ความเร็วในการเดินไม่สามารถเทียบการวิ่งได้อย่างแน่นอน ยังไงซะพวกเราก็ไม่ใช่แชมป์แข่งเดินทนอยู่แล้ว
แต่ความเร็วที่ผมใช้สกิลทำได้เมื่อกี้ แม้ว่าเป็นแชมป์โอลิมปิควิ่ง 100 เมตรก็ไม่มีทางสู้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้พวกเราก็ใช้แค่ความเร็วปกติเดิน
แม้ว่าพวกเราเดินมาสามชั่วโมงแล้ว แต่รู้สึกว่าระยะห่างระหว่างพวกเรากับภูเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ไม่รู้จริงๆ ว่าความเร็วของผมก่อนหน้านี้คือกี่กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งที่ตอนนั้นรู้สึกว่าแค่แป๊บเดียวระยะห่างก็ใกล้ขึ้นไม่น้อยแท้ๆ
แต่ความรู้สึกแบบนั้นก็อึดอัดมาก แม้ว่ายาจะสามารถฟื้นฟูได้ แต่ความรู้สึกอ่อนแอแบบนั้นผมไม่อยากพบเจออีกครั้งแล้ว
เหมือนกับถ้าคุณมีความสามารถเกิดใหม่อีกครั้ง แต่คุณจะยินดีถูกแทงเหรอ? เหตุผลก็คล้ายกัน
แต่ก็โชคดีที่แคล้วคลาดปลอดภัย ระหว่างทางก็ถือว่าเป็นการสงบอารมณ์เมื่อกี้ลงได้
ประสบการณ์คราวนี้ก็ไม่ถือว่าเปล่าประโยชน์ซะทีเดียว อย่างน้อยตั้งแต่นั้น ฮีลก็ให้ความรู้สึกเปลี่ยนไปไม่น้อย ถ้าก่อนหน้านี้ยังมีความเป็นเด็กน้อย ตอนนี้ก็ให้ความรู้สึกเป็นผู้ใหญ่ขึ้น อย่างน้อย แววตานั้นก็ดูไม่เลว
นึกไม่ถึงว่านอกจากเลเวลจะเพิ่มแล้ว NPC พวกนี้ก็สามารถเปลี่ยนไปตามประสบการณ์ได้ ไม่ธรรมดาจริงๆ
แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมสงสัยมาตลอด ตอนคนอื่นฆ่าสัตว์อสูรผมก็ได้รับค่าประสบการณ์เพื่อนร่วมทีม แต่ผ่านไปนานขนาดนี้ ทำไมฮีลถึงยังไม่เลเวลอัพล่ะ? หรือว่าเพื่อนร่วมทีมของผมจะไม่ได้รับแบ่งปันค่าประสบการณ์?
งั้นก็น่าเสียดายสิ?
หรือว่าต้องให้เขาโจมตีปิดท้ายถึงจะได้รับค่าประสบการณ์? งั้นคงไม่ลำบากหรอกเหรอ?
ใช่แล้ว หรือว่านี่คือสาเหตุที่มิเชลต้องทำการโจมตีปิดท้ายในการแข่งขันชั้นปี? แต่การแข่งขันในสนามต่อสู้จริงไม่มีค่าประสบการณ์ไม่ใช่เหรอ?
เป็นเพราะว่าการแข่งขันชั้นปีมีค่าประสบการณ์หรือเป็นเพราะมีเพียง NPC พวกนี้ถึงจะได้รับค่าประสบการณ์?
ช่างเถอะ ปัญหานี้ไว้ค่อยว่ากันทีหลังดีกว่า
“รอเดี๋ยว ลมทางนั้นผิดปกติ”
“หืม?”
ทันใดนั้น ฮีลก็จับผมแล้วพูด ผมมองทางที่เขาชี้ แต่ก็ไม่เห็นชื่อหรืออะไร
ทว่า ยังไงซะก็เป็นสถานการณ์พิเศษ ตอนนี้หยั่งเชิงไว้คงดีกว่า
“อุกกาบาตน้ำแข็ง!”
ผมใช้เวทมนตร์สายน้ำแข็งที่ทรงพลังที่สุดทันที เวทมนตร์นี้ในแง่ของพลังทำลายล้างถือว่ามีประโยชน์มาก น่าเสียดายที่ผลาญมานามากเกินไป
ทำไมผมถึงเล่นใหญ่ทันทีเลยน่ะเหรอ? เพราะใครก็ตามที่คิดซ่อนตัวต่อหน้าพวกเราล้วนอันตรายทั้งนั้น แล้วผมก็ยืนยันได้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่อาจารย์แรนดอล เพราะตอนที่พวกเราเดินเมื่อกี้ หมอนั่นก็กลับมาอยู่ข้างหลังพวกเราโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวแล้ว แต่คราวนี้เขากลับไม่ได้เปิดเผยร่องรอย
บางทีคงกังวลว่าพวกเราจะวิ่งไปประณามเขาว่าเห็นแต่ไม่ช่วย
หลังจากถูกอุกกาบาตน้ำแข็งของผม ป่าตรงนั้นก็ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งทันที ภายใต้แสงอาทิตย์ระยิบระยับ ในขณะเดียวกัน ชื่อสีแดงก็ปรากฏออกมา
เลอี้ 0034 เลเวล 10 ภูติสายไม้ (สิ่งอัญเชิญ)
เป็นเพราะเลเวลที่ต่างกันของพวกเรา HP ของเจ้าตัวนี้ตอนนี้จึงเหลือศูนย์แล้ว ก็แปลว่า เด็กที่น่าสงสารนี่เหลือแค่ศพที่ถูกแช่แข็งไว้ที่นั่น
ผมรีบก้าวเท้าไปข้างหน้า ในที่สุดก็มองเห็นใบหน้าของเจ้าตัวนี้ได้ชัดเจน
หูแหลม ผิวดูเรียบเนียน ผิวสีเขียวเข้ม ดวงตาโตน่ารัก แล้วยังมีปีกโปร่งใสหนึ่งคู่ อืม ถ้าผมเดาไม่ผิด นี่ก็น่าจะเป็นภูติจิ๋วในตำนาน!
อันที่จริงไม่ต้องเดา ผมก็มองออกตั้งแต่ชื่อบนหัวมันแล้ว
แต่เจ้าตัวเล็กนี้น่ารักจริงๆ อยากเก็บไว้เป็นสัตว์เลี้ยงจัง น่าเสียดายที่ดูเหมือนเป็นสิ่งอัญเชิญของคนอื่น…แม้ผมจะชอบเอลฟ์สาวหุ่นดีที่สูงพอกันมากกว่า แต่มีภูติจิ๋วน่ารักอยู่ข้างกายก็ยังดูเจริญหูเจริญตา
แม้ว่าจะหน้าอกเล็ก แต่น่ารักก็พอแล้ว
“นึกไม่ถึงว่าจะเป็นสิ่งอัญเชิญ…นายเคยได้ยินว่ามีใครอัญเชิญภูติจิ๋วได้ไหม?”
ผมหันกลับไปถามฮีล
“ภูติจิ๋ว…ไม่เคยได้ยินเลย แต่สิ่งเดียวที่ข้ายืนยันได้ก็คือ มนุษย์ไม่สามารถอัญเชิญภูติจิ๋วได้”
“ไม่ได้เหรอ?”
ชิ น่าเสียดายจริงๆ ผมก็อยากอัญเชิญไว้สักตัวแท้ๆ…ไม่สิ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงคงเป็นปัญหาใหญ่ หรือว่าแถวนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญาประเภทอื่นนอกจากมนุษย์อยู่อีก? ไม่งั้นจะมีสิ่งอัญเชิญได้ยังไง?
พูดถึงป่า สิ่งที่นึกถึงก็มีเพียงแค่เอลฟ์กับดรูอิด แต่ป่านี้เป็นทรัพย์สินของสถาบันเราชัดๆ ทำไมถึงมีสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญาอย่างอื่นได้…
ไม่สิ จะว่าไปเมื่อกี้ยังเห็นคนที่ไม่ใช่สถาบันพวกเราเลย…คนพวกนั้นเป็นใครกันแน่? ทหารรับจ้าง? หน่วยสำรวจ? หรือว่าเป็นกลุ่มอาชญากรอย่าง ‘เรดลีฟ’?
ทำไมแค่การฝึกฝนเก็บเลเวลเล็กๆ ถึงได้พบเจอแต่เรื่องประหลาด? หรือว่านี่คือความน่าเศร้าของคนจากต่างโลก?
ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาตรงหน้าก็ดูร้ายแรงมาก ถ้าพูดถึงเรื่องก่อนหน้าที่ยังเป็นแค่ปัญหาระหว่างมนุษย์ เรื่องที่ปรากฏตรงหน้าผมตอนนี้ ก็คงเป็นปัญหาของเผ่าพันธุ์ที่แตกต่าง
ยังไงซะมนุษย์ก็ไม่มีทางอัญเชิญภูติจิ๋วได้ งั้นก็อธิบายได้ว่าของนี่ไม่ใช่มนุษย์ที่อัญเชิญ…
อ่า…
ถ้าเมื่อกี้ไม่เล่นใหญ่ทันทีก็คงดี ไม่แน่ว่าคงสามารถจับภูติจิ๋วตัวนี้ได้…รอเดี๋ยว บางทีอาจจะใช้เวทอันเดดลองดูได้! ในเมื่อตอนนี้มันตายแล้ว ผมน่าจะสามารถเก็บเข้าในแหวนมิติได้?
ด้วยความคิดที่จะลอง ผมจึงสัมผัสส่วนหนึ่งของมันที่อยู่นอกก้อนน้ำแข็ง เพียงครู่เดียวมันก็ถูกเก็บเข้าไปในแหวน
“เอ๋ ภูติจิ๋วนั่นล่ะ?”
“เอากลับไปดูที่สถาบันน่ะ”
“เอากลับไปดูที่สถาบัน? จะดีเหรอ? มันเป็นสิ่งอัญเชิญของผู้อื่น ถ้าคนที่อัญเชิญพบว่าสิ่งอัญเชิญของตัวเองตายแล้ว จะต้องตามมา…”
“…เรื่องแบบนี้ก็พูดให้ไวสิ!”
ผมรีบจับฮีลเข้าไปซ่อนตัวในไม้พุ่มข้างๆ เพิ่งเข้าไปได้ไม่นาน เสียงฝีเท้าถี่สั้นก็ดังขึ้นมา ไม่รู้ว่า ‘ภาพแฝง’ จะมีผลกับฮีลไหม เพราะงั้นผมจึงใช้ทั้งสกิล ‘ภาพแฝง’ และ ‘ซ่อนเร้น’ แล้วกอดฮีลซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้อย่างไร้เสียง
ไม่นานนัก คนสวมชุดสีดำทั้งตัวก็ปรากฏในวิสัยทัศน์ ตัวเตี้ยกว่าผมเล็กน้อย แต่จากเสื้อผ้าแล้วก็มองรูปร่างไม่ออก
ทว่า…
ทำไมคนพวกนี้ถึงชอบใส่เสื้อผ้าสีดำทั้งตัว วันที่อากาศร้อน แดดแรงขนาดนี้ไม่รู้สึกร้อนเหรอ? หรือว่าทำเพื่อลดน้ำหนัก?
แต่จะเพื่อเหตุผลอะไรก็ตาม คนแบบนี้ก็เป็นเพียงตัวตนของตัวร้ายในเกมเท่านั้น เว้นแต่พวกเขาจะกลับตัวในภายหลัง
แน่นอน ช่วงนี้ตัวร้ายก็ชอบสวมเสื้อผ้าสีขาว ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นพวกผิดปกติ
แต่ว่า ชื่อและฉายาของคนคนนี้ดึงดูดความสนใจของผมขึ้นมา
คามิโอชิ ยูอน เลเวล 21 นักบวชเอลฟ์ ? ผู้เคร่งครัดศาสนา เผ่าเอลฟ์ นักบวชตกอับ ผู้หลบหนี ผู้รับฟัง ??? ???
คนคนนั้นมองไปบริเวณนั้น หยุดตรงหน้าน้ำแข็งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็จากไปอีกทาง
น่าสนใจนี่ เป็นครั้งแรกที่เห็นคนมีชื่อญี่ปุ่น ยิ่งไปกว่านั้น ฉายาผู้หลบหนีนั้นก็ดูท่าทางไม่เลว
ผมยิ้ม แล้วดึงฮีลที่ตกตะลึงอยู่ตามไป