บทที่ 611 บทเรียนย้อนกลับ (2)
บทที่ 611 บทเรียนย้อนกลับ (2)
ทว่าไม่รอให้ถังซวงเอ่ยถาม หัวเทียนจางก็เข้ามา
หัวเฟยเฟิ่งเห็นว่าคุณพ่อเข้ามาก็อดไม่ได้ที่จะถาม “คุณพ่อ งานทางด้านนั้นเสร็จแล้วหรือคะ?”
หัวเทียนจางพยักหน้า “ใช่ เสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว พ่อหาฤกษ์วันดีจัดงานเลี้ยงของครอบครัวไว้หมดแล้ว พอถึงวันมะรืนเสี่ยวเซวี่ยก็จะปรากฏตัวในฐานะทายาทได้ทันที ส่วนวันที่จะแต่งตั้งให้เป็นผู้นำตระกูล พ่อก็จะรีบเลือกวันให้เร็วที่สุด”
ถังเซวี่ยได้ยินดังนั้นรีบโบกไม้โบกมือ “คุณทวดคะ หนูยังรู้เรื่องตระกูลหัวไม่มากเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเรื่องตำแหน่งผู้นำตระกูลเอาไว้ค่อยคุยดีกว่าค่ะ ตระกูลหัวยังมีคุณคอยดูแลอย่างดีอยู่นิคะ แล้วอีกอย่างหนูเองก็ต้องกลับไปเรียนหนังสือด้วย”
ถังหลานที่อยู่ด้านข้างก็พูดต่อ “ใช่ค่ะ คุณทวด เสี่ยวเซวี่ยยังต้องกลับไปเรียน เธอน่าจะไม่มีเวลาไปสองสามปีเลยค่ะ”
หัวเทียนจางได้ยินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ต้องกลับไปเรียนหนังสือจริง ๆ หรือ?”
ถังเซวี่ยพยักหน้า “ค่ะ ต้องกลับไปจริง ๆ”
เมื่อได้ยินถังเซวี่ยกล่าวดังนี้ หัวเทียนจางเองก็หมดคำจะพูด “เอาละ ทวดเข้าใจแล้ว พวกเธอวางใจเถอะทวดจะดูแลตระกูลหัวต่อไปอย่างดี ส่วนเสี่ยวเซวี่ยอยากจะขึ้นตำแหน่งผู้นำตระกูลเมื่อไหร่ ก็สุดแล้วแต่เหลน”
“ขอบคุณค่ะ คุณทวด”
ถังเซวี่ยรีบกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม
หัวเทียนจางกลับโบกมือแล้วพูดว่า “เอาละ ๆ พวกเราครอบครัวเดียวกันไม่จำเป็นจะต้องสุภาพมากนักหรอก แล้วก็จะต้องเริ่มทำความคุ้นชินกับตระกูลไว้ด้วยนะ”
ถังเซวี่ยพยักหน้าบอกว่าไม่มีปัญหา “ค่ะ คุณทวด หนูเข้าใจแล้ว”
เมื่อวันจัดงานเลี้ยงมาถึง ถังเซวี่ยเข้าร่วมในฐานะผู้สืบทอดโดยทันที หัวเทียนจางได้แนะนำถังเซวี่ยกับคนตระกูลหัวไว้แล้ว
เมื่อหัวยี่ฮวนเห็นถังเซวี่ยที่ยืนยิ้มแย้มอยู่ตรงหน้า เธอรู้สึกถึงความหดหู่ที่อัดแน่นอยู่ในใจ แน่นเสียจนอึดอัดไปทั้งร่าง
หัวอวี้เหวินเห็นหัวยี่ฮวนจ้องมองเบื้องหน้า ก็เดินไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “พี่ พี่กำลังมองอะไรอยู่น่ะ”
เมื่อเห็นว่าเป็นหัวอวี้เหวิน หัวยี่ฮวนก็พูดออกมาโดยไม่ปิดบัง “ก็มองถังเซวี่ยอยู่น่ะสิ ดูสิว่าเด็กนั่นยิ้มมีความสุขขนาดไหน ถ้าจะให้พูดจริง ๆ เธอดูอายุน้อยกว่าพวกเราเสียอีก แต่กลับได้เป็นทายาทตระกูลหัว ในอนาคตหลังจากนี้ก็จะได้เป็นผู้นำตระกูล แล้วจากนี้พวกเราก็ต้องเชื่อฟังเธออย่างนั้นหรือ?”
“ก็ใช่สิ เพียงแค่เพราะเธอโชคดี ก็ได้เป็นผู้นำตระกูลอย่างไม่มีเหตุผล ไม่รู้ว่าทุกคนคิดได้อย่างไร”
เมื่อกล่าวจบ สายตาของหัวอวี้เหวินก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจและอิจฉา
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่นั้น หัวสือหลิน หลานชายคนโตของหัวเฟยหลงก็เดินเข้ามา
“อาเล็ก อาอวี้เหวิน พวกอากำลังคุยอะไรกันอยู่หรือ”
เมื่อเห็นหัวสือหลิน แววตาของหัวอวี้เหวินก็เป็นประกาย
“สือหลิน พวกอากำลังคุยเรื่องถังเซวี่ยอยู่น่ะสิ เฮ้อ… พ่อไม่มีสถานะทายาทอีกต่อไปแล้ว พวกเราเห็นใจแทนเขา เธอว่า… ถังเซวี่ยนั่น จะไปรู้อะไร วันข้างหน้าจะสามารถนำตระกูลหัวของพวกเราให้ดีขึ้นได้จริง ๆ หรือ ตลกเสียจริง ไม่เข้าใจคนที่เลือกถังเซวี่ยจริง ๆ ว่าคิดอะไร”
หัวสือหลินได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาก็มืดมนลง
คุณปู่เป็นว่าที่ผู้นำของตระกูลมาตั้งแต่แรก ในอนาคตเขาจะได้เป็นหลานชายของผู้นำตระกูล และจะได้เป็นทายาทสืบทอดตระกูลหัวด้วย แต่ตอนนี้ครอบครัวของพวกเขาไม่เหลืออะไรเลย พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับคนอื่น ๆ เป็นเพราะถังเซวี่ย จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะขุ่นเคืองถังเซวี่ย และเมื่อได้ยินคำพูดของหัวอวี้เหวิน เขาก็ยิ่งโกรธมากจนรู้สึกได้ถึงไฟที่ลุกโชน
ส่วนหัวยี่ฮวนโกรธถังเซวี่ยเป็นทุนเดิม จึงไม่ได้สังเกตเห็นอะไร
เมื่อถึงเวลางานเลี้ยงเลิกรา พวกของถังเซวี่ยกำลังเตรียมตัวกลับที่พักของตน แต่กลับพบเด็กคนหนึ่งกำลังวิ่งตรงมาทางนี้
ถังซวงตาไว เพียงแวบเดียวก็รู้ว่าคนคนนี้คือหัวสือหลินหลานชายคนโตหัวเฟยหลง
เมื่อเห็นเขา เธอจึงหยุดฝีเท้าแล้วรอให้หัวสือหลินเข้ามา ทว่าหัวสือหลินวิ่งเร็วขึ้น ไม่คิดที่จะชะลอความเร็วลงเลย ตรงกันข้ามกลับเร่งวิ่งไปที่ถังเซวี่ย
เมื่อถังเซวี่ยเห็นหัวสือหลินพุ่งตัวมาที่เบื้องหน้า เธอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ยืนนิ่งให้ถูกเขาชน ในขณะที่หัวสือหลินกำลังเข้ามาใกล้นั้นเอง ถังเซวี่ยก็หลบเลี่ยงได้อย่างคล่องแคล่ว ทว่าหัวสือหลินกลับตั้งตัวไม่ทัน จึงพุ่งไปข้างหน้า เมื่อเขาอยากจะหยุด ก็สายเกินไปแล้ว จนในที่สุดเขาก็ล้มลง
“เธอ… เธอหลบทำไม”
หัวสือหลินปัดฝุ่นบนตัวอย่างทุลักทุเล และมองถังเซวี่ยด้วยสายตาร้ายกาจ
ถังเซวี่ยได้ยินดังนั้นก็อยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ
“ถ้าฉันไม่หลบ แล้วจะให้ปล่อยเธอวิ่งมาชนฉันหรือไง ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าตัวเองวิ่งตรงดิ่งมาชนเอง แล้วยังจะมาโทษคนอื่นอีก”
“เธอ…”
ที่ผ่านมาหัวสือหลินได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพจากคนในตระกูลหัวมาโดยตลอด พอถูกถังเซวี่ยต่อว่าเป็นครั้งแรกก็ตอบสนองไม่ถูกไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าตนควรจะพูดอะไรดี เมื่อได้สติก็พาลโกรธมากจนอยากจะชนถังเซวี่ยให้ล้ม
ไม่ทันที่หัวสือหลินจะได้เคลื่อนไหว ถังซวงก็จะจับสือหลินขึ้นมาเสียแล้ว
“หัวสือหลินใช่ไหม ทำไมครอบครัวของเธอถึงได้ชอบมายุ่งวุ่นวายกันนัก อย่ามาทำตัววุ่นวายแบบนี้ เรียกให้พวกของเธอมาให้หมดเลยจะดีกว่า”
แม้ว่าหัวสือหลินจะอายุสิบกว่าปี แต่ก็ตัวสูงและขายาว ทว่าเขากลับถูกถังซวงหิ้วเหมือนไก่ ใครเห็นก็น่าขบขัน
“นี่เธอ… ปล่อยฉันนะ”