บทที่ 1330 ความเปลี่ยนแปลงเกินคาดในแผนภาพวารีหลาก
บทที่ 1,330 ความเปลี่ยนแปลงเกินคาดในแผนภาพวารีหลาก
เกือบเค่อต่อมา การฆ่าล้างจึงจบลง ศพเทพโลหิตโบราณกว่าพันร่างแหลกเป็นชิ้น โลหิตเจิ่งนองทั่วพื้นอย่างน่ากลัว
แต่เมื่อสืออวี๋ เซียงหลิวหลี และเตียนเตี้ยนคิดจะเก็บไข่มุกวิญญาณเต๋าบนพื้น ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น!
เงาสีดำก้อนหนึ่งพลันปรากฏ มันกระพือปีกส่งแสงสีเขียวฉายขึ้นฟ้า แล้วฉวยเอาไข่มุกวิญญาณเต๋าไปกว่าครึ่ง จากนั้นมันก็กระพือปีกอีกครั้งหมายจะหนีไป
“ค้างคาวกลืนสวรรค์? หึ! ชิงสมบัติต่อหน้าข้าเช่นนี้ก็นับว่ารนหาที่ตายโดยแท้!” สืออวี๋ส่งเสียงเย็นชาในลำคอ ก่อนฟันกระบี่ออกไป ปราณกระบี่สีขาวซีดกรีดผ่านท้องนภา พริบตาต่อมามันก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งห่างออกไปหมื่นลี้ ก่อนจะซัดเข้าใส่เงาดำนั่น
ท่ากระบี่ครั้งนี้ดูราวกับจะสามารถสะบั้นกาลเวลาได้ รวดเร็วจนเฉินซีตอบสนองไม่ทัน ก็พลันได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากระยะไกล
“เต๋ากระดูกนภาสวรรค์! เป็นไอ้บัดซบจากตำหนักเต๋าหนี่หวานี่เอง! พวกเจ้ารอก่อนเถอะ ภูมิภาคบรรลุเทพจะได้กลายเป็นที่ฝังศพพวกเจ้าแน่!” น้ำเสียงเคียดแค้นเต็มไปด้วยจิตสังหารดังลั่นฟ้าดิน ก่อนที่เงาดำจะสลายหายไปไม่เหลือร่องรอย
“หึ! ไอ้บัดซบนั่น! ต้องเป็นผู้สืบทอดนิกายในยุคแรกกำเนิด นิกายหมื่นวิถีเป็นแน่ แต่กลับกล้าข่มขู่พวกเราเช่นนี้ ข้าจะไปปลิดชีพมันเดี๋ยวนี้!” เซียงหลิวหลีแค่นเสียงเย็น หมายจะเคลื่อนกายตามไป แต่ก็ถูกหยุดไว้โดยสืออวี๋
“ไม่จำเป็นต้องไล่ตามหรอก ค้างคาวกลืนสวรรค์เกิดในนิกายยุคแรกกำเนิด มันคุ้นเคยกับซากโบราณสถานแรกกำเนิดมากกว่า ไม่แน่อาจเป็นเพียงเบี้ยหลอกให้เราเข้าไป” สืออวี๋มุ่นคิ้วเอ่ย
ว่าแล้ว เขาก็ยืดแขนออกไปโบกคราหนึ่งแล้วเก็บไข่มุกวิญญาณเต๋าที่เหลือมา
ตลอดเวลานั้น เตียนเตี้ยนคอยยืนคุ้มกันอยู่ข้างกายเฉินซีตลอด ไม่ได้ตามไล่ล่าสังหารศัตรูเพื่อให้มั่นใจว่าคนจะปลอดภัย เห็นได้ชัดว่าภายในใจนาง อย่างน้อยเฉินซีก็สำคัญกว่าการฆ่าศัตรู
ทำให้เฉินซีที่หายตกใจแล้วรู้สึกอบอุ่นอยู่ลึก ๆ ทั้งยังรู้สึกซึ้งใจมากที่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากราชันเซียน
“ค้างคาวกลืนสวรรค์เป็นสิ่งมีชีวิตแบบใดกันแน่?” เฉินซีถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
“เป็นอสูรยุคบรรพกาล ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในสิบอสูรร้าย เมื่อครั้งบรรพกาล มันเป็นเผ่าที่จะประมาทไม่ได้เลย เป็นผู้ก่อตั้งนิกายยุคแรกกำเนิดอันเลื่องชื่อ นิกายหมื่นวิถี ทว่าเมื่อเกิดสามภพขึ้นมานิกายหมื่นวิถีก็พบกับความวิบัติครั้งใหญ่ และเผ่าค้างคาวกลืนสวรรค์ก็ถูกลบล้างหายไป ชะตากรรมคล้ายกับนิกายสววรค์สุญตา” เตียนเตี้ยนพูดขึ้นรวดเร็ว “ผู้ที่ปรากฏกายก่อนหน้านั้นคือตัวตนขอบเขตราชันเซียน คาดว่าน่าจะเป็นเจ้านิกายหมื่นวิถี เป่ยห่าวหลิง”
เป่ยห่าวหลิง! เมื่อเฉินซีครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ คนผู้นี้คงจะเป็นราชันเซียนคนที่เจ็ด ที่เขาเคยได้ยินมาตอนเดินทางเข้าซากโบราณสถานแรกกำเนิด
ทำให้ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจออกมา หากข้าไม่เดินทางมาที่นี่ ก็คงไม่อยากเชื่อเลยว่าโลกนี้จะมีราชันเซียนปรากฏตัวรอบกายมากมายเพียงนี้
“สถานการณ์ไม่ดีเท่าไหร่ แม้สัตว์ตัวก่อนหน้าจะถูกท่ากระบี่ของข้าไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บหนักอะไร นับว่าแข็งแกร่งอยู่พอสมควร ข้าสงสัยว่าพวกมันจะร่วมมือกันกับซุ่ยเหรินถิงและคนอื่น ๆ จากนิกายอำนาจเทวะ ก็เหมือนกับที่เล่อเชียนโฉว เจ้านิกายสววรค์สุญตาเคยทำ” สืออวี๋มุ่นคิ้วครุ่นคิด “อย่างไรศิษย์น้องหญิงหลีกับข้าก็คาดเดาภัยครั้งนี้ไม่ออกตอนพยายามทำนายอนาคตด้วยกัน เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนซ่อนเส้นกรรมอยู่เบื้องหลัง”
เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วว่าต่อ “อีกทั้งการซ่อนกรรมเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ราชันเซียนจะสามารถทำได้ หากเป็นศิษย์น้องหญิงหลี ยังต้องใช้มงกุฎหยกเก้ากระจ่างที่ส่งต่อกันมาในสำนักเลย”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง ซุ่ยเหรินถิงถึงได้พึ่งพาอำนาจเจดีย์วิถีพญาปราชญ์ในการช่วยเป่ยห่าวหลิงจากเงาพวกนั้นน่ะหรือ?” เตียนเตี้ยนเลิกคิ้วขึ้นสูง
สืออวี๋และเซียงหลิวหลีเหลือบตามองกันแล้วพยักหน้า “ใช่แล้ว”
เตียนเตี้ยนเผยแววหนักใจที่หว่างคิ้ว “ดูท่าเพื่อแสวงโชคที่นี่แล้ว นิกายอำนาจเทวะจึงตระเตรียมการมาอย่างดี แต่ในความคิดของข้า คนจากนิกายยุคแรกกำเนิดพวกนั้นอาจไม่ได้ทำงานด้วยกันกับนิกายอำนาจเทวะอย่างจริงใจก็ได้”
เฉินซีได้ยินแล้วก็พยักหน้า “ใช่แล้ว หากเจอประโยชน์อันใด ทุกคนก็ย่อมอยากได้เป็นของตน ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงการปะทะกันไม่ได้ มีแต่เวลาเท่านั้นที่จะตัดสินได้ว่าใครที่จะได้ผลประโยชน์กันแน่”
พูดจบ เฉินซีก็รู้สึกอายอยู่หน่อย ๆ และเอ่ยเสียงเขิน ๆ “ข้าก็พูดไปอย่างนั้น ไม่ต้องสนใจหรอก”
แต่ไม่คิดเลยว่าสิ้นคำเขา สืออวี๋ เซียงหลิวหลี และเตียนเตี้ยนจะตาเป็นประกายขึ้นมาทันที เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้
“ฮ่า ๆ ! พูดได้ดีนี่! ยังต้องคิดเรื่องอะไรอีกนี่นะ?” สืออวี๋สายตากระจ่างใส “ก่อนหน้านี้เรากังวลมากเกินไปจริง ๆ เราชินกับการหาความลับสวรรค์เพื่อดูว่าเราจะโชคดีหรือร้ายกันอยู่ตลอด แต่กลับลืมไปว่าสิ่งที่แปรปรวนที่สุดคือใจคนต่างหาก! ในเมื่อไม่สามารถทำความเข้าใจมันได้ แล้วจะใช้การคาดเดาตัดสินได้อย่างไรกัน?”
เซียงหลิวหลีกับเตียนเตี้ยนเองก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน
เฉินซีประหลาดใจ แต่ก็ค่อนข้างดีใจอยู่เหมือนกัน เขาย่อมเข้าใจและรู้ดีว่าสิ่งที่ล้ำลึกไม่ใช่คำพูดของตน แต่เป็นเพราะราชันเซียนเหล่านี้ไม่เคยคิดถึงปัจจัยเล็กน้อยอื่นเลยต่างหาก
“ไป เราไปต่อเถอะ!” สืออวี๋สะบัดแขนเสื้อแล้วนำทุกคนเข้าสู่ส่วนลึกของแดนโลหิตสังหารเทพ
ระหว่างทางนั้น สืออวี๋ก็แจกไข่มุกวิญญาณเต๋ากว่าหกสิบเม็ดที่เก็บมาได้ก่อนหน้านี้ให้ทุกคน เฉินซีได้มาสิบสี่เม็ด แต่พอรับมาแล้วก็ถูกชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากเอาไปอีกครั้ง ไม่เหลือไว้ให้แม้แต่เม็ดเดียว!
เฉินซีถึงกับพูดไม่ออก
นี่มัน… เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เป็นเพราะเหตุไม่คาดคิดเช่นนี้จึงทำให้เฉินซีกลับไปสนใจชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากในห้วงจิตสำนึกอีกครั้ง แล้วสังเกตมันอย่างละเอียด
ตอนนี้เขามีชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากห้าชิ้นแล้ว ขาดเพียงอีกสี่ก็จะครบสมบูรณ์
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากชิ้นที่หกถูกเก็บไว้สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า และชิ้นที่เจ็ดอยู่ในความครอบครองของเตียนเตี้ยน ส่วนอีกสองชิ้นที่เหลือเขายังไม่รู้ข้อมูล
แต่ถึงอย่างนั้น เฉินซีก็ได้ประโยชน์จากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากมามากมายแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากจะเอาของไปจากตนเช่นนี้
ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าจึงทำให้เขาประหลาดใจมาก สัมผัสได้อย่างเลือนรางว่าชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอันไม่คาดคิดอยู่ และอาจจะเกี่ยวข้องกับแดนโลหิตสังหารเทพ…
หืม? เฉินซีนึกถึงตรงนั้นแล้ว ก็มีความคิดหนึ่งแวบเข้ามา เขาสังเกตเห็นว่าชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากภายในห้วงจิตสำนึกไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอะไร แต่ดูรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ แม้ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากทั้งห้าจะรวมเข้าด้วยกัน แต่ก็ยังเห็นรอยแยกระหว่างกันอยู่ สุดท้ายจึงยังดูไม่สมบูรณ์เท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้เฉินซีเห็นแล้วก็ได้แต่ตกใจ ด้วยถึงแม้รอยเหล่านั้นยังคงอยู่ แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันเล็กลงมาก
มันเป็นความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ที่หากไม่สังเกตดี ๆ ก็คงไม่เห็นเลย
หรือจะเป็นเพราะพลังที่อยู่ในไข่มุกวิญญาณเต๋าสามารถผสานชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากเข้าด้วยกัน? เฉินซีมุ่นคิ้ว สัมผัสได้ว่าเรื่องคงจะไม่ได้เรียบง่ายเช่นนั้น
ถึงแม้จะเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่การเปลี่ยนแปลงในสมบัติศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้อาจทำให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นเลยก็เป็นได้!
เท่าที่เฉินซีรู้มา ไข่มุกวิญญาณเต๋าเหล่านี้คือแก่นของเทพบรรพกาล ซึ่งหลงเหลือไว้หลังจากแหลกสลาย พลังเช่นนี้เขาไม่คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง แต่จากที่สืออวี๋ว่ามานั้น ไข่มุกวิญญาณเต๋าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีพลังบ่มเพาะขอบเขตราชันเซียนมาก ดังนั้นจึงดูน่าสนใจกับขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นเช่นกัน คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่
แล้วดูจากการตอบสนองของชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากในตอนนี้ก็ยิ่งชัดเจน
ไม่ว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ข้าก็ต้องหาไข่มุกวิญญาณเต๋าให้ได้มากกว่านี้ ไม่แน่ว่าชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นก็ได้… เฉินซีคิดอยู่นาน ก่อนที่สุดท้ายจะหันความสนใจไปที่ไข่มุกวิญญาณเต๋า
น่าเสียดายที่เขามีข้อจำกัดอยู่ที่ขอบเขตพลังบ่มเพาะ ได้แต่ต้องรอให้เจอศพเทพโลหิตโบราณ จากนั้นให้สืออวี๋และคนอื่น ๆ ทำลายมัน แล้วค่อยแบ่งมาให้เขา…
ซึ่งเป็นเรื่องน่าปวดหัวยิ่ง แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเขาก็อยู่เพียงขอบเขตเซียนทองคำ!
เฉินซีที่รู้สึกผิดหวังมาก ทั้งที่เดินทางมาสุดขอบแดนโลหิตสังหารเทพ แต่กลับไม่พบศพเทพโลหิตโบราณอีกเลย!
จึงทำให้สืออวี๋ เซียงหลิวหลี และเตียนเตี้ยนประหลาดใจอยู่เล็กน้อยเช่นกัน เพราะเรื่องเช่นนี้แปลกนัก แดนโลหิตสังหารเทพเป็นหลุมศพเทพที่เต็มไปด้วยศพเทพโลหิตโบราณนี่นา
แต่ระหว่างทางพวกเขาพบแค่ศพเทพโลหิตโบราณสองกลุ่มเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องเกินคาดอยู่บ้าง
“ดูท่าจะมีคนมาเก็บกวาดแดนโลหิตสังหารเทพตัดหน้าเราเสียแล้ว อาจจะเป็นพวกคนจากนิกายอำนาจเทวะ…” สืออวี๋เอ่ยเสียงต่ำ
ทุกคนได้ยินแล้วก็เห็นด้วย
อึดใจต่อมา พวกเขาก็มองไปทางเดียวกัน
ที่สุดเขตแดนโลหิตสังหารเทพคือทะเลสีเลือด!
ทะเลเลือดนี้กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา แต่กลับเงียบสนิทไร้คลื่นลมใด เวลานี้มีประตูทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่สองบานตั้งตระหง่านเสียดฟ้าอยู่ที่ใจกลาง!
ประตูทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่สูงไปถึงท้องนภา ถูกผืนฟ้ามืดมัวดูโกลาหลปกคลุมเอาไว้ หากมองจากที่ไกลก็จะดูสูงส่งน่าเกรงขาม ดูแล้วเป็นประตูโบราณ เหมือนนำไปสู่สถานที่ลึกลับบางแห่งได้
มีรอยอักขระอันลึกลับสลักอยู่บนประตูอยู่หนาแน่น ผ่านมาแล้วหลายปีก็ยังไร้รอยขีดข่วน ปลดปล่อยกลิ่นอายโบราณอันหนักหน่วงออกมา
ตอนนี้ ระหว่างประตูทองสัมฤทธิ์ทั้งสองบานมีช่องว่างขนาดกว่าสิบจั้งอยู่ มันเปล่งแสงเรืองออกมาจากภายในจาง ๆ
เหมือนเป็นแสงแห่งความวิบัติ ดูขุ่นมัวไม่ชัดเจน ทำให้ประตูทองสัมฤทธิ์เหมือนเป็นประตูสู่นรก ราวกับหมายจะกลืนเหยื่อเข้าไป ดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
“มันถูกเปิดมาก่อนหน้านี้แล้วนี่!” ทันใดนั้น สืออวี๋ก็หน้าเครียดขึง ใบหน้าเย่อหยิ่งเย็นชาเต็มไปด้วยจิตสังหาร ทำให้พื้นที่โดยรอบส่งเสียงหวีดร้องและสั่นสะท้านระงม
ไม่ใช่เพียงเท่านั้น แต่สีหน้าเซียงหลิวหลีและเตียนเตี้ยนก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เหมือนไม่คิดว่าประตูที่ควรจะเปิดได้ในอีกสามวันต่อจากนี้จะถูกใครเปิดไปก่อนแล้ว!
เฉินซีอึ้งไปเล็กน้อย แต่เมื่อสังเกตเห็นท่าทีของสามราชันเซียนแล้วก็พอเข้าใจว่าทางเข้าภูมิภาคบรรลุเทพคงอยู่เบื้องหลังประตูทองสัมฤทธิ์บานใหญ่นี้เป็นแน่
แต่กลับมีใครบางคนเปิดประตูนั้นก่อนกำหนดด้วยเหตุผลบางอย่าง
“ดูท่าพวกบัดซบจากนิกายอำนาจเทวะคงเล่นงานเราแล้ว ไม่เพียงแต่เอาเจดีย์วิถีพญาปราชญ์มา แต่ยังเอากระจกปฐพีไร้ขอบเขตแห่งนิกายอำนาจเทวะมาด้วย ทำให้รบกวนความสามารถในการทำนายของเรา!” สืออวี๋เอ่ยด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ แต่สายตากลับเย็นเฉียบ
“กระจกปฐพีไร้ขอบเขตหรือ? นั่นมันสมบัติของเจ้านิกายอำนาจเทวะนี่?” เตียนเตี้ยนกับเซียงหลิวหลีเองก็ตกใจเช่นกัน แต่พอเข้าใจใบหน้าก็เครียดขึงไม่ต่างกัน
มีเพียงเฉินซีที่ยืนงงอยู่คนเดียว กระจกปฐพีไร้ขอบเขตหรือ? เป็นสมบัติระดับใดกัน?