โดรุมิมองผมที่ยืนมองเหม่ออยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา สุดท้ายก็ยืนพิงกำแพงอยู่แบบนั้น
“คุณคงไม่อยากอยู่ที่นี่ใช่ไหม? งั้นก็มาร่วมมือแสดงกับผมหน่อยเป็นไง?”
ผมพูดกับโดรุมิที่อยู่ข้างกำแพง
“แสดง?”
โดรุมิแสดงท่าทางสงสัย
“หรือตอนนี้พวกเราไม่เหมือนแสดงอยู่?”
“ถึงจะพูดแบบนั้น แต่การอยู่แบบนี้ถึงเที่ยงคืนคงไม่ใช่การแก้ปัญหาระยะยาว คุณว่าไหมล่ะ?”
ผมพูดพร้อมยิ้มเล็กน้อย อีกฝ่ายได้ยินก็พยักหน้า
“…นั่นสิ พูดตามจริง อยู่ข้างกายเจ้าบางทีคงทำให้ตัวตนของข้าถูกเปิดเผย ข้าใช้จ่ายไปไม่น้อยเลยถึงจะได้ตัวตนนี้ น่าเสียดายที่เสียเปล่า”
“เพราะงั้น อาร์ย่ากับโดรุมิ อีกเดี๋ยวพวกเธอช่วยฉันหน่อย หลังจากเสร็จแล้ว คืนนี้ทุกคนก็แยกกันได้ ว่าไง?”
เหตุผลที่ผมขอความช่วยเหลือต่อหน้าฝูงชนแบบนี้ ก็เป็นเพราะพวกเขามองทะลุการเปลี่ยนหน้าของผมไม่ได้ นอกจากนั้น ผมก็ไม่ได้ขอให้พวกเธอปกป้องผม
“ฟังแล้วน่าสนใจนะ โดรุมิ พวกเราช่วยเขาเถอะ”
“เจ้าคิดว่าข้ามีตัวเลือกที่ดีกว่านี้เหรอ? อาร์ย่า เจ้ารู้จักคนประหลาดนี่ได้ยังไง?”
“เดาดูสิ?”
“เพราะคนที่เหมือนกันจะดึงดูดเข้าหากัน?”
“พูดถึงเธอเหรอ?”
“…ก็ไม่ผิดนี่นา”
ผมไม่สนใจการแขวะกันของสองคนนี้ ผมแค่นเสียงแล้วพูดขึ้น
“เอาล่ะ แล้วก็ยังมีอีกคนที่จะช่วยด้วย เพราะงั้น อีกเดี๋ยวพวกเธอก็ทำตามวิธีนี้…”
…
สิบนาทีต่อมา ผมเดินออกมาจากร้านอาหารที่ไม่สะดุดตา
แน่นอน ตอนนี้ผมไม่ได้เปลี่ยนหน้าซะทั้งหมดแล้ว แต่เป็นใบหน้าปกติที่ผมใช้ในสถาบันเกรย์อย่างเปิดเผย
แต่ทำไมถึงบอกว่าไม่ได้เปลี่ยนหน้าทั้งหมดน่ะเหรอ? คิดว่าปกติตอนผมปรากฏตัวในสถาบันเกรย์ ผมจะทำให้สีผมเป็นสีทองรึไง
ตอนนี้เป็นเวลากินมื้อเย็นพอดี คนบนถนนก็ขวักไขว่ไปมา
นอกจากคนนอกไม่กี่คนที่สวมชุดเกราะเหมือนกับพวกอาร์ย่าแล้ว คนอื่นก็ล้วนสวมเสื้อคลุมนักเวท ถ้าไม่ได้เข้าไปใกล้ก็ไม่มีทางสังเกตผมได้
รวมถึงอาจเป็นเพราะหาผมไม่พบนานแล้ว ทุกคนจึงลดความสนใจในตัวผม จำนวนคนที่เดินบนถนนแล้วทักทายกับผมก็น้อยลงมาก
นี่เรียกว่าความสงบก่อนพายุฝนสินะ?
ผมยิ้ม จากนั้นเร่งฝีเท้าผ่านใจกลางย่านการค้า เดินไปทางที่พัก
ขณะผมกำลังเดินออกมาจากย่านการค้า ทันใดนั้นเงาสีดำกระโดดลงมาจากบนฟ้า มีดสั้นที่เป็นประกายแทงเข้าที่คอผม
อาร์ย่าที่เตรียมพร้อมอยู่ข้างๆ มาก่อนแล้วชักดาบอย่างรวดเร็ว ขวางมีดสั้นไว้ก่อนแทง
เคร้ง!
เสียงโลหะกระทบกัน แทบจะดังข้างหูผม สะเทือนจนผมรู้สึกว่าแก้วหูแทบแตก
อีกทั้ง แม้ว่าขวางมีดสั้นไว้ได้ แต่พลังของมันกลับแทงทะลุ จนทำให้คอของผมเป็นรู
พระเจ้า การโจมตีของยูอนแข็งแกร่งจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะผมดื่มยาตัดความเจ็บปวดมาล่วงหน้า ตอนนี้คงทรมานเจียนตายแน่นอน
อีกทั้งข้างหลอด HP ของผมยังปรากฏสัญลักษณ์ติดพิษ ยัยนี่ไม่ลืมที่จะทาพิษสินะ?
แต่ด้วยหลักการที่ต้องแสดงให้เหมือนจริง ผมเลยใช้น้ำแข็งป้องกันคอไว้ทันที หยิบ ‘ผู้ดูหมิ่น’ ออกมาแล้วใช้ ‘เขตแดนผลึกน้ำแข็งแห่งแสง’ ไปทางยูอนทันที
ทำไมถึงต้องใช้เวทสายแสงกับสายน้ำแข็งรวมกันน่ะเหรอ? เพราะการโจมตีสูงเหรอ?
ล้อเล่นอะไรกัน สายแสงสร้างความเสียหายต่อสายมืดมากที่สุด ด้วยเลเวลอย่างผมในตอนนี้ อย่างมากเวทแบบนี้ก็ทำให้คนที่มีเลเวลต่ำกว่า 15 ได้รับบาดเจ็บได้แล้ว
แต่ทำไมถึงต้องใช่ ก็เพราะเวทมนตร์นี้ดูอลังการที่สุดน่ะสิ
ในพริบตา คริสตัลก็ประกายแสงสว่างสีขาวจนทำให้ทั่วทั้งย่านการค้าสว่างไสว แสงนับไม่ถ้วนสะท้อนกันไปมาภายในผลึกน้ำแข็ง ดูแล้วสุดยอดเป็นอย่างยิ่ง
แน่นอน เพื่อไม่ให้พลาดทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ผมเลยเดินไปถึงริมย่านการค้าค่อยใช้มัน จนเกิดผลแบบนี้
ส่วนยูอนที่สวมชุดดำทั้งตัวก็โผล่ไปอยู่บนหลังคาอีกด้าน ฟันผลึกน้ำแข็งบนถนนจนกระจายออก
อาร์ย่ากับโดรุมิเพิ่งขวางมาตรงหน้าผม อีกฝ่ายก็โต้กลับอีกดาบ ทำให้สองคนกระเด็นออกไป แม้แต่ดาบในมือพวกเธอก็ยังหัก จากนั้นยูอนก็แทงเข้ามาที่ลำคอของผม
‘เจ็บไหม?’
จู่ๆ ยูอนก็ส่งข้อความมา
เป็นเพราะรู้ว่ามีดนี้แทงเข้าที่หลอดลมของผมจึงใช้วิธีถามแบบนี้เหรอ?
‘ดื่มยาตัดความรู้สึกเจ็บแล้ว’
‘ฮึ่ม ถือว่านายโชคดี พลังการสังหารที่ร้ายแรงที่สุดของฉันท่านี้ทำให้รู้สึกเจ็บจนจะอยู่ก็ไม่ไหวจะตายก็ไม่ได้เชียว’
‘เธอจงใจสินะ!’
‘จะทำไม? จะไม่ตั้งใจเหรอ?’
‘เธอนี่มัน…’
เพิ่งพูดคำสุดท้ายจบ ผมก็รู้สึกว่ามือของผมกดไม่โดนแป้นพิมพ์แล้ว
เพราะเข้าสู่สถานะใกล้ตาย ผมเลยควบคุมร่างกายไม่ได้
ส่วนยูอนก็ดึงมีดออกไปแล้วแทงเข้าที่หัวใจของผมอีกแผล เมื่อได้รับการโจมตีในสถานะใกล้ตาย ก็จะตายในทันที
ท่านเสียชีวิตแล้ว
เนื่องจากเผ่าพันธุ์ของท่านเปลี่ยนเป็นเทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตาย ท่านจะฟื้นคืนชีพที่สุสาน เวลานับถอยหลังฟื้นคืนชีพหนึ่งชั่วโมง
ได้รับฉายา : ผู้ฆ่าตัวตาย
ได้รับสกิล : สาปแช่งพิภพ
สาปแช่งพิภพ : ทุกครั้งที่ตายเพราะความตั้งใจ จะบันทึกสัญลักษณ์ความตายเอาไว้ เมื่อรวบรวมสัญลักษณ์ความตายครบ 50 อัน จะสามารถกำหนดความตายของใครก็ได้หนึ่งคน
เป็นสกิลที่น่าน้อยใจจัง ถึงกับใช้ความตายห้าสิบครั้งของตัวเองมาแลกความตายของคนอื่นครั้งเดียว ความน่าน้อยใจขนาดนี้ต้องทำสักเท่าไหร่ถึงจะได้นะ?
แต่มันไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือตอนนี้ผมตายไปแล้ว แล้วยังตายต่อหน้าสาธารณชนอีก
คราวนี้ คนที่คิดว่าผมตายก็คงเยอะขึ้นล่ะสิ?
ใครจะรู้ว่าผมจะฟื้นคืนชีพที่สุสานในอีกหนึ่งชั่วโมงล่ะ?
สลับมุมมอง : คามิโอชิ ยูอน
พระเจ้า หมอนี่ทำได้ทุกอย่างเลยจริงๆ ให้ฉันฆ่าเขานี่นะ?
รู้ว่าตัวเองจะฟื้นคืนชีพแท้ๆ ฆ่าไปก็ไม่มีประโยชน์ เอาหัวไปรายงานหัวหน้าก็ไม่ได้ แถมระหว่างทางเขายังอาจจะกลายเป็นคริสตัลสลายไปอีก
‘ศพ’ ของหมอนั่นล้มลงไปแบบนั้น ฉันดึงมีดของฉันออกมา แล้วหยิบคทาประหลาดที่มีใบมีดของเขาขึ้นมา
จำได้ว่าหมอนี่เคยบอกว่า ปลายสุดของมีดมีคริสตัลเวทมนตร์ฝังไว้ ฉันคลำดูเล็กน้อย ก็แกะออกมาแล้วโยนทิ้งไปบนพื้น
ฉันวาร์ปไปอยู่บนหลังคาทันที และในจุดที่ฟีลถูกฉันฆ่าตาย เกล็ดน้ำแข็งที่ดูเหมือนมีเส้นผ่านศูนย์กลางสองเมตรก็ผลิบานอยู่ตรงนั้น ปกคลุมศพของเขาเอาไว้
มองดูเพื่อนของฟีลอีกสองคนที่นอนอยู่อีกด้าน พวกเธอถึงกับแกล้งสลบไป จริงๆ เลย คิดว่าฉันไม่เห็นเธอหรี่ตาอยู่เหรอ?
แต่จะอยู่ที่นี่นานไม่ได้ ‘เรดาร์สัมผัสคาวเลือด’ ของฉันรู้สึกถึงยอดฝีมือจำนวนมากที่เข้ามาจากทุกทิศทุกทางแล้ว
ฉันเก็บกลิ่นอายบนตัว และเก็บไม้คทาของฟีลเข้าแหวน หายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
สลับมุมมอง : ฟีล
เมื่อลืมตาก็เห็นเป็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาว รู้สึกมีความสุขมากจริงๆ
ถ้าไม่มีกลิ่นศพเน่าอยู่ข้างๆ คงดีกว่านี้
ลุกขึ้นมาจากพื้น ตบดินบนตัว ตรวจสอบสภาพร่างกายนิดหน่อย
ฟื้นคืนชีพสำเร็จ รู้สึกดีไปเลย
จากนั้นมองรอบด้าน ที่นี่คือสุสานข้างวิหารที่มุมหนึ่งของสถาบัน ไม่รู้ว่าแตกต่างจากการฟื้นคืนชีพในวิหารยังไง นอกเสียจากนอนบนพื้นกับกลิ่นศพที่รุนแรง
ผมได้ยินเสียงดังไกลมาจากทางด้านสถาบัน ดูเหมือนทางนั้นจะเริ่มวุ่นวายแล้ว แผนการของผมดูเหมือนจะสำเร็จ
ผมเปลี่ยนหน้าตัวเองทันที จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นผ้าคลุมเวทมนตร์สายน้ำ ไม่งั้นมีคนผ่านมาเห็นคงไม่ดี
แต่ว่า จู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงโลหะตกลงบนพื้นดังข้างหลังผม หมุนตัวไปมอง มันเป็น ‘ผู้ดูหมิ่น’ ของผม!
“นอนหลับเป็นไงบ้าง? นายคนใจทราม”
บนหลังคาวิหาร ยูอนถามผมด้วยรอยยิ้ม
“ดีเลยล่ะ เป็นความตายที่คุ้มค่า ไม่ใช่แค่ HP กับ MP แม้แต่ค่าความหนื่อยล้าก็กลับมาเต็ม ฆ่าตัวตายวันละครั้งสุขภาพคงแข็งแรง”
“นายเบื่อก็ทำแบบนั้นเลย เอาล่ะ บอกทางเข้าดันเจี้ยนใต้ดินมา ที่นี่ไม่ควรอยู่นาน”
ผมยิ้มเล็กน้อย
“ฉันก็กำลังจะไปพอดี มาเถอะ ฉันจะพาเธอไป”
มาถึงตรงนี้ แผนการแกล้งตายก็สำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว
เล่ม 3