู่ที่ไหนล่ะ!
“สามพัน แล้วช่วยฉันลงทะเบียนในรายชื่อนักเรียน!”
“ไม่ได้ ขั้นตอนการโอนย้ายนักเรียนยุ่งยากทีเดียว! มันไม่ใช่แค่ล้างความทรงจำก็สามารถแก้ปัญหาได้นะ…อย่างน้อยก็เจ็ดพันสิ?”
สุดท้ายก็อยากได้เงินนี่เอง! นังนี่!
“เธอฟังให้ดีนะ ฉันก็ขโมยเงินมาเยอะมากไม่ได้นี่? ประมาณห้าพันก็พอแล้วมั้ง?”
“หกพันห้าร้อย”
“ห้าพัน”
“หกพัน! น้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว!”
“งั้นก็หกพัน แต่ระหว่างนั้นเธอต้องช่วยฉันหาหนังสือการเรียนเวทมนตร์ ฉันแค่ยืมมาใช้ก็พอ!”
“สมกับเป็นโจร แม้แต่การปล้นผลงานก็ทำเหรอ? แหม ไม่มีปัญหา จำไว้ว่าต้องแบ่งให้ข้าบ้างก็พอ ฮ่าๆๆ”
ภาพพจน์ของยัยนี่พังทลายหมดแล้ว ผมไม่รู้จริงๆ ว่ายัยนี่รักษาภาพพจน์ในสถาบันได้ยังไง
“ใช่แล้ว ระหว่างนั้นเจ้าต้องเปลี่ยนภาพลักษณ์หน่อย ถึงในรูปจะดูแตกต่าง แต่ก็คงเลี่ยงคนที่รู้จักเจ้าไม่ได้…ดี ข้าตัดสินใจได้แล้ว!”
ฟาลันกระโดดจากเก้าอี้ไปบนโต๊ะ แล้วยื่นมือใส่ผม ทั้งร่างของผมก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศทันที!
“เฮ้ยๆๆ! เธอจะทำอะไรน่ะ!”
“ฮ่าๆ ศัลยกรรมไง”
พูดจบ แสงหลายสายก็ตกลงบนตัวของผม ความรู้สึกคันก็แพร่ออกจากหนังศีรษะ
“เธอ…เธอทำอะไรน่ะ!”
“ฮ่าๆ แล้วทำแบบนี้อีก ก็พอสมควรแล้ว”
อีกฝ่ายหัวเราะพลางหยิบแว่นตาออกมาจากกระเป๋าแล้วสวมให้ผม มองกลับไปกลับมาบนตัวของผม จากนั้นก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“เรียบร้อย ตอนนี้เจ้าลองดูสิ”
รับกระจกที่เธอส่งมา ผมก็ตกตะลึงในพริบตา
ผู้ชายใส่แว่นผมยาวสีทองนี่มันใครกัน! ทำไมผมแค่เห็นไอ้หมอนี่ก็คิดว่าเป็นคนจากเผ่าเอลฟ์ประหลาดสักที่! ขาดแค่ใบหูไม่ได้แหลมเท่านั้นเอง!
“เฮ้ยๆๆ! หน้าตาที่เหมือนเกย์ที่มันอะไรกัน!”
“เอ๊ะ? มันเป็นหน้าตาที่ชนชั้นสูงชอบที่สุดแท้ๆ เจ้าไม่ชอบเหรอ?”
“ไม่สักนิด!”
หรือว่าชนชั้นสูงที่นี่เป็นเกย์กันหมดเลย?
“แหม ข้าก็ทำเพื่อเจ้านี่ ใช่แล้ว ข้าจะบอกเวทเปลี่ยนสีกับความสั้นยาวของผมให้เจ้าแล้วกัน ไม่อย่างนั้นคงต้องให้ข้าวุ่นวายทุกรอบ”
หยิบกระจกกลับไป อีกฝ่ายก็พูดต่อ
“เวทนี้น่ะ สรุปแล้วก็คือ…”
ขณะที่เธอเริ่มพูด ตรงหน้าของผมก็มีหน้าจอลอยขึ้นมา บนนั้นยังมีแถบอ่านข้อมูลอีกด้วย
ความคืบหน้าของการเรียนรู้เวทเปลี่ยนสีผม 12%
ที่แท้ก็เรียนรู้แบบนี้ได้ด้วย? แค่ฟังคำอธิบายก็สามารถเรียนรู้ได้แล้วเหรอ?
“ดังนั้น ขอแค่ทำแบบนี้ก็สามารถเปลี่ยนสีผมได้แล้ว เข้าใจรึยัง?”
เรียนเสร็จแล้วจะมีแถบสกิลเพิ่มขึ้นด้วยไหม?
กดลงบนปุ่มยอมรับ เวทนี้ก็แสดงขึ้นบนแถบสกิลของผม
“อืม ขอบใจ”
“เรียนรู้เร็วดีนี่? เอาล่ะ…”
อีกฝ่ายตบมือเล็กน้อย เสื้อผ้ากับสีผมก็กลับคืนสภาพเดิมในพริบตา
“มีความสุขกับชีวิตในสถาบันนะ เจ้าหนู”
***ผู้แปลไม่ได้มีเจตนาเหยียดเพศใดๆ เพียงแค่แปลตามผู้แต่งเท่านั้น หากทำให้ผู้อ่านไม่พอใจต้องขออภัยด้วยนะคะ***