บทที่ 633 หลี่หลิงซู่ ‘ถึงเวลาที่ข้าต้องแสดงอิทธิฤทธิ์ต่อหน้าผู้คนแล้ว’

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ชั่ว​ขณะที่​สวี่​ชีอัน​บิน​อยู่​บน​ฟ้าก็​พบ​ร่าง​ของ​เทพ​อารักษ์​อสูร​ใน​พื้นที่ราบ​ระหว่าง​ภูเขา​แห่ง​หนึ่ง​

เขา​จมอยู่​ใน​แอ่ง​เลือด​สีทอง​เข้ม​อย่าง​ไร้​สุ้มเสียง​ ดวงตา​ทั้งสอง​ข้าง​ว่างเปล่า​และ​ตาย​อย่าง​เงียบๆ​

สวี่​ชีอัน​ร่อน​ลง​บน​พื้น​ ก่อน​จะก้าว​ไป​ที่​ข้าง​ศพ​ของ​เทพ​อารักษ์​อสูร​ทันที​ เขา​ใช้เจิ้นกั๋วเจี้ยน​ตัด​หลอดเลือด​ของ​เทพ​อารักษ์​อสูร​ ก่อน​จะอ้า​ปาก​ดูด​เลือด​เข้าไป​

‘อึก​อึก​…’

ลูกกระเดือก​ม้วน​ตัวอย่าง​กระหาย​ เลือด​ของ​เทพ​อารักษ์​กลายเป็น​ลำธาร​ไหล​เข้าไป​ใน​ปาก​ แผดเผา​ช่องท้อง​ของ​สวี่​ชีอัน​ราวกับ​ลาวา​ร้อนระอุ​

ร่าง​ของ​เทพ​อารักษ์​อสูร​แห้งเหี่ยว​ลง​อย่าง​รวดเร็ว​

ยิ่ง​ดูด​กลืนเลือด​ศักดิ์สิทธิ์​ของ​เทพ​อารักษ์​มากขึ้น​เรื่อยๆ​ รูม่านตา​ของ​สวี่​ชีอัน​ก็​เปลี่ยนเป็น​สีทอง​อร่าม​ เส้นเลือด​สีทอง​ปูด​โปน​ขึ้น​บริเวณ​โหนกแก้ม​ จากนั้น​ผิวหนัง​ก็​ถูก​ปกคลุม​ไป​ด้วย​สีทอง​

เขา​ถูก​ห่อหุ้ม​ไป​ด้วย​แสงสีทอง​วูบวาบ​ราวกับ​ลมหายใจ​เข้าออก​

กระบวนการ​นี้​กินเวลา​ไป​กว่า​ครึ่ง​ชั่ว​ยาม​ จากนั้น​แสงสีทอง​ก็​ค่อยๆ​ ลด​ความสว่าง​ลง​

สวี่​ชีอัน​ในเวลานี้​ ผิว​ของ​เขา​เป็น​สีทอง​เข้ม​ กล้ามเนื้อ​เป็น​มัด​ค่อยๆ​ ยืด​ออก​ทีละน้อย​ วงแหวน​ไฟปรากฏ​ขึ้น​ที่​ด้านหลัง​ศีรษะ​ อุณหภูมิ​โดยรอบ​เริ่ม​สูงขึ้น​

เขา​กลายเป็น​ผู้​น่าเกรงขาม​และ​สุขุม​อย่างยิ่ง​ ราวกับ​ผู้​ปกปักรักษา​ศาสนาพุทธ​ระดับ​เพชร​องค์​หนึ่ง​

“พลัง​ปราณ​ไม่เปลี่ยนแปลง​ แต่​พลัง​และ​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​ร่างกาย​พุ่ง​สูงขึ้น​ ข้า​ใน​ตอนนี้​ ต่อให้​ไม่มีเจิ้นกั๋วเจี้ยน​ก็​สามารถ​เอาชนะ​ตู้​หนาน​หรือ​เทพ​อารักษ์​ตู้​ฝาน​ได้​ตัวต่อตัว​…ข้า​ใน​ตอนนี้​ เทียบ​เท่ากับ​การ​รวมตัว​ของ​ยอด​ฝีมือ​ขั้น​สามและ​เทพ​อารักษ์​ขั้น​สาม”

เมื่อ​รู้สึก​ถึงการเปลี่ยนแปลง​ของ​ตัวเอง​ สวี่​ชีอัน​ก็​รู้สึก​ปลื้ม​ปีติ​อย่างยิ่ง​ที่​ค้นพบ​ว่า​ในที่สุด​เขา​ก็​ก้าว​ทัน​พลัง​เทพ​วชิระ​และ​ก้าว​เข้าสู่​ขอบเขต​ของ​เทพ​อารักษ์​ขั้น​สาม

ตอนนี้​เขา​มีร่าง​ของ​เทพ​อารักษ์​ขั้น​สามและ​ความสามารถ​ใน​การรักษา​ตัวเอง​ของ​จอม​ยุทธ์​ขั้น​สามอยู่ในครอบครอง​

ใน​ขอบเขต​ขั้น​สามนี้​ เขา​เป็น​บุคคล​ที่​ยอดเยี่ยม​อย่าง​สมบูรณ์​ หาก​สามารถ​ปลด​ตะปู​ผนึก​มาร​และ​ฟื้นฟู​การ​บำเพ็ญ​ได้​ เช่นนั้น​การ​เป็น​อันดับ​หนึ่ง​ใน​อาณาจักร​นี้​ก็​ไม่ใช่ว่า​จะเป็นไปไม่ได้​

“รวบรวม​ปราณ​มังกร​ของ​กลุ่ม​พันธมิตร​จอม​ยุทธ์​ได้​ทั้งสอง​ตัว​ ได้รับ​สถานะ​ของ​เทพ​อารักษ์​ ข้า​ได้​กำไร​แล้ว​…ข้า​จำได้​ว่า​จ้าว​โส่ว​เคย​บอ​กว่า​ การอัญเชิญ​เทพเจ้า​ศักดิ์สิทธิ์​ต้อง​ชดใช้​ด้วย​ราคา​มหาศาล​ แม้กระทั่ง​ชีวิต​ ตอนนั้น​ที่​เว่ยกง​อัญเชิญ​วิญญาณ​ปราชญ์​ขงจื๊อ​ศักดิ์สิทธิ์​ก็​มีความมุ่งมั่น​ที่จะ​เดิน​เข้าสู่​หนทาง​สู่ความตาย​ ข้า​ใช้ร่าง​ของ​ขั้น​สามใน​การอัญเชิญ​วิญญาณ​จักรพรรดิ​เกา​จู่ นอกจาก​ภาระ​ที่​ต้อง​แบกรับ​มาก​จน​เกินไป​แล้ว​ ข้า​ก็​ดูเหมือน​จะไม่ได้รับ​ผลสะท้อน​กลับ​แต่อย่างใด​ หรือ​เป็น​เพราะ​ข้า​ต้อง​รับผิดชอบ​ชะตา​บ้านเมือง​อย่างนั้น​รึ​?”

สวี่​ชีอัน​ที่​ไม่ได้รับ​คำตอบ​ทิ้ง​ความสงสัย​เอาไว้​เบื้องหลัง​ ความสนใจ​ของ​เขา​ถูก​ดึงดูด​โดย​สร้อยข้อมือ​ที่อยู่​บน​ข้อมือ​ของ​เทพ​อารักษ์​อสูร​แทน​

สร้อยข้อมือ​นี้​มีกลิ่นอาย​ของ​เทียน​กู่​ เป็น​อาวุธ​เวทมนตร์​ขั้นสูง​ชิ้น​หนึ่ง​ที่​มีความสามารถ​ใน​วิชา​ ‘ดวง​ดารา​ผัน​เปลี่ยน​’

มัน​ถูก​ถัก​ทอ​ขึ้น​จาก​เส้น​ไหม​ ห้อย​ประดับ​ด้วย​ฟัน​สัตว์​ แผ่น​ทองแดง​และ​หยก​หลาก​สีสัน​

อาวุธ​เวทมนตร์​ของ​เผ่า​เทียน​กู่​มีสถานะ​สูงมาก​ เห็นได้ชัด​ว่า​นี่​เป็น​อาวุธ​เวทมนตร์​ที่​ผู้เฒ่า​เทียน​กู่​ที่​เป็น​พันธมิตร​กับ​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ได้​ทิ้ง​ไว้​

“ในอนาคต​ข้า​ต้อง​ไป​ที่​ซินเจียง​ตอน​ใต้​อย่าง​แน่นอน​ เก็บ​อาวุธ​เวทมนตร์​ชิ้น​นี้​ไว้​ก่อน​ ถึงเวลา​ค่อย​มอบให้​กับ​หญิง​ชรา​แห่ง​เทียน​กู่​เป็น​ของขวัญ​ ของที่ระลึก​ของ​สามีผู้ล่วงลับ​ นาง​น่าจะ​สนใจ​มัน​ไม่น้อย​…”

สวี่​ชีอัน​นำ​ชิ้นส่วน​หนังสือ​ปฐพี​ออกมา​ จากนั้น​ก็​ดูดซับ​ปราณ​มังกร​ใน​ร่างกาย​แล้ว​นำ​สร้อยข้อมือ​และ​ร่าง​ของ​เทพ​อารักษ์​อสูร​เก็บ​เข้าไป​ด้านใน​

ร่าง​ของ​เทพ​อารักษ์​ก็​เป็น​วัตถุ​ชั้นยอด​ใน​การ​กลั่น​อาวุธ​เวทมนตร์​หรือ​ยาอายุวัฒนะ​ เขา​วางแผน​จะส่งไป​ให้​ซุน​เสวียน​จีเป็น​การตอบแทน​

“ตู้​หนาน​และ​ตู้​ฝาน​ตก​อยู่​ที่​เจี้ยน​โจว​ สำนัก​พุทธ​ไม่มีขั้น​สามอย่าง​สมบูรณ์​แล้ว​ และ​ก็​ไม่รู้​ว่า​ทาง​ฝ่าย​อรัญ​ตา​จะมีปฏิกิริยา​อย่างไร​ พระโพธิสัตว์​จะปรากฏตัว​ออกมา​แล้ว​ร่วมมือ​กัน​ฆ่าข้า​หรือไม่​?”

เมื่อ​นึกถึง​ตรงนี้​ สวี่​ชีอัน​ก็​กัดฟัน​กรอด​

พระอรหันต์​ตู้​ฉิงถูก​ปิดผนึก​อยู่​ที่​สำนัก​โหราจารย์​ เทพ​อารักษ์​ตู้​ฝาน​และ​ตู้​หนาน​ก็​ร่วงหล่น​ ทั้งหมด​นี้​เป็น​เพราะ​เขา​

“ถึงแม้เดิมที​สำนัก​พุทธ​และ​ข้า​จะมีความขัดแย้ง​กัน​ แต่​ตอนนี้​เกรง​ว่า​คง​ไม่หยุด​จนกว่า​จะตาย​ ข้า​ที่​กำลัง​จนตรอก​ ไม่มีทางเลือก​อื่น​นอกจาก​พึ่งพา​จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​ เฮ้ ชีวิต​ของ​ตู้​หนาน​และ​ตู้​ฝาน​ก็​ควร​ถือว่า​เป็น​ใบ​มอบตัว​สิ”

จนกระทั่ง​สวี่​ชีอัน​จากไป​ ทุก​คนใน​กลุ่ม​พันธมิตร​จอม​ยุทธ์​ที่​มีเฉาชิงหยาง​เป็นตัวแทน​ถึงค่อยๆ​ ค้นพบ​ความรู้สึก​ที่​แท้จริง​และ​ค้นหา​ตนเอง​

“จบ​แล้ว​รึ​ ไม่มีศัตรู​อีกแล้ว​กระมัง​?”

“สำนัก​พุทธ​ยังมี​พระโพธิสัตว์​ย่างกราย​มาด้วย​รึ​? เช่นนั้น​สำนัก​พ่อ​มด​ยังมี​ยอด​ฝีมือ​ขั้น​หนึ่ง​ที่​ยัง​ไม่มาหรือไม่​?”

“ฆ้อง​เงิน​สวี่​ไป​ที่ใด​แล้ว​เล่า​ หรือว่า​ยังมี​ศัตรู​ทรงพลัง​ที่​ต้อง​จัดการ​อีก​รึ​?”

ใน​ฝูงชน​มีคน​ตั้งคำถาม​ไม่หยุด​ สงสัย​ว่า​การต่อสู้​ยัง​ไม่สิ้นสุด​และ​ทั้งสองฝ่าย​ยังมี​ไพ่​ใบ​สุดท้าย​ที่​ยัง​ไม่เปิด​ออกมา​

หลังจาก​เณร​น้อย​ขั้น​สี่แห่ง​สำนัก​พุทธ​จู่โจมกะทันหัน​ จนถึง​ความ​ชุลมุน​วุ่นวาย​ระหว่าง​ขั้น​สี่และ​การต่อสู้​ระหว่าง​ชาย​ใน​ชุด​คลุม​ทั้ง​แปด​กับ​เฉาเห​มิงจู่ ตาม​ด้วย​การพุ่ง​ลง​มาจาก​ฟากฟ้า​ของ​เทพ​อารักษ์​ ศิษย์​อันดับ​สอง​ของ​ท่าน​โหราจารย์​ ‘ปิดประตู​’ ใส่เทพ​อารักษ์​ จากนั้น​เจ้าแห่ง​วัสสาน​สำนัก​พ่อ​มด​ก็​ลงมือ​โจมตี​ด้วย​สายฟ้า​ฟาด​

ฆ้อง​เงิน​สวี่​ปรากฏตัว​ออกมา​ ทำให้​เจ้าแห่ง​วัสสาน​สำนัก​พ่อ​มด​ได้รับ​บาดเจ็บสาหัส​ บรรพชน​เอาชนะ​อุปสรรค​ ร่าง​สีทอง​พร้อม​แขน​สิบสอง​คู่​เยื้องกราย​มาถึง ชาย​ชุด​ขาว​ปรากฏตัว​ขึ้น​ ฆ้อง​เงิน​สวี่​อัญเชิญ​ร่าง​ธรรม​ของ​จักรพรรดิ​เกา​จู่ออกมา​…

การ​ที่​สำนัก​พุทธ​ ‘พลิกแพลง​ตาม​สถานการณ์​’ ที่​ดูเหมือน​จะไม่มีที่​สิ้นสุด​นี้​ ทำให้เกิด​ความเจ็บปวด​ใน​จิตใจ​กับ​ทุก​คนใน​กลุ่ม​พันธมิตร​จอม​ยุทธ์​

การต่อสู้​ของ​เทพเจ้า​ทำให้​กลุ่ม​มนุษย์​ธรรมดา​อย่าง​พวกเขา​เหมือน​กำลัง​เหยียบ​อยู่​บน​แผ่น​น้ำแข็ง​บาง​ๆ

‘ตุบ​’ …ชาย​ชรา​คน​หนึ่ง​มาถึงที่​ยอดเขา​ทางใต้​ เขา​กวาดสายตา​มอง​ทุกคน​ จากนั้น​ก็​มอง​เฉาชิงหยาง​และ​กล่าวว่า​ “จัด​การแก้ปัญหา​ที่​ตามมา​กัน​เถอะ​”

ตอนนี้​เฉาชิงหยาง​และ​คนอื่นๆ​ ยืนยัน​ได้​แล้ว​ว่า​การต่อสู้​ได้​สิ้นสุดลง​แล้ว​

ทุกคน​ต่าง​ก็​โล่งใจ​ราวกับ​ยกภูเขาออกจากอก​

“ขอรับ​ ท่าน​บรรพชน​!”

เฉาชิงหยาง​สังเกต​มอง​ผู้เฒ่า​อย่าง​ลับ​ๆ พลาง​นำ​กลุ่ม​ผู้ใต้บังคับบัญชา​ออก​ไป​

“ท่าน​บรรพชน​ ฆ้อง​เงิน​สวี่​ไป​ไหน​รึ​?”

เซียว​เย​ว่​หนู​ยัง​ไม่เดิน​ไป​และ​แสดง​ความเคารพ​อย่าง​นอบน้อม​

ทันใดนั้น​ทุกคน​ก็​มอง​ไป​ที่​ท่าน​บรรพชน​ทันที​

“ไม่ต้อง​เป็นห่วง​เขา​”

ผู้เฒ่า​โบกมือ​หย็อย​ๆ

ทุก​คนใน​กลุ่ม​พันธมิตร​จอม​ยุทธ์​ถึงวางใจ​ลง​

ใน​ภูเขา​ที่​แห้งแล้ง​อัน​ห่างไกล​จาก​กลุ่ม​พันธมิตร​จอม​ยุทธ์​ ตง​ฟางหว่าน​หรง​ร่อน​ลง​สู่ข้าง​ลำธาร​เล็ก​ๆ บน​ภูเขา​

“ฮู้…”

นาง​กุม​หน้าอก​พลาง​ทอดถอนใจ​ ก่อน​จะนั่งลง​บน​พื้น​และ​กล่าว​ด้วย​ความรีบร้อน​ “ท่าน​อาจารย์​ ทำไม​ต้อง​หนี​ด้วย​เล่า​? โหร​ชุด​ขาว​เมื่อ​ครู่​ใช่ลูก​ศิษย์เอก​ของ​ท่าน​โหราจารย์​ที่​ท่าน​พูดถึง​หรือไม่​”

น่า​ห​ลัน​เทียน​ลู่​ตอบรับ​ “อืม​” และ​กล่าวว่า​ “เขา​เป็นหนึ่ง​ใน​ผู้ร้าย​ที่อยู่​เบื้องหลัง​การวางแผน​ยุทธการ​ด่าน​ซาน​ไห่​”

เป็น​เขา​จริงๆ​ ด้วย​…ตง​ฟางหว่าน​หรง​สูด​หายใจเข้า​และ​กล่าว​ด้วย​ความ​สับสน​ว่า​ “เช่นนั้น​ก็​ยิ่ง​ไม่มีความจำเป็น​ต้อง​หนี​เลย​ อย่าง​ที่​ท่าน​พูด​ แม้เขา​จะไว้ใจ​ไม่ได้​ แต่​อย่าง​น้อย​ก็​เป็น​พันธมิตร​ชั่วคราว​ได้​”

น่า​ห​ลัน​เทียน​ลู่​เงียบ​ลง​ครู่หนึ่ง​ ก่อน​จะกล่าว​ช้าๆ ว่า​ “ข้า​รู้สึก​ได้​ถึงกลิ่นอาย​ของ​ยา​โลหิต​จากร่าง​เด็ก​คน​นั้น​”

“ใคร​รึ​?” ตง​ฟางหว่าน​หรง​ไม่เข้าใจ​

น่า​ห​ลัน​เทียน​ลู่​กล่าวว่า​ “เจ้าเด็ก​จีเสวียน​นั่น​ ร่าง​ของ​เขา​มีกลิ่นอาย​ของ​ยา​โลหิต​ ข้า​เดา​ว่า​สวี่​ผิง​เฟิงต้อง​การอาศัย​พลัง​ของ​ปราณ​มังกร​ใน​การ​ช่วย​ให้​จีเสวียน​เลื่อน​สู่ขั้น​สาม”

เขา​รู้​ว่า​ตง​ฟางหว่าน​หรง​ไม่เข้าใจ​ จึงพยายาม​อธิบาย​อย่าง​อดทน​ “ตั้งแต่​สมัยโบราณ​ มีเพียง​สอง​วิธี​เท่านั้น​ที่​จอม​ยุทธ์​จะเลื่อน​ขึ้น​สู่ขั้น​สาม วิธี​แรก​คือ​การ​พึ่งพา​ภูมิหลัง​ของ​ตนเอง​ ให้​ความอบอุ่น​หล่อเลี้ยง​กาย​เนื้อ​ ละทิ้ง​ร่างกาย​ของ​มนุษย์​ธรรมดา​ เปิด​ประตู​สู่เส้น​ทางเหนือ​มนุษย์​ วิธี​ที่สอง​คือ​รวบรวม​แก่นแท้​แห่ง​ชีวิต​เพื่อ​สร้าง​ยา​โลหิต​ กลั่น​ปราณ​ชีวิต​มากมาย​มหาศาล​เพื่อ​เลื่อน​ขึ้น​สู่ขั้น​สาม เส้นทาง​นี้​อันตราย​มาก​ แทบจะ​ไม่มีใคร​ทำได้​สำเร็จ​ แต่​มัน​ก็​สอดคล้อง​กับ​กฎ​ของ​สวรรค์​และ​โลก​ ดังนั้น​มัน​จึงมีความเป็นไปได้​เล็กน้อย​ ผู้​ที่​แบกรับ​โชคชะตา​จะได้รับ​พร​จาก​สวรรค์​ หาก​กลืน​กิน​ยา​โลหิต​ก็​จะมีประกาย​แห่ง​ความหวัง​”

ตง​ฟางหว่าน​หรง​ขมวดคิ้ว​กล่าวว่า​ “สอดคล้อง​กับ​กฎ​ของ​สวรรค์​และ​โลก​งั้น​รึ​?”

น่า​ห​ลัน​เทียน​ลู่​กล่าวว่า​ “ดอกไม้​ นก​ ปลา​ แมลง​ มนุษย์​ สัตว์ประหลาด​ ทุก​สรรพสิ่ง​บน​โลก​ล้วน​กำลัง​ปล้น​ทุกสิ่ง​ที่​สามารถ​ปล้น​ได้​ ชีวิต​ขึ้นอยู่กับ​การปล้น​ บางที​รูปแบบ​การปล้น​อาจจะ​เปลี่ยนไป​ แต่​ธาตุแท้​แก่นสาร​ไม่เปลี่ยน​ ด้วยเหตุนี้​ การเข่นฆ่า​สิ่งมีชีวิต​และ​กลั่น​ยา​โลหิต​เพื่อ​เลื่อน​ขึ้น​สู่ขั้น​สามจึงไม่ใช่หนทาง​สู่ความตาย​เสมอไป​”

ตง​ฟางหว่าน​หรง​พยักหน้า​ จู่ๆ นาง​ก็​นึกถึง​สวี่​ชีอัน​ บุคคล​นี้​เติบโต​ขึ้น​มาจาก​ปี​ที่​มีการ​ตรวจสอบ​ข้า​ราชสำนัก​ ใน​เวลา​สั้น​ๆ เพียง​หนึ่ง​ปี​ เขา​แซงหน้า​สหาย​รุ่น​เดียวกัน​และ​เลื่อนขั้น​เป็น​เหนือ​มนุษย์​

เห็นได้ชัด​ว่า​เขา​ก็​เดิน​อยู่ในเส้นทาง​นี้​ด้วย​

น่า​ห​ลัน​เทียน​ลู่​กล่าว​ต่อไป​ว่า​ “มนุษย์​ทุกคน​ต่าง​ก็​มีชะตากรรม​ อย่างเช่น​เจ้าแห่ง​วัสสาน​ขั้น​สอง​ แม้จะสามารถ​ส่งผล​โดยตรง​ต่อ​พลัง​การ​รบ​โดยรวม​ของ​สำนัก​พ่อ​มด​ แน่นอน​ว่า​ก็​เป็น​ผู้​ที่​มีโชค​ เทพ​อารักษ์​ทั้งสอง​ก็​เป็น​เช่นนี้​ ผู้​แข็งแกร่ง​ของ​ระดับ​บรรลุ​ธรรม​ล้วน​เป็น​คน​ที่​มีโชค​มาก​ ข้อแตกต่าง​มีเพียง​ความ​มาก​น้อย​ของ​โชค​เท่านั้น​”

สีหน้า​ของ​ตง​ฟางหว่าน​หรง​เปลี่ยนไป​เล็กน้อย​ “ท่าน​อาจารย์​หมายความว่า​ศิษย์เอก​ของ​ท่าน​โหราจารย์​ท่าน​นั้น​ต้องการ​จะฆ่าท่าน​ และ​ปล้น​โชค​ของ​ท่าน​รึ​?”

น่า​ห​ลัน​เทียน​ลู่​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​ “ตอนที่​เขา​ปรากฏตัว​ เขา​ทำนาย​โชคชะตา​ให้​ข้า​ เห็นได้ชัด​ว่า​ข้า​มีโชค​มาก​ แต่​โหร​ระดับ​บรรลุ​ธรรม​สามารถ​อำพราง​ความลับ​สวรรค์​และ​ยับยั้ง​วิชา​พยากรณ์​โชคชะตา​ได้​ การ​ระวัง​ผู้อื่น​นั้น​มิควร​ขาด​ หาก​สวี่​ชีอัน​ไม่ตาย​ เช่นนั้น​พวกเรา​ก็​จะอยู่​ใน​อันตราย​”

“ด้วย​สถานะ​การ​เป็น​อาจารย์​และ​ลูกศิษย์​ของ​พวกเรา​ การ​อยู่​ที่นั่น​ ไม่ว่า​ฝ่าย​ใด​จะชนะ​ก็​ล้วน​เป็นอันตราย​ ใน​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ ทำไม​ไม่ถอย​ก่อน​เล่า​? สำหรับ​ผลสุดท้าย​ เฮ้อ​ ตาม​สืบ​หลังจาก​จบเรื่อง​ก็​ย่อม​ได้​”

ท่าน​อาจารย์​ยังคง​มั่นคง​มาก.​..ตง​ฟางหว่าน​หรง​เลื่อมใส​ศรัทธา​อยู่​ใน​ใจ

ท่ามกลาง​ท้องฟ้า​สูง เรือ​อวี่เฟิง​กำลัง​บิน​อยู่​เหนือ​ทะเล​เมฆ

ลมแรง​ถูก​ปิดกั้น​อยู่​ที่​นอก​ค่าย​กล​ บน​เรือ​ถูก​ปกคลุม​ไป​ด้วย​ความ​เงียบสงัด​ สวี่​ผิง​เฟิงและ​จีเสวียน​ต่าง​ไม่พูดไม่จา​ สวี่​หยวน​ซวง​และ​สวี่​หยวน​ไหว​ก็​ไม่กล้า​เปิดปาก​พูด​เช่นกัน​

แพ้​อีกแล้ว​ แม้แต่​บุคคล​ที่​คำนวณ​เรื่องราว​ทุกอย่าง​ได้ดี​อย่าง​ท่าน​พ่อ​ก็​ยัง​ต้อง​ทนทุกข์ทรมาน​จาก​สวี่​ชีอัน​ซ้ำแล้วซ้ำเล่า​ นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​ข้า​เห็น​ท่าน​พ่อ​ยั้ง​สติ​ไม่อยู่​เช่นนี้​…สวี่​หยวน​ซวง​แม้ริมฝีปาก​สีแดงก่ำ​และ​เริ่ม​รู้สึก​ถึงความ​น่ากลัว​และ​ความ​ทรงพลัง​ของ​พี่ชาย​ท้อง​เดียวกัน​อีกครั้ง​

ใน​สายตา​ของ​นาง​ ท่าน​พ่อ​เป็น​คน​มีปฏิญาณ​ไหวพริบ​ เป็น​คน​ที่​สามารถ​เอาชนะ​เกม​หมากรุก​กับ​สวรรค์​ได้​

ไม่มีเรื่อง​อะไร​บน​โลก​ที่​ท่าน​พ่อ​คิด​คำนวณ​ไม่ได้​ ศัตรู​ของ​เขา​คือ​ท่าน​โหราจารย์​ เป็น​กลุ่มคน​อันดับ​ต้น​ๆ ใน​แผ่นดิน​จิ่ว​โจว​

อย่างไรก็ตาม​ พี่ชาย​ที่​ถูก​ท่าน​พ่อ​มองว่า​เป็น​เครื่องมือ​และ​ลูกชาย​ที่​ถูก​ทอดทิ้ง​ ตอนนี้​ได้​เติบโต​ขึ้น​มากลายเป็น​บุคคล​ยอดเยี่ยม​ หนึ่ง​ใน​ไม่กี่​คนใน​แผ่นดิน​จิ่ว​โจว​ที่​สามารถ​แข่ง​เกม​หมากรุก​กับ​ท่าน​พ่อ​ได้​

ท่าน​พ่อ​จะรู้สึก​เสียใจ​ภายหลัง​ที่​ทอดทิ้ง​สวี่​ชีอัน​หรือไม่​นะ​…สวี่​หยวน​ซวง​แอบ​คิด​กับ​ตัวเอง​อยู่​ใน​ใจ

พี่​เจ็ด​ดูเหมือน​จะโกรธ​และ​อิจฉา​มาก.​..สวี่​หยวน​ไหว​ครุ่นคิด​พลาง​ชำเลือง​มอง​จีเสวียน​เป็นพักๆ​

เขา​กลับ​เข้าใจ​ความรู้สึก​ของ​จีเสวียน​เป็น​อย่าง​ดี​ ใน​ฐานะ​ลูกหลาน​สกุล​จี แต่กลับ​ทำได้​เพียง​มอง​บุคคลภายนอก​ใช้ดาบ​สยบ​ดินแดน​อัญเชิญ​วิญญาณ​บรรพบุรุษ​และ​ทำลาย​แผนการ​ของ​ตนเอง​จน​พัง​ไม่เป็นท่า​

ถ้าเป็น​คน​ที่​มีสังกัด​วงษ์​ตระกูล​อัน​น่าภาคภูมิใจ​ล้วน​ต้อง​รู้สึก​โกรธ​และ​อิจฉาริษยา​

เวลานี้​เอง​ สวี่​ผิง​เฟิงกล่าว​เบา​ๆ ว่า​ “ค่าย​กล​กัก​ปราณ​มังกร​ยังอยู่​ได้​อีก​เจ็ด​วัน​ ต้อง​กลับ​ไป​ที่​อวิ๋น​โจว​ภายใน​เจ็ด​วัน​ อย่า​ลืม​นำ​เรือ​อวี่เฟิง​ไป​เก็บ​ไว้​ใน​กระถาง​สัมฤทธิ์​ เช่นนี้​ก็​จะสามารถ​หลีกเลี่ยง​การ​ถูก​ค้นพบ​จาก​ท่าน​โหราจารย์​ได้​ ไม่ต้อง​กังวล​ไป​ ถึงแม้ท่าน​โหราจารย์​จะดัก​อยู่​ที่​นอ​กอวิ๋น​โจว​ แต่​เป้าหมาย​ของ​เขา​ก็​คือ​ข้า​ เขา​ไม่สนใจ​การ​เข้าออก​ของ​พวก​ตุ่น​พวก​มด​อย่าง​พวก​เจ้า และ​ไม่สามารถ​ควบคุม​ดูแล​ได้​เช่นกัน​”

จีเสวียน​กล่าว​หยั่งเชิง​ว่า​ “โชคชะตา​ของ​เทพ​อารักษ์​สอง​ท่าน​เพียงพอ​หรือไม่​?”

“ไม่พอ​!”

สวี่​ผิง​เฟิงส่าย​ศีรษะ​พลาง​หัวเราะ​เบา​ๆ “ข้า​มีวิธีการ​ของ​ข้า​เอง​ การเคลื่อนไหว​ของ​ชาว​ยุทธ​ภพ​ครั้งนี้​ไม่นับว่า​สูญเปล่า​”

จีเสวียน​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก​ ราชครู​ยังคง​ทำให้​ผู้คน​รู้สึก​มั่นใจ​เช่นเคย​

“ข้า​อยาก​เรียก​พวก​ไป๋​หู่​กลับมา​ก่อน​” จีเสวียน​กล่าว​

นี่​คือ​กลุ่ม​ในอนาคต​ของ​เขา​ ไป๋​หู่​และ​คนอื่น​หลบหนี​ไป​ใน​การต่อสู้​เมื่อ​ครู่​ จึงไม่สามารถ​กลับมา​ที่​เรือ​อวี่เฟิง​ได้​

สวี่​ผิง​เฟิงพยักหน้า​ “ปล่อย​ให้​เป็น​หน้าที่​ของ​สายสืบ​ตำหนัก​ความลับ​สวรรค์​”

ลมแรง​ม้วนตัว​ผ่าน​ภูเขา​ ไป๋​หู่​ที่​มีความ​ยาว​ลำตัว​มากกว่า​สิบ​ฟุต​ร่อน​ลงมา​พร้อมกับ​หลิ่ว​หง​เหมียน​และ​คนอื่นๆ​

ไป๋​หู่​สะบัด​ทุกคน​ออกจาก​หลัง​ ก่อน​จะกลายร่าง​เป็น​มนุษย์​และ​กล่าว​ด้วย​หวาดผวา​เล็กน้อย​ “สถานที่​นี้​อยู่​ห่าง​จาก​ภูเขา​เฉวี่ยนหรง​มากกว่า​หนึ่งร้อย​ลี้​ ดังนั้น​น่าจะ​ปลอดภัย​แล้ว​”

เขา​เขย่า​ต้นไม้​ใหญ่​ที่อยู่​ข้างๆ​ ด้วย​ฝ่ามือ​ข้างเดียว​ แล้ว​คำราม​ขึ้นไป​บน​ฟากฟ้า​

เสียงคำราม​ของ​เสือ​ทำให้​นก​ใน​ป่า​จำนวน​นับไม่ถ้วน​ตื่นตกใจ​

“เขา​มีสิทธิ์​อะไร​มาอัญเชิญ​จักรพรรดิ​เกา​จู่ ตกลง​แล้ว​เขา​ยังมี​ไพ่​ใบ​สุดท้าย​อีก​มาก​เท่าใด​? ศัตรู​ที่​ยุ่งยาก​เช่นนี้​ทำให้​กังวล​จน​กิน​ไม่ได้​นอนไม่หลับ​”

ใบหน้า​ของ​ไป๋​หู่​เต็มไปด้วย​ความโกรธ​ “ในอนาคต​เมื่อ​นาย​ท่าน​จับตัว​เขา​ได้​ ข้า​จะดื่ม​เลือด​ของ​เขา​ กิน​เนื้อ​ของ​เขา​ เล่น​กับ​ผู้หญิง​ของ​เขา​เพื่อ​แก้แค้น​ให้​กับ​แขน​ที่​หัก​ของ​ข้า​”

ใน​ฐานะ​ที่​ไป๋​หู่​เป็น​ผู้นำ​กลุ่ม​ดาว​ยี่สิบ​แปด​ภายใต้​บังคับบัญชา​ของ​สวี่​ผิง​เฟิง เขา​จึงเป็น​ศัตรู​ตัวฉกาจ​กับ​สวี่​ชีอัน​

การต่อสู้​ที่​นอกเมือง​ยง​โจว​ สวี่​ชีอัน​ตัด​แขนขวา​ของ​เขา​ เรื่อง​นี้​ทำให้​ไป๋​หู่​เกลียด​สวี่​ชีอัน​มากยิ่งขึ้น​

เดิมที​คิด​ว่าการ​เดินทาง​ไป​เจี้ยน​โจว​จะสามารถ​ล้างแค้น​ความเกลียดชัง​ของ​พวกเขา​ได้​ แต่​เด็ก​นั่น​กลับ​อัญเชิญ​วิญญาณ​ของ​จักรพรรดิ​เกา​จู่ออกมา​อย่าง​ไม่คาดคิด​ ซึ่งเป็น​ไพ่​ใบ​ที่​ทำให้​พวกเขา​ตั้งตัว​ไม่ทัน​

ไป๋​หู่​ไม่กล้า​กระทั่ง​รอ​ดู​ตอนจบ​ เขา​หนี​ไป​โดย​มีทุกคน​อยู่​บน​หลัง​

สิ่งนี้​ทำให้​เขา​ยิ่ง​รู้สึก​ละอายใจ​มากขึ้น​

ฉีฮวน​ตาน​เซียง​ตอบรับ​ “อืม​” และ​กล่าวว่า​ “นี่​กลับ​เป็นเรื่อง​ง่าย​ที่จะ​รับมือ​ พวกเรา​ไม่ใช่คู่ต่อสู้​ของ​เขา​ การ​จัดการ​กับ​คน​ข้าง​กาย​เขา​ก็​ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​ สกุล​สวี่​มีสติปัญญา​ความรู้​และ​มีมิตรสหาย​ใน​เมืองหลวง​มากมาย​ จงกลับ​ไป​ที่​ตำหนัก​ความลับ​สวรรค์​เพื่อ​สืบหา​ข้อมูล​โดยละเอียด​”

ตง​ฟางหว่าน​ชิงไม่เข้าสังคม​กับ​ผู้อื่น​ นาง​ยก​ชายกระโปรง​ขึ้น​และ​นั่งลง​บน​หิน​ก้อน​ใหญ่​ ฟังไป๋​หู่​และ​ฉีฮวน​ตาน​เซียง​ระบาย​อารมณ์​ด้วย​สีหน้า​ไร้อารมณ์​ความรู้สึก​ แต่​ไม่นาน​นาง​ก็​หมด​ความสนใจ​ที่จะ​ฟัง

หลิ่ว​หง​เหมียน​มอง​ภิกษุ​วัยหนุ่ม​ทั้งสอง​ที่​กำลัง​นั่งขัดสมาธิ​ไม่พูดไม่จา​ด้วย​สีหน้า​เคร่งขรึม​และ​กล่าวว่า​ “ท่าน​ทั้งสอง​มีวิธี​ติดต่อ​เทพ​อารักษ์​ตู้​หนาน​หรือไม่​?”

จิ้งหยวน​ไม่สนใจ​เขา​ จิ้งซิน​ส่าย​ศีรษะ​เล็กน้อย​ “ทำได้​เพียง​คิด​หาทาง​ติดต่อ​อีกครั้ง​หลังจาก​เรื่อง​สงบ​ลง​”

ตอนนี้​ก็​ไม่กล้า​กลับ​ไป​เช่นกัน​

หลิ่ว​หง​เหมียน​หัวเราะเยาะ​ “ใน​จุดอ่อน​ก็​ยังมี​ข้อดี​ ที่​พวกเรา​สามารถ​หลบหนี​ได้​หลายครั้ง​ ไม่ใช่เพราะ​เขา​ไม่เห็น​พวกเรา​อยู่​ใน​สาย​หรอก​รึ​”

ไป๋​หู่​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​เย็นชา​ “เขา​ต้อง​ชดใช้​ให้​กับ​ความเย่อหยิ่ง​ของ​เขา​”

หลิ่ว​หง​เหมียน​กล่าวว่า​ “นอกจาก​นักพรต​เฒ่าเจียว​เยี่ย​ที่​ตาย​อยู่​ที่​เมือง​ยง​โจว​ กลุ่ม​ของ​พวกเรา​ก็​นับว่า​โชคดี​ที่​ยัง​ปลอดภัย​”

ยอด​ฝีมือ​ขั้น​สี่ ไม่ว่า​จะอยู่​ใน​กองกำลัง​ใด​ก็​มักจะ​เป็น​แกนนำ​

ฉีฮวน​ตาน​เซียง​เด็ด​ใบไม้​มาเคี้ยว​ไว้​ใน​ปาก​ และ​กล่าว​เบา​ๆ ว่า​ “เพราะ​การตาย​ของ​นักพรต​เฒ่าเจียว​เยี่ย​ นาย​น้อย​จีเสวียน​จึงปฏิบัติ​กับ​สวี่​ชีอัน​ราวกับ​ศัตรู​ ถ้าในอนาคต​เขา​ผุด​ขึ้น​มา คน​แรก​ที่​เขา​จะฆ่าก็​คือ​สวี่​ชีอัน​”

จู่ๆ เขา​ก็​ร่าง​แข็งทื่อ​ ดวงตา​ศูนย์​เสีย​การควบคุม​ หลังจากนั้น​เขา​ก็​ล้ม​ลง​ทันที​

หลิ่ว​หง​เหมียน​และ​คนอื่นๆ​ หน้าซีด​ด้วย​ความ​ตกตะลึง​ จากนั้น​ก็​มอง​ไป​ทาง​ทิศตะวันออก​อย่าง​พร้อมเพรียงกัน​

เสียง​หวีดร้อง​ดัง​ขึ้น​มาทันที​

ชายหนุ่ม​รูปงาม​ท่าน​หนึ่ง​มาพร้อมกับ​กระบี่​บิน​ ใน​มือถือ​วงแหวน​ทองสัมฤทธิ์​ที่​ไม่สมบูรณ์​ เขา​มอง​ลงมา​ที่​ทั้ง​หก​คนใน​ป่า​ด้วย​รอยยิ้ม​

ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่?

เขา​ตามทัน​ได้​อย่างไร​?

ไป๋​หู่​และ​คนอื่นๆ​ เข้าสู่​สถานะ​พร้อม​ต่อสู้​ทันที​

“คุณชาย​ห​ลี่​…”

ตง​ฟางหว่าน​ชิงตะโกน​ออกมา​ด้วย​น้ำเสียง​ซับซ้อน​

ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “พี่​ชิง ท่าน​ถอยกลับ​ไป​เถอะ​ ข้า​ต้องการ​กำจัด​เจ้าพวก​นี้​”

“เจ้าคนเดียว​?”

ทุกคน​มอง​เขา​เป็น​เหมือน​คนโง่เง่า​

ไป๋​หู่​เลีย​ริมฝีปาก​ ก่อน​จะแสยะ​ยิ้ม​และ​กล่าวว่า​ “พวกเรา​จัด​การ​สวี่​ชีอัน​ไม่ได้​ แต่​การ​ฆ่านักพรต​อย่าง​เจ้าเป็นเรื่อง​ง่าย​ ข้า​จะอิ่มหมีพีมัน​กับ​เจ้าก่อน​แล้วกัน​”

ตง​ฟางหว่าน​ชิงกล่าว​ด้วย​น้ำเสียง​เย็นชา​ “เจ้าก็​ลองดู​สิ”

ไป๋​หู่​และ​คนอื่นๆ​ มอง​มาที่​นาง​ด้วย​สายตา​เฉียบคม​ทันที​ นี่​เป็น​ท่า​ทางใน​การ​ตรวจสอบ​ศัตรู​

ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่กล่าว​อย่าง​ไม่ลังเล​

“พวก​เจ้ามีผู้ช่วย​รึ​? ตัว​ข้า​เอง​ก็​มีตัวประกอบ​เช่นกัน​”

ทันทีที่​พูด​จบ​ เสียง​หวีดร้อง​ก็​ดัง​ขึ้น​อีกครั้ง​

ลำแสง​ของ​ดาบ​สอ​งด​วงพาด​ผ่าน​ แบ่ง​เป็น​หญิงสาว​ที่​กล้าหาญ​ใน​ชุด​คลุม​เต๋า​และ​นัก​ดาบ​ที่​สงบ​สุขุม​ ที่​มีปอยผม​สีขาว​บน​หน้าผาก​ใน​ชุด​คลุม​สีดำ​

ด้านหลัง​นัก​ดาบ​เป็น​ภิกษุ​วัยกลางคน​ที่​มีร่างกาย​กำยำ​ใน​ชุด​คลุม​สีขาว​ เขา​ประสานมือ​เข้าด้วยกัน​และ​มีริ้วรอย​ลึก​ที่​หว่าง​คิ้ว​

ท่าทาง​เต็มไปด้วย​ความขมขื่น​และ​เกลียดชัง​

หญิงสาว​จ้องมอง​กระจก​ใน​มือ​ของ​ศิษย์​พี่​เป็นเวลา​นาน​ ก่อน​จะกล่าว​ด้วย​น้ำเสียง​คมชัด​ว่า​ “กระจก​ที่​ไม่สมบูรณ์​นี้​มีประโยชน์​มาก​ มัน​สามารถ​ติดตาม​ได้​หลาย​ร้อย​ลี้​”

จอม​ยุทธ์​หญิง​นก​นางแอ่น​เหิน​ ห​ลี่​เมี่ยวเจิน!​

ผู้​ได้​คะแนน​อันดับ​หนึ่ง​ใน​การ​สอบ​จอหงวน​ ฉู่หยวน​เจิ่น​

เมืองหลวง​ สวน​เต๋อ​ซิน​

ฮว๋าย​ชิ่งสวม​ชุด​กระโปรง​ยา​วสี​เรียบ​พร้อมกับ​นางกำนัล​สอง​คน​ไป​ยัง​ห้อง​ทรง​พระ​อักษร​อย่าง​รีบร้อน​

นาง​ถูก​ขันที​ที่​เฝ้าประตู​นำ​ไป​ที่​ห้องโถง​ด้าน​ข้าง​เพราะ​ไม่สามารถ​เข้าไป​ใน​ห้อง​ทรง​พระ​อักษร​ได้​

เหล่า​เชื้อพระวงศ์​นั่ง​อยู่​ใน​ห้องโถง​ด้าน​ข้าง​ องค์​หญิง​สามรวมทั้ง​หลิน​อัน​และ​เหล่า​ท่านหญิง​ต่างๆ​

ทันทีที่​ฮว๋าย​ชิ่งเข้ามา​ เสียง​พูดคุย​ดัง​เจื้อยแจ้ว​ก็​หยุด​ลง​ทันที​

“พี่​ฮว๋าย​ชิ่ง ข้า​ได้ยิน​มาว่า​แผ่น​จารึก​บรรพบุรุษ​ใน​วัด​หย่ง​เจิ้น​ซาน​เห​อ​แตก​เสียหาย​หมด​แล้ว​…”

องค์​หญิง​สามเข้ามา​ต้อนรับ​ทักทาย​ เหล่า​เชื้อพระวงศ์​คนอื่นๆ​ ต่าง​ก็​หันมา​มอง​ทีละ​คน​

ฮว๋าย​ชิ่งกล่าว​เสียง​เบา​ว่า​ “ข้า​ก็​เพิ่ง​ได้ยิน​เรื่อง​นี้​”

นาง​ชายตามอง​องค์​หญิง​สามและ​กล่าว​เบา​ๆ ว่า​ “ใน​เมื่อ​เจ้าแต่งงาน​แล้ว​ การ​ถามเรื่อง​นี้​อีก​ก็​ไม่ใช่เรื่อง​ดี​ อย่า​ทำให้​ฝ่าบาท​ทรง​กริ้ว​”

องค์​หญิง​สามได้ยิน​เช่นนั้น​ก็​รู้สึก​ละอายใจ​เล็กน้อย​

ไม่นาน​มานี้​ วัด​หย่ง​เจิ้น​ซาน​เห​อ​สั่นสะเทือน​อย่าง​มาก​ แผ่น​จารึก​บรรพบุรุษ​ของ​ราชวงศ์​แตก​เสียหาย​จำนวนมาก​และ​เกิด​ความโกลาหล​ขึ้น​มากมาย​

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งปก​ปิดข่าว​ทันที​เพื่อ​ไม่ให้​แพร่​ออก​ไปนอก​พระราชวัง​

แต่​คนใน​ราชวงศ์​และ​เหล่า​ราชนิกุล​ต่าง​ก็​ได้ยิน​เรื่อง​นี้​ผ่าน​ช่องทาง​ของ​ตนเอง​ใน​พระราชวัง​

ใน​ขณะนี้​ จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งกำลัง​ปรึกษาหารือ​กับ​เสด็จ​ลุง​เสด็จ​อา​และ​เหล่า​พี่น้อง​ทุกคน​อยู่​ที่​ห้อง​ทรง​พระ​อักษร​

วันนี้​องค์​หญิง​สามกลับมา​ที่​พระราชวัง​พอดี​ เมื่อ​ได้​รู้เรื่อง​นี้​จึงมาที่นี่​พร้อมกับ​พี่สาว​น้องสาว​คนอื่นๆ​

องค์​หญิง​ที่​ยัง​ไม่แต่งงาน​ก็​ยัง​เป็นสมาชิก​ใน​ราชวงศ์​ ย่อม​สมเหตุสมผล​ที่จะ​แสดง​ความกังวล​เกี่ยวกับ​เหตุการณ์​สำคัญ​เช่นนี้​

แต่​องค์​หญิง​ที่​แต่งงาน​แล้วก็​เหมือนกับ​เป็น​คนนอก​ครึ่งหนึ่ง​

“ตอนนี้​พี่ชาย​จักรพรรดิ​จะเอา​อารมณ์​ที่ไหน​มาสนใจ​เจ้า!”

น้ำเสียง​ไพเราะ​ราวกับ​เด็ก​เช่นนี้​มีเพียง​หลิน​อัน​คนเดียว​

นาง​ขมวด​เรียว​คิ้ว​และ​กล่าวว่า​ “เหล่า​เสด็จ​อา​บอ​กว่า​เรื่อง​นี้​ต้อง​ได้รับ​การ​ตรวจสอบ​ให้​กระจ่าง​ชัด​ มิเช่นนั้น​ ภายนอก​จะกล่าว​ได้​ว่า​เสด็จ​พี่​จักรพรรดิ​ไม่สามารถ​ปกครอง​ประเทศ​ และ​บรรพบุรุษ​ก็​จะโกรธ​เป็นฟืนเป็นไฟ​”

……………………………………………

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท