บทที่ 379 ดูเหมือนจะหว่านเมล็ดไว้เยอะไปหน่อย
โมนิกามองไป๋เยี่ยด้วยสายตาว่างเปล่าพร้อมกับแบมือ “นี่คุณ! ฉันคิดว่าเราต้องหาวิธีทำเงินใหม่แล้วนะคะ ขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป อย่าว่าแต่จะยื้อไปได้สักห้าเดือนเลย แค่สามเดือนก็จะไม่ไหวอยู่แล้วนะ”
ไป๋เยี่ยได้แต่ยิ้ม “ไม่ต้องห่วงครับ อีกไม่นานเราก็จะได้เงินก้อนใหญ่แล้ว”
โมนิกามองไป๋เยี่ยอย่างงุนงง “จริงเหรอคะ”
ไป๋เยี่ยพยักหน้าด้วยท่าทีหนักแน่น “จริงสิครับ!”
ทว่าในแววตาของโมนิกาก็ยังคงแฝงความไม่เชื่อใจอยู่เล็กน้อย เธอจึงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าในสามเดือนนี้สถานการณ์ยังเป็นเหมือนเดิม ฉันคิดว่าเราคงจะต้องกู้ธนาคารต่อไปและใช้สถาบันวิจัยเป็นหลักประกัน”
“แต่ทำแบบนี้มันไม่เอื้อต่อการพัฒนาเลย เราขาดแคลนแหล่งเงินทุน การกู้เงินเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ผิด มันจะยิ่งทำให้สถาบันของเราถดถอยลงไปเรื่อยๆ นะคะ”
ไป๋เยี่ยรู้ว่าสิ่งที่โมนิกาพูดนั้นถูกต้อง ตั้งแต่ก่อตั้งสถาบันขึ้นมา สถาบันก็มีพัฒนาการดีขึ้นเรื่อยๆ ทว่ากลับขาดแคลนแรงขับเคลื่อนจากแหล่งเงินทุน
ตอนนี้ไป๋เยี่ยก็เข้าใจแล้วว่าทำไมงานวิจัยในประเทศจีนถึงไม่พัฒนาสักเท่าไหร่ เหตุผลง่ายๆ ก็คือ ‘ไม่มีเงิน’
เงินที่ไป๋เยี่ยมีในตอนนี้ก็ยังคงเป็นเงินที่ได้มาจากหุ้นบริษัทน่าย่า เขาไม่อยากคิดภาพว่าตนต้องยอมขายหุ้นของน่าย่าออกไปเพราะว่าเงินไม่พอเลย
มันคือความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่เลยก็ว่าได้!
สถานการณ์การเติบโตของบริษัทน่าย่ากำลังดำเนินไปอย่างสวยงาม ไม่มีทางที่ไป๋เยี่ยจะขายมันไปแน่นอน เว้นแต่ว่าสมองเขาจะกระทบกระเทือน
โมนิกาพูดต่อ “ที่ต่างประเทศ การที่สถาบันหนึ่งจะพัฒนาได้ก็ขึ้นอยู่กับแหล่งเงินทุนใหญ่ๆ ระดับนานาชาติทั้งนั้น พวกเขาลงทุนจำนวนมากเพื่อแลกกับผลวิจัย จริงๆ คุณลองเรียนรู้จากต่างประเทศดูก็ได้นะคะ การขาดแคลนเงินทุนไม่ได้เป็นปัญหาระยะยาวแค่เรื่องเดียว ไหนจะมีเรื่องกู้เงินกับขายสิทธิบัตรอีก จอห์นสันแอนด์จอห์นสันติดอันดับที่สามของบริษัทที่ลงทุนกับการวิจัยในทุกๆ ปี แต่เงินทุนกลับคิดเป็นค่าใช้จ่ายเพียงยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น นั่นก็เพราะบริษัทของพวกเขามีศักยภาพมากพอที่จะเดินหน้าต่อไปยังไงล่ะคะ”
โมนิการู้ความคิดของไป๋เยี่ย การขายสิทธิบัตรเป็นวิธีการหาเงินที่เร็วที่สุด แต่นั่นไม่ใช่วิธีการที่ใช้ได้ในระยะยาว เป็นเพียงการแก้ปัญหาชั่วคราวเท่านั้น การร่วมมือกันต่างหากถึงจะเป็นวิธีการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันอย่างมีประสิทธิภาพ
ไป๋เยี่ยเอาแต่วนนิ้วบนโต๊ะพลางคิดว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี
โมนิกาสมควรถูกเรียกว่าเป็นผู้จัดการที่ประสบความสำเร็จจริงๆ เธอแสดงแนวโน้มการพัฒนาขององค์กรให้ไป๋เยี่ยเห็น
ปัจจุบันโรงพยาบาลกระดูกและข้อของไป๋เยี่ยถือเป็นตัวอย่างเคสที่ประสบความสำเร็จ เพราะได้รับคะแนนประเมินในแอปพลิเคชั่นเฮลท์ตี้ปักกิ่งสูงที่สุดในบรรดาโรงพยาบาลเฉพาะทางกระดูกและข้อแห่งอื่นๆ ในปักกิ่ง
ทว่าก็น่าเสียดายที่โรงพยาบาลนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับการเข้าแอดมิท เพราะว่ามันถูกใช้เป็นสถานที่วิจัย
ทั้งมาตรฐานการรักษา อัตราการรักษาสำเร็จและคะแนนประเมินความพึงพอใจล้วนเป็นจุดแข็งของที่นี่ หากเป็นโรงพยาบาลที่เน้นแสวงหากำไร ก็คงทำเงินได้เยอะมากแน่นอน
ตอนนี้สถาบันวิจัยกระดูกมีค่าใช้จ่ายหลักๆ ดังนี้ ส่วนแรกคือค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ที่หมดไปกับทีมวิจัยเรื่องปัจจัยการเจริญเติบโตในกระดูก ส่วนที่สองคือทีมวิจัยวัสดุของหนานเฟยซี ซึ่งมีค่าใช้จ่ายมากเป็นอันดับที่สองรองจากส่วนแรก และส่วนสุดท้ายก็คือทีมวิจัยของจ้าวเฉินที่ถูกมองข้ามไป
ไป๋เยี่ยเห็นชื่อนั้นแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้ให้ความสนใจกับจ้าวเฉินที่กำลังค้นคว้าเรื่องแขนกลมาสักพักแล้ว
จ้าวเฉินเป็นถึงนักศึกษาดีเด่นที่เป่ยหาง เขาเรียนจบปริญญาเอกที่สหรัฐอเมริกาด้วยวัยเพียงสามสิบปีนิดๆ ทว่าตอนนี้ไป๋เยี่ยกลับไม่ได้สนใจเขามากนัก เพราะตนก็มีงานยุ่ง
ไป๋เยี่ยขมวดคิ้เข้าเมื่อเห็นจำนวนเงินที่ลงทุนไปกับงานวิจัย มากขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย
จำนวนเงินเกือบยี่สิบล้านหยวนที่ถูกใช้ไปในเวลาเพียงสามเดือน ตัวเลขนี้แทบจะทำให้ไป๋เยี่ยกัดลิ้นตนเอง ไม่ได้การแล้ว จะต้องรีบไปดูซะหน่อย อย่างน้อยก็ไปดูว่าจ้าวเฉินทำงานไปได้มากแค่ไหนแล้ว
นอกจากนี้ยังมีสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินอีก ทว่าส่วนนั้นไม่ได้เป็นปัญหามากนัก เพราะค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่หมดไปกับการซื้อเครื่องมือต่างๆ ตอนจัดตั้งสถาบัน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดึงดูดบุคลากรเข้ามา
ค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ ก็ไม่สูงนัก หลักๆ คือค่าอบรมและค่าสวัสดิการต่างๆ และตอนนี้ดูเหมือนว่ายอดมนุษย์จากไฮเซนเบิร์กในทีมของโยฮันก็ทำผลงานออกมาได้ไม่เลวเลย
ทว่าไป๋เยี่ยก็ยังคงต้องคอยกำกับดูแลด้วย เพราะว่าอีกไม่นานก็จะมีการเผยแพร่องค์ความรู้การแพทย์ฉุกเฉินแล้ว หากถึงตอนนั้นทั้งอุปกรณ์และตัวยาที่ได้วิจัยมายังไม่มีผลลัพธ์ใดๆ เขาก็จะขาดทุน
นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักว่าทำไมไป๋เยี่ยถึงต้องดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสาขาการแพทย์ฉุกเฉินของสมาคมแพทย์ เพราะเขาหวังว่าจะใช้โอกาสนี้ในการเผยแพร่แนวคิด อุปกรณ์และตัวยาใหม่ๆ ที่ทีมของโยฮันได้ค้นคว้าไว้ การใช้ตำแหน่งนี้จะทำให้เขาเผยแพร่มันออกไปได้กว้างขวางยิ่งขึ้น
นี่คือจุดประสงค์หลักของไป๋เยี่ย
ค่าใช้จ่ายส่วนหลักๆ ก็ยังคงเป็นการก่อสร้างอาคารใหม่อยู่ดี
เมื่อลองพิจารณาตัวเลขสีแดงๆ แล้ว ก็พบว่ามันเป็นค่าใช้จ่ายที่ติดลบทั้งหมดเลย
ไป๋เยี่ยฝืนยิ้ม ตอนนี้เขากำลังหว่านเมล็ดพันธุ์ไว้และรอให้ฤดูหนาวผ่านพ้นไป ทว่าดูเหมือนฤดูหนาวนี้จะมาถึงเร็วเกินเสียจนเมล็ดพันธุ์พวกนั้นยังไม่ทันได้งอก
จะทำไงดี
จู่ๆ ไป๋เยี่ยก็พลันนึกได้ถึงตอนที่เขาทำงานกับพ่างจื่อ แค่เงินหนึ่งหยวนยังหายากแทบตาย
ไป๋เยี่ยคิดถึงพ่างจื่อขึ้นมาในทันใด ไม่รู้ว่าตอนนี้หมอนั่นกำลังทำอะไรอยู่ แอปพลิเคชั่นเฮลท์ตี้ปักกิ่งก็ดูจะได้รับความนิยมมาก ไม่ใช่แค่เฮลท์ตี้ปักกิ่งเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเมืองอื่นๆ ด้วย แอปพลิเคชั่นดังกล่าวจึงกลายเป็นซอฟต์แวร์สำหรับการพบแพทย์ยอดนิยมไปโดยปริยาย
แต่ถึงกระนั้น ทุกแอปพลิเคชั่นยกเว้นเฮลท์ตี้จิ้นซีก็อยู่ใต้การดูแลของรัฐวิสาหกิจที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการวางแผนสุขภาพและครอบครัวแห่งชาติ
ไป๋เยี่ยคิดว่าถ้าตนมีเวลาว่างเมื่อไหร่ก็ควรจะกลับไปเยี่ยมพ่างจื่อและมหาวิทยาลัยที่จิ้นซีสักหน่อย
แต่ตอนนี้เขายุ่งมาก!
ไม่ใช่แค่ยุ่งเท่านั้น แต่ยังจนอีกต่างหาก
ไป๋เยี่ยได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ทำไงดีล่ะเนี่ย
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผู้ที่โทรมาก็คือต้วนเจ๋อหมิงนั่นเอง
ทำไมนายกเทศมนตรีจากเมียนมาร์อย่างต้วนเจ๋อหมิงถึงโทรมาตอนนี้ล่ะ
ไป๋เยี่ยคิดได้ดังนั้นก็ไม่ได้ขัดโมนิกา แต่กลับคว้าโทรศัพท์ขึ้นมารับสายทันที
ต้วนเจ๋อหมิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงยิ้มแย้ม “ไม่เจอกันนานเลยนะ ไป๋เยี่ย ช่วงนี้ยุ่งอยู่หรือเปล่า”
ไป๋เยี่ยยิ้มพร้อมกับพูดติดตลก “นายกเทศมนตรีน่าจะยุ่งกับการสร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติอยู่นี่นา ตอนนี้ผมก็ยุ่งพอสมควรเลย ท่านมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”
ต้วนเจ๋อหมิงพึมพำ “ก็ต้องมีเรื่องสำคัญที่จะคุยกับคุณอยู่แล้ว ตอนนี้ผมอยู่ที่ปักกิ่ง คืนนี้ผมจะไปพบหัวหน้าของคุณ ไว้พรุ่งนี้เราค่อยมาคุยกัน คุณว่างใช่ไหม”