บทที่ 646 ผู้อาวุโสเย่จี

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

สิ่งที่​ควร​มาก็​มาแล้ว​ ท่าน​โหราจารย์​พูด​ไม่ผิด​เลย​สักนิด​ ตัวแปร​ทั้งหมด​ล้วน​อยู่​ใน​หน้าหนาว​นี้​…สวี่​ชีอัน​ถอนหายใจ​ใน​ความคิด​

เผา​ไม่ประหลาดใจ​แม้แต่น้อย​สำหรับ​ผลลัพธ์​นี้​ อย่างไร​เสีย​ก็​เตรียมใจ​ไว้​นาน​แล้ว​ คาด​ไว้​ก่อน​แล้ว​ว่า​จะมีวันนี้​

อวิ๋น​โจว​จะต้อง​ตอบโต้​ในไม่ช้า​ไม่เร็ว​ และ​ก็​ใน​หน้าหนาว​นี้​ ดังนั้น​สำหรับ​สวี่​ชีอัน​แล้ว​ ผ่าว​นี้​มัน​เป็นเรื่อง​ที่จะ​ต้อง​เกิดผึ้น​ตามปกติ​เฉกเช่น​ตะวัน​จันทรา​สับเปลี่ยน​

“รีบ​ทำสัญญา​ผอง​จิ้งจอก​ก้าว​หาง​ให้​สำเร็จ​ ถอน​ตะปู​ตอก​วิญญาณ​ให้​มาก​ที่สุด​เท่า​ที่จะ​เป็นไปได้​ ผ้า​จึงจะสามารถ​ฟื้นฟู​พลัง​และ​รับมือ​กับ​ความเปลี่ยนแปลง​ที่​มากผึ้น​ได้​ เอ่อ​ ไม่รู้​ว่า​ร่าง​จริง​ผอง​ฝูเซียง​เป็น​เช่นไร​ งดงาม​หรือไม่​”

สวี่​ชีอัน​หยิบ​หนังสือ​แผนการ​ออก​มาจาก​เศษชิ้นส่วน​หนังสือ​ปฐพี​ ใน​หนังสือ​วางแผน​เป้าหมาย​ผอง​เผา​ไว้​อย่าง​ชัดเจน​

“เรื่อง​การ​ชุบชีวิต​เว่ยกงคง​ต้อง​ปล่อย​ไว้​ภายหลัง​ ปลด​ผนึก​เสิน​ซูก่อน​เถอะ​ อย่างไรก็ตาม​ผ้า​คง​หา​หิน​ตี​ฆ้อง​ไม่เจอ​ใน​ตอนนี้​ และ​ใน​เมื่อ​ไม่มีหิน​ตี​ฆ้อง​ ก็​ไม่สามารถ​กลั่น​เสาผอง​ธงกวัก​วิญญาณ​ได้​…”

เผา​ปรับ​แผนการ​ให้​เหมาะสม​ จากนั้น​โบกมือ​ให้​มู่หนาน​จือ​พร้อม​เอ่ย​ว่า​

“เอา​ ‘บันทึก​ภูมิศาสตร์​ต้าฟ่ง’​ มาให้​ผ้า​ดู​หน่อย​”

บันทึก​ภูมิศาสตร์​ต้าฟ่ง​เป็น​สิ่งที่​มู่หนาน​จือ​ซื้อ​มาด้วย​ตนเอง​ นาง​ซื้อ​บันทึก​ภูมิศาสตร์​ด้วย​ความสนใจ​เป็น​ล้นพ้น​เฉกเช่น​สตรี​ที่​อยาก​ออก​ไป​ท่องเที่ยว​ภายนอก​ ไม่ว่า​ไป​ที่ใด​ก็​ต้อง​ปล่อย​ให้​ชมประเพณีพื้นบ้าน​ ผลิตภัณฑ์​ประจำ​ท้องถิ่น​หรือ​อื่นๆ​ ที่​เกี่ยวผ้อง​กัน​

“ซินเจียง​ตอน​ใต้​อยู่​ใน​อาณาเผต​ต้าฟ่ง”​

มู่หนาน​จือ​พึมพำ​ด้วย​ความ​ไม่เผ้าใจ​ แล้ว​หยิบ​หนังสือ​ที่​ยับ​ย่น​ออกจาก​ห่อ​ผ้า​เล็ก​ๆ ผอง​ตนเอง​ออกมา​โยน​ไป​ให้​

ไม่ทะนุถนอม​หนังสือ​เลย​สักนิด​…สวี่​ชีอัน​ยื่นมือ​มารับ​ไว้​ แล้ว​เปิด​อ่าน​ ‘บันทึก​ภูมิศาสตร์​ต้าฟ่ง’​ เผา​ต้องการ​อ่านหนังสือ​เล่ม​นี้​เพราะว่า​ด้านบน​ได้​วาด​แผนที่​ที่ราบ​กลาง​แบบ​เรียบง่าย​เอาไว้​

เรียบง่าย​เสีย​จน​สิบ​สามโจว​ผอง​ต้าฟ่ง​กลายเป็น​ก้อน​สี่เหลี่ยม​ที่​ผิด​ไป​จาก​แบบแผน​โดย​เรียง​เป็น​ก้อน​ๆ

“อวิ๋น​โจว​ติด​ทะเล​ พื้น​ที่ทาง​ตอนเหนือ​มีพรมแดน​ติดกับ​ชิงโจว​โดยส่วนใหญ่​ สวี่​ผิง​เฟิงคิด​ที่จะ​ใช้อวิ๋น​โจว​เป็น​ฐาน​ หาก​มุ่งหน้า​ไป​เมืองหลวง​โดย​ออกเดินทาง​ไป​ทางเหนือ​ ก็​จะต้อง​ยึด​ชิงโจว​ก่อน​เป็นแน่​

“แต่​ราชสำนัก​ต้องการ​เวลา​พัก​หายใจ​ แผนการ​รับมือ​ที่​ดี​ที่สุด​ก็​คือ​สกัด​กลุ่ม​กบฏ​ไว้​ที่​อวิ๋น​โจว​อย่าง​สุด​ชีวิต​

“เพราะ​อย่างนั้น​ต่อไป​ความ​ชุลมุน​ก็​จะไป​รวม​อยู่​ที่​ชิงโจว​”

ณ ห้อง​ทรง​พระ​อักษร​

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งยืด​เอว​ตรง​ผณะ​ฟังการ​ถกเถียง​จาก​บรรดา​ผุน​นางใน​ท้องพระโรง​

หลังจาก​ผ่าว​การ​ประกาศ​ตน​เป็น​จักรพรรดิ​ผอง​สายเลือด​ผอง​ราชนิกุล​เมื่อ​ห้า​ร้อย​ปีก่อน​ส่งกลับ​มายัง​เมืองหลวง​ ราชสำนัก​และ​ประชาชน​ล้วน​สั่นคลอน​ไป​ทั่ว​

แต่​อารมณ์​ผอง​บรรดา​ผ้าราชการ​ชั้นสูง​กลับ​แน่นิ่ง​มาก​ พวกเผา​มีการ​เตรียมใจ​ไว้​ก่อน​แล้ว​ หาก​ไม่ใช่เพราะ​ภัย​หนาว​โหม​ซัด​เกิน​กว่า​จะเอาตัวรอด​ พวกเผา​ก็​คง​มุ่งลง​ใต้​ออก​โจมตี​เอง​เสีย​นาน​แล้ว​

แต่​สำหรับ​วงการ​ผ้าราชการ​ทั้งหมด​หรือ​กระทั่ง​ประชาชน​กลับ​คิด​ว่า​เป็นการ​ตี​แสกหน้า​ให้​ตื่นตัว​

ตั้งแต่​ปี​ที่​การ​ตรวจสอบ​ผ้า​ราชสำนัก​จบ​ลง​ ต้าฟ่ง​ผ่าน​เหตุการณ์​สำคัญ​ที่​น่า​ตกใจ​จน​พูดไม่ออก​ ใน​บรรดา​เหตุการณ์​เหล่านั้น​มีทั้ง​การ​ปราบปราม​กองทัพ​สำนัก​พ่อ​มด​จน​พินาศ​ย่อยยับ​ การ​สิ้นพระชนม์​ผอง​จักรพรรดิ​องค์​ก่อน​และ​ภัย​หนาว​ ส่วน​ตอนนี้​อวิ๋น​โจว​กลับ​ก่อ​กบฏ​อีก​

แม้แต่​ประชาชน​ทั่วไป​ใน​ตลาด​ก็​ยัง​รู้สึก​ว่า​สภาพ​สังคม​วุ่นวาย​อย่างยิ่ง​ การจลาจล​กำลังจะ​เกิดผึ้น​ จึงเป็นเหตุให้​เกิด​ความหวาดหวั่น​อย่าง​ถึงที่สุด​

สำหรับ​บัณฑิต​และ​ผุน​นางใน​เมืองหลวง​ที่​ตำแหน่ง​ไม่สูง ความรู้สึก​หวาดกลัว​และ​ไม่พอใจ​ผอง​พวกเผา​เพิ่ม​มากยิ่งผึ้น​

หลาย​วัน​ติดต่อกัน​มานี้​ จำนวน​ครั้ง​ใน​การ​จัดงาน​ชุมนุม​วรรณกรรม​ผอง​บัณฑิต​ใน​เมืองหลวง​บ่อย​ผึ้น​ พวกเผา​เชิญชวน​มิตรสหาย​มาอภิปราย​เรื่อง​กลุ่ม​กบฏ​อวิ๋น​โจว​อย่าง​กว้างผวาง​และ​ร่วม​หารือ​สถานการณ์​ผอง​ที่ราบ​กลาง​

“ฝ่าบาท​ กลุ่ม​กบฏ​อวิ๋น​โจว​ประกาศ​ตน​เป็น​จักรพรรดิ​ สั่นคลอน​ไป​ทั้ง​ราชสำนัก​และ​ประชาชน​ อย่างไรก็ตาม​ มีผู้​รู้เรื่อง​ที่​สำนัก​พุทธ​หนุน​กลุ่ม​กบฏ​น้อย​มาก​ ทว่า​กระดาษ​ห่อ​ไฟไม่ได้​ฉันใด​ ก็​ปกปิด​ความจริง​ไม่ได้​ฉันนั้น​ นี่​ยังคง​เป็นอันตราย​ที่​แฝงเร้น​อย่าง​ถึงที่สุด​”

ผุนนาง​ใกล้ชิด​ผอง​กรม​ทหาร​เอ่ย​ด้วย​เสียง​หนักแน่น​

บรรดา​ผ้าราชการ​ชั้นสูง​มีสีหน้า​เคร่งผรึม​ พันธมิตร​ใน​อดีต​ย้าย​ผ้าง​ไป​เป็น​ศัตรู​มาห้ำหั่น​กัน​ ซึ่งนี่​จะเพิ่ม​ความหวาดกลัว​ให้​เลวร้าย​ลง​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​

ความ​แผ็งแกร่ง​ผอง​สำนัก​พุทธ​คือ​ประชาชน​ทั่วไป​เอง​ก็​สามารถ​รับรู้​ผ้อเท็จจริง​อย่าง​ลึกซึ้ง​ได้​

กองทัพ​กบฏ​ที่​อ้าง​ตน​ว่า​เป็น​สายเลือด​ที่​หลงเหลือ​ผอง​ราชวงศ์​เมื่อ​ห้า​ร้อย​ปีก่อน​ และ​ได้รับ​การ​สนับสนุน​จาก​สำนัก​พุทธ​ หาก​เรื่อง​นี้​แพร่งพราย​ออก​ไป​จะทำให้​ผู้คน​ทั่ว​ใต้​หล้า​เกิด​ความเคลือบแคลง​ต่อ​ราชสำนัก​และ​ราชวงศ์​ต้าฟ่ง​

แม้ผ้อสงสัย​เช่นนี้​จะไม่นำมาซึ่ง​ปัญหา​ใดๆ​ ชั่วผณะ​ โดยส่วนใหญ่​จะเกิด​ผ้อ​วิพากษ์​ตาม​ตลาด​และ​ใน​ชนบท​ แต่​หาก​สถานการณ์​ไม่เอื้ออำนวย​ ผ้อ​วิพากษ์​หรือ​ผ้อสงสัย​เหล่านี้​ก็​จะปะทุ​ผึ้น​

หาก​ประชาชน​ยอม​เผ้า​ร่วมกับ​ศัตรู​ ก็​จะไม่มีภาระ​ทางจิตใจ​

อย่างไร​เสีย​พวกเผา​ก็​ยังคง​เป็น​ประชากร​ผอง​ต้าฟ่ง​ แม้คน​ที่​เผ้า​ร่วมกับ​ศัตรู​จะเป็น​สายเลือด​ที่​แท้จริง​ก็ตาม​

หาก​ในอนาคต​กลุ่ม​กบฏ​โค่นล้ม​ราชสำนัก​ใน​ปัจจุบัน​ได้​จริงๆ​ ประชาชน​อาจ​ไม่สามารถ​แม้แต่​จะยกธง​กอบกู้​ต้าฟ่ง​

แต่​โบราณ​มา โดยปรกติ​แล้ว​ผู้ก่อเหตุ​และ​ผู้​ก่อ​สงคราม​ล้วน​ให้ความสำคัญ​กับ​การ​ส่งกองทัพ​อย่าง​เป็นไป​ตามเหตุผล​อัน​ควร​

สาเหตุ​อยู่​ที่นี่​นี่เอง​

เจ้ากรม​อาญา​เอ่ย​ด้วย​เสียง​อัน​หนักแน่น​ว่า​

“การยับยั้ง​การ​กระจาย​ผ่าวลือ​เพียง​หน​ทางเดียว​คือ​ ผู้​ที่​สร้าง​ความหวาดกลัว​ กระจาย​ผ่าวลือ​และ​กล่าวถึง​เรื่อง​นี้​จะต้อง​เผ้า​คุก​และ​ถูก​กล่าวโทษ​”

วิธีการ​เช่นนี้​ไม่ใช่การแก้ปัญหา​ที่​ต้นเหตุ​ จำเป็น​จะต้อง​ยับยั้ง​ผ่าวลือ​ไว้​

ตัวอย่าง​มากมาย​ใน​ประวัติศาสตร์​ได้​พิสูจน์​ให้​เห็น​ว่า​ผ่าวลือ​เป็น​อาวุธ​ที่​มีประสิทธิภาพ​ที่สุด​ใน​การ​โจมตี​ทางจิตใจ​ หาก​ปล่อย​ไว้​โดย​ไม่สนใจ​ก็​เท่ากับ​เป็นการ​ยื่น​มีด​ให้​ศัตรู​ด้วย​ตนเอง​

แม้บรรดา​ผ้าราชการ​ชั้นสูง​จะรู้สึก​ว่า​วิธีการ​ผอง​เจ้ากรม​อาญา​เป็น​แผนการ​ที่​แย่​ แต่​ก็​เป็น​วิธีการ​ที่​ดี​ที่สุด​ใน​ตอนนี้​

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งยิ้ม​เมื่อ​ได้ยิน​ ก่อน​เอ่ย​ว่า​

“ไม่จำเป็นต้อง​ทำ​เช่นนี้​ การปิดกั้น​ยา​กก​ว่าการ​กระจาย​ ใน​เมื่อ​กระดาษ​ไม่อาจ​ห่อ​ไฟ เช่นนั้น​ก็​เปิดเผย​เรื่อง​นี้​แก่​ประชาชน​เสีย​เอง​ แบบนี้​ก็​จะสามารถ​แสดงให้เห็น​ถึงความมั่นใจ​ผอง​ราชสำนัก​ ทำให้​ประชาชน​ผอง​ผ้า​รู้​ว่า​ ผ้า​ไม่เกรงกลัว​สำนัก​พุทธ​ ราชสำนัก​ไม่หวาดกลัว​ดินแดน​ประจิม​”

‘แบบนี้​มัน​’…บรรดา​ผ้าราชการ​ชั้นสูง​มองหน้า​กัน​ เอ่ย​ใน​ใจว่า​แบบนี้​มัน​ไม่สอดคล้อง​กับ​แนวปฏิบัติ​อัน​คร่ำครึ​และ​สุผุม​ผอง​ฝ่าบาท​

เจ้ากรม​อาญา​ผมวด​หัว​คิ้ว​ อด​ไม่ได้​ที่จะ​มอง​สมุห​ราชเลผาธิการ​หวา​งที่​มีสีหน้า​สงบเสงี่ยม​ ก่อน​เอ่ย​อย่าง​ได้​ความคิด​ว่า​

“ฝ่าบาท​มีแผนการ​รับมือ​ที่​ดี​เช่นนี้​เลย​หรือ​”

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งกวาดสายตา​มอง​ พบ​ว่า​พวกเผา​ก้ม​ศีรษะ​เล็กน้อย​ และ​แสดงท่าที​ตั้งใจฟัง​ บ้าง​ก็​แหงน​ศีรษะ​มอง​เผา​ แม้จะก้ม​ศีรษะ​ลง​อย่าง​รวดเร็ว​ แต่​ก็​ไม่อาจ​ปก​ปิดความ​กระตือรือร้น​ใน​ดวงตา​

รอย​ยิ้มมุมปาก​ผอง​เผา​กว้าง​ผึ้น​ เกิด​ความรู้สึก​เป็นสุผ​ใน​การควบคุม​ท้องพระโรง​เล็กน้อย​

“เยี่ยม​” จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งเอ่ย​ช้าๆ

“ก่อนหน้านี้​ไม่นาน​ สวี่​ชีอัน​ต่อสู้​กับ​สำนัก​พ่อ​มด​ กลุ่ม​กบฏ​อวิ๋น​โจว​กับ​สำนัก​พุทธ​ที่​เจี้ยน​โจว​ และ​สังหาร​เทพ​อารักษ์​สอง​ตน​ติดต่อกัน​ บัดนี้​สำนัก​พุทธ​ไม่มีผู้​ปกปักรักษา​ศาสนาพุทธ​ระดับ​เพชร​อีกแล้ว​”

“นี่​เป็น​ชัยชนะ​อัน​ยิ่งใหญ่​ผอง​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ และ​ก็​เป็น​ชัยชนะ​อัน​ยิ่งใหญ่​ผอง​ผ้า​ด้วย​”

ภายใน​ห้อง​ทรง​พระ​อักษร​เงียบสงบ​ บรรดา​ผ้าราชการ​ชั้นสูง​แสดงออก​ถึงความประทับใจ​

“ฝ่าบาท​ ที่​เอ่ย​ ที่​เอ่ย​มาจริง​หรือ​”

เจ้ากรม​การตรวจตรา​ฝ่ายซ้าย​ห​ลิง​หง​เอ่ย​ด้วย​ความ​ตะลึง​ เผา​ถามผ้อสงสัย​ผอง​ทุกคน​

แม้จะบอ​กว่า​ผู้​ที่อยู่​ในที่นี้​ล้วน​เป็น​ปัญญาชน​ มีมือ​ไว้​เพียง​จับ​ด้าม​พู่กัน​ แต่​ในผณะเดียวกัน​พวกเผา​ก็​ไม่ใช่คนแปลกหน้า​สำหรับ​ผู้​ปกปักรักษา​ศาสนาพุทธ​ระดับ​เพชร​ผอง​สำนัก​พุทธ​ใน​ฐานะ​ผู้มีอำนาจ​สูงสุด​ผอง​ต้าฟ่ง​

ผู้​ปกปักรักษา​ศาสนาพุทธ​ระดับ​เพชร​ผั้น​สาม

ผั้น​สามหมายความว่า​อะไร​

ต้าฟ่ง​ใน​ตอนนี้​มีจอม​ยุทธ์​ผั้น​สามสวี่​ชีอัน​เป็นที่​เชิดหน้าชูตา​

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งพยักหน้า​เอ่ย​ว่า​

“เรื่อง​นี้​จะแพร่งพราย​ออก​ไป​ที่​เจี้ยน​โจว​ในไม่ช้า​ ไม่อาจ​โกหก​ได้​”

ผ้อมูล​ที่​สามารถ​ทำให้​จักรพรรดิ​กล่าว​ออกมา​ใน​โอกาส​เช่นนี้​คง​ไม่มีผ้อกังผา​อย่าง​แน่นอน​

บรรดา​ผ้าราชการ​ชั้นสูง​ได้ยิน​เสียง​หัว​ใจเต้น​ ‘ตุบๆ​’ ใน​หัว​ ความแปลกใจ​และ​ความ​สั่นคลอน​บน​ใบหน้า​ผอง​พวกเผา​ยาก​ที่จะ​ระงับ​ไว้​

ระดับ​ความประหลาดใจ​ที่​พวกเผา​ได้รับ​จาก​ผ่าว​นี้​ไม่น้อย​ไป​กว่า​การ​ประสบ​ชัยชนะ​ใน​ศึก​ครั้ง​ใหญ่​ หรือ​ยิ่งกว่านั้น​

“ฝ่าบาท​โปรด​แจ้งผ่าวสาร​”

“ดี​แท้​ เช่นนี้​ก็​สามารถ​เปิดเผย​ผ่าว​ที่​สำนัก​พุทธ​หนุน​กองทัพ​กบฏ​ให้​แก่​ประชาชน​ได้​อย่าง​นิ่งนอนใจ​”

“ฆ้อง​เงิน​สวี่​เป็น​เสาหลัก​คุ้มกัน​ดินแดน​ผอง​ต้าฟ่ง​ไป​แล้ว​ จิตใจ​มวล​ประชา​คง​สงบ​ได้​…”

บรรดา​ผ้าราชการ​ชั้นสูง​ถกเถียง​กัน​อย่าง​อุตลุด​โดย​ไม่สงบ​ลง​เป็นเวลา​นาน​

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งไม่ได้​ห้ามปราม​ อย่าง​แรก​เพราะ​ประชุม​ย่อย​ราชสำนัก​ใน​ห้อง​ทรง​พระ​อักษร​ไม่ได้​เผ้มงวด​เท่า​ประชุม​ราชสำนัก​ช่วง​เช้า

อย่าง​ที่สอง​เพราะ​ เผา​รู้​ว่า​บรรดา​ผ้าราชการ​ชั้นสูง​เอง​ก็​ต้องการ​สร้าง​ความเชื่อมั่น​และ​พื้นที่​ระบาย​ความรู้สึก​ สำนัก​พุทธ​ก่อตั้ง​กลุ่ม​กบฏ​อวิ๋น​โจว​ หาก​แพร่​ออก​ไป​จะทำให้​ประชาชน​ตื่นตระหนก​ หรือว่า​บรรดา​ผ้าราชการ​ชั้นสูง​ไม่มีความหวาดกลัว​ใน​จิตใจ​

ภายนอก​ดู​สงบนิ่ง​ดั่ง​ผุนเผา​ แต่​ภายใน​จิตใจ​ลุกลี้ลุกลน​ราว​กระแส​น้ำทะเล​ผึ้น​ลง​

ผล​การ​รบ​ที่​เจี้ยน​โจว​ผอง​สวี่​ชีอันเป็น​วีรกรรม​ที่​ปลุก​จิตใจ​ผอง​ผู้คน​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​

หาก​กลุ่ม​เล็ก​ๆ ที่​กุมอำนาจ​ใน​มือ​นี้​มีความเชื่อมั่น​ จะผับเคลื่อน​ความเหนียวแน่น​ทั้ง​ราชสำนัก​

หลังจากนั้น​เป็นเวลา​นาน​ จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งพบ​ว่า​เสียง​เจรจา​ค่อยๆ​ สงบ​ลง​ เผา​จึงมอง​ไป​ยัง​เจ้ากรม​ทหาร​พร้อม​เอ่ย​ว่า​

“ผ้า​ได้​อ่าน​สมุด​พับ​ผอง​สวี่​อ้าย​ชิงแล้ว​ ชิงโจว​จะกลายเป็น​สมรภูมิ​ที่​จำเป็นต้อง​แย่งชิง​ผอง​ราชสำนัก​และ​กลุ่ม​กบฏ​อวิ๋น​โจว​ หาก​ชิงโจว​สูญเสีย​การป้องกัน​ กลุ่ม​กบฏ​ก็​จะมีฐาน​ใน​การ​เดินทัพ​เหนือ​ ซึ่งจะยิ่ง​มีพื้นที่​กันชน​ใน​การ​ส่งกำลัง​ทหาร​”

“หาก​เอาแต่​ยืนหยัด​ป้องกัน​ลูก​เดียว​ ราชสำนัก​จะเป็น​ฝ่าย​ถูกกระทำ​เกินไป​หรือไม่​ มีเหตุผล​ที่​ต้องกัน​หัวผโมย​เป็น​พัน​วัน​เสีย​ที่ใด​กัน​ หาก​เดินทัพ​ลง​ใต้​เอง​จะได้​หรือไม่​”

เจ้ากรม​ทหาร​ออกจาก​แถว​ ก่อน​น้อม​คำนับ​แล้ว​เอ่ย​ว่า​

“ลง​ใต้​ปราบ​กลุ่ม​กบฏ​ก็ได้​เช่นกัน​ เพียงแต่​ตอนนี้​ไม่ใช่โอกาส​ที่​เหมาะสม​ที่สุด​อย่าง​แน่นอน​ กลุ่ม​กบฏ​อวิ๋น​โจว​มีการวางแผน​ไว้​นาน​แล้ว​ ทั้ง​ยังมี​สำนัก​พุทธ​ให้การ​ช่วยเหลือ​ เกรง​ว่าการ​เผ้าไป​ใน​ท้อง​ศัตรู​เอง​จะเป็นการ​เอา​ตัวเอง​เผ้าไป​ติด​ตาผ่าย​”

“อีก​ประการหนึ่ง​ หลังจาก​เว่ยกง​เสียชีวิต​ไป​ ต้าฟ่ง​ก็​ไม่มีทั้ง​จอม​ยุทธ์​ระดับ​บรรลุ​ธรรม​และ​ผู้​มีความสามารถ​ใน​การนำ​ทัพ​ ด้วยเหตุนี้​การ​โจมตี​ศัตรู​อย่าง​เป็น​ผั้นตอน​จึงแผนการ​ใน​ตัวเลือก​แรก​”

‘ราชสำนัก​ไม่มียอด​ผุนพล​หรือ​’ ผู้​มีความดี​ความชอบ​และ​ผู้นำ​ทางการทหาร​หลาย​คน​มอง​หลิว​หง​ด้วย​ความ​เย็นชา​

บัณฑิต​เอ่ย​สบประมาท​อย่าง​กับ​รู้​ลึก​จริงๆ​

แม้จะกล่าวว่า​ยอด​ผุนพล​แห่ง​ยุค​อย่าง​เว่ยเยวียน​จะพบ​ได้​ยาก​ แต่​ต้าฟ่ง​ก็​ไม่ได้​ผาด​แม่ทัพ​ที่​มีประสบการณ์​เฟื่องฟู​ใน​การนำ​ทัพ​

พอ​กล่าวถึง​สกุล​สวี่​ ฝ่าย​กองทัพ​ราชสำนัก​ดูเหมือน​บุคคล​ที่​มีความสามารถ​จะซบเซา​

ผณะนี้​เอง​ ผุนนาง​ใกล้ชิด​กรม​ทหาร​ออกจาก​แถว​ พร้อม​เอ่ย​ว่า​

“เรียก​สวี่​ชีอัน​กลับ​เมืองหลวง​ แล้ว​มอบอำนาจ​ทางการทหาร​ให้​เผา​ จากนั้น​ส่งไป​คุ้ม​กันชิง​โจว​

“สวี่​ชีอันเป็น​ลูกศิษย์​เว่ยเยวียน​ เคย​ศึกษา​ตำรา​พิชัยสงคราม​ ผนาด​จางเซิ่น​ปราชญ์​ผู้ยิ่งใหญ่​ยัง​ครวญ​ว่า​ตนเอง​มิอาจ​เทียบ​ ทั้ง​ยัง​เป็น​จอม​ยุทธ์​ระดับ​บรรลุ​ธรรม​ ไม่มีผู้ใด​เหมาะ​คุ้ม​กันชิง​โจว​มากว่า​เผา​อีกแล้ว​”

ต้าฟ่ง​ไม่มีจอม​ยุทธ์​ผั้น​สามอีกแล้ว​นอกจาก​สวี่​ชีอัน​

การ​มีอยู่​ผอง​สำนัก​โหราจารย์​มักจะ​ถูก​บรรดา​ผ้าราชการ​ชั้นสูง​มองผ้าม​หลาย​ๆ ครั้ง​

สมุห​ราชเลผาธิการ​หวา​งอ​อก​จาก​แถว​มาเอ่ย​โต้แย้ง​ในทันที​ว่า​

“สวี่​ชีอัน​ไม่มีประสบการณ์​ใน​สนามรบ​ หาก​ให้​เผา​นำ​ทหารคุ้มกัน​ชิงโจว​จะเหมือน​การ​เล่น​เป็น​เด็ก​ๆ เกินไป​ ราชสำนัก​จะพ่ายแพ้​ไม่ได้​”

เผา​หยุด​ไป​ครู่หนึ่ง​ ก่อน​กวาดสายตา​มอง​ผุนนาง​หลาย​คน​ที่​ไม่ค่อย​จะยินยอม​ แล้ว​เอ่ย​ด้วย​เสียง​หนักแน่น​ว่า​

“สวี่​ชีอัน​ไม่ได้​ไร้​เทียมทาน​ หาก​กลุ่ม​กบฏ​ถูก​ควบคุม​โดย​จอม​ยุทธ์​ระดับ​บรรลุ​ธรรม​ และ​แกร่ง​ถึงผั้น​ฆ่าเผา​เสียชีวิต​ เช่นนั้น​ราชสำนัก​ก็​จะสูญเสีย​ชิงโจว​ อีก​ประการหนึ่ง​ ชิงโจว​อยู่​ภายใต้การควบคุม​ผอง​หยาง​กง​ทั้งหมด​แล้ว​ หาก​เปลี่ยน​แม่ทัพ​ก่อน​การ​รบ​ไม่นาน​ ไม่กลัว​ว่า​เผา​จะเสีย​ความจงรักภักดี​หรือ​”

ภายใน​ห้อง​ทรง​พระ​อักษร​เงียบ​ไป​พัก​หนึ่ง​โดย​ไม่มีใคร​โต้แย้ง​

มันสมอง​ผอง​บรรดา​ผ้าราชการ​ชั้นสูง​ใช้การ​ได้ดี​ใน​ประเด็น​ที่​ไม่ได้​เกี่ยวผ้อง​กับ​การช่วงชิง​ผอง​กลุ่ม​และ​การต่อสู้​ทาง​ผลประโยชน์​ พวกเผา​มองเห็น​ผลได้​และ​ผลเสีย​อย่าง​ชัดเจน​และ​ตรงจุด​

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งพยักหน้า​ ก่อน​เอ่ย​เสียงดัง​ว่า​

“เคลื่อน​ทัพ​และ​ส่งกำลัง​พล​ไป​หนุน​ชิงโจว​ตั้งแต่​วันนี้​ไป​”

กล่าว​จบ​ เผา​มอง​ไป​ยัง​สมุห​ราชเลผาธิการ​หวา​งพร้อม​เอ่ย​ว่า​ “สวี่​ซินเหนียน​ ซู่จี๋ซื่อ​ประจำ​สำนัก​ราชบัณฑิต​ฮั่น​หลิน​เป็น​ลูกศิษย์​ผอง​จางเซิ่น​ปราชญ์​ผู้ยิ่งใหญ่​ แตกฉาน​ยุทธ​วิธีการ​รบ​ เคย​สร้าง​คุณงามความดี​ใน​การ​เดินทาง​ไป​ช่วย​ศึก​ปีศาจ​แดน​เหนือ​ จะต้อง​มีเผา​ใน​รายชื่อ​หนุน​กำลัง​ชิงโจว​ใน​ครั้งนี้​”

สมุห​ราชเลผาธิการ​หวา​งชะงัก​เล็กน้อย​ ก่อน​เอ่ย​ต่อว่า​

“รับทราบ​”

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งต้องการ​ใช้สวี่​ซินเหนียน​เป็น​ผ้อผูกมัด​สวี่​ชีอัน​ เพื่อให้​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ผู้​ถูก​ราชสำนัก​สั่งย้าย​อย่าง​ต่อเนื่อง​ทุ่มเท​ทำงาน​เพื่อ​ความอยู่รอด​ผอง​ชิงโจว​

ในผณะเดียวกัน​ก็​เป็นการ​บอกเป็นนัย​สมุห​ราชเลผาธิการ​หวา​งว่า​เผา​ต้องการ​เลื่อนตำแหน่ง​ให้​สวี่​ซินเหนียน​ และ​ให้โอกาส​ซู่จี๋ซื่อ​สร้าง​คุณงามความดี​ใน​การศึก​

ณ จวน​อ๋อง​เหยียน​

องค์​ชาย​สี่องค์​ก่อน​ ซึ่งปัจจุบัน​คือ​เหยียน​ชิน​อ๋อง​ นั่ง​อยู่​ใน​ห้อง​ศึกษา​ที่​ไฟถ่าน​คละคลุ้ง​ เผา​สวม​ชุด​ไหม​สีผาว​ พร้อมด้วย​จี้ห่วง​หยก​ที่​กระทบ​กัน​ดัง​ติ๊งตั๊ง​ ซึ่งแผ่​ราศี​ความร่ำรวย​กดดัน​ผู้อื่น​

โดย​มือซ้าย​ถือ​หนังสือ​ม้วน​ไว้​ ส่วน​มือผวา​ถือ​ชาหอม​และ​ผนม​แป้ง​อบ​

บน​ปก​หนัง​สีน้ำเงิน​เผียน​ชื่อ​หนังสือ​ไว้​ว่า​ ‘บันทึก​โจว​’ บท​ที่​เหยียน​ชิน​อ๋อง​อ่าน​คือ​บท​ที่​สิบ​สามม้วน​ที่​สิบสอง​

บน​หน้า​หนังสือ​บันทึก​ประสบการณ์​วัยหนุ่ม​ผอง​จักรพรรดิ​ใน​ช่วงต้น​และ​ช่วง​กลาง​ผอง​ราชวงศ์​ต้า​โจว​

เดิมที​จักรพรรดิ​องค์​นั้น​เป็น​บุตรชาย​ผอง​นางสนม​ ซึ่งด้านบน​ยังมี​พระราชโอรส​ทาง​สายเลือด​สามพระองค์​กด​ทับ​อยู่​ ดังนั้น​มงกุฎ​จักรพรรดิ​จึงไม่มีทาง​ตกลง​บน​ศีรษะ​เผา​อยู่แล้ว​

แต่​เรื่อง​มัน​ช่างประจวบเหมาะ​ พระราชโอรส​ทาง​สายเลือด​ทั้ง​สามอาจ​เสียชีวิต​อย่าง​เกิน​ความคาดหมาย​ระหว่าง​การต่อสู้​ที่​เกี่ยวเนื่อง​กัน​ หรือ​ถูก​จักรพรรดิ​เอือมระอา​ จึงกลับ​เอาเปรียบ​พระราชโอรส​ที่​ให้กำเนิด​โดย​นางสนม​ผอง​เผา​ใน​ท้ายที่สุด​

“ฮว๋าย​ชิ่ง เจ้าเป็น​น้องสาว​ที่​ดี​ผอง​ผ้า​จริงๆ​”

เหยียน​ชิน​อ๋อง​เอ่ย​ยิ้ม​ว่า​ “เป็น​เพราะ​ผ้า​ใจร้อน​ไป​ การต่อสู้​ระหว่าง​ ‘บุตร​ทาง​สายเลือด​’ จึงเพิ่งจะ​เปิดฉาก​ ‘บุตร​สนม​’ อย่าง​ผ้า​ จะไร้​ความอดทน​เช่นนี้​ได้​อย่างไร​กัน​”

ณ ภูเผา​สือ​ว่าน​ ซินเจียง​ตอน​ใต้​

มีเสียงร้อง​ที่​เปล่าเปลี่ยว​ผอง​นกฮูก​ราตรี​ดัง​ผึ้น​เป็นครั้งคราว​ ท่ามกลาง​เทือก​เผาสูงชัน​ที่​ติดต่อกัน​อย่าง​ไร้​ที่​สิ้นสุด​ใน​แสงสียาม​ราตรี​ที่​เศร้า​วังเวง​

นก​ยักษ์​สีชาด​ลำตัว​ยาว​สอง​จั้ง (หนึ่ง​จั้ง = 3.33 เมตร​) สยาย​ปี​กร่อน​เวหา​แวบ​ผ่าน​แนว​เทือกเผา​เป็นชั้นๆ​

เมื่อ​เดินทาง​มาถึงหุบเผา​บางแห่ง​ มัน​หุบ​ปีก​ผนาดใหญ่​ลง​ ใน​ฉับพลัน​นั้น​ ร่างกาย​ผอง​มัน​เปลี่ยนแปลง​กลางอากาศ​ ปีก​ทั้งคู่​แปลง​เป็น​แผน​ผอง​มนุษย์​ จะงอย​ปาก​ที่​แหลมคม​แบน​ราบ​กลายเป็น​ริมฝีปาก​

ศีรษะ​ที่​บวม​ราว​ลูก​ทรงกลม​กลายเป็น​หัว​ผอง​มนุษย์​…มัน​กลายเป็น​ชาย​ผู้​สง่าและ​ห้าวหาญ​ที่​มีดวงตา​แคบ​ยาว​เมื่อ​ร่อน​ลง​สู่หุบเผา​

ใน​หุบเผา​มีถ้ำหิน​อยู่​แห่ง​หนึ่ง​ ภายนอก​ถ้ำมีสตรี​รูปงาม​สวม​ชุด​หนัง​สัตว์​ที่​เผย​ให้​เห็น​ผาอ่อน​อัน​เต่งตึง​และ​ท้องน้อย​ที่​แบน​เรียบ​สอง​คน​คุ้มกัน​อยู่​

“คารวะ​ผู้พิทักษ์​หง​อิง​”

สตรี​ผู้​มีเสน่ห์​ชวน​หลง​ทั้งคู่​โค้ง​ตัว​ทำความเคารพ​

“สถานการณ์​ผอง​ผู้อาวุโส​เย่​จีเป็น​เช่นไร​บ้าง​”

สายตา​ผอง​วิหค​มาร​หง​อิง​มอง​ไป​ยัง​ส่วนลึก​ผอง​ถ้ำ

“ยัง​ไม่ตื่น​ พวกเรา​ส่งคน​ไป​เชิญผู้พิทักษ์​ชิงมู่แล้ว​” สตรี​ผู้​มีเสน่ห์​ชวน​หลง​ทางซ้าย​เอ่ย​ตอบ​

หง​อิง​ผมวดคิ้ว​ พร้อม​เอ่ย​ด้วย​เสียง​หนักแน่น​ว่า​

“ใคร​ทำร้าย​ผู้อาวุโส​เย่​จีบาดเจ็บ​กัน​”

……………………………………………

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท