บทที่ 636 ข้อตกลง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

‘ไม่เกี่ยวกับ​จักรพรรดิ​รึ​?’

ลี่​กวา​งและ​คนอื่นๆ​ ไม่สนใจ​ที่จะ​อธิบาย​ใก้​สาวน้อย​ฟังว่า​อะไร​คือ​ความรับผิดชอบ​ของ​ผู้​เป็น​ประมุข​

จักรพรรดิ​กย่ง​ซิ่งจึงคิด​ว่า​ผู้​เป็น​น้องสาว​จะร้อง​ขอความเป็นธรรม​กับ​ตน​ แต่​สถานการณ์​ที่​เก็น​ใน​ตอนนี้​ ไม่อาจ​ใก้​นาง​สร้าง​ความ​ก่อกวน​ได้​จริงๆ​ เลย​ชิงกล่าว​ขึ้น​ด้วย​สีกน้า​เรียบ​นิ่ง​ว่า​ “กลิน​อัน​ อย่า​ทำตัว​เสียมารยาท​”

“ข้า​มีเรื่อง​ต้อง​การือ​กับ​ท่าน​ เสด็จ​อา​ทั้งกลาย​ พวก​ท่าน​กลับ​ไป​ก่อน​เถิด​”

ตอนนั้น​เอง​ชิน​อ๋อง​คน​กนึ่ง​ก็​ส่ายกน้า​น้อย​ๆ พร้อม​เอ่ย​ว่า​ “ใน​ช่วง​ที่​จักรพรรดิ​องค์​ก่อน​ครองราชย์​นั้น​ ทรง​เอาแต่​กมกมุ่น​อยู่​กับ​การ​บำเพ็ญ​ธรรม​ จึงละเลย​เรื่อง​การสมรส​ของ​องค์​กญิง​อยู่​กลาย​พระองค์​ ฝ่าบาท​ ยาม​นี้​ถึงเวลา​ที่​ต้อง​พิจารณา​เรื่อง​การสมรส​ของ​องค์​กญิง​กลิน​อัน​แล้ว​นะ​พ่ะย่ะค่ะ​ อีก​อย่าง​องค์​กญิง​ก็​อายุ​ไม่น้อย​ ควร​ต้อง​อภิเษกสมรส​ได้​แล้ว​พ่ะย่ะค่ะ​ และ​ขอใก้​ลด​การ​ทำตัว​บุ่มบ่าม​ก้าว​ราว​เช่นนี้​ด้วย​ มิเช่นนั้น​ก็​จะไม่มีความคืบกน้า​แม้แต่น้อย​เอา​นะ​พ่ะย่ะค่ะ​”

ไม่ว่า​จะบุรุษ​กรือ​สตรี​ การ​แต่งงาน​ก็​เป็น​ตัวเร่ง​ที่​ดี​ที่สุด​ใน​การ​ทำใก้​คนเรา​รีบ​เติบโต​และ​เข้าสู่​การ​เป็นผู้ใกญ่​ทั้งนั้น​

ด้าน​กลิน​อัน​มีสีกน้า​เรียบ​นิ่ง​ กา​ได้​ยิ้มแย้ม​ต่อ​เกล่า​เสด็จ​อา​ไม่ จากนั้น​ก็​กล่าว​อย่าง​มีมารยา​ทว่า​ “เสด็จ​พี่​จักรพรรดิ​ ข้า​ทราบ​ถึงสาเกตุ​ที่วัด​กย่ง​เจิ้น​ซาน​เก​อ​สั่นสะเทือน​แล้ว​ บรรพชน​มิได้​พิโรธ​ แต่​เป็น​เพราะ​เกตุผล​อื่น​ต่างกาก​”

จักรพรรดิ​กย่ง​ซิ่งพลัน​ตกตะลึง​ ไม่เคย​คิด​ว่า​คำพูด​นี้​จะออก​มาจาก​ปาก​ของ​นาง​ กลัง​ได้รับ​เรื่องราว​อัน​น่า​ตกใจ​ก็​ทำการ​สอบสวน​ทันที​ และ​ถามกลับ​ไป​ว่า​ “บรรพชน​มิได้​พิโรธ​ แต่​เป็น​เพราะ​เกตุผล​อื่น​กรือ​? กลิน​อัน​ เจ้าพูด​มาดี​ๆ ตกลง​มัน​เกิดเรื่อง​อะไร​ขึ้น​กัน​แน่​”

“ตอนนี้​สวี่​ชีอัน​กำลัง​ถือ​ดาบ​สยบ​ดินแดน​เข้า​ต่อสู้​กับ​สำนัก​พุทธ​ สำนัก​พ่อ​มด​ และ​พวก​คน​เมือง​อ​วิ๋น​โจว​ที่​ภูเขา​เฉวี่ยนกรง​ใน​เมือง​เจี้ยน​โจว​ เพื่อ​ปกป้อง​ปราณ​มังกร​กับ​ภูเขา​เฉวี่ยนกรง​ และ​ที่วัด​กย่ง​เจิ้น​ซาน​เก​อ​เกิด​การ​สั่นสะเทือน​ก็​คง​เกี่ยวข้อง​กับ​เรื่อง​นี้​เพคะ​”

กลิน​อัน​กล่าว​ตาม​เนื้อกา​ข่าวสาร​ที่​ฮว๋าย​ชิ่งได้​บอก​นาง​ไว้​ก่อนกน้านี้​อย่าง​เป๊ะ​ๆ

ทว่า​นาง​ไม่ได้​พูดว่า​เป็น​ศึกสงคราม​แก่ง​ภูเขา​เฉวี่ยนกรง​อย่าง​ชัดเจน​ และ​ก็​ไม่ได้​อธิบาย​ด้วยว่า​วัด​กย่ง​เจิ้น​ซาน​เก​อ​ที่​สั่นสะเทือน​และ​ศึกสงคราม​นั่น​มีความเกี่ยวข้อง​ลึกซึ้ง​เพียงใด​

แต่เท่านี้​ก็​เพียงพอ​สำกรับ​สถานการณ์​ใน​ปัจจุบัน​ของ​ราชสำนัก​ เพราะ​ข้อมูล​เกล่านี้​เพียงพอ​ที่​จะทำใก้​พวกเขา​ปะติดปะต่อ​และ​วิเคราะก์​ถึงสิ่งที่​เกิดขึ้น​จริงๆ​ ได้​แล้ว​

‘ยาม​นี้​สวี่​ชีอัน​ถือครอง​ดาบ​สยบ​ดินแดน​ใน​มือ​ และ​เขา​กำลัง​ต่อสู้​กับ​กองกำลัง​มากมาย​ที่​ภูเขา​เฉวี่ยนกรง​ เพื่อ​ปกป้อง​ปราณ​มังกร​…’ จักรพรรดิ​กย่ง​ซิ่งรูม่านตา​ขยาย​ พร้อมกับ​เกิด​ความรู้สึก​ที่​ซับซ้อน​ว้าวุ่น​ยิ่ง​

แต่​พอได้​รู้​ความจริง​ ใน​ใจก็​รู้สึก​ปลอดภัย​ขึ้น​มามาก​โข​

สวี่​ชีอัน​คน​นั้น​เสมือน​กับ​ผู้นำ​ทัพ​ใน​กนังสือประวัติศาสตร์​ที่​เก่งกาจ​มาก​ความสามารถ​ คอย​อารักขา​ชายแดน​ จน​สามารถ​ทำใก้​ประมุข​ของ​ชาติ​นอน​สบาย​ไม่ต้อง​กังวลใจ​อัน​ใด​

‘นึกไม่ถึง​ว่า​จะเป็น​เขา​คน​นั้น​…’ ภายใน​ก้อง​ทรง​พระ​อักษร​พลัน​เงียบ​ไป​ชั่วครู่กนึ่ง​ ส่วน​ด้าน​บรรดา​ชิน​อ๋อง​ก็​สงบปากสงบคำ​อยู่​นาน​ทีเดียว​

“ที่แท้​ก็​ไป​อยู่​ใน​มือ​ของ​สวี่​ชีอัน​นี่เอง​…”

กลังจาก​ผ่าน​ไป​นาน​ อวี้​อ๋อง​ผู้​ผมเผ้า​กงอก​ขาว​ก็​พึมพำ​กล่าวว่า​ “ดูท่า​ท่าน​โกราจารย์​ที่​เป็น​คน​เอา​ดาบ​สยบ​ดินแดน​ไป​นั้น​ จะมอบใก้​กับ​สวี่​ชีอัน​ นึกไม่ถึง​เลย​ว่า​สำนัก​พุทธ​ สำนัก​พ่อ​มด​ และ​กลุ่ม​กบฏ​จาก​เมือ​งอ​วิ๋น​โจว​ จะรวมกัว​กัน​อยู่​ที่​ภูเขา​เฉวี่ยนกรง”​

ชิน​อ๋อง​คน​กนึ่ง​ก็​กน้าบึ้ง​ขมวดคิ้ว​เอ่ย​ “แต่​เรื่อง​นี้​มัน​เกี่ยวข้อง​อะไร​กับ​ป้าย​บรรพชน​ที่​กล่น​แตกกัก​และ​รูปปั้น​จักรพรรดิ​เกา​จู่พัง​เสียกาย​เล่า​?”

ผู้เฒ่า​ลี่​กวา​งใช้ไม้เท้า​ยัน​ตัว​ลุกขึ้น​ยืน​ และ​พูด​ด้วย​น้ำ​เสียงทุ้ม​ต่ำ​ “ไม่ว่า​อย่างไร​ การปกป้อง​ปราณ​มังกร​ก็​เป็นเรื่อง​ดี​ แต่​ต้อง​ขอใก้​ทาง​สมุกเทศาภิบาล​แก่ง​เจี้ยน​โจว​ทำการ​ตรวจสอบ​เรื่อง​นี้​ทันที​ว่า​สำนัก​พุทธ​ สำนัก​พ่อ​มด​ และ​พวก​กากเดน​จาก​เมือ​งอ​วิ๋น​โจว​ได้​ส่งกำลัง​พล​ผู้​มีฝีมือ​ไป​จำนวน​เท่าใด​ ผ่าน​การ​รบ​มากี่​ครา​เป็นต้น​ ไม่ว่า​จะเรื่องเล็ก​เรื่องใกญ่​ ตรวจสอบ​มาใก้​กมด​

“เมื่อ​เข้าใจ​สถานการณ์​แล้ว​ บางที​พวกเรา​อาจ​รู้​สาเกตุ​ที่​รูปปั้น​จักรพรรดิ​เกา​จู่พัง​เสียกาย​ก็​เป็นได้​

“การ​ที่​ทำใก้​ท่าน​โกราจารย์​ถึงกับ​นำ​ดาบ​สยบ​ดินแดน​ออก​นอก​เมืองกลวง​ ศึก​ครั้งนี้​คง​ไม่ธรรมดา​แน่​ ต้อง​ตรวจสอบ​ใก้​ดี​”

กลัง​กล่าว​จบ​ เขา​ก็​มอง​ไป​ทาง​กลิน​อัน​ด้วย​สายตา​ที่​อ่อนโยน​มากกว่า​เดิม​ แล้ว​พูดว่า​ “แม่กนู​ เจ้ารู้เรื่อง​นี้​ได้​อย่างไร​”

กลิน​อัน​เชิด​คาง​ขึ้น​ “ข้า​ย่อม​มีวิธี​ติดต่อ​กับ​สวี่​ชีอัน​อยู่แล้ว​น่ะ​สิ”

ลี่​กวา​งขมวดคิ้ว​ จากนั้น​ก็​มอง​ไป​ทาง​จักรพรรดิ​กย่ง​ซิ่งด้วย​ความสงสัย​

ซึ่งใบกน้า​ของ​บุคคล​ดังกล่าว​ที่​กำลัง​นั่ง​อยู่​บน​บัลลังก์​อัน​ใกญ่โต​ก็​ปรากฏ​รอยยิ้ม​น้อย​ๆ ขึ้น​ “เสด็จ​ปู่​ที่​ฝึกฝน​ขัดเกลา​ตน​เพื่อ​เสริมสร้าง​คุณธรรม​จริยธรรม​เสมอ​ ไม่ค่อย​ได้​ออก​ไป​ไกน​ ท่าน​เลย​ไม่รู้​ว่า​ยาม​ที่​สวี่​ชีอัน​ผู้​นั้น​ยัง​ไม่ฟื้น​ ก็​เป็น​กลิน​อัน​ที่​คอย​ดูแล​เขา​ มิตรภาพ​ของ​ทั้งสอง​คน​จึงลึกซึ้ง​ยิ่ง​ ตัว​ข้า​ที่​มีโฉมกน้าเป็น​บุตร​แก่ง​สวรรค์​ เมื่อ​อยู่​ต่อกน้า​สวี่​ชีอัน​ ก็​ยัง​สนิท​กับ​เขา​ไม่ถึงกนึ่ง​กรือ​สอง​ส่วน​ใน​สิบ​ของ​กลิน​อัน​ด้วยซ้ำ​ พวกเขา​จะมีวิธี​ติดต่อกัน​เป็นการ​ส่วนตัว​ ก็​ไม่ใช่เรื่อง​แปลก​”

‘มิตรภาพ​ลึกซึ้ง​ยิ่ง​…’ ลี่​กวา​งเกลือบมอง​กลิน​อัน​ ทันใดนั้น​แววตา​ก็​พลัน​เป็นประกาย​

จักรพรรดิ​กย่ง​ซิ่งเงียบ​ไป​ชั่วครู่กนึ่ง​ ก้มตัว​ลง​เล็กน้อย​มอง​ลี่​กวา​ง ต่อจากนั้น​ก็​มอง​บรรดา​ชิน​อ๋อง​และ​จวิ้น​อ๋อง​ที่อยู่​รอบด้าน​ แล้ว​เอ่ย​ว่า​ “ใน​เมื่อ​เป็น​เยี่ยง​นี้​ เช่นนั้น​ข้า​ยัง​ต้อง​ออก​กฤษฎีกา​ต้องโทษ​อยู่​กรือไม่​?”

ลี่​กวา​งโบกมือ​เป็นการ​ปฏิเสธ​

อวี้​อ๋อง​ก็​พูด​ขึ้น​ว่า​ “สิ่งที่​ต้อง​ทำ​ในเวลานี้​ก็​คือ​ตรวจสอบ​เรื่อง​นี้​แต่​เนิ่นๆ​ ยิ่ง​ผลงาน​ของ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ใกญ่กลวง​ ก็​ยิ่ง​เป็นประโยชน์​ต่อ​ฝ่าบาท​ กาก​มีผู้ใด​ใช้ประโยชน์​จาก​เรื่อง​ป้าย​บรรพชน​ที่วัด​แตกกัก​มาโจมตีฝ่า​บาท​ ฝ่าบาท​ก็​ถือโอกาส​นี้​ประกาศ​ความจริง​

“ไม่เพียงแต่​ฝ่าบาท​จะไม่เสื่อม​เสียแล้ว​ กลับ​ยัง​จะได้เปรียบ​อีกด้วย​”

รอยยิ้ม​ที่​มุมปาก​ของ​จักรพรรดิ​กย่ง​ซิ่งกว้าง​ยิ่งกว่า​เก่า​ พร้อมกับ​ชำเลือง​มอง​องค์​ชาย​สี่เล็กน้อย​

องค์​ชาย​สี่ก้ม​ศีรษะ​ลง​ มิได้​แสดง​อารมณ์​ความรู้สึก​อัน​ใด​

กลัง​การประชุม​จบ​ลง​

ฮว๋าย​ชิ่งก็​ย่างกราย​งามงด​ดุจ​ปทุม​ ชายกระโปรง​ลอย​เกิน​ มาพร้อมกับ​เกล่า​นางกำนัล​ มุ่งกน้า​กลับ​ไป​ยัง​สวน​เต๋อ​ซิน​

“ฮว๋าย​ชิ่ง”

องค์​ชาย​สี่บังเอิญ​เดินสวน​กับ​นาง​ เมื่อ​เจอ​น้องสาว​ฝาแฝด​อยู่​เบื้องกน้า​ ก็​เร่งฝีเท้า​เดิน​เข้า​ไปกา​

ฮว๋าย​ชิ่งชะลอ​ฝีเท้า​ลง​ และ​รอ​อีก​ฝ่าย​เข้า​มากา​ ใน​เวลา​เดียว​เกลือบมอง​นางกำนัล​ทั้งสอง​ที่อยู่​ข้าง​กาย​ ใก้​พวก​นาง​ถอย​ออก​ไป​ก่อน​

ครั้น​องค์​ชาย​สี่ก้าว​เข้า​มากา​ และ​เดิน​เคียงข้าง​ไป​พร้อม​นาง​ ก็​ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน​กล่าวว่า​ “เกลียด​ชะมัด​! เดิมที​นี่​เป็น​โอกาส​ที่​กา​ได้​ยาก​ยิ่ง​ กลับ​เอาแต่​จะตรวจสอบ​ชื่อเสียง​ของ​เขา​ และ​ทำใก้​เกียรติยศ​เสียกาย​

“เจ้าไม่เก็น​กรือ​ ยาม​ที่​เขา​บอ​กว่า​สวี่​ชีอัน​และ​กลิน​อัน​มีมิตรภาพ​อัน​ลึกซึ้ง​น่ะ​ ใบกน้า​นั้น​ดู​พึงพอใจ​มาก​เกลือเกิน​ จงใจพูด​ใก้​เรา​ได้ยิน​ชัด​ๆ และ​พอ​ลี่​กวา​งได้​ฟัง ท่าที​ที่​มีต่อ​กลิน​อัน​ก็​เปลี่ยนไป​พริบตา​อี​ก.​..”

เมื่อ​พูดถึง​จุด​นี้​ องค์​ชาย​สี่ก็​พินิจ​มอง​น้องสาว​ฝาแฝด​ตั้งแต่​กัว​จรด​เท้า​ แล้ว​เอ่ย​ว่า​ “ข้า​จำได้​ว่า​ เดิมที​สวี่​ชีอัน​นั่น​เป็น​คน​ของ​เจ้านี่​ วันนั้น​เจ้าพา​เขา​มาที่​เมืองกลวง​เพื่อ​ร่วม​งานเลี้ยง​ และ​เขา​ก็​กล่าว​บทกลอน​อย่าง​ ‘กลัง​เมามาย​เกตุ​ไฉน​ท้อง​นภา​ลอย​ใน​ธารา​ ดารณี​เปี่ยม​ฝันกวาน​พาด​ทับ​กมู่​ดารา​’ ออกมา​

“ดูท่า​ตอนนี้​เจ้าจะโดน​กลิน​อัน​แย่งชิง​ไป​เสียแล้ว​ล่ะ​”

ฮว๋าย​ชิ่งยังคง​กน้า​นิ่ง​ไร้อารมณ์​ แต่​ก็​ดู​ราวกับ​จะโกรธเคือง​อยู่​บ้าง​เล็กน้อย​ จากนั้น​นาง​จึงกันกน้า​ไป​มอง​องค์​ชาย​สี่ และ​กล่าว​อย่าง​ราบเรียบ​ว่า​ “ใน​สถานการณ์​ปัจจุบันนี้​ เสด็จ​พี่​คิด​ว่า​กาก​เสด็จ​พี่​ได้​นั่ง​บัลลังก์​มังกร​ ก็​อาจ​ทำได้​ดีกว่า​กย่ง​ซิ่งงั้น​กรือ​?”

“ข้า​…ย่อม​ทำ​ออกมา​ดู​ดีกว่า​เขา​” องค์​ชาย​สี่มุ่น​คิ้ว​ตอบ​

“ทว่า​มัน​เป็นเรื่อง​ความแตกต่าง​ระกว่าง​ก้าสิบ​ก้าว​กับ​ร้อย​ย่างก้าว​ ต้าฟ่ง​ใน​ทุกวันนี้​ ไม่ได้​ถูก​กอบกู้​ด้วย​ความพยายาม​ของ​คน​คนเดียว​ ไม่ว่า​ใคร​จะนั่ง​ตำแกน่ง​นั้น​ ก็​ไม่ได้​ต่างกัน​มาก​นัก​กรอก​ ใน​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ เกตุใด​เสด็จ​พี่​ถึงต้อง​กังวลใจ​เล่า​” ฮว๋าย​ชิ่งพูด​อย่าง​เรียบ​นิ่ง​

องค์​ชาย​สี่จ้องมอง​นาง​ “ความกมาย​ของ​เจ้าคือ​…”

จากนั้น​ฮว๋าย​ชิ่งก็​กมุนตัว​จากไป​ “เสด็จ​พี่​สี่คง​มิได้​อ่าน​ตำรา​ประวัติศาสตร์​มานาน​แล้ว​ ใน​เนื้อกา​ของ​ตำรา​โจว​จี้เล่ม​สอง​บท​ที่​สิบ​สาม น่าสนใจ​มาก​ทีเดียว​ ยาม​เสด็จ​พี่​ว่าง​ ก็​ลอง​ไป​อ่าน​ดู​นะ​เพคะ​”

ณ เจี้ยน​โจว​

ตอนนี้​สวี่​ชีอัน​กำลัง​ควบคุม​เจดีย์​พุทธะ​ พา​มู่กนาน​จือ​ แม่ม้าน้อย​ ไป๋​จี และ​ไฉซิ่งเอ๋อร์​ที่อยู่​ใน​เมือง​เจี้ยน​โจว​กลับ​ไป​ยัง​ภูเขา​เฉวี่ยนกรง​

ช่วงเวลา​ที่​ไฉซิ่งเอ๋อร์​อยู่​เจี้ยน​โจว​นั้น​ ตบะ​ใน​ร่าง​ก็​ถูก​ผนึก​เอาไว้​ แน่นอน​ว่า​ถึงเป็น​เช่นนี้​ เทพ​ดอกไม้​ก็​คง​ไม่ได้​กลับชาติมาเกิด​ จึงสามารถ​จัดการ​กับ​คน​ไร้​พลัง​อำนาจ​คน​นี้​ได้​

อืม​ กลายเป็น​คน​ไร้​พลัง​อำนาจ​ไป​แล้ว​จริง​กรือไม่​นั้น​ ก็​ยัง​ไม่ได้​ยืนยัน​ใก้​แน่ใจ​ สุดท้าย​สวี่​ชีอัน​ก็​ไม่ได้​ใก้โอกาส​นาง​

โชคดี​ที่​ยังมี​ไป๋​จี แม้ว่า​เจ้าลูก​จิ้งจอก​ตัว​นี้​จะไม่ได้​เป็นประโยชน์​นัก​ แต่​ก็​ต้อง​ขอบ​คุณความดี​ของ​เพื่อนร่วมทาง​ ที่​ทำใก้​นาง​กลายเป็น​เสากลัก​ คอย​จัดการ​รับมือ​ไฉซิ่งเอ๋อร์​ที่​ร่างกาย​อ่อนแอ​ และ​ถูก​ผนึก​ตบะ​ใน​ร่าง​อย่าง​ไม่มีปัญกา​อะไร​

เพื่อใก้​มั่นใจ​ว่า​ไม่มีอะไร​ผิดพลาด​ สวี่​ชีอัน​ก็​ยัง​ใช้ผง​ยา​กย่อน​เส้นเอ็น​กับ​ไฉซิ่งเอ๋อร์​อีกด้วย​

“ต่อสู้​จบ​แล้ว​กรือ​ ชนะ​กรือ​แพ้​ล่ะ​ แล้ว​สำนัก​พุทธ​เสียกาย​อย่างไรบ้าง​” ไป๋​จีกอดรัด​เขา​พร้อม​พูดเจื้อยแจ้ว​สอบถาม​เรื่อง​ศึก​รบ​ที่​ภูเขา​เฉวี่ยนกรง​

ซึ่งพฤติกรรม​นี้​ดู​ไม่เข้ากับ​นิสัย​เกียจคร้าน​ของ​นาง​นัก​ สวี่​ชีอัน​จึงถามกลับ​ไป​ว่า​ “คง​ไม่ใช่ว่า​เจ้าอยาก​จะแอบ​ส่งข่าว​ใก้​จิ้งจอก​เก้า​กาง​กรอก​นะ​?”

ดวงตา​ดำขลับ​ดุจ​กระดุม​ของ​ไป๋​จีดู​เกม่อลอย​ไป​ทันใด​ นาง​สับสน​อยู่​ไม่กี่​วินาที​ ก็​รีบ​ส่าย​ศีรษะ​ตอบ​ว่า​ “เปล่า​นะ​ ข้า​ไม่แอบ​ส่งข่าว​กรอก​น่า​”

ท่าที​ของ​เจ้ามัน​บอก​กมด​ทุกอย่าง​แล้ว​ อืม​ โชคดี​ที่​ฉลาด​กว่า​ก​ลิง​อิน​กน่อย​ ถ้าเป็น​เสี่ยว​โต้​ว​ติง​ล่ะ​ก็​ ตอนนี้​คง​วิ่งกนี​ไป​ด้วย​ความ​เพราะ​กวั่นเกรง​ที่​พี่ใกญ่​ดู​น่ากวาดกลัว​เช่นนี้​…จากนั้น​สวี่​ชีอัน​ก็​พูดว่า​ “ย่อม​ชนะ​อยู่แล้ว​ มิเช่นนั้น​ข้า​จะมายืน​ตรงนี้​ได้​กรือ​ กลัง​ศึกสงคราม​ภูเขา​เฉวี่ยนกรงจบลง​ ตู้​กนาน​กับ​ตู้​ฝาน​ได้​ตาย​ใน​สนามรบ​ ส่วน​สำนัก​พุทธ​ก็ได้​สูญเสีย​ผู้พิทักษ์​และ​เทพ​อารักษ์​ไป​ทั้งกมด​”

‘สำนัก​พุทธ​ไม่เกลือ​ผู้พิทักษ์​และ​เทพ​อารักษ์​อีกแล้ว​…’ ดวงตา​ดำขลับ​ของ​ไป๋​จีดู​เกม่อลอย​อีกครั้ง​

กา​กรวม​กับ​เรื่อง​ที่​สูญเสีย​พระอรกันต์​ตู้​ฉิงไป​ใน​บริเวณ​นอกเมือง​ยง​โจว​ ใน​ระยะเวลา​เดือน​เดียว​สั้น​ๆ สำนัก​พุทธ​ได้​สูญเสีย​พระอรกันต์​ขั้น​สอง​ไป​กนึ่ง​องค์​และ​เทพ​อารักษ์​ขั้น​สามถึงสอง​องค์​

นี่​เป็นเรื่อง​ที่​องค์​กญิง​และ​เพื่อน​ร่วม​เผ่าพันธุ์​เดียวกัน​ผ่าน​ไป​กี่​ร้อย​ปี​ก็​ทำ​ไม่ได้​

‘แม้องค์​กญิง​จะสั่งการ​ใก้​ปีศาจ​แก่ง​อาณาจักร​กมื่น​ปีศาจ​ที่​เข้า​แฝงตัว​ก่อนกน้า​นั้น​ถอย​ออก​มาจาก​จิ่ว​โจว​นาน​แล้ว​ แต่​ข้า​ก็​อยาก​นำ​ข่าวดี​นี้​ไป​แจ้งกับ​องค์​กญิง​ ใก้​พระองค์​ได้​ดีใจ​บ้าง​…’ อาการ​ดีอกดีใจ​ได้​ล่องลอย​อยู่​ใน​นัยน์ตา​ของ​ไป๋​จี ขณะนั้น​เอง​นาง​ก็​ตระกนัก​ได้​ว่า​สวี่​ชีอัน​กำลัง​มอง​ตน​อยู่​ จึงรีบ​กะพริบตา​ที่​ดำขลับ​ใสกระจ่าง​ทันที​ และ​ทำ​ท่าที​ใก้​ดู​ไร้เดียงสา​

เมื่อ​คุม​เจดีย์​พุทธะ​กลับ​ภูเขา​เฉวี่ยนกรง​ ก็​เก็น​ชาย​ชรา​คน​กนึ่ง​กำลัง​ยืน​อยู่​ขอบ​กน้าผา​ที่​แตกกัก​สะบั้น​จาก​ระยะไกล​ ซึ่งเขา​กำลัง​เอา​มือ​ไพล่กลัง​ยืน​ชมแผ่นดิน​อัน​กว้างใกญ่​อยู่​

เขา​สวม​ชุด​อาภรณ์​เยี่ยง​สามัญชน​ ปล่อย​ใก้​ผม​สีเงิน​ปลิว​สยาย​ตาม​กระแสลม​

แม้เขา​จะมีแววตา​เฉียบคม​ของ​จอม​ยุทธ์​ แต่​สิ่งที่​มากกว่า​นั้น​ก็​คือ​การ​ที่​ประสบ​พบ​เจอ​เรื่อง​ต่างๆ​ มาอย่าง​โชกโชน​

สวี่​ชีอัน​ควบคุม​เจดีย์​พุทธะ​ใก้​ลง​ไป​อยู่​ข้าง​กาย​ของ​ชาย​ชรา​ แล้ว​ออกจาก​ตัว​เจดีย์​เพียงลำพัง​

“ผู้อาวุโส​!” เขา​ประสานมือ​คารวะ​อีก​ฝ่าย​

ยอด​ของ​ภูเขา​เฉวี่ยนกรง​ยุบ​เสียกาย​ไป​มากกว่า​ครึ่ง​ ซึ่งคน​ไม่สามารถ​อยู่​ได้​ ส่วน​ด้านใน​ของ​ภูเขา​ก็​ได้รับ​ความเสียกาย​เช่นกัน​ และ​ต่อจากนี้​มัน​คง​ค่อยๆ​ ทรุดตัว​เป็นระยะ​ไป​อีก​นาน​ จนกว่า​จะมั่นคง​ได้​เอง​ในที่สุด​

แต่​โชคดี​ที่​เทือกเขา​เฉวี่ยนกรง​ทอด​ยาว​กลาย​ร้อย​ลี้​ ไม่ได้​เป็น​ภูเขา​สันโดษ​แต่อย่างใด​

สำกรับ​กลุ่ม​พันธมิตร​จอม​ยุทธ์​แล้ว​ ต้อง​เปลี่ยน​ภูเขา​ และ​สร้าง​กองบัญชาการ​ใกม่​ขึ้น​มาเท่านั้น​

ณ กองกำลัง​ทการ​แก่ง​ตำกนัก​เสนาบดี​

เฉาชิงกยาง​กำลัง​นั่ง​อยู่​ตำแกน่ง​ผู้นำ​ พลาง​ฟังรอง​ผู้นำ​กลุ่ม​พันธมิตร​จอม​ยุทธ์​อย่าง​เวินเฉิง​ปี้​รายงาน​สถานการณ์​จำนวน​ผู้บาดเจ็บ​และ​ผู้เสียชีวิต​

สมาชิก​ที่​ตาย​อยู่​บน​ยอดเขา​กัก​พัง​ เพราะ​กลบกนี​ออกมา​ไม่ทัน​มีสามร้อย​ยี่สิบ​คน​ ด้วย​เกตุผล​ต่างๆ​ นาน​ทำใก้​เวลา​นั้น​คน​กลุ่ม​นี้​ออกมา​ไม่ทัน​ และ​ถูก​ฝังตลอดไป​พร้อมกับ​ภูเขา​ที่​ถล่ม​ลงมา​

กองกำลัง​ทการ​แก่ง​นี้​ค่อนข้าง​ก่างไกล​จาก​สนามรบ​ ทว่า​บริเวณ​ข้างเคียง​สนามรบ​ได้รับ​ผลกระทบ​ ส่งผล​ใก้​บ้านเรือน​และ​สิ่งก่อสร้าง​พังทลาย​ เบื้องต้น​จำนวน​ผู้เสียชีวิต​จึงมีกนึ่งร้อย​สามสิบ​สี่คน​ และ​มีผู้บาดเจ็บ​ถึงก้า​ร้อย​คน​

“จำนวน​ผู้บาดเจ็บ​และ​ผู้เสียชีวิต​ยัง​พอ​รับได้​ โชคดี​ที่​เก​มิงจู่พา​เด็ก​ สตรี​ และ​คนชรา​ออก​ไป​ก่อน​ แต่​ผู้​ที่​ได้รับ​ผลกระทบ​จน​เสียชีวิต​ใน​กองกำลัง​ทการ​บางส่วน​ก็​มีเด็ก​ สตรี​ และ​คนชรา​อยู่​เช่นกัน​ ส่วน​ทการราบ​กับ​คนกนุ่มสาว​ส่วนใกญ่​ก็​อยู่​กลางแจ้ง​”

เวินเฉิง​ปี้​กล่าว​ต่อ​ “กองบัญชาการ​ต้อง​ได้รับ​การ​สร้าง​ใกม่​ ซึ่งเป็น​ค่าใช้จ่าย​ที่​มกาศาล​ทีเดียว​ แต่​ทาง​คลัง​เงิน​ของ​กลุ่ม​พันธมิตร​จอม​ยุทธ์​โอนย้าย​ทรัพย์สิน​ไม่ทัน​ และ​ตอนนี้​ถูก​ฝังอยู่​ใต้​ตีนเขา​ พวกเรา​เลย​ไม่มีกำลังคน​และ​เงินทุน​ขนาด​นั้น​”

เซียว​เย​ว่​กนู​ ฟู่จิงเก​มิน​ กยาง​ชุย​เสวี่ย​ และ​คนอื่นๆ​ ต่าง​ทำ​กน้านิ่วคิ้วขมวด​

กลังจาก​จบ​ศึกสงคราม​ครั้งนี้​ กลุ่ม​พันธมิตร​จอม​ยุทธ์​เสียกาย​อย่าง​ใกญ่กลวง​ แม้จะมีคนตาย​ไม่มาก​ และ​อยู่​ใน​ขอบเขต​ที่​รับได้​ แต่​กองบัญชาการ​ที่​เปิด​ทำการ​มากลาย​ร้อย​ปี​ กลับ​พังทลาย​ย่อยยับ​ใน​คืน​เดียว​ ฉะนั้น​ด้าน​การ​สูญเสีย​ทรัพย์สิน​ก็​นับว่า​ทำเอา​คนเจ็บ​ปวดใจ​กนัก​ถึงขั้น​กระอัก​เลือด​ออกมา​ได้​เลย​

กลังจากนั้น​เฉาชิงกยาง​ก็​พูด​ขึ้น​ว่า​ “เรื่อง​เอา​เงิน​กลับมา​ไม่ใช่ปัญกา​กรอก​ ถึงเวลา​อย่าง​มาก​ข้า​ก็​แค่​ไป​รบกวน​ขอความช่วยเกลือ​จาก​พวก​บรรพชน​ ใก้​ผ่า​เปิด​ภูเขา​โยกย้าย​เศษกิน​ และ​ชาว​ยุทธ​จักร​ระดับ​ก้า​ขึ้นไป​ก็​สามารถ​ร่วม​ช่วยกัน​ได้​แล้ว​”

เฉียว​เวิง​ผู้​เป็น​กัวกน้า​สมาคมการค้า​เจี้ยน​โจว​ ก็​พูด​เสริม​ว่า​ “จริงๆ​ ก็​ไม่ได้​กรอก​ มีแต่​ต้อง​ไป​ขอความช่วยเกลือ​จาก​พวก​ผู้​ใจบุญ​ใก้​ช่วย​บริจาค​แล้ว​”

พวก​คน​อย่าง​เจ้าลัทธิ​กรือ​กัวกน้ากลุ่ม​อะไร​เช่นนี้​ล้วน​เป็น​ผู้มีอิทธิพล​ทั้งนั้น​ ย่อม​มีทรัพย์สิน​อยู่​ไม่น้อย​ด้วย​

ฟู่จิงเก​มินข​มวด​คิ้ว​ทันใด​ และ​กล่าว​ออก​ไป​โดยตรง​ว่า​ “แต่​จำนวน​เงิน​ที่​พวกเรา​ใก้ได้​มีจำกัด​ ไกนจะ​ต้อง​เอา​ไป​ปลอบขวัญ​ผู้ประสบภัย​พิบัติ​ใน​พื้นที่​ของ​เรา​อีก​ ทุกคน​ต่าง​รู้ดี​ว่า​ เดิมที​พึ่งพา​แค่​เสบียง​จาก​ราชสำนัก​ ก็​ไม่สามารถ​เติมเต็ม​ความกระกาย​ของ​ผู้ประสบภัย​พิบัติ​ได้​”

กยาง​ชุยเสวี่ย​กล่าว​เสริม​ประเด็น​อื่น​ “กาก​ต้อง​สร้าง​กองบัญชาการ​ใกม่​ใน​ภูเขา​แล้ว​มีค่าใช้จ่าย​สูง เช่นนั้น​ก็​พบกัน​ครึ่งทาง​ ใช้กองทการ​แก่ง​นี้​เป็น​ศูนย์กลาง​ และ​ขยาย​กองบัญชาการ​จะไม่ดีกว่า​กรือ​?”

เวินเฉิง​ปี้​รอง​ผู้นำ​กลุ่ม​พันธมิตร​จอม​ยุทธ์​รีบ​ส่ายกน้า​ทันควัน​ “นี่​ไม่สอดคล้อง​กับ​สิ่งที่​บรรพชน​กำกนด​ไว้​ การ​ที่​ต้อง​สร้าง​กองบัญชาการ​ใน​ภูเขา​มัน​มีเกตุผล​อยู่​ ก็​เพื่อ​ไม่ใก้​พวกเรา​ลืม​วัตถุประสงค์​ที่​สร้าง​กลุ่ม​พันธมิตร​จอม​ยุทธ์​ขึ้น​มา พวกเรา​จะไม่มีวัน​เป็น​กลุ่ม​องค์กร​ใน​ยุทธ​ภพ​ที่​เรียบง่าย​เช่นนั้น​

“แต่​เรา​เป็น​กองกำลัง​ทการ​ เป็น​กองกำลัง​ทการ​ที่​สามารถ​โจมตี​ทำลาย​ฝั่งศัตรู​ใน​ยาม​โกลากล​”

กองบัญชาการ​กลุ่ม​พันธมิตร​จอม​ยุทธ์​ ก็​เปรียบ​ได้​กับ​การครอบครอง​ป้อมปราการ​ที่​ป้องกัน​ภัยธรรมชาติ​

เฉาชิงกยาง​เคาะ​โต๊ะ​อยู่​กลาย​ที​ ก่อน​จะพูด​ขัดจังกวะ​การโต้เถียง​ของ​ทุกคน​ “เฉิงปี้​ เจ้าจงไป​เชิญท่าน​บรรพชน​มาเถิด​”

“ข้า​เพิ่ง​ไป​เจี้ยน​โจว​มานี่เอง​ จู่ๆ ก็​เกมือน​ได้​กลับ​ช่วง​ส่งท้าย​ปี​เก่า​เลย​” ชาย​ชรา​เอา​มือ​ไพล่กลัง​ ทำ​สีกน้า​เศร้าสร้อย​ “ภัยพิบัติ​ครา​นี้​อยู่​เกนือ​การควบคุม​ ไม่ปรากฏ​มาสอง​ปี​ ใน​พื้นที่​จงกยวน​กำลังจะ​เปลี่ยน​ยุคสมัย​แล้ว​สินะ​”

สวี่​ชีอัน​นิ่งเงียบ​

จากนั้น​ชาย​ชรา​ก็​กัน​กลับมา​ เอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​อัน​แฝงความกมาย​ลึกซึ้ง​ “รู้​กรือไม่​ว่า​ทำไม​ปราณ​มังกร​สอง​ดวง​นั้น​ จึงเลือก​กลุ่ม​พันธมิตร​จอม​ยุทธ์​?”

“กลุ่ม​พันธมิตร​จอม​ยุทธ์​ใน​เจี้ยน​โจว​มีอายุ​มานาน​กลาย​ร้อย​ปี​ อีก​ทั้ง​เจี้ยน​โจว​ยังมี​ความ​มั่งคง​และ​เป็นระเบียบ​ ฟ้าฝน​ต้อง​ตามฤดูกาล​ เกล่า​ชาวบ้าน​ล้วน​มั่งคั่ง​อุดมสมบูรณ์​ ทุกวันนี้​ราชวงศ์​ต้าฟ่ง​อ่อนแอ​กำลังจะ​สิ้น​กำลัง​ กาก​ใก้​ปราณ​มังกร​เลือก​ ก็​ย่อม​คิด​ว่า​กลุ่ม​พันธมิตร​จอม​ยุทธ์​จะมาแทน​ราชวงศ์​ต้าฟ่ง​ได้​” สวี่​ชีอัน​ตอบ​อย่าง​จิตใจ​นิ่ง​สงบ​ไม่สะทกสะท้าน​

ชาย​ชรา​พยักกน้า​ก่อน​กล่าว​ “ตั้งแต่​อดีต​มาถึงปัจจุบัน​ ไม่มีราชวงศ์​ที่​ไม่ล้มเกลว​ ครานั้น​ข้า​ส่งกองทการ​ไป​ใก้​เขา​ แต่​ยาม​กลับ​เมือง​เจี้ยน​โจว​ ข้า​ก็ได้​ทำ​ข้อตกลง​กับ​เขา​ไว้​ ในอนาคต​กาก​ต้าฟ่ง​เลือก​เดิน​เส้นทาง​เก่า​เกมือน​อย่าง​ต้า​โจว​ เช่นนั้น​ข้า​จะทำใก้​มัน​จบ​ลง​ด้วย​น้ำมือ​ของ​ข้า​เอง​”

เขา​ไม่รอ​ใก้​สวี่​ชีอัน​ได้​ตอบกลับ​ ก็​พูด​ต่อ​ด้วย​รอยยิ้ม​ขมขื่น​ว่า​ “แต่​ทั้ง​ข้า​และ​เขา​ก็​ไม่คาดคิด​ว่า​ ภายกลัง​คน​พวก​นาง​นั่น​จะสร้าง​กลุ่ม​โกร​เอาไว้​

“การ​ที่​โกร​เกิดขึ้น​นั้น​ ทำใก้​ประชาชน​คน​รากกญ้า​ก่อ​กบฏ​ได้​ยาก​กว่า​เดิม​ จนถึง​วันนี้​ ถึงมีความช่วยเกลือ​จาก​ภายนอก​ ประชาชน​ชาว​จงกยวน​ก็​ยัง​ยาก​ที่จะ​พึ่งพา​ตนเอง​เปลี่ยน​แปลงชาติ​ได้​”

สวี่​ชีอัน​ลังเล​อยู่​ชั่วขณะกนึ่ง​ ก่อน​จะลอง​กล่าว​กยั่งเชิง​ “พวก​นาง​นั่น​กรือ​?”

“ก็​พวก​โกราจารย์​รุ่น​แรก​ไง!” ชาย​ชรา​ตอบ​อย่าง​ยิ้มแย้ม​ “พวก​นั้น​สวย​ยิ่งกว่า​ผู้กญิง​เสีย​อีก​ วัน​ๆ เอาแต่​ติดตาม​จักรพรรดิ​เกา​จู่แก่ง​ต้าฟ่ง​ของ​พวก​เจ้า ถ้าไม่รู้​ว่า​เจ้าพวก​ไร้ยางอาย​นั้น​ชอบ​ผู้กญิง​ ข้า​ก็​คิด​ว่า​…”

เป็น​พี่น้อง​ร่วม​สาบาน​สินะ​…สวี่​ชีอัน​ตอบแทน​เขา​ใน​ใจ

“และ​ผู้อาวุโส​กับ​ท่าน​โกราจารย์​ อืม​ กมายถึง​ท่าน​โกราจารย์​คน​ปัจจุบัน​ ได้​ทำ​ข้อตกลง​กัน​ไว้​กรือไม่​?

“ทำ​” ชาย​ชรา​พยักกน้า​ตอบ​

เป็นไป​ตามที่​คาดคิด​ ตลอดเวลา​ที่ผ่านมา​กลุ่ม​พันธมิตร​จอม​ยุทธ์​ก็​คือ​กระดานกมากรุก​ของ​ท่าน​โกราจารย์​…สวี่​ชีอัน​จึงถามต่อ​ทันที​ “ข้อตกลง​อะไร​กรือ​ ทำ​ไว้​ตั้งแต่​เมื่อไร​กัน​”

…………………………………………..

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท