ตื่นขึ้นมาจากเตียงอย่างสงบ นี่เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานเท่าไหร่แล้วนะ
ช่วงนี้ถ้าไม่หลับที่ห้องสมุด ก็ตื่นขึ้นจากอาการหมดสติ นึกถึงสภาพน่าอนาถของผมในช่วงนี้ ผมก็รู้สึกฮึกเหิมอยากจะแหกปากร้องเพลง “องค์หญิงกำมะลอ” ขึ้นมา
ไม่ว่ายังไงก็ช่างมันเถอะ ผมไม่อยากโดนมองว่าเป็นโรคประสาท
แต่นึกถึงท่าทางของจักรพรรดิจักรวรรดิเอสกับสโนว์เมื่อคืนแล้ว ผมก็อดหัวเราะไม่ได้ ท่าทางเห็นเวลาคนตายฟื้นคืนชีพก็น่าจะเป็นแบบนี้สินะ?
แน่นอน ผมก็ไม่มีทางอธิบายพวกเขาว่าผมทำได้ยังไง ยังไงซะทัศนคติต่อโลกของพวกเราก็ไม่เหมือนกัน
หลังจากนั้น จักรพรรดิของจักรวรรดิเอสก็รักษาสัญญา ส่งคนไปแทรกแซงฝ่ายที่ประกาศจับทันที ตอนนี้การประกาศจับผมในโลกใต้ดินก็ถูกกำจัดอย่างเป็นทางการแล้ว
แน่นอน การประกาศจับของอาณาจักรเชอร์ฟาก็ถูกกำจัดด้วย แต่นี่เป็นความลับ นอกจากคนของเชอร์ฟาแล้ว ก็มีแค่จักรพรรดิของจักรวรรดิเอสกับคนที่เขาส่งไปจัดการแก้ไขเรื่องนี้เท่านั้นที่รู้
ขอแสดงความยินดีๆ
แต่ว่า เควสต์ของผมยังคงไม่สำเร็จ ยังไงการแข่งขันชั้นปีก็ยังเหลืออีกสองเกม แล้วดูเหมือนใกล้จะเริ่มแล้ว…
หืม?
ผมมองดูเวลา…
ถ้าผมจำไม่ผิดการแข่งจะเริ่มเวลาเก้าโมง ตอนนี้ดูเหมือนจะแปดโมงห้าสิบนาทีแล้ว
“พระเจ้า นอนเพลินไป!”
ผมกระโดดออกจากเตียงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็สวมเสื้อที่โยนทิ้งไว้ข้างๆ
โชคดีที่การเปลี่ยนหน้าไม่กี่วันนี้ทำให้ความเร็วในการเปลี่ยนเสื้อผ้าของผมเพิ่มขึ้นไม่น้อย ผมถึงกับต้องนับถือที่ผมสามารถเปลี่ยนชุดเสร็จได้ในหนึ่งนาที
จากนั้น ในใจก็จินตนาการถึงตำแหน่งห้องน้ำชายในสนามแข่งขัน แล้วใช้บลิงค์ไปทันที
…
“ช่วงนี้นายนี่หมกมุ่นอยู่กับห้องน้ำนะหรือว่านายพบเส้นทางลับในห้องน้ำสถาบันแล้ว?”
ทันทีที่ผมเดินออกจากห้องน้ำ ก็ได้ยินเสียงเหน็บแนมของอาร์ย่า
“นี่ไม่สำคัญ เธอไม่คิดว่าการที่เธอยืนอยู่หน้าทางเข้าห้องน้ำชายมันแปลกกว่าเหรอ?”
“เพราะฉันคิดว่าเวลาป่านนี้แล้วนายยังไม่มานายต้องใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้ายมาทันทีแน่นอน แต่ถ้านายเคลื่อนย้ายมาห้องเตรียมตัว นายก็คงไม่รู้ว่าห้องเตรียมตัวคือห้องไหน ดังนั้นนายก็ทำได้แค่เคลื่อนย้ายมาห้องน้ำชาย เพราะว่าที่นี่มีห้องน้ำชายแค่ห้องเดียว”
“ทำได้ดีมาก โฮล์มส์”
“ขอบคุณที่ชื่นชม วัตสัน”
ผมกลอกตาใส่เธอ จากนั้นก็หมุนตัวเดินไปทางสนามแข่ง
…
“ขอโทษที่ให้รอ”
ผมตรงไปเข้าในสนามแข่ง ก็มองเห็นคาร์โลกำลังมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ
“เจ้ามาตรงเวลาจริงๆ เก้าโมงพอดีเลย”
“ผมเป็นคนไม่ชอบเสียเวลา”
“ที่จริงแค่นอนเพลินไปสินะ?”
“…”
“ถ้าบอกข้า ข้าจะบอกสัดส่วนของข้า”
“…”
“เอ๋? ไม่สนใจเหรอ?”
“สองวันก่อนคุณใช้คำพูดนี้ไปแล้ว”
“อ้าวเหรอ? จริงเหรอเนี่ย? ฮ่าฮ่าฮ่า งั้นพูดแล้วเจ้าไปเดทกับข้าเป็นอย่างไร?”
“คุณคิดว่าตอนนี้คุณยังมีความน่าเชื่อถือในสายตาผมอีกเหรอ?”
“ไม่มีเหรอ?”
“ไม่มีอยู่แล้ว!”
“พวกเจ้าทั้งคู่พูดคุยกันพอรึยัง! เริ่มการแข่งเถอะ!”
สุดท้ายองค์หญิงสโนว์ที่อยู่ข้างๆ ก็ตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออด
ดูเหมือนความโกรธที่เธอมีต่อผมเมื่อคืนยังไม่หายไป แต่สถานการณ์แบบนี้ผมคงอธิบายไม่ได้ ผมพูดอะไรไปคงไม่มีประโยชน์
“วู้ว สองวันที่ผ่านมานี้ทุกคนเป็นอย่างไรบ้าง การแข่งขันชั้นปีสนามที่สองของทีมระดับต้นที่ทุกคนรอคอยใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว! ทั้งสองฝ่ายของการแข่งขันในวันนี้เป็นม้ามืดของทีมสายน้ำแข็ง ฟีลกับองค์หญิงสโนว์ และคู่ต่อสู้ของพวกเขาคือทีมสายอัสนี เฮเลน่าและครู๊ซ”
ขณะที่คาร์โลแนะนำ ก็มีคนสองคนเดินออกมาจากทางเข้าสนามฝั่งตรงข้าม…
ไม่สิ!
มองไปเห็นเป็นสองคนจริงๆ แต่ว่า มีแค่คนเดียวที่เหนือศีรษะมีชื่อกับฉายา!
เฮเลน่า สมิว นักเวทสายอัสนี เลเวล 15 คนดี พูดน้อย ผู้ร้อยเรียงอัสนี ผู้ถือครองคาถาต้องห้าม หุ่นเชิดมือเปล่า One hit kill
ตุ๊กตาอมรณา (ครู๊ซ สมิว) เลเวล 18
“ขอถามหน่อยสิ ไม่ใช่มนุษย์ก็สามารถเข้าร่วมการแข่งได้เหรอ?”
ผมถามคาร์โล
ตอนนี้อุปกรณ์ป้องกันในสนามยังไม่ได้ทำงาน ผมจึงยังได้ยินเสียงข้างนอก
หลังจากผมพูดคำพูดนี้จบ ทั้งสนามก็เงียบลง
ผู้คนมองมาที่พวกเรา แล้วก็มองที่คนฝั่งตรงข้าม
เฮเลน่าเป็นเด็กสาวผมสั้นสีขาวสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้ม และสวมฮู้ด
ในมือถืออุปกรณ์ที่ดูไม่เหมือนไม้คทา ถ้าให้ผมบอกก็คงรู้สึกเหมือนแท่งเหล็กสองแท่งที่มีเส้นด้ายพันไว้ตรงปลายเชื่อมต่อกับนิ้วมือของเธอ
ส่วนอีกคนที่ชื่อว่า ‘ครู๊ซ’…นอกจากเป็นคนที่สวมเสื้อคลุมกับใบหน้าที่อมยิ้มอยู่ตลอดเวลาแล้ว ผมก็ไม่รู้สึกว่ามีตรงไหนที่จะเรียกเขาว่า ‘คน’ ได้อีก
“คือว่า…ถึงไม่ได้ห้ามไม่ให้ด่าคนอื่น แต่ตอนนี้…”
“คุณเข้าใจผมผิดแล้ว ผมหมายถึงคนที่ชื่อว่าครู๊ซ ไม่ใช่คน เขาเป็นตุ๊กตา”
เพิ่งสิ้นเสียง คนบนอัฒจันทร์ก็ถกเถียงกันทันที
และมองไปทางคู่ต่อสู้ เฮเลน่าดูเหมือนอยากจะพูดบางอย่าง แต่เมื่อมองรอบๆ กลับไม่พูดอะไร
แล้วตุ๊กตาที่ชื่อว่าครู๊ซ ก็เร่งฝีเท้าไปที่ข้างๆ คาร์โล แล้วแย่งโทรโข่งของเธอมา
“สมกับเป็นฟีลม้ามืดของการแข่งขั้นปี มองปราดเดียวก็มองทะลุร่างกายข้าได้”
อย่าพูดน่าขนลุกแบบนี้สิ? ใครบอกมองทะลุร่างกายของนายกัน?
“ร่างกายของข้า เป็นตุ๊กตาจริงๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าเป็นตุ๊กตา ข้าคือครู๊ซพี่ชายของเฮเลน่า ร่างกายของข้าเสียหายในอุบัติเหตุ ดังนั้นเลยทำได้แค่ยืมตุ๊กตามาใช้ชีวิต ก็แปลว่า ข้าก็เป็นมนุษย์ ดังนั้นโปรดอย่าเข้าใจผิด”
ที่แท้ก็เป็นมนุษย์?
ถึงผมไม่รู้ว่าระบบโลกจำแนกมนุษย์กับสปีชีส์อื่นยังไง แต่พอมาถึงตอนนี้ ขอแค่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา ผมก็จะเห็นข้อมูลประเภทฉายาของพวกมันได้ มีเพียงมอนสเตอร์เท่านั้นที่ผมเห็นแค่ชื่อของมัน
‘อาร์ย่า อยู่ไหม?’
‘อยู่สิ เรื่องดราม่าแบบนี้ฉันจะพลาดได้ยังไง’
ผมใช่อุปกรณ์สื่อสารติดต่อไปหาอาร์ย่า เพราะผมรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ปกติแน่นอน
‘ฉันสงสัยว่าครู๊ซจะไม่มีอยู่จริง เธอไปหาฟาลัน ให้ช่วยฉันสืบดูว่าตกลงไอ้หมอนี่มีตัวตนรึเปล่า’
‘เนโครแมนเซอร์คนนั้นเหรอ? นายสนิทกับเธอขนาดนั้นเลย? เอาเถอะ เธอก็อยู่แถวนี้ ฉันจะช่วยถามให้เดี๋ยวติดต่อกลับไป’
ตัดการติดต่อ ครู๊ซก็คืนโทรโข่งให้คาร์โล
คาร์โลตกตะลึง จากนั้นมองที่ผู้ตัดสินที่อยู่ขอบสนาม หลังได้รับการเห็นด้วยจากอีกฝ่าย เธอก็ยิ้มพลางพูดขึ้น
“ดูแล้ววันนี้จะมีการแข่งขันที่น่าสนใจอีกสนาม ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองฝ่ายโปรดประจำตำแหน่ง! การแข่งขันชั้นปีสนามที่สอง! ทีมสายน้ำแข็งปะทะทีมสายอัสนี! เริ่มได้!”
เพิ่งสิ้นเสียง ผมก็ตกใจ!
จู่ๆ สัญญาณเตือนการโจมตีก็สว่างขึ้นมา แล้วยัง…มาจากทุกด้าน!