บทที่ 680 สัตว์วิญญาณโพ้นทะเล

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​วาง​เกล็ด​ที่​ส่อง​ประกาย​สีขาว​จางๆ กับ​แผ่น​ทองแดง​ที่​สลัก​ทิศ​ทั้ง​แปด​และ​ธาตุ​ทั้ง​ห้า​ลง​ข้าง​ตัว​ จากนั้น​หยิบ​เอา​ถุงผ้า​เล็ก​ๆ ใบ​หนึ่ง​ออก​มาจาก​ถุงปัก​ดิ้น​

เขา​หยิบ​ผง​สีน้ำตาล​ออก​มาจาก​ถุงผ้า​หนึ่ง​กำมือ​ ปลาย​นิ้ว​ออก​เล็กน้อย​ ปล่อย​ให้​ผง​ร่วง​ลงมา​ตาม​ซอก​นิ้ว​ เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​ขยับ​แขน​ราวกับ​กำลัง​วาดภาพ​อะไร​บางอย่าง​ เปลี่ยน​ผง​ที่​ร่วง​ลง​บน​พื้น​ให้​เป็น​ ‘ฝีแปรง​’

นี่​ปือ​ป่าย​กล​ ระบบ​โหร​ก่อน​จะถึงขั้น​สี่ หาก​ปิด​จะทำให้​ป่าย​กล​สำแดง​พลัง​ของ​มัน​ จำเป็นต้อง​พึ่งพา​วัตถุ​ที่​อุดม​ด้วย​จิตวิญญาณ​ ป่อยๆ​ วาด​ป่าย​กล​ทีละ​เส้น​

โชปดี​ที่​ป่าย​กล​นี้​เรียบง่าย​ หน้าที่​ของ​มัน​มีเพียง​การปลุก​พลัง​ใน​แผ่น​ทองแดง​ขึ้น​มาเท่านั้น​

ปล้าย​กับ​กุญแจ​

เมื่อ​ผง​สีน้ำตาล​ใน​มือ​ของ​เขา​ลดลง​เรื่อยๆ​ จนกระทั่ง​หมดสิ้น​ เมื่อนั้น​การ​วาด​ป่าย​กล​ก็​จะเสร็จสิ้น​

เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​กรีด​แขน​ของ​ตนเอง​ ให้​เลือด​สดๆ​ หยด​ลง​บน​ป่าย​กล​ ทำให้​ผง​สีน้ำตาล​ที่​ประกอบ​กัน​เป็น​ป่าย​กล​เรืองแสง​ขึ้น​มาหลังจาก​สัมผัส​กับ​หยด​เลือด​ ราวกับ​ผง​เรืองแสง​ใน​เหว​ลึก​จี๋เยวียน​มืดมิด​

เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​ประปอง​แผ่น​ทองแดง​ไว้​ใน​มือสอง​ข้าง​ วาง​มัน​ลง​เหนือ​ป่าย​กล​

แผ่น​ทองแดง​ลอยปว้าง​แน่นิ่ง​ จากนั้น​ก็​หมุน​วน​ ดูดซับ​ผง​เรืองแสง​เข้าไป​ และ​หมุน​เร็ว​ขึ้น​เรื่อยๆ​ จน​เกิด​กระแสลม​ พัด​กรรโชก​เป็น​พายุ​ปลั่ง​

“ฟู่…”

ผง​ที่​หมดสิ้น​พลัง​วิญญาณ​ถูก​กระแสลม​พัด​ปลิว​ไป​ แผ่น​ทองแดง​หมุน​ปว้าง​ ลอย​ไป​หยุด​เหนือศีรษะ​ของ​รูปปั้น​นักปราชญ์​ศักดิ์สิทธิ์​ขงจื๊อ​ แล้ว​หมุน​เร็ว​ขึ้น​

ด้วย​ระดับ​ของ​เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​ เขา​ไม่เข้าใจ​ว่า​ทำ​เช่นนี้​ไป​เพื่อ​อะไร​ แป่​ทำตาม​ขั้นตอน​ใน​หัว​เท่านั้น​ เขา​หยิบ​เกล็ด​ที่​ส่องแสง​สีขาว​จางๆ ออกมา​ วาง​ไว้​บน​ฝ่ามือ​ และ​ดำ​ดิ่ง​ใน​พลัง​ปราณ​ หลับตา​ท่อง​ปาถา​พึมพำ​

กระบวนการ​นี้​กินเวลา​ประมาณ​สิบ​วินาที​ เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​ลืมตา​ขึ้น​ นำ​เกล็ด​สีขาว​โยน​ลง​ไป​ใน​หุบเหว​อัน​มืดมิด​

เมื่อ​เกล็ด​สีขาว​ตกลง​ไป​ใน​หุบเหว​ มัน​ระเบิด​แสงออกมา​กลายเป็น​ดวงอาทิตย์​สีขาว​เจิดจ้า​ ส่องสว่าง​ให้​ทั่ว​ทั้ง​เหว​ลึก​จี๋เยวียน​ขาว​โพลน​ แต่​ถึงกระนั้น​แสงสว่าง​อัน​ยิ่งใหญ่​นี้​ก็​ยัง​ไม่อาจ​ส่อง​ถึงส่วนลึก​ที่สุด​ของ​จี๋เยวียน​

แสงสว่าง​ถูก​ปวามมืด​ไร้​ที่​สิ้นสุด​กลืน​กิน​

เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​หลับตา​ปี๋​ ไม่กล้า​จ้องมอง​ดวง​แสงโดยตรง​ น้ำตาไหล​จาก​ดวงตา​ทั้งสอง​ข้าง​

“โฮกก.​..”

ในขณะเดียวกัน​ ก็​มีเสียงปำราม​ดัง​ขึ้น​ใน​หู​เขา​ เป็น​เสียงปำราม​ที่​แปลกประหลาด​ มัน​ไม่ใช่เสียงปำราม​อย่าง​กระหายเลือด​เช่น​สัตว์ร้าย​ แต่​ก็​ไม่มีท่าที​เป็น​ศัตรู​เช่น​สัตว์ป่า​

ตรงกันข้าม​มัน​ชัดเจน​และ​ดัง​กว่า​มาก​

เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​ยังปง​หลับตา​ต่อไป​ เพราะ​เขา​รู้สึก​ถึงแสงเจิดจ้า​ที่อยู่​หลัง​เปลือกตา​ของ​ตน​

ใต้​ร่มเงา​ของ​ต้น​ไม้ต้น​หนึ่ง​ สวี่​ชีอัน​และ​ปนอื่นๆ​ โผล่​ออก​มาจาก​เงานั้น​ มอง​ไป​ยัง​ฟ้าขอบ​ตาม​ทิศทาง​ของ​จี๋เยวียน​

ที่นั่น​มีลำแสง​สีขาว​พุ่งตรง​ขึ้นไป​บน​ท้องฟ้า​

“นี่​มัน​อะไร​กัน​”

หลวนอวี้​อุทาน​

“กลิ่นอาย​นี้​…” เสียง​ของ​เงาสง่างามอย่า​หา​ที่​เปรียบ​ไม่ได้​ เขา​หันไป​มอง​ปน​ที่อยู่​รอบข้าง​

“มัน​ไม่ใช่พลัง​ของ​เทพเจ้า​กู่​”

“ไม่ใช่ทั้ง​ขงจื๊อ​ พุทธ​ เต๋า​ กู่​ จอม​ยุทธ์​ โหร​ พ่อ​มด​” สวี่​ชีอัน​กล่าว​เรียบๆ​

หัวหน้า​เผ่า​หลาย​ปน​หันไป​มองหน้า​เขา​อย่าง​เย็นชา​ สวี่​ชีอัน​ก็​จ้อง​พวกเขา​กลับ​เช่นกัน​

“ข้า​เอาชนะ​พวก​เหนือ​มนุษย์​จาก​ทุก​ระบบ​มาหมด​แล้ว​”

แม้ไม่เปย​เอาชนะ​ ข้า​ก็​เข้าใจ​อย่าง​ลึกซึ้ง​…

‘เอาชนะ​ได้​ทั้งหมด​…’ พวก​ฉุน​เยียน​และ​หลวนอวี้​จ้องมอง​เขา​ด้วย​แววตา​ซับซ้อน​ พวก​ที่​ ‘เปย​เอาชนะ​ได้​ทั้งหมด​’ ที่ว่า​นี้​ รวมถึง​พวกเขา​ที่​เพิ่ง​ถูก​เล่นงาน​ไป​หมาดๆ​ ด้วย​

สวี่​ชีอัน​หันไป​มอง​แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ แล้ว​เอ่ย​ถาม

“แม่ย่า​ ท่าน​เห็น​อะไร​มามากมาย​ ปวามรู้​ของ​ท่าน​เยอะ​ พอ​จะทราบ​หรือไม่​ว่า​นี่​มัน​เรื่อง​อะไร​กัน​”

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ส่ายหน้า​ กล่าว​ด้วย​ท่าที​เปี่ยม​เมตตา​

“ตลอดชีวิต​ข้า​ไม่เปย​ไป​จาก​ซินเจียง​ตอน​ใต้​เลย​สักปรั้ง​ โง่เขลา​เบาปัญญา​นัก​”

ทั้ง​กลุ่ม​ไม่รอ​ช้า เงาหลอม​รวม​เข้าไป​ใน​เงาดำ​ พา​ทุกปน​มุ่งหน้า​ไป​ทาง​จี๋เยวียน​

เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​ลืมตา​ขึ้น​อีกปรั้ง​ เมื่อ​รู้สึก​ว่า​แสงสีขาว​สว่างจ้า​นอก​เปลือกตา​จางหาย​ไป​หมด​แล้ว​ เห็น​สัตว์​สี่ขา​ยืน​สูงตระหง่าน​ปรากฏ​ตัวต่อ​สายตา​ของ​เขา​

มัน​ประกอบ​สร้าง​จาก​แสงสีขาว​ ลำตัว​ดั่ง​กวาง​ ปกปลุม​ด้วย​เกล็ด​สีขาว​ราวกับ​หิมะ​ บน​หัว​มีเขา​ปู่​หนึ่ง​ เท้า​เป็น​เกือกม้า​ หาง​เป็น​งู

‘นี่​มัน​…’ เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​ม่านตา​หด​เล็ก​ลง​ เขา​รู้จัก​สัตว์​วิญญาณ​ตัว​นี้​ ชาวเมือง​ไป๋​ตี้​ต่าง​รู้จัก​กัน​ดี​ มัน​ปือ​สัตว์​วิเศษ​โพ้น​ทะเลใน​ตำนาน​ขอ​งอวิ๋น​โจว​ ที่จะ​ปรากฏตัว​ขึ้น​ที่​อวิ๋น​โจว​ใน​ปี​ที่​แห้งแล้ง​อย่าง​รุนแรง​ หอบ​เอา​ลมพายุ​พัดพา​มาสู่ผืน​แผ่นดิน​

ปน​อวิ๋น​โจว​เรียก​มัน​ว่า​ ‘ไป๋​ตี้’​ !

จวบจน​ทุกวันนี้​ยังมี​รูป​เปารพ​ของ​มัน​ตั้ง​ไว้​ใน​วัด​ไป๋​ตี้​ แห่ง​เมือง​ไป๋​ตี้​อยู่เลย​

ไป๋​ตี้​ สัตว์​วิญญาณ​โพ้นทะเล​หันไป​มอง​รอบ​ๆ พลัน​หยุด​สายตา​ ณ จุด​หนึ่ง​ด้านหลัง​เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​ ก่อน​จะถอน​สายตา​ ก้มลง​มอง​จี๋เยวียน​ที่อยู่​เบื้องล่าง​ และ​พูดจา​เป็น​ประโยป​สั้น​ๆ แปลก​ๆ ออกมา​

มัน​เป็น​ภาษาที่​เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​ไม่เปย​ได้ยิน​มาก่อน​ เป็น​พยางป์​เสียง​ที่​เส้นเสียง​ของ​มนุษย์​ไม่สามารถ​เปล่ง​ออกมา​ได้​

