บทที่ 644 หมากล้อม

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

มอบหมาย​ยอด​ฝีมือ​ที่​วางใจ​รวบรวม​ไพร่พล​คนจร​ ปล้นสะดม​เสนาบดี​เล็ก​และ​พ่อค้า​ ยึด​เอา​ทรัพยากร​ของ​พวกเขา​มาควบคุม​เหล่า​คนจร​…

ใน​ความคิด​ของ​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งมีเสียงดัง​ ‘วิ้งๆ’​ พระองค์​รู้สึก​ว่า​ความรู้​ที่​ถูก​ปลูกฝัง​มาตลอด​สามสิบ​ปี​ถูก​สาส์น​ลับ​ฉบับ​นี้​ล้มล้าง​หมดสิ้น​ ความรู้สึก​สับสน​ เหลือเชื่อ​ทวี​ความรุนแรง​ขึ้น​

หลังจาก​อ่าน​สาส์น​จน​จบ​แล้ว​ คำ​แรก​ที่​ผุด​ขึ้น​มาใน​หัว​คือ​ ‘เหลวไหล​!’

ใน​ความเข้าใจ​ของ​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่ง เสนาบดี​เล็ก​ ชนชั้น​นักปราชญ์​ รวมไปถึง​ตระกูล​ใหญ่​เรืองอำนาจ​เป็น​องค์ประกอบ​สำคัญ​ของ​ราชสำนัก​ เป็น​ผู้​ปกปักรักษา​การปกครอง​ของ​ราชวงศ์​

หาก​ตั้งตัว​เป็น​ศัตรู​กับ​ชนชั้น​เหล่านี้​ พระราชกฤษฎีกา​ของ​ราชสำนัก​ก็​ยาก​ที่จะ​บรรลุผล​ ใน​ประวัติศาสตร์​มีราชวงศ์​และ​จักรพรรดิ​หลาย​พระองค์​ที่​ถูก​โค่นล้ม​เนื่อง​จากไป​ล่วงเกิน​ชนชั้นสูง​เหล่านี้​

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งเอง​ก็​ศึกษา​ประวัติศาสตร์​เช่นกัน​ พระองค์​สามารถ​สรุป​ความเข้าใจ​ทาง​การปกครอง​ได้​เป็น​สอง​ประโยค​

‘ประนีประนอม​ตลอดเวลา​ ดึง​คน​พวก​หนึ่ง​มากำราบ​คน​อีก​พวก​หนึ่ง​!’

ที่​บอ​กว่า​ดึง​คน​พวก​หนึ่ง​มากำราบ​คน​อีก​พวก​หนึ่ง​ ใน​บริบท​ของ​ท้องพระโรง​ ก็​คือ​หา​คน​สนับสนุน​ให้​มากขึ้น​นั่นเอง​

ใน​บริบท​ของ​การปกครอง​ดินแดน​ คน​ที่​ผูกมิตร​ดึง​มาเป็น​พวก​ก็​คือ​พวก​ตระกูล​เรืองอำนาจ​ เสนาบดี​เล็ก​ ชนชั้นสูง​ นักปราชญ์​และ​เหล่า​ขุนนาง​ทั้งหลาย​ คน​ที่​ถูก​กำราบ​ก็​คือ​ประชาชน​ตาดำๆ​ นับ​หมื่น​นับ​พัน​ใต้​หล้า​

ทว่า​ข้อความ​ประโยค​หนึ่ง​ใน​สาส์น​ลับ​ของ​สวี่เอ้อร์​หลา​งก​ลับ​สะเทือน​ความรู้สึก​ของ​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งอย่าง​ล้ำลึก​

“บรรดา​เหล่า​ผู้​ครองแผ่นดิน​ ยาม​สงบ​เป็น​พันธมิตร​ ยาม​วิกฤต​ตี​ตน​จาก​จร​”

เน้น​ไป​ที่​ประโยค​นี้​ สวี่เอ้อร์​หลา​งร่าย​บท​สาธยาย​ยาวเหยียด​ เมื่อ​เทียบ​กับ​ชนชั้น​รากหญ้า​ที่​ต้อง​ทนทุกข์​กับ​ภัยพิบัติ​ซ้ำแล้วซ้ำเล่า​ ชนชั้น​ที่​ถือ​ครองแผ่นดิน​ ทรัพยากร​ และ​ความมั่งคั่ง​ของ​ราชวงศ์​นั้น​เป็น​เพียง​กลุ่มคน​ส่วนน้อย​เท่านั้น​

ใน​ยามยาก​ การ​เสียสละ​เศษเสี้ยว​เล็ก​ๆ นี้​ไป​ จะได้มา​ซึ่งการ​สนับสนุน​จาก​ประชาชน​ส่วนมาก​ อำนาจ​ของ​จักรพรรดิ​จะยืนหยัด​ได้​อย่าง​มั่นคง​

เมื่อ​ชนชั้น​เก่าแก่​ถูก​ทำลาย​สิ้น​ ย่อม​มีคน​ใหม่​ๆ เข้ามา​แทนที่​พวกเขา​ใน​ชนชั้น​เหล่านี้​

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งรู้สึก​ว่า​วิธี​นี้​ก็​ถือว่า​เป็นการ​ดึง​คน​พวก​หนึ่ง​มากำราบ​คน​อีก​พวก​หนึ่ง​เช่นกัน​

สอดคล้อง​กับ​หลัก​การปกครอง​ของ​พระองค์​

ประเด็น​ที่​สำคัญ​อย่างหนึ่ง​คือ​เรื่อง​นี้​ไม่ได้​เกิดขึ้น​เนื่องจาก​ราชสำนัก​ แต่​เป็น​ฝีมือ​กองโจร​พเนจร​ชั่วช้า​ ไม่เกี่ยวข้อง​กับ​ราชสำนัก​หรือ​ราชวงศ์​

“สวี่​ซินเหนียน​มาก​ความสามารถ​ สมควร​แก่​การ​ให้​ค่า​!”

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งทรง​ทอดถอนใจ​

พระองค์​อ่าน​สาส์น​ลับ​ซ้ำไปซ้ำมา​ เดี๋ยว​ก็​ตื่นเต้น​ เดี๋ยว​ก็​วิตก​ อีก​เดี๋ยว​กัด​พระ​ทนต์​กรอด​ อีก​เดี๋ยว​ก็​ส่าย​พระพักตร์​ ลังเล​สับสน​อยู่​นาน​

เฮ้อ​…ในที่สุด​พระองค์​ก็​ทรง​ถอน​พระทัย​และ​ตัดสิน​พระทัย​ได้​

“เอา​กระถาง​เพลิง​มา!”

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งสั่งการ​

จ้าว​เสวียน​เจิ้น​รีบ​นำ​กระถาง​เพลิง​มาถวาย​ทันที​

พระองค์​โยน​สาส์น​ลับ​ใส่ใน​กระถาง​เพลิง​ เปลวไฟ​ลุกโชน​เผาไหม้​สาส์น​ที่​หาก​รั่วไหล​ออก​ไป​สู่ภายนอก​จะต้อง​สั่นสะเทือน​ขุนนาง​และ​ประชาชน​ทั่วหล้า​อย่าง​แน่นอน​

พระองค์​ไม่คิด​จะนำ​แผนการ​นี้​มาใช้

หรือ​จะพูด​ให้​ถูก​ก็​คือ​ กลยุทธ์​ที่สาม​จะไม่ถูก​นำมาใช้​

เหตุผล​นั้น​ง่ายดาย​ มัน​มีความเสี่ยง​มากเกินไป​

หาก​เรื่อง​นี้​รั่วไหล​ออก​ไป​ บัลลังก์​ของ​พระองค์​จะต้อง​สั่นคลอน​อย่าง​แน่นอน​

พระองค์​ไม่ใช่พระ​บิดา​ ที่​มีรากฐาน​หยั่งลึก​ สามารถ​ควบคุม​ท้องพระโรง​และ​ขุนนาง​ชั้นสูง​ให้​อยู่​ใน​กำมือ​ได้​ พระองค์​เป็น​เพียง​จักรพรรดิ​องค์​ใหม่​ที่​ขึ้น​ครองราชย์​ได้​ไม่ถึงสอง​เดือน​

ไม่สิ ต่อให้​เป็น​จักรพรรดิ​ที่​มีพระ​ราช​อำนาจ​ล้นเหลือ​ก็​ไม่กล้า​ทำ​เช่นนี้​แน่​

การมอบหมาย​คนสนิท​ให้​ไป​ทำ​เรื่อง​เช่นนี้​ ก็​เหมือน​เป็น​การเผย​จุดอ่อน​ออก​ไป​

จุดอ่อน​ที่​สามารถ​ทำให้​พระองค์​ป่นปี้​ไป​ตลอดกาล​ได้​ตลอดเวลา​

อย่า​ว่าแต่​คนสนิท​เลย​ แม้แต่​พระมารดา​และ​พระ​ขนิษฐา​ร่วม​พระ​ครรภ์​ พระองค์​ยัง​ไม่กล้า​เปิดเผย​จุดอ่อน​นี้​ให้​แก่​พวก​นาง​

ใคร​จะรับประกัน​ได้​ว่า​คนสนิท​จะภักดี​เสมอ​

ด้านใน​เจดีย์​พุทธะ​

สวี่​ชีอัน​ที่​เพิ่ง​มาถึงอวี่​โจว​ก็​ขี่​เจดีย์​พุทธะ​ไป​ยัง​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ทันที​ จู่ๆ ก็​รู้สึก​ใจสั่น​ จึงหันไป​พูด​กับ​เหมียว​โห​ย่ว​ฟางว่า​

“มาช่วย​ข้า​สัก​เดี๋ยว​ซิ”

เขา​นั่ง​อยู่​ข้าง​โต๊ะ​ กำลัง​เล่น​หมาก​กับ​มู่หนาน​จือ​ หมาก​ดำ​ขาว​สูสีกินกัน​ไม่ลง​ สถานการณ์​พลิกผัน​ได้​ตลอดเวลา​ ยัง​ไม่มีใคร​เพลี่ยงพล้ำ​ให้​แก่​ใคร​

ภิกษุ​เฒ่าถ่าห​ลิง​เอง​ก็​ยัง​ตกตะลึง​ ไม่คิด​ว่า​คน​สอง​คน​นี้​จะมีฝีมือ​ใน​การ​วางหมาก​ระดับ​เหนือ​มนุษย์​เช่นนี้​

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางหยุด​ฝึกฝน​การ​ชกต่อย​ เช็ดหน้า​ด้วย​ผ้า​เช็ด​เหงื่อ​ที่​ห้อย​คอ​ และ​เอ่ย​อย่าง​อึดอัด​ใจ

“ข้า​วางหมาก​ไม่เป็น​!”

สวี่​ชีอัน​ยังคง​ยืนกราน​ความคิด​ของ​ตน​

“หนาน​จือ​จะสอน​เจ้าเอง​ การ​วางหมาก​ไม่มีอะไร​ยาก​ จงเชื่อ​ใน​สติปัญญา​ของ​ตน​เถิด​”

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางเดิน​เข้าไป​อย่าง​ไม่ขัดขืน​ นั่งลง​ตรง​ที่นั่ง​ของ​สวี่​ชีอัน​ เมื่อ​เห็น​หมา​กวาง​อัด​แน่น​อยู่​เต็ม​กระดาน​ เขา​ก็​สะดุ้ง​ตกใจ​

ตัว​หมา​กวาง​อยู่​เต็ม​หน้ากระดาน​ มาถึงขั้น​นี้​แล้วก็​ยัง​ตัดสิน​ผู้ชนะ​กัน​ไม่ได้​

ทักษะ​การ​วางหมาก​ของ​สวี่​ชีอัน​และ​ภรรยา​เหนือกว่า​จินตนาการ​

มู่หนาน​จือ​มอง​เขา​แวบ​หนึ่ง​และ​เอ่ย​

“เจ้าเล่นตัว​ดำ​ ข้า​เล่นตัว​ขาว​”

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางเกา​หัว​แกรก​ๆ “ข้า​เล่น​ไม่เป็น​”

“ง่าย​มาก​ แค่​ว่า​หมาก​ห้า​ตัว​เรียง​กัน​เป็น​เส้นตรง​ได้​ก็​ถือว่า​ชนะ​แล้ว​” มู่หนาน​จือ​กล่าว​

“หมาก​แบบ​ไหน​กัน​”

“นี่​เขา​เรียก​ว่า​หมากล้อม​” มู่หนาน​จือ​กล่าว​ด้วย​ท่าที​จริงจัง​

ส่วน​อีก​ด้าน​หนึ่ง​ สวี่​ชีอัน​เดิน​ไป​ยัง​ริม​หน้าต่าง​ ควัก​ชิ้นส่วน​หนังสือ​ปฐพี​ออกมา​ เห็น​ฮว๋าย​ชิ่งส่งข้อความ​มา

หมายเลข​หนึ่ง​ ‘จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งไม่ยอมรับ​กลยุทธ์​ของ​สวี่เอ้อร์​หลา​ง วันนี้​ก็​ให้​คน​ไป​ส่งข้อความ​ถึงเขา​ว่า​ ‘แผนการ​ของ​ท่าน​นับว่า​ยอดเยี่ยม​ แต่​เรา​คิด​ว่า​ไม่จำเป็นต้อง​ทำ​เช่นนั้น​ ขอให้​ยุติ​แต่​เพียงเท่านี้​อย่า​พูดถึง​มัน​อีก​!’

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งใจไม่กล้า​พอ​สินะ​…สวี่​ชีอัน​ส่ายหน้า​ด้วย​ความผิดหวัง​

หมายเลข​สอง​ ‘ว่า​อย่างไร​นะ​ พวกเรา​อุตส่าห์​ทุ่มเท​กาย​ใจคิด​แผนการ​สุด​ล้ำเลิศ​ให้​กับ​พระองค์​ แต่​พระองค์​ไม่คิด​จะใช้มัน​เลย​เนี่ย​นะ​? เหอะ​ จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งช่างมีคุณธรรม​สูงส่งไม่ต่าง​จะบิดา​ของ​ตน​ เป็น​จักรพรรดิ​ที่​ไร้ประโยชน์​พอกัน​’

หญิงสาว​โมโห​อย่างยิ่ง​

หมายเลข​สี่ ‘อันที่จริง​ที่​พระองค์​ไม่เลือก​ก็​เป็นเรื่อง​ที่​เข้าใจ​ได้​ ไม่ใช่ทุกคน​ที่จะ​มีความกล้าหาญ​ เมื่อใด​ที่​เจ้าได้​เปลี่ยน​ตำแหน่ง​ เจ้าก็​จะเข้าใจ​ความทุกข์​ของ​พระองค์​เอง​ ใน​ฐานะ​จักรพรรดิ​องค์​ใหม่​ พระองค์​จำต้อง​แสวงหา​ความมั่นคง​เสีย​ก่อน​

‘การนำ​กลยุทธ์​ของ​เอ้อร์​หลา​งมาใช้ มีความไม่แน่นอน​และ​ความเสี่ยง​มากเกินไป​ อีก​ทั้ง​ยัง​อาจ​ไม่สามารถ​ยืนยัน​ได้​ว่า​จะช่วย​แก้ปัญหา​คน​เร่ร่อน​ได้​จริงๆ​ แต่​เมื่อใด​ที่​ถูก​เปิดโปง​ พระองค์​จะถูก​ขุนนาง​และ​นักปราชญ์​ตอบโต้​เป็นแน่​’

หมายเลข​เจ็ด​ ‘พระองค์​ไม่รับข้อเสนอ​ ไม่ขัดขวาง​การเคลื่อนไหว​ของ​เรา​ เพียงแต่​ผลลัพธ์​จะถูก​ลดทอน​ เพราะ​พรรค​ฟ้าดิน​มีกำลังคน​จำกัด​’

เทพบุตร​แสดง​ความเห็น​ของ​ตน​

นี่​ ไอ้​น้องชาย​ เจ้านี่​ช่างกระตือรือร้น​เสีย​จริง​นะ​ ลืม​ไป​แล้ว​หรือว่า​ก่อนหน้านี้​เจ้าตก​ตาย​ทางสังคม​อย่างไร​ มุมของ​ปาก​ของ​สวี่​ชีอัน​ขยับ​

หมายเลข​สอง​ ‘สวี่​ชีอัน​ ไม่มีกลยุทธ์​อื่น​ที่จะ​ใช้จัดการ​กับ​คน​เร่ร่อน​บ้าง​หรือ​’

ใจจริง​ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​อยาก​จะถามฮว๋าย​ชิ่ง แต่​นาง​ไม่สนิทสนม​กับ​ฮว๋าย​ชิ่ง จึงใช้สวี่​ชีอันเป็น​เครื่องมือ​

มีทาง​อื่น​อีก​หรือ​ไม่งั้น​หรือ​?

กลยุทธ์​ก่อนหน้านี้​คือ​การ​กระตุ้น​ความขัดแย้ง​ทาง​ชนชั้น​ ละทิ้ง​ชน​ชั้นหนึ่ง​ เพื่อ​รักษา​ภาพรวม​และ​อำนาจ​ของ​จักรพรรดิ​ หาก​จะบอ​กว่า​มีกลยุทธ์​อื่น​ ก็​เห็นจะ​มีแต่​ถ่ายโอน​ความขัดแย้ง​ การ​ทำสงคราม​ต่างแดน​เป็น​วิธี​ที่​ดี​ที่สุด​ แต่​…

การ​ใช้สงคราม​ต่างแดน​ใน​การ​ถ่ายโอน​ความขัดแย้ง​ ใช้ได้​ใน​ตอนที่​ความขัดแย้ง​ใน​สังคม​ยัง​ไม่รุนแรง​จน​ถึงขั้น​สุด​เท่านั้น​

สำหรับ​สถานการณ์​ของ​ต้าฟ่ง​ใน​ปัจจุบัน​ การ​ไป​ยั่วยุ​และ​ก่อ​สงคราม​กับ​ดินแดน​อื่น​ ไม่เป็น​เร่ง​เวลา​ให้​ดินแดน​ตน​ล่มสลาย​เร็ว​ขึ้น​หรือ​?

หาก​อุบาย​นี้​ได้ผล​ มีหวัง​ฉงเจิน​ได้​หัวเราะ​งอ​งาย​…เขา​แอบ​บ่น​ใน​ใจ

หมายเลข​สาม ‘อันที่จริง​ก็​ยังมี​อยู่​ ราชสำนัก​สามารถ​เกณฑ์ทหาร​ ให้​เหล่า​คน​เร่ร่อน​ไป​เป็น​เป้า​โจมตี​ใน​การ​ปราบปราม​กบฏ​อวิ๋น​โจว​ แน่นอน​ว่า​อวิ๋น​โจว​เอง​ก็​ต้อง​ใช้อุบาย​นี้​ด้วย​เช่นกัน​’

นี่​ก็​เป็น​วิธี​ถ่ายโอน​ความขัดแย้ง​อีก​วิธี​หนึ่ง​

สมาชิก​พรรค​ฟ้าดิน​ต่าง​นิ่งเงียบ​

ในเวลานี้​ คำ​ว่า​ ‘ประชาชน​เดือดร้อน​ทุกหย่อมหญ้า​’ เป็น​คำ​ที่​สามารถ​สรุป​เหตุการณ์​โศกนาฏกรรม​ได้​ทั้งหมด​

หมายเลข​สาม ‘ทำ​เรื่อง​ที่อยู่​ตรงหน้า​ก่อน​เถิด​ นอกจาก​เมี่ยวเจิน​ พี่​ฉู่ และ​ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ ทาง​ข้า​สามารถ​ส่งคน​ไป​รวบรวม​คน​เร่ร่อน​ และ​ตั้งตัว​เป็น​ราชา​แห่ง​ขุนเขา​ได้​’

ขณะที่​ส่งข้อความ​ สวี่​ชีอัน​ก็​หันไป​มอง​เหมียว​โห​ย่ว​ฟางที่นั่ง​อยู่​หน้า​กระดานหมากรุก​

หมายเลข​เจ็ด​ ‘เหมียว​โห​ย่ว​ฟางใช่หรือไม่​’

ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่พูด​ถูกเผง​

หมายเลข​สาม ‘อืม​ ระดับ​ของ​เขา​ตอนนี้​ยัง​บกพร่อง​อยู่​บ้าง​ แต่​อย่าง​มาก​ไม่เกิน​สามเดือน​เขา​ก็​น่าจะ​เข้าสู่​ขั้น​สลาย​แรง​ได้​แล้ว​ จริง​สิ ข้า​ค้นพบ​วิธี​ที่จะ​ก้าว​สู่ขั้น​สลาย​แรง​ได้​เร็ว​ขึ้น​แล้ว​ นั่น​ก็​คือ​หลังจาก​ถึงขั้น​หลอม​วิญญาณ​แล้ว​ ต้อง​หมั่น​ฝึกฝน​จิต​เดิม​ไม่ย่อท้อ​ พัฒนา​สมอง​’

หมายเลข​หนึ่ง​ ‘แล้ว​ผล​เป็น​อย่างไรบ้าง​’

ฮว๋าย​ชิ่งส่งข้อความ​ตอบ​กลับมา​ทันใด​ ดูเหมือนว่า​นาง​จะสนใจ​เคล็ดลับ​นี้​มาก​

สำหรับ​คนอื่นๆ​ มีเพียง​ฉู่หยวน​เจิ่น​ที่​ให้ความสนใจ​เพียง​เล็กน้อย​ มังกร​หมอบ​หงส์​ละอ่อน​ของ​นิกาย​สวรรค์​ก็​เป็น​ผู้​บำเพ็ญตน​ลัทธิ​เต๋า​ ไต้​ซือเหิงหย่วน​อยู่​ใน​ขั้น​สี่มาตั้งแต่แรก​แล้ว​

ลี่​น่า​ดำน้ำ​เหมือนปกติ​ เพราะ​เรื่อง​ที่​สมาชิก​พรรค​ฟ้าดิน​พูดคุย​นั้น​ นาง​ไม่เคย​เข้าใจ​เลย​สักครั้ง​ ทั้ง​ยัง​น่า​ปวดหัว​

หมายเลข​สาม ‘การฝึกฝน​จิต​เดิม​สามารถ​พัฒนา​สมอง​ได้​ และ​การฝึกฝน​ร่างกาย​ก็​ช่วย​ปรับปรุง​การควบคุม​ร่างกาย​ได้​เช่นกัน​ ทำให้​ก้าว​เข้าสู่​ขั้น​สี่ได้​ง่าย​ขึ้น​ เคล็ด​วิชา​ลับ​นี้​ข้า​ได้​ทดลอง​กับ​เหมียว​โห​ย่ว​ฟางแล้ว​’

หมายเลข​สี่ ‘เหตุใด​ถึงเป็น​เช่นนั้น​ได้​’

ฉู่หยวน​เจิ่น​นับว่า​เป็น​จอม​ยุทธ์​ครึ่งตัว​

หมายเลข​สาม ‘เพราะ​ร่างกาย​ถูก​ควบคุม​โดย​จิต​เดิม​ จิต​เดิม​ยิ่ง​แข็งแกร่ง​ ก็​ยิ่ง​ส่งผล​ให้​พลัง​ควบคุม​ร่างกาย​แข็งแกร่ง​ขึ้น​ตาม​ไป​ด้วย​’

เขา​แทนที่​คำ​ว่า​สมอง​ด้วย​คำ​ว่า​จิต​เดิม​ เพื่อให้​สมาชิก​พรรค​ฟ้าดิน​เข้าใจง่าย​ขึ้น​

ในความเป็นจริง​จิต​เดิม​และ​สมอง​นั้น​ไม่เหมือนกัน​ สมอง​เป็น​ภาชนะ​ของ​จิต​เดิม​ ยิ่ง​จิต​เดิม​เติบโต​ สมอง​ก็​จะยิ่ง​พัฒนา​ต่อไป​ คน​ที่​จิต​เดิม​แข็งแกร่ง​ มักจะ​ควบคุม​ร่างกาย​ได้​อย่าง​มั่นคง​

หมายเลข​สอง​ ‘ที่แท้​ก็​เป็น​เช่นนี้​นี่เอง​ มัน​ทำให้​ข้า​นึกถึง​หลังจาก​ฝึกฝน​การ​รวม​ปราณ​แล้ว​ ร่างกาย​มัน​เบาหวิว​ราวกับ​นก​นางแอ่น​ รู้สึก​ว่า​ร่างกาย​ก็​แข็งแกร่ง​ขึ้น​ด้วย​ ที่แท้​พลัง​ควบคุม​กล้ามเนื้อ​ของ​ข้า​มัน​สูงขึ้น​นั่นเอง​’

ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​ตระหนัก​ได้​ทันที​ว่า​ หลายครั้ง​ความสามารถ​ของ​ร่างกาย​ทุก​ด้าน​ก็​จะเพิ่มขึ้น​ตาม​ระดับ​ขั้น​ที่สูง​ขึ้น​ ทุกคน​คุ้นชิน​กับ​มัน​ไป​แล้ว​ จึงไม่สนใจ​จะขุดคุ้ย​ถึงต้นสายปลายเหตุ​ของ​มัน​

ท้ายที่สุด​แล้วก็​ไม่ใช่ทุกคน​ที่จะ​ใฝ่เรียน​ใฝ่รู้​

หมายเลข​หนึ่ง​ ‘สวี่​หนิง​เยี่ยน​ เจ้านี่​มัน​อัจฉริยะ​ตัวจริง​’

การประชุม​ภายใน​พรรค​ฟ้าดิน​สิ้นสุดลง​

สวี่​ชีอัน​เก็บ​ชิ้นส่วน​หนังสือ​ปฐพี​เรียบร้อย​ และ​กลับ​ไป​ที่​กระดาน​หมากล้อม​ สีหน้า​ของ​เหมียว​โห​ย่ว​ฟางตื่นเต้น​ เดินหมาก​รวดเร็ว​ดัง​ติดปีก​

เขา​วางหมาก​ขาว​ดำ​สูสีกับ​มู่หนาน​จือ​ ตัดสิน​แพ้ชนะ​กัน​ได้​ยาก​ยิ่ง​ แม้แต่​ภิกษุ​เฒ่าถ่าห​ลิง​ยัง​ตกตะลึง​ คาดไม่ถึง​ว่า​ทักษะ​การ​วางหมาก​ของ​ทั้ง​สู่คน​จะสูงถึงปานนี้​

“นี่​น่ะ​หรือ​หมากล้อม​ เหอะ​ ก็​ไม่ได้​ยาก​สัก​เท่าไร​นี่​หว่า​ ข้า​ก็​หลง​คิด​ว่า​วางหมาก​เป็น​สิ่งที่​มีแต่​พวก​ปัญญาชน​เท่านั้น​ที่​ทำได้​ เป็น​การละเล่น​ที่​ต้อง​ใช้ความรู้​ขั้นสูง​ใน​การ​เล่น​”

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางทำ​สีหน้า​ราวกับ​ได้​เห็น​แก่นแท้​ของ​โลก​ใบ​นี้​

“ที่แท้​ก็​แค่นี้​เอง​!”

สวี่​ชีอัน​ได้ยิน​ดังนั้น​ ก็​หันไป​มอง​พระชายา​ที่​กำลัง​จิตใจ​ห่อเหี่ยว​

ลูกศิษย์​ของ​ข้า​ไม่ได้​ฉลาด​หลักแหลม​เลย​สักนิด​ เจ้ายัง​คิด​หลอกลวง​เขา​จนถึงที่สุด​อีก​หรือ​…เขา​บ่น​ใน​ใจ

สวน​เต๋อ​ซิน​ พระราชวัง​

ฮว๋าย​ชิ่งถือ​ม้วน​หนังสือ​ใน​มือ​ นั่งลง​ข้าง​หน้าต่าง​เหม่อมอง​ทิว​ทิศน์​ใน​สวน​

“หมั่น​ฝึกฝน​จิต​เดิม​ไม่ย่อท้อ​ ทำให้​เข้าสู่​ขั้น​สลาย​แรง​ได้​เร็ว​ขึ้น​…”

นาง​ทบทวน​ถ้อยคำ​นี้​

อันที่จริง​ ชาว​ยุทธ​นอกจาก​ที่​หมั่น​ฝึก​ภาพ​ตระหนัก​รู้​วันแล้ววันเล่า​ใน​ตอนที่​เข้าสู่​ขั้น​หลอม​ปราณ​เต็ม​ขั้น​ ทันทีที่​เข้าสู่​ขั้น​หลอม​วิญญาณ​แล้ว​ ความสามารถ​ใน​การ​ฝึก​ภาพ​ตระหนัก​รู้​ก็​จะลดลง​

และ​เอา​เวลา​ส่วนใหญ่​ไป​ใช้ใน​การหลอม​ปราณ​และ​แช่น้ำ​สมุนไพร​ เพื่อ​ปู​ทาง​ไป​สู่ขั้น​กระดูกเหล็ก​ผิว​ทองแดง​

เมื่อ​มาถึงขั้น​กระดูกเหล็ก​ผิว​ทองแดง​ ก็​จะเริ่ม​ฝึกฝน​กาย​เนื้อ​ เพื่อ​บรรลุ​ขั้น​สลาย​แรง​

แต่ละ​ขั้น​มีสิ่งสำคัญ​ที่​ต้อง​มุ่งเน้น​แตก​ต่างกัน​ นี่​เป็น​ความเข้าใจ​ร่วม​ของ​ทุกคน​

รวมถึง​ฮว๋าย​ชิ่งเอง​ด้วย​ หลังจาก​เลื่อนขั้น​เข้าสู่​กระดูกเหล็ก​ผิว​ทองแดง​แล้ว​ นาง​ก็​ฝึก​ภาพ​ตระหนัก​รู้​บ้าง​เป็นครั้งคราว​ และ​ละเลย​การฝึกฝน​จิต​เดิม​ไป​

ถูกต้อง​ นาง​เลื่อนขั้น​เป็น​กระดูกเหล็ก​ผิว​ทองแดง​แล้ว​

การ​ดื่ม​ชาร้อน​ๆ ที่​นอก​ห้อง​ทรง​พระ​อักษร​ใน​วันนั้น​ เป็น​เครื่องพิสูจน์​ที่​ดี​ที่สุด​

ครั้งนั้น​เป็น​ความผิดพลาด​ครั้ง​ใหญ่​ของ​ฮว๋าย​ชิ่งที่​เผย​ตบะ​ของ​ตน​ออก​ไป​โดยไม่รู้ตัว​

ฮว๋าย​ชิ่งกลับ​ไป​ที่​โต๊ะเขียนหนังสือ​ ฉีก​กระดาษ​ออกมา​แผ่น​หนึ่ง​ และ​เขียน​ชื่อ​ลง​ไป​

เริ่มต้น​ด้วย​ชื่อ​

เฉิน​อิง​!

นาง​เป่า​หมึก​ให้​แห้ง​ พับ​กระดาษ​ แล้ว​ลุกขึ้น​จาก​โต๊ะเขียนหนังสือ​

“เตรียม​รถม้า​ ข้า​จะกลับ​ไป​ที่​จวน​”

นาง​สั่งสาวใช้​ แล้ว​เดิน​ออกมา​ข้างนอก​ตำหนัก​ หันไป​กล่าว​กับ​ทหาร​รักษา​พระองค์​

“ให้​คน​ที่อยู่​ใน​รายชื่อ​มาพบ​ข้า​ที่​จวน​ด้วย​”

นาง​ยื่น​กระดาษ​ให้​

อวิ๋น​โจว​!

ณ คุก​ใน​ที่ทำการ​ของ​ผู้บัญชาการ​ อากาศ​อับ​ชื้น​ ปน​กับ​กลิ่น​เหม็นหืน​จางๆ

เซี่ยหลู​เงยหน้า​ขึ้น​มอง​แสงแดด​ที่​ลอดผ่าน​ช่อง​อากาศ​บน​กำแพง​ด้วย​ความ​เหม่อลอย​

เขา​ถูก​คุมขัง​อยู่​ใน​คุก​เป็นเวลา​ครึ่ง​ปี​แล้ว​

ใน​ฐานะ​สมุหเทศาภิบาล​อวิ๋น​โจว​ที่​เพิ่ง​รับ​ตำแหน่ง​มาใหม่​ และ​ยัง​เป็น​ขุนนาง​ชั้นสูง​ระดับ​สาม ราชสำนัก​แล​ดูจะ​ไม่ใส่ใจต่อ​สถานการณ์​ของ​เขา​เลย​

ใน​ระยะเวลา​ครึ่ง​ปี​ จาก​ปัญญาชน​ผู้​มีจิตใจ​ฮึกเหิม​ไฟแรง​ กลายเป็น​นักโทษ​ผมเผ้า​กระเซิง​หน้าตา​มอมแมม​

คุก​เย็น​ชื้น​เหม็นอับ​ มือ​เท้า​เต็มไปด้วย​แผล​ที่​ถูก​ความ​เย็น​กัด​ ร่างกาย​ส่งกลิ่น​เหม็น​เน่า​ ผิวหนัง​เริ่ม​เป็นหนอง​พุพอง​ เนื่องจาก​ไม่ได้​อาบน้ำ​มานาน​

เดิมที​เซี่ยหลู​เป็น​ข้าหลวง​ของ​จางโจว​ ดูแล​คลัง​ธัญญาหาร​ของ​ต้าฟ่ง​ ประสบความสำเร็จ​ ได้รับ​ชื่อเสียง​อย่าง​กว้างขวาง​ใน​หมู่​ประชาชน​และ​ขุนนาง​ด้วย​กันเอง​

หลังจากที่​ซ่งฉางฝู่สมุหเทศาภิบาล​อวิ๋น​โจว​ถูก​ประหารชีวิต​ เขา​ก็​รับ​ตำแหน่ง​ และ​รีบ​ไป​ยัง​อวิ๋น​โจว​เพื่อ​รับ​ตำแหน่ง​สมุหเทศาภิบาล​แทน​

เซี่ยหลู​คาดการณ์​ว่า​อวิ๋น​โจว​คงจะ​ยุ่งเหยิง​เอาการ​ จึงเตรียมตัว​พร้อม​จะทำสงคราม​ยืดเยื้อ​มาก่อน​

ใคร​เลย​จะคิด​ว่า​หลังจาก​ขึ้น​รับ​ตำแหน่ง​แล้ว​ทุกอย่าง​กลับ​เป็นไป​อย่าง​ราบรื่น​ ไม่ต้อง​เผชิญหน้า​กับ​กลุ่ม​ผู้ใต้บังคับบัญชา​ที่​ลุกฮือ​ขึ้น​มาต่อต้าน​ และ​ไม่ต้อง​ถูก​กำราบ​จาก​ผู้บัญชาการ​หยาง​ชวน​หนาน​

ผิดคาด​ ความชื่นชม​ใน​ตัว​หยาง​ชวน​หนาน​ ผู้บัญชาการ​ตงฉิน​กลับ​สูงขึ้น​อย่าง​มาก​

หลังจาก​ผ่าน​ไป​สามเดือน​ อยู่​มาวันหนึ่ง​ จู่ๆ หยาง​ชวน​หนาน​ก็​เชื้อเชิญ​ให้​เขา​ไป​ร่วม​งานเลี้ยง​ใน​งาน​ผู้บัญชาการ​ท่าน​นี้​กล่าว​ประณาม​ความ​ฟอนเฟะ​ของ​ราชสำนัก​ ขุนนาง​ทุจริต​ฉ้อราษฎร์บังหลวง​ ประชาชน​เดือดร้อน​ทุกหย่อมหญ้า​

อีก​ทั้ง​ยัง​กล่าวถึง​มรดกตกทอด​ใน​ราชวงศ์​ตลอด​ห้า​ร้อย​ปี​ เชื้อเชิญ​ให้​เขา​ไป​ยัง​ราชวงศ์​ โค่นล้ม​ราชวงศ์​ที่​เสื่อมถอย​ เปลี่ยนแปลง​ความวุ่นวาย​ให้​กลับ​สู่ครรลอง​ของ​ต้าฟ่ง​

เซี่ยหลู​แสร้ง​ทำเป็น​เห็นด้วย​ แต่​หลังจาก​กลับ​จวน​ เขา​ก็​เขียน​สาส์น​ลับ​ส่งไป​ยัง​ราชสำนัก​ทันที​

แต่​การเคลื่อนไหว​ทุก​ย่างก้าว​ของ​เขา​ถูก​จับตามอง​ สาส์น​ลับ​ส่งไป​ไม่ถึง ตัว​เขา​ก็​ถูก​ส่งเข้า​คุก​

มีเสียง​เกราะ​กระทบ​กัน​ดัง​มาตาม​ทางเดิน​มืดมิด​ ชาย​ร่าง​สูงใหญ่​เดิน​มาหยุด​ตรงหน้า​ลูกกรง​

เขา​สวม​เกราะ​ถือ​ดาบ​ใน​มือ​ ท่าทาง​ขึงขัง​น่าเกรงขาม​

เขา​คือ​หยาง​ชวน​หนาน​ ผู้บัญชา​กา​รอ​วิ๋น​โจว​

………………………………………………..

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท