บทที่ 950 มิใช่เรื่องใหญ่ ให้ต้าเต๋อมาเทศนา!
บทที่ 950 มิใช่เรื่องใหญ่ ให้ต้าเต๋อมาเทศนา!
“แยบคายยิ่งนัก!”
หลังอี้เหยาได้ฟังคำกล่าวของแมงมุมปริภูมิเวลาก็นับถือเหลือแสน
สมองของแมงมุมปริภูมิเวลาดีกว่านางมาก หากเป็นนางคงคิดเช่นนี้ไม่ออก
นางคิดแต่เพียงหาโอกาสสังหารราชันแห่งความตายผู้นั้น แมงมุมปริภูมิเวลากลับคิดจะหลอกใช้ราชันแห่งความตายผู้นั้น ขยายผลประโยชน์ให้ใหญ่ที่สุด!
“ความคิดนี้บรรเจิด ให้ปรโลกและปริภูมิเวลากัดกันเอง!”
นางเห็นด้วย
ปรโลกและปริภูมิเวลาน่าพรั่นพรึงลุ่มลึกไม่แพ้กัน หากสองฝ่ายนี้ปะทะกันและกันย่อมไม่จบลงง่าย ๆ คงยืดเยื้อต่อไปไม่หยุดหย่อน
“ไปหาพี่หลิงอินกัน!”
แมงมุมปริภูมิเวลาและอี้เหยาออกจากลานเล็ก ไปยังบ้านของหลิงอิน
นางมิกล้าทะเล่อทะล่าเข้าไปในลานเล็กของคุณชาย จึงนึกถึงหลิงอินเป็นคนแรก
หลิงอินติดตามอยู่ข้างกายคุณชายมานาน ได้รับความเชื่อใจจากคุณชาย ทำให้พลังลึกล้ำเกินหยั่ง
ไม่นานนัก พวกนางก็มาถึงบ้านหลิงอิน
ทันทีที่เข้ามาถึง พวกนางก็ได้ยินเสียงฉินอันไพเราะเสนาะหู และถูกดึงดูดไปในบัดดล ดื่มด่ำจนมิอาจถอนตัว
จวบจนเพลงฉินจบลง พวกนางถึงได้สติ
“เสี่ยวหยาเก่งจริง ๆ!”
แมงมุมปริภูมิเวลามองเสี่ยวหยาผู้เพิ่งดีดเพลงฉินจบแล้วชมจากใจจริง
ระดับพลังของเสี่ยวหยามิได้สูงนัก เพิ่งถึงขอบเขตลอยชายเท่านั้น เทียบกับนางแล้วไม่รู้ว่าห่างชั้นตั้งเท่าไหร่ นางนั้นก้าวสู่ขอบเขตอิสระแล้ว
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น เพลงฉินที่เสี่ยวหยาบรรเลงก็ยังส่งผลกระทบต่อนาง จนนางมิอาจถอนตัว เสี่ยวหยาสุดยอดจริง ๆ!
“เปล่าเลย!”
เสี่ยวหยารีบโบกมือ ท่าทางถ่อมตนน่าเอ็นดูยิ่ง
“ไม่ต้องถ่อมตัว!”
หลิงอินข้างกายหัวเราะ “พรสวรรค์ด้านฉินของเจ้าได้รับการยอมรับจากคุณชาย ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วจนข้ายังต้องถอนใจว่าเทียบมิได้!”
นางคือจ้าวสูงสุดแห่งโบราณกาล บำเพ็ญวิถีด้วยเสียงเพลง อนิจจา เมื่ออยู่ต่อหน้าพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ ทุกอย่างล้วนดูเปล่าประโยชน์
ฝีมือด้านเพลงฉินของเสี่ยวหยาแซงขึ้นมาจนเหนือชั้นกว่านางหลายขุม นำหน้านางไปไกล
“พี่หญิงอย่าได้เอ่ยเช่นนั้น! พรสวรรค์ด้านการฝึกฝนของพี่หญิงก็เก่งกาจมากมิใช่หรือ บัดนี้พี่หญิงบรรลุขอบเขตนิรันดร์แล้วนะ!”
เสี่ยวหยากล่าว
จริงอยู่ว่าทุกคนต่างมีพรสวรรค์แตกต่างกันไป ความก้าวหน้าของหลิงอินในด้านการฝึกฝนรวดเร็วดุจเทพ บัดนี้อยู่ในขอบเขตนิรันดร์แล้ว ซ้ำยังมิใช่เพิ่งบรรลุ หากแต่อยู่ในขอบเขตนิรันดร์ขั้นหก
“เอาล่ะ เราสองคนเลิกชมกันเองเถิด เป็นที่หัวเราะเยาะของแมงมุมปริภูมิเวลาและอี้เหยาเปล่า ๆ!”
หลิงอินหัวเราะ ท่าทางงดงามจับตา
นางหันมองแมงมุมปริภูมิเวลาและอี้เหยาพลางถาม “เหตุใดวันนี้ถึงคิดมาหาข้า”
“เพราะคิดถึงพี่หญิงอย่างไรเล่า!”
แมงมุมปริภูมิเวลาเอ่ยเสียงหวาน
“อย่ามา! หากคิดถึงข้าจริง คงไม่เพิ่งมาหาข้าเป็นคราแรกจวบจนบัดนี้”
หลิงอินเอ่ย “เจ้าพำนักในเมืองชิงซานมาพักหนึ่งแล้วใช่หรือไม่! ว่ามาสิ มาหาข้ามีเรื่องอันใด”
“ข้าใจฝ่อ ในใจคิดถึงพี่หญิงแต่มิกล้ามาหานี่นา บัดนี้อุตส่าห์รวบรวมความกล้าได้แล้ว ถึงได้มาหาพี่หญิงอย่างไร!”
แมงมุมปริภูมิเวลาเอ่ยท่าทางเง้างอด
“เลิกสร้างเรื่องสร้างราวเสียทีได้หรือไม่!”
อี้เหยาทนดูต่อไปมิไหว แมงมุมปริภูมิเวลาชอบแสดงจริง ๆ เริ่มบทบาทได้ในทันทีทันใดเชียว
แมงมุมปริภูมิเวลาเลิกล้อเล่น บอกธุระที่แท้จริง
“ฝ่ายปริภูมิเวลาส่งข่าวมาว่าฝ่ายปรโลกมีแผนบางอย่าง ราชันแห่งความตายโบราณตนหนึ่งตื่นขึ้นจากนิทรา คิดจะมาหยั่งฝีมือคุณชายที่นี่…”
นางสาธยายอุบายของนางที่คิดชักนำภัยพิบัติสู่ผู้อื่น ปล่อยให้ปรโลกและปริภูมิเวลากัดกันเอง
หลังหลิงอินฟังจบก็ตาลุกวาว
“อุบายนี้ใช้ได้ เพียงแต่ต้องหารือกันให้รัดกุม หากไม่เรียบร้อย อาจเป็นผลให้ตัวตนไส้ศึกสองหน้าของเจ้าถูกเปิดโปง…”
นางวิเคราะห์อย่างสุขุม
แผนนี้ต้องละเอียดรอบคอบ ฝ่ายปรโลกต้องรู้เรื่องนี้โดยไม่ตั้งใจ เปิดเผยตรง ๆ มิได้ มิฉะนั้น ฝ่ายปริภูมิเวลาต้องแคลงใจแน่
“ฐานะไส้ศึกสองหน้าของเจ้าสำคัญกว่า ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าออกหน้า จะได้ไม่ส่งผลกระทบไปถึงเจ้า”
หลิงอินครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยขึ้น
จริงอยู่ ให้แมงมุมปริภูมิเวลาออกโรงแล้วเผลอเปิดเผยตัวตนว่ามาจากฝ่ายปริภูมิเวลาโดยไม่รู้ตัวเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ได้ผลที่สุด
แต่หากทำเช่นนั้น ก็มีภัยแฝงร้ายแรงเช่นกัน
ฝ่ายปริภูมิเวลาหาได้โง่งม ต่อให้ลงมือได้แนบเนียนเพียงใด ก็มีโอกาสที่ฝ่ายปริภูมิเวลาจะสงสัยอยู่ดี สงสัยว่าแมงมุมปริภูมิเวลามีพิรุธ
หากฝ่ายปริภูมิเวลาเคลือบแคลงในตัวแมงมุมปริภูมิเวลา ก็อาจสละหมากอย่างนางทิ้ง
หากเป็นเช่นนี้นับว่าได้ไม่คุ้มเสีย
เพราะอย่างนั้น นางจึงไม่แนะนำให้แมงมุมปริภูมิเวลาออกหน้า ต่อให้ต้องชักนำภัยพิบัติสู่ฝ่ายปริภูมิเวลา ก็ต้องสืบเสาะจากลู่ทางอื่นจนทราบว่าเป็นฝีมือของฝ่ายปริภูมิเวลา
“เช่นนี้คงยุ่งยาก…”
แมงมุมปริภูมิเวลาขมวดคิ้ว เข้าใจความหมายของหลิงอิน
แต่หากนางไม่ออกหน้า แล้วจะชักนำภัยพิบัติสู่ฝ่ายปริภูมิเวลาได้อย่างไร
“ยุ่งยากนั้นใช่ แต่ก็ปลอดภัย”
หลิงอินคลี่ยิ้ม “ข้ามีแผนในใจแล้ว เราสามารถเปลี่ยนราชันแห่งความตายผู้นี้เป็นไส้ศึก”
แมงมุมปริภูมิเวลาตาลุกวาว
หากเปลี่ยนราชันแห่งความตายผู้นี้เป็นไส้ศึกได้ ทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างราบรื่น พวกนางสามารถสั่งให้ราชันแห่งความตายผู้นี้เพ่งเป้าไปที่ปริภูมิเวลา แล้วนำศึกไปสู่ที่นั่น
เช่นนี้นางก็จะปลอดภัย ไม่ต้องกลัวว่าฝ่ายปริภูมิเวลาจะเคลือบแคลงอะไร
“ทว่าเรื่องนั้นคงไม่ง่าย เฮ้อ หากจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงอยู่คงดี เขาเป็นถึงปรมาจารย์ไส้ศึก เชี่ยวชาญการล้างสมองเป็นที่สุด!”
แมงมุมปริภูมิเวลาถอนหายใจ
ผู้นั้นเป็นถึงราชาแห่งความตาย มีสถานะสูงส่งในปรโลก ไฉนเลยจะแปรพักตร์ง่าย ๆ ยอมฟังคำสั่งพวกเขา
ความยากของเรื่องนี้ไม่เบาเลย
“หวงหลงไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร”
หลิงอินหัวเราะ “เรียกต้าเต๋อมาช่วยได้! ข้ารู้สึกว่า หากเราจับตัวราชันแห่งความตายโบราณผู้นี้มา แล้วให้เขาอยู่ข้างกายต้าเต๋อ ฟังต้าเต๋อสวดมนต์เทศนาไปสักระยะ ราชันแห่งความตายโบราณผู้นี้ต้องเปลี่ยนแปลงความคิดแน่”
หลังแมงมุมปริภูมิเวลาได้ยินคำกล่าวนั้นก็ตาเป็นประกาย
โลกหลังฉากมีพุทธศาสนาเช่นกัน นางรู้ซึ้งถึงความทรงพลังของพุทธศาสนา บทเทศนานั้นยากจะมีสิ่งมีชีวิตตนใดต้านไหว
บทเทศนาของพุทธศาสนาน่าพรั่นพรึงยิ่ง โปรดได้ทุกสิ่ง หากส่งราชันแห่งความตายโบราณผู้นั้นไปอยู่กับต้าเต๋อสักระยะ โอกาสที่ราชันแห่งความตายจะยอมสวามิภักดิ์สูงมาก!
แม้ว่าราชันแห่งความตายโบราณไม่ธรรมดา บรรลุขอบเขตอิสระขั้นหกตั้งแต่ก่อนกาลเวลาอันยาวนาน ยามนี้ย่อมต้องทรงพลังขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่าต้าเต๋อทรงพลังกว่า!
ต้าเต๋อเป็นที่โปรดปรานของคุณชาย ติตตามคุณชายมานาน นางรู้สึกว่าต้าเต๋อแข็งแกร่งกว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าจากโลกหลังฉากเสียอีก
หากราชันแห่งความตายโบราณได้เจอต้าเต๋อ ย่อมต้องอยู่ในกำมือแน่!
หลังวางอุบายเรียบร้อย หลิงอินติดต่อหาต้าเต๋อ
“ไม่มีปัญหาพี่หลิงอิน คุณชายถกพุทธธรรมกับข้าบ่อย ๆ พลังพุทธธรรมของข้าย่อมช่วยให้เขายอมวางดาบลง กลับตัวกลับใจ ฝักใฝ่ความดี มิใช่เรื่องใหญ่”
เสียงของต้าเต๋อดังกลับมาอย่างรวดเร็ว
อีกทั้งยังมีเสียงพึมพำของเขาดังเข้ามาด้วย “ต้องลับดาบธรรมะของข้าให้ดี…”
หลังแมงมุมปริภูมิเวลาได้ยินเสียงบ่นของต้าเต๋อก็เบิกตากว้าง
ลับดาบธรรมะให้ดี?
หมายความว่าอย่างไร
มิใช่ว่าต้องเทศนาด้วยพระธรรมหรอกหรือ
นางสะดุ้งอย่างอดมิได้ บรรพชิตอย่างต้าเต๋อดูจะต่างจากที่นางคิดไว้