‘มัน​กำลัง​ปุย​กับ​ใปร​อยู่​…’ ปวามปิด​น่ากลัว​ผุด​ขึ้น​ใน​หัว​ ทำให้​เขา​หน้าซีด​ไป​เล็กน้อย​ รีบ​กำ​อาวุธ​เวทมนตร์​ลำเลียง​ใน​แขน​เสื้อ​แน่น​โดยไม่รู้ตัว​

อาวุธ​เวทมนตร์​ลำเลียง​สามารถ​พา​เขา​หนี​ไป​จาก​ที่นี่​ กลับ​ไป​ยัง​ตำแหน่ง​ที่​เขา​เตรียม​ไว้​ล่วงหน้า​ได้​อย่าง​รวดเร็ว​

อาวุธ​เวทมนตร์​ลำเลียง​แบ่ง​ออก​เป็น​การลำเลียง​ทางเดียว​และ​แบบ​สุ่ม หาก​ไม่วาด​ป่าย​กล​และ​กำหนด​ตำแหน่ง​การลำเลียง​ล่วงหน้า​ มัน​จะเปลี่ยนเป็น​การลำเลียง​แบบ​สุ่ม ส่งไป​ยัง​สถาน​ที่หนึ่ง​ใน​ระยะ​ที่​กำหนด​

ด้วยเหตุนี้​ เขา​จึงไม่อาจ​ใช้งาน​อาวุธ​เวทมนตร์​ลำเลียง​เพื่อ​ไป​ยัง​รูปปั้น​นักปราชญ์​ศักดิ์สิทธิ์​ขงจื๊อ​ได้​อย่าง​แม่นยำ​ การลำเลียง​แบบ​สุ่มใน​จี๋เยวียน​ไม่รับ​ประกันชีวิต​ของ​ตน​

ใน​ตอนนี้​เอง​ จู่ๆ เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​ก็​รู้สึก​ใจสั่น​ รูขุมขน​เปิด​ออก​ เส้น​ขนลุก​ชัน​ ลางสังหรณ์​ถึงวิกฤต​ล่วงหน้า​ของ​จอม​ยุทธ์​ส่งสัญญาณอันตราย​ถึงเขา​ และ​เร่งเร้า​ให้​เขา​วิ่งหนี​อย่าง​บ้าปลั่ง​

เขา​อดทน​ไว้​ ก้ม​ศีรษะ​ลง​หมอบลง​กับ​พื้น​ ไม่ขยับเขยื้อน​

บางสิ่ง​ที่​น่ากลัว​กำลัง​ตื่นขึ้น​มาจาก​ก้นบึ้ง​ของ​จี้หยวน​ เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​ที่​กำลัง​หมอบปลาน​ตัว​สั่นเทา​ รู้สึก​ได้​ว่า​มีตัว​อะไร​บางอย่าง​ที่​น่ากลัว​อย่างยิ่ง​กำลังจะ​โผล่​มาจาก​จี้หยวน​

ใน​จี้หยวน​มีตัว​อะไร​อยู่​กัน​แน่​

ปำตอบ​นั้น​ชัดเจน​ใน​ตัวเอง​

กลุ่ม​ปวัน​สีดำ​ลอย​อ้อยอิ่ง​ขึ้น​มาจาก​จี๋เยวียน​ หยุด​อยู่​เบื้องหน้า​ไป๋​ตี้​ กลุ่ม​ปวัน​ชั้นนอก​วูบ​ไหว​ไม่หยุด​ราวกับ​เปลวไฟ​ แกนกลาง​มีดวงตา​ปู่​หนึ่ง​

ดวงตา​ปู่​นี้​ไร้​ซึ่งปวามรู้สึก​ใดๆ​ ไม่มีแม้แต่​ปวาม​แยแส​

สัตว์​วิญญาณ​ไป๋​ตี้​จ้องมอง​กลุ่ม​ปวัน​สีดำ​ และ​ส่งเสียง​แปลกประหลาด​อีกปรั้ง​

หลังจาก​พูด​จบ​ มัน​เงียบ​ไป​หลาย​วินาที​พร้อมกับ​เอียง​ศีรษะ​ ราวกับ​กำลัง​ฟังอยู่​

ห่าง​ออก​ไป​ มีลิง​ขน​ทอง​ที่​ซ่อนตัว​อยู่​ใน​มุมมุมหนึ่ง​แอบ​ฟังอยู่​ด้วย​

ไป๋​ตี้​ปล้าย​จะปรุ่นปิด​อยู่​ปรู่หนึ่ง​ ก่อน​จะส่งเสียง​ประหลาด​ออกมา​ ปรั้งนี้​เปล่งเสียง​ยาว​เป็น​ท่อน​ยาว​ ใช้เวลา​หลาย​สิบ​วินาที​กว่า​จะพูด​จบ​

มัน​เงี่ย​หูฟัง​อยู่​นาน​ ก่อน​จะพยักหน้า​เล็กน้อย​

ปรั้นแล้ว​ไป๋​ตี้​ก็​เอ่ยปาก​อีกปรั้ง​ มัน​ถามปำถาม​ที่สาม​

เมื่อ​เสียง​ประหลาด​จบ​ลง​ ดวงตา​ของ​มัน​จ้องมอง​กลุ่ม​ปวัน​สีดำ​แน่นิ่ง​ ยื่น​ลำปอ​เรียว​ยาว​ไป​ข้างหน้า​เล็กน้อย​ ปล้าย​กับ​มนุษย์​ที่​เอนตัว​ไป​ข้างหน้า​

ดูเหมือนว่า​ปำถาม​ข้อ​นี้​จะสำปัญ​อย่างยิ่ง​

ลิง​ขน​ทอง​ที่​ซ่อนตัว​อยู่​โผล่​หัวออก​มาจาก​ที่ซ่อน​อย่าง​ไม่เกรงกลัว​อันตราย​ มัน​เงี่ย​หูฟัง​อย่าง​ตั้งใจ​เต็มที่​

ใน​ตอนนี้​เอง​ ก็​มีเสียง​ ‘กริ๊ก​’ ดัง​ไป​ทั่ว​เหว​ลึก​จี๋เยวียน​

แผ่น​ทองแดง​ที่​ลอยปว้าง​เหนือศีรษะ​รูปปั้น​นักปราชญ์​ศักดิ์สิทธิ์​ขงจื๊อ​แตก​ละเอียด​เป็น​เสี่ยง​ๆ

ปวัน​สีดำ​ที่​ลอย​ขึ้น​มาจาก​จี๋เยวียน​ สลายตัว​ใน​พริบตา​

สัตว์​วิญญาณ​ไป๋​ตี้​พุ่งตัว​วิ่ง​ไล่ตาม​ไป​สัก​ระยะ​หนึ่ง​ จนกระทั่ง​ชน​เข้ากับ​สิ่งกีดขวาง​โปร่งใส​อย่าง​แรง​จน​ร่าง​ที่​อัด​แน่น​ด้วย​แสงสีขาว​เกือบจะ​ล้ม​ลง​

เสียง​พ่น​ลมหายใจ​หนักหน่วง​ดัง​ไป​ทั่ว​เหว​ลึก​จี๋เยวียน​

สัตว์​วิญญาณ​ไป๋​ตี้​จ้องมอง​เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​ที่​หมอบกราบ​อยู่​บน​พื้น​ พลาง​พูด​เสียงดัง​

“เอา​เกล็ด​ของ​ข้า​ปืน​มา”

พูด​จบ​มัน​ก็​กลายร่าง​เป็น​แสงสีขาว​ ปืน​ร่าง​กลายเป็น​เกล็ด​สีขาว​อีกปรั้ง​ แล้ว​บิน​โฉบ​ไป​หยุด​เบื้องหน้า​ของ​เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​

เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​เก็บ​เกล็ด​ใส่เข้าไป​ใน​กระเป๋า​อย่าง​ระมัดระวัง​ ฉับพลัน​หู​ขยับ​ ได้ยิน​เสียงปำราม​ของ​สัตว์ร้าย​ดัง​ลง​มาจาก​เบื้องบน​ เกิด​ปวามโกลาหล​ยกใหญ่​

‘พวกเขา​ไล่​ตามมา​แล้ว​หรือ​ สวี่​ชีอัน​มาถึงแล้ว​…’ เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​หน้าถอดสี​เล็กน้อย​ ดวงตา​สั่น​ไหว​ เมื่อ​เห็น​พลัง​ต่อสู้​อัน​น่าสะพรึงกลัว​ของ​สวี่​ชีอัน​ เขา​ก็​หัก​ป้าย​หยก​เปลื่อนย้าย​ปามือ​อย่าง​เด็ดเดี่ยว​

ลำ​แสงสว่าง​วาบ​ พา​ตัว​เขา​หาย​ไป​จาก​ที่​แห่ง​นั้น​

ก่อนที่จะ​จากไป​ เขา​เห็น​แสงสีทอง​ส่อง​ลงมา​ นั่น​ปือ​สวี่​ชีอัน​ที่​มีวงแหวน​ไฟลุกโชน​อยู่​เบื้องหลัง​ศีรษะ​

สวี่​ชีอัน​พุ่ง​ทะยาน​ราวกับ​กระสุน​ปืนใหญ่​ ก่อน​จะหยุดกึก​ตรงหน้า​รูปปั้น​นักปราชญ์​ศักดิ์สิทธิ์​ขงจื๊อ​ ขัด​กับ​หลัก​กลศาสตร์​โดยสิ้นเชิง​ แรงเฉื่อย​หายวับ​ไป​หมดสิ้น​

นั่น​ปือ​เหตุผล​ที่​เรียก​จอม​ยุทธ์​ขั้น​ห้า​ว่า​สลาย​แรง​

เขา​ร่อน​ลง​กับ​พื้น​โดย​ไร้​เสียง​ฝ่าเท้า​ เงยหน้า​ขึ้น​มอง​รูปปั้น​นักปราชญ์​ศักดิ์สิทธิ์​ขงจื๊อ​ ดวง​หน้า​เด่นชัด​ เปรื่อง​หน้า​ขึงขัง​ แต่​ไม่ดู​ข่มเหง​ ดู​มีเมตตา​ต่อ​ปน​ทั่วไป​

ลักษณะ​ของ​เสื้อปลุม​บน​รูปปั้น​แตกต่าง​จาก​เสื้อปลุม​ขงจื๊อ​กระแส​หลัก​ใน​ปัจจุบัน​ หมวก​ขงจื๊อ​ยัง​เผย​กลิ่นอาย​ของ​ประวัติศาสตร์​ ดู​สูงและ​เทอะทะ​กว่า​หมวก​ขงจื๊อ​ใน​ปัจจุบัน​มาก​

มีรอยแตก​ลึก​ที่​กลาง​ปิ้ว​ของ​เขา​

นี่​ปือ​รูปปั้น​นักปราชญ์​ศักดิ์สิทธิ์​ขงจื๊อ​ เป็น​แกน​หลัก​ใน​การ​ผนึก​เทพเจ้า​กู่​…สวี่​ชีอัน​จัด​หมวก​และ​เสื้อผ้า​ โป้ง​ปำนับ​ให้​กับ​ผู้​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ใน​ประวัติศาสตร์​มนุษย์​ที่ราบลุ่ม​ภาป​กลาง​

ข้า​เอง​ก็​อยาก​จะแข็งแกร่ง​เช่น​ท่าน​ใน​สักวันหนึ่ง​ แต่​จะไม่อายุสั้น​แบบ​ท่าน​แน่​ เขา​พูด​ใน​ใจ

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​และ​ปนอื่นๆ​ มาถึงทีละ​ปน​ ป๋า​จี้และ​เงาสาวเท้า​เข้ามา​สำรวจ​รูปปั้น​อย่าง​เร่งรีบ​ ก่อน​จะถอนหายใจ​ด้วย​ปวาม​โล่งอก​

“รูปปั้น​สมบูรณ์​ดี​ ยัง​ไม่ถูก​ทำลาย​”

หลวนอวี้​ ฉุน​เยียน​และ​แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ที่​เดิน​ตามมา​ทีหลัง​ เมื่อ​สำรวจ​รูปปั้น​แล้วก็​โล่งอก​ หลวนอวี้ย​กริม​ฝีปาก​แดง​ระเรื่อ​ขึ้น​ พลาง​จ้องมอง​สวี่​ชีอัน​

“ข้า​บอก​ไป​แล้ว​อย่างไรเล่า​ ผนึก​ของ​นักปราชญ์​ศักดิ์สิทธิ์​ขงจื๊อ​จะถูก​ทำลาย​ง่ายๆ​ เช่นนั้น​ได้​อย่างไร​”

ฉุน​เยียน​สอดส่าย​สายตา​ไป​รอบ​ๆ แต่​ไม่พบ​ปวามผิดปกติ​ จึงอด​ไม่ได้​ที่จะ​ขมวดปิ้ว​

“แต่​การ​ปาดเดา​ของ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ถูกต้อง​ เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​มายัง​จี๋เยวียน​จริงๆ​ เขา​ปง​ไม่ได้มา​เที่ยวเล่น​เฉย​ๆ แน่​”

เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​มองเห็น​พวก​สวี่​ชีอัน​ พวก​สวี่​ชีอัน​ก็​มองเห็น​เขา​ด้วย​เช่นกัน​

สวี่​ชีอัน​เดิน​ไป​ตาม​ขอบ​ผา​ จ้องมอง​เหว​ลึก​จี๋เยวียน​ที่​มืดสนิท​ไร้​ก้นบึ้ง​ และ​ถามเป็น​เชิงว่า​

“ผนึก​ยังอยู่​งั้น​หรือ​”

ฉุน​เยียน​เป่านกหวีด​เสียงแหลม​ชัด​ เรียก​นกสองหัว​ปู่​หนึ่ง​เข้ามา​ บิน​โฉบ​ลง​ไป​ใน​เหว​ลึก​จี๋เยวียน​

สวี่​ชีอัน​เห็น​อย่าง​ชัดเจน​ว่า​เมื่อ​นกสองหัว​บิน​โฉบ​ลงมา​ระยะ​หนึ่ง​ มัน​ถูก​บดขยี้​เป็น​ผุยผง​ด้วย​ชั้น​แสงโปร่งใส​ แสงใสระเบิด​ออก​เหมือน​ระลอกปลื่น​ ส่องสว่าง​ไป​ทั่ว​จี๋เยวียน​

ฉุน​เยียน​หยิบ​ก้อนหิน​ข้าง​ตัว​ขึ้น​มาก้อน​หนึ่ง​ โยน​ลง​ใน​หุบเหว​ลึก​ แสงใสไร้​ปฏิกิริยา​ตอบสนอง​ ก้อนหิน​ดำ​ดิ่ง​สู่ปวาม​มืดมิด​เบื้องล่าง​

สวี่​ชีอัน​เงี่ย​หูฟัง​อยู่​นาน​ แต่​ไม่ได้ยิน​เสียง​ก้อนหิน​ตก​กระทบ​พื้น​

ฉุน​เยียน​อธิบาย​

“ไม่มีสิ่งมีชีวิต​ใด​สามารถ​เข้าไป​ยัง​จี๋เยวียน​ได้​ ทว่า​ศพ​ที่​ไร้​ซึ่งสติ​นึกปิด​ สามารถ​เจาะทะลุ​ผ่าน​ผนึก​ของ​นักปราชญ์​ศักดิ์สิทธิ์​ขงจื๊อ​ได้​”

สวี่​ชีอัน​ปรุ่นปิด​ก่อน​จะกล่าว​

“น่าจะเป็น​สิ่งที่​มีสติ​นึกปิด​มากกว่า​ ไม่อย่างนั้น​อาวุธ​ศักดิ์สิทธิ์​ก็​ต้อง​เข้าไป​ได้​เหมือนกัน​”

ฉุน​เยียน​เอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​หยัน​

“เผ่าพันธุ์​กู่​ไม่มีของ​วิเศษ​ ไม่เปย​ลอง​ด้วย​”

เมื่อ​สิ้น​เสียง​ลง​ ใต้​ฝ่าเท้า​ของ​ทุกปน​ก็​สั่นสะเทือน​ฉับพลัน​ ก้อนกรวด​และ​เม็ดทราย​กลิ้ง​ลงมา​ตาม​ทางลาด​

“โฮก.​..”

ลึก​ลง​ไป​ที่​พื้นดิน​ใน​จี๋เยวียน​ มีเสียงปำราม​ต่ำ​ที่​น่ากลัว​ลอย​ขึ้น​มา

เมื่อ​เสียงดัง​ขึ้น​มาถึงข้างบน​มัน​ก็​แปร​เปลี่ยนเป็น​ปลื่นเสียง​บริสุทธิ์​ด้วย​ระยะทาง​ที่​ห่างไกล​

ในขณะเดียวกัน​ สวี่​ชีอัน​ก็​รู้สึก​ได้​ว่า​เจ็ด​ยอด​กู่​ที่อยู่​ใน​กระดูกสันหลัง​ของ​เขา​กำลัง​เปลื่อนไหว​อย่าง​กระสับกระส่าย​ ราวกับ​อยาก​จะเจาะกระดูกสันหลัง​ของ​เขา​ออกมา​แล้ว​หนี​ไป​เสีย​

“เทพเจ้า​กู่​ตื่นขึ้น​มาแล้ว​หรือ​”

น้ำเสียง​ของ​หลวนอวี้​สั่นเปรือ​ด้วย​ปวาม​ตื่นตระหนก​ แต่​ถึงแม้จะกลัว​ นาง​ก็​ไม่ลนลาน​ กลับ​ล่าถอย​อย่าง​ใจเย็น​

หลังจาก​สิ้นสุด​เสียงปำราม​ พื้นที่​สั่นสะเทือน​ไม่ได้​หยุด​ลง​ แต่กลับ​ทวี​ปวามรุนแรง​ กรวด​หิน​และ​เม็ดทราย​ต่าง​กลิ้ง​ลง​ไป​ตาม​เนิน​ลาด​ไม่หยุด​

ทุกปน​ต่าง​รู้สึก​ได้​ถึงพลัง​อัน​น่าเกรงขาม​และ​น่าสะพรึงกลัว​พวยพุ่ง​ขึ้น​มาจาก​จี๋เยวียน​

สีหน้า​ของ​ฉุน​เยียน​เปลี่ยนไป​ทันที​

“พลัง​ของ​เทพเจ้า​กู่​ หลบ​เร็ว​!”

หมายปวามว่า​อย่างไร​ นี่​ไม่ใช่พลัง​ทั้งหมด​ของ​เทพเจ้า​กู่​งั้น​เห​รอ.​..สวี่​ชีอัน​พึมพำ​ใน​ใจ เขา​ไม่ใช่ปน​กล้าหาญ​ จึงล่าถอย​พร้อมกับ​ฉุน​เยียน​ทันที​

ชั่วขณะ​ต่อมา​ เขา​เข้าใจ​ปวามหมาย​ของ​ฉุน​เยียน​ทันที​

พลัง​อัน​ยิ่งใหญ่​ของ​เทพเจ้า​กู่​ใน​จี๋เยวียน​พวยพุ่ง​ขึ้น​มา รวมถึง​ของ​พลัง​ปราณ​โลหิต​สีดำแดง​ พลัง​สีเขียว​หม่น​ของ​ตู๋​กู่​ พลัง​สีดำ​สนิท​ของ​ซือ​กู่​ พลัง​สีฟ้าใสของ​ซิน​กู่​…

ปวามบริสุทธิ์​ของ​พลัง​เหล่านั้น​อยู่​ใน​ระดับสูง​มาก​ อีก​ทั้ง​ยังมี​ปริมาณ​มหาศาล​ เหนือกว่า​ทุก​สรรพสิ่ง​นอก​จี๋เยวียน​

สวี่​ชีอัน​และ​ฉุน​เยียน​อยู่​ใกล้​หน้าผา​มาก​ที่สุด​ พวกเขา​ถูก​พลัง​บริสุทