บทที่ 595 กลับบ้าน (1)

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

บทที่ 595 กลับบ้าน (1)

‘โฮก!’

เสียงคำรามสะเทือนใบหูจนแทบหนวก เสมือนดังอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของสวี่ชีอัน

เขาสะท้านไปทั้งตัว แล้วหันกลับมามองประหนึ่งจิตได้รับพร เขาเห็นสัตว์ประหลาดที่ทำให้เขาถึงกับลิ้นพันตาค้าง

ร่างกายของสัตว์ประหลาดตัวนี้ใหญ่มิดฟ้าบดบังตะวัน รูปลักษณ์ของมันไม่อาจอธิบายด้วยภาษาที่เรียบง่าย เพราะโครงร่างซับซ้อนและเขย่าขวัญเกินไป

นั่นคือก้อนเนื้อขนาดมหึมาที่มีเส้นเอ็นปูดนูนเป็นเส้นๆ กล้ามเนื้อบวมพองเป็นก้อนๆ ดูเหมือนภูเขาที่ประกอบจากกล้ามเนื้อ

ร่าง ‘ภูเขา’ ที่ประกอบจากกล้ามเนื้อมีรูอากาศเป็นแถวเรียง มันพ่นหมอกควันสีเขียวแก่ลอยขึ้นไปเป็นเกลียวบนท้องฟ้า และก่อตัวเป็นชั้นเมฆสีเดียวกัน

ส่วนล่างของภูเขาเนื้อไหลเวียนไปด้วยเงามืดที่หนาทึบ

และท่ามกลางเงามืดนั้น สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนผสมพันธุ์กันด้วยความบ้าคลั่งอย่างไม่อาจระงับความรู้สึก เหมือนในสมองมีเพียงการผสมพันธุ์และการแพร่พันธุ์

ตามมาด้วยอสูรที่ดูเหมือนศพเดินได้ฝูงหนึ่งด้านหลังของภูเขาเนื้อ

สวี่ชีอันมองด้าน ‘หน้า’ และ ‘หลัง’ ของภูเขาเนื้อออก เป็นเพราะว่ามันมีดวงตาที่เปี่ยมด้วยสติปัญญา ประหนึ่งว่าสามารถแยกแยะดวงตะวัน ดวงจันทร์ ภูเขา และแม่น้ำออก สามารถรับรู้กาลเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วตั้งแต่โบราณ

เทพกู่

สวี่ชีอันรู้ชื่อของมันได้เองโดยไม่ต้องหาหลักฐานยืนยัน

เทพมารที่เหลือรอดเพียงผู้เดียวจากยุคโบราณกาล หนึ่งในสิ่งสุดยอดของยุคปัจจุบัน อสูรยักษ์บรรพกาลที่หลับใหลอยู่ในห้วงลึกแห่งกาลเวลาอันไร้สิ้นสุด

“เหตุใดข้าจึงได้เห็นเทพกู่ในตำนาน…”

ในใจของสวี่ชีอันเกิดความงุนงงแวบหนึ่ง ขณะนี้เอง เขามองเห็นเงามืดแผ่ออกมาเป็นผืนใหญ่จากดวงตาที่เปี่ยมด้วยสติปัญญาคู่นั้นของเทพกู่

สวี่ชีอันกลับไปมอง…

“โฮก! ”

มันคำรามด้วยเสียงใสก้องอีกครั้ง เขาเห็นท้องฟ้าสีครามเข้ม เห็นผืนดินที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต เห็นมังกรพาดผ่านท้องฟ้าพุ่งตรงขึ้นไป เห็นนกเปลวเพลิงแวบผ่านท้องฟ้าไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางแสงสายัณห์ที่คล้ายเพลิงแผดเผา

เห็นยักษ์ตาเดียวเดินบนผืนดินอันกว้างใหญ่ไพศาลซึ่งด้านหลังเป็นฉากตะวันรอนอย่างไร้จุดหมาย

เห็นหนวดที่ยื่นออกมากวัดแกว่งอย่างพัลวันจนปกคลุมท้องฟ้า บดบังตะวันท่ามกลางผืนน้ำอันกว้างใหญ่ที่เดือดพล่านอย่างรุนแรง

เห็นเต่านิลสีดำถูกงูยักษ์รัดพัน

เห็นงูยักษ์ตาเดียวสีชาดที่ลืมตาเป็นกลางวัน หลับตาเป็นกลางคืน

เห็นยักษ์สิบสองคู่แขน งูยักษ์เกล็ดดำเก้าหัว และราชสีห์ทองคำสามหาง ซึ่งทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยดวงตาและกระจายไปด้วยก้อนเนื้อทรงกลมตามหนวด รวมถึงยอดอาชาเทพเปล่งแสงวิเศษห้าสีระยิบระยับ

นก…

ภาพแตกสลาย ความมืดมิดอันไร้สิ้นสุดเข้าถาโถม

สวี่ชีอันลืมตาขึ้นอย่างฉับพลัน ในสายตาเป็นห้องสงบจิต และข้าวของเครื่องใช้อันเรียบง่ายที่คุ้นเคย สิ่งพวกนี้มอบความรู้สึกปลอดภัยให้เขาเป็นอย่างมาก มันทำให้เขานำความเป็นจริงกลับมาได้

“เทพกู่บรรพกาล

“สิ่งที่ข้าเห็นคือเหล่าเทพมารยุคโบราณกาล…

“เหตุใดข้าจึงเห็นพวกเขาที่ควรจะดับสูญไปในแม่น้ำแห่งกาลเวลาเสียนานแล้ว”

สวี่ชีอันหวนนึกถึงภาพที่เพิ่งจะได้เห็น เขาเพียงรู้สึกหวาดผวาเป็นพักๆ จนแทบถูกความหวาดกลัวเข้าครอบงำ

ขณะนี้เอง เขาเพิ่งจะพบว่าแผ่นหลังเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ

“น่ากลัวมาก เทพกู่บรรพกาลแต่ละองค์น่ากลัวหาได้มีสิ่งใดเปรียบ ยากจะจินตนาการว่านั่นคือยุคสมัยใด”

เขาลุกไปรินน้ำร้อนให้ตนเองถ้วยหนึ่งริมโต๊ะชา แล้วจิบไปสองสามอึกด้วยสีหน้างุนงง ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงรู้สึกว่าตนเอง ‘มีชีวิตชีวา’ ขึ้นแล้ว และหลุดพ้นจากความหวาดกลัวอย่างนั้น

หลังจากใจสงบลง เขาเริ่มวิเคราะห์ที่มาที่ไปของชิ้นส่วนความทรงจำเหล่านั้น

ได้ข้อสรุปว่า พวกมันเป็นของเทพกู่

“สิ่งที่มีความเกี่ยวโยงกับเทพกู่เพียงสิ่งเดียวในตัวข้ามีเพียงเจ็ดยอดกู่ เพราะเช่นนั้นจึงเกิดคำถามว่า เหตุใดเจ็ดยอดกู่จึงมีชิ้นส่วนความทรงจำของเทพกู่

“เจ็ดยอดกู่เป็นของล้ำค่าที่รวมเอาวิชากู่ทั้งเจ็ดไว้ด้วยกันเพียงสิ่งเดียวในยุคปัจจุบัน มีความลับอยู่เบื้องหลังจริงๆ ด้วย”

สวี่ชีอันขมวดหัวคิ้ว ด้วยสภาพที่งุนงงไม่อาจหาคำตอบอย่างนี้ เขาอดคิดถึงตนเองสมัยที่ยังเป็นหน้าใหม่ในตอนแรกไม่ได้เลย

“ด้วยนิสัยของข้า เมื่อพบเรื่องที่ไม่อาจเข้าใจเช่นนี้ ข้าก็จะหันหน้าไปหาเว่ยกง แล้วโยนเรื่องปวดกบาลให้เขาแทน”

สวี่ชีอันยิ้มหัวเราะสักพักแล้วเงียบไป

สวี่ชีอันลูบใบหน้าขจัดความคิดต่างๆ แล้วมองเจ็ดยอดกู่ที่เลื่อนขั้นแล้ว

อย่างแรกคือเทียนกู่ มันไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ มันสามารถพยากรณ์อากาศ สามารถรับรู้การเปลี่ยนแปลงทั้งยี่สิบสี่ฤดูกาล และมี ‘วิชาดวงดาราผันเปลี่ยน’ ซึ่งเป็นความสามารถหลัก

ในส่วนของวิชาสอดส่องความลับสวรรค์ เป็นทักษะที่มองเห็นอนาคตช่วงสั้นๆ เนื่องจากระดับสูงเกินไป เจ็ดยอดกู่จึงยังควบคุมไม่ได้

ความสามารถทั้งสองอย่างของอั้นกู่ซึ่งก็คือวิชากระโดดสู่เงาและวิชาเคลื่อนที่ใต้เงาได้รับการเลื่อนขั้นอย่างมาก

ขอบเขตของวิชากระโดดสู่เงาเพิ่มเป็นรัศมีสามร้อยเมตร ทั้งยังไม่มีการ ‘ผ่อนแรงปะทะ’ อีก ขณะที่สวี่ชีอันกระโดดสู่เงาก่อนหน้านี้ จะมีการผ่อนแรงปะทะต่ำกว่าหนึ่ง (ร่างกายสลายประดุจเงา)

วิชาเคลื่อนที่ใต้เงาเร็วขึ้นกว่าเก่าและอำพรางตัวมิดชิดกว่าเดิม ถือได้ว่าเป็นวิชาหลบหนีอย่างหนึ่ง ทั้งยังสามารถพาผู้อื่นไปได้หนึ่งคน

นอกจากนี้ มันได้เพิ่มความสามารถที่สามซึ่งก็คือเงาสถิตร่าง

สวี่ชีอันสามารถอาศัยอยู่ในเงาของบุคคลที่เป็นเป้าหมายได้นานถึงสองชั่วยาม

แต่สิ่งที่ต้องระวังก็คือ ผลข้างเคียงทั้งสองอย่างก่อนหน้านี้เพิ่มขึ้นมาก นอกจากนี้ยังเพิ่มผลข้างเคียงที่สามซึ่งก็คือ ในแต่ละวันจะต้องใช้ ‘เงาสถิตร่าง’ สิบห้านาที

“ก็ดีเลย ข้าสามารถซ่อนใต้กระโปรงของสตรีได้…เจ็ดยอดกู่นี่ร้ายจริงๆ เลย” สวี่ชีอันเอ่ยแขวะ

การเลื่อนขั้นของลี่กู่อยู่ที่ความสามารถในการรักษาตนเองเพิ่มมากขึ้น

ความสามารถในการรักษาตนเองไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับสวี่ชีอันในตอนนี้

การเลื่อนขั้นของซินกู่มีสองด้าน

หนึ่ง ผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญารุนแรงขึ้น สอง ควบคุมจำนวนประเภทอสูรสติปัญญาต่ำเพิ่มขึ้น

ข้อแรกใช้เพื่อสร้างผลกระทบให้ศัตรูเหมือนที่ฉีฮวนตานเซียงรับมือดาบไท่ผิง

ข้อสองเหมาะใช้ในสงคราม หนึ่งคนเท่ากับหนึ่งกองทัพขนาดย่อม

แต่สิ่งที่ต้องพึงระวังให้ดีก็คือ ความชอบพอของผู้ถูกอาศัยที่มีต่อสัตว์จะมากขึ้น หากไม่สามารถควบคุมตนเองให้ดี เป็นไปได้มากว่าจะเกิดความคิดที่น่ากลัวอย่าง ‘สืบลูกหลานกับมันคงไม่เสียหาย’

ความเปลี่ยนแปลงของตู๋กู่คือ เขาก็สามารถเปลี่ยนน้ำลาย เลือด ขนและผมหรือส่วนอื่นๆ ของตนเองเป็นสิ่งมีพิษได้ตราบที่เขาต้องการ โดยจะเปลี่ยนเป็นยาพิษใดๆ ก็ตามที่เคยลิ้มลอง

อย่างเช่น สวี่ชีอันเคยทานยาพิษบางอย่างที่สามารถใช้เป็นยาได้ เช่นนั้นเขาก็จะสามารถเปลี่ยนผมหรือเล็บของตนเองเป็นยาพิษชนิดนั้นได้ และสามารถใช้เป็นยาเพื่อช่วยชีวิตคนในช่วงที่จำเป็นได้

หรืออีกอย่าง หากเขาเคยชิมยาพิษบางอย่างที่มีฤทธิ์ทำให้ชาทั่วร่าง เขาก็จะสามารถเปลี่ยนน้ำลายของตนเองเป็นพิษชนิดนั้นได้ แล้วก็ส่งมันเข้าไปในร่างกายของราชครูขณะจูบกับนาง เช่นนี้เขาก็จะสามารถทำได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ

และแน่นอน ไม่มียาพิษในโลกที่สามารถทำให้ราชครูติดพิษได้ เว้นเสียจากเทพกู่จะมาด้วยตนเอง

ผลข้างเคียงคือ ความกระหายยาพิษในแต่ละวันเพิ่มขึ้นและกลายเป็นคนจู้จี้จุกจิก หากไม่ได้ทานยาพิษหลากชนิดภายในครึ่งเดือนเขาจะโมโห

จื่อกูที่ฉิงกู่สามารถแยกตัวได้มีมากกว่าสิบแปดตัว ประสิทธิผลของปราณเสน่หาที่หลั่งออกมาจึงรุนแรงขึ้น สวี่ชีอันสามารถทำให้ผู้คนรอบๆ ออกกำลังกายหมู่ได้ทุกที่ทุกเวลาหากเขาต้องการ

นอกจากนี้ ฉิงกู่ยังมีความสามารถใหม่เพิ่มสองอย่าง

หนึ่ง เพิ่มระยะเวลาในการประกอบกิจ

สอง เพิ่มแรงเสน่ห์เฉพาะตัว

ข้อแรกไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับสวี่ชีอันที่เป็นจอมยุทธ์อย่างไม่ต้องสงสัย

ข้อสองมันไม่ต่างกับมนต์เสน่ห์ฉบับคัดลอก

ผลข้างเคียงคือเพิ่มความต้องการทางเพศบนพื้นฐานความมักมากในกามารมณ์ของร่างเดิม โดยจะต้องประกอบกิจหนึ่งครั้งภายในครึ่งเดือน สวี่ชีอันสามารถยับยั้งผลข้างเคียงนี้ได้ด้วยร่างขั้นสามในตอนนี้ของเขา

มันเพียงไม่จำเป็นเท่านั้นเอง

สุดท้ายคือซือกู่

จื่อกู่สี่ตัวจากร่างเดิมเพิ่มเป็นแปดตัว ยกระดับจากเก็บรักษาทักษะขณะมีชีวิตอยู่ก่อนหน้านี้เป็นเก็บรักษาเสี้ยววิญญาณของผู้ตายบางส่วน ทำให้หุ่นเชิดเฉียบไวยิ่งขึ้น พลังต่อสู้ก็แข็งแกร่งกว่าเดิม

ผลข้างเคียงก็รุนแรงขึ้น สามารถสรุปโดยใช้วลีนี้ได้คร่าวๆ ว่า

เห็นศพเปลือยไม่ได้! เห็นศพเปลือยไม่ได้! เห็นศพเปลือยไม่ได้!

กล่าวคำสำคัญสามรอบ

“ผลข้างเคียงของซือกู่ขัดกับความชอบที่ข้ามีให้การชันสูตรพลิกศพโดยสิ้นเชิง…โชคดีที่ข้ายังไม่ได้สืบทอดเจ็ดยอดกู่ตอนคดีพระสนมฝูในตอนแรก…”

มิเช่นนั้นหวงเสี่ยวโหรวและพระสนมฝูก็หนีไม่พ้นแม้แต่คนเดียว

ซือกู่วิปริตที่สุด ตามมาก็ซินกู่…สวี่ชีอันแขวะอย่างเงียบๆ

สีหน้าเขาเปลี่ยนไปในทันทีพอนึกถึงปัญหาหนึ่ง

เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าซือกู่วิปริตกว่าซินกู่ หรือว่าข้ารับอสูรกับมนุษย์ได้มากกว่ามนุษย์กับศพ ข้าจึงคิดเช่นนี้ หรือเพราะได้รับผลกระทบจากซินกู่แล้ว

สวี่ชีอันกระตุกมุมปากอย่างแรง

ขณะนี้เอง ประตูบานเฟี้ยมของห้องสงบจิตถูกผลักเข้าจากด้านนอก ท่านราชครูถือไม้ปัดฝุ่นข้ามธรณีประตูเข้ามาในห้อง

“ข้าเห็นว่าเจ้าตื่นแล้ว กลิ่นอายเมื่อครู่ไม่ค่อยปกติ เกิดอะไรขึ้น”

นางถามอย่างเต็มไปด้วยความห่วงใย

สวี่ชีอันกระตุกปีกจมูกเบาๆ เขาได้กลิ่นชาดหอมโชยเข้าจมูก

พอมองให้ละเอียดอีกรอบ พบว่าลั่วอวี้เหิงแต่งหน้าและแต่งตัวสวยกว่าวันไหนๆ

นางคงจะแต่งหน้าให้ข้าดู ลั่วอวี้เหิงในบุคลิกนี้สิจึงจะเป็นสตรีที่แท้จริงและปกติ…สวี่ชีอันเพิ่งคิดจะชมได้ไม่กี่คำ พลันต้องตกใจ ในดวงตาของเขากลับสะท้อนทรวดทรงอันสวยงามของลั่วอวี้เหิงออกมาเป็นนางแมว

นางแมวในรูปลักษณ์พี่สาววัยผู้ใหญ่

…สวี่ชีอันปิดตาแล้วลืมตาใหม่อีกครั้ง พบว่านางแมวหายไปแล้ว คราวนี้เปลี่ยนเป็นครึ่งคนครึ่งม้า ลำตัวท่อนบนเป็นราชครูแสนงดงามและเยือกเย็นที่กำลังถือไม้ปัดฝุ่นในชุดขนนก ส่วนท่อนล่างเป็นลำตัวม้า

‘เปรี๊ยะ! ’

สวี่ชีอันออกแรงตบหน้าตนเอง

ลั่วอวี้เหิงขมวดคิ้วเบาๆ แล้วเอ่ยว่า

“นี่เจ้าทำอะไร”

เอาทัศนคติในการเลือกคู่ครองและมุมมองต่อสิ่งต่างๆ คืนมานะ…สวี่ชีอันถอนหายใจอย่างเงียบๆ ก่อนเอ่ยว่า

“ไม่มีอะไรๆ ราชครูอย่าได้เป็นกังวล”

เขาเข้าใจในทันที เป็นเพราะแรงเสน่ห์อันพิศวงที่รุมเร้าด้วยไฟแห่งกรรมจากลั่วอวี้เหิง จึงทำให้เขามองเห็นรูปลักษณ์ใหม่นอกเหนือรูปลักษณ์ ‘น้องสาวจิตใจดีงาม’ และอื่นๆ จากตัวของนาง

สาวผิดมนุษย์

และเป็นเพราะรูปลักษณ์ใหม่นี้ได้รับผลกระทบจากซินกู่ ผลลัพธ์ที่ได้จึงสามารถตอบสนองความปรารถนาของซินกู่ที่มีต่อสัตว์ร้าย และยังสามารถทำให้เขายอมรับรูปลักษณ์ได้ในระดับหนึ่ง หลังจากเขาประนีประนอมบางส่วนและผสานประสบการณ์จากชาติที่แล้ว

ราชครูช่างเป็นกระจกสะท้อนปีศาจที่ป่วยกามเสียจริง…สวี่ชีอันฝืนข่มความคิดลามกในใจแล้วเอ่ยว่า

“ราชครู ข้าจะกลับจวนเสียหน่อย”

ราชครูลังเลครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเบาๆ ว่า

“หากไม่มีเรื่องด่วนก็อยู่ที่อารามรัตนะจนถึงตะวันตกดินเสียเถิด

“พรุ่งนี้จะเป็นบุคลิก ‘เกลียด’ ในสภาวะเจ็ดอารมณ์ ซึ่งเป็นอารมณ์ด้านลบที่ควบคุมยากที่สุด

“เพื่อความมั่นใจ พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องบำเพ็ญคู่แล้ว ข้าจะปิดผนึกเพื่อให้ตนเองผ่านพ้นพรุ่งนี้ไปด้วยการหลับใหล

“เพราะฉะนั้น…”

สวี่ชีอันเข้าใจแล้ว ความหมายของนางก็คือ ให้ชดเชยส่วนของการบำเพ็ญคู่ในวันพรุ่งนี้ตอนนี้เลย

การเข่นฆ่าโรมรันอันดุเดือดครั้งหนึ่งเริ่มขึ้น พวกเขาต่อสู้กันจนถึงจุดสุดยอด สวี่ชีอันเอ่ยขณะโอบขาเรียวยาวอันกระชับและอวบอิ่มว่า

“ราชครู ท่านร้อง ‘เหมียวเหมียว’ สักหน่อยได้หรือไม่”

“ราชครู โฮ่งๆ ก็ได้”

“ราชครู ท่านรู้ไหมว่าม้าร้องเช่นไร เหตุใดราชครูจึงจับกระบี่ทิ่มข้าเล่า…”

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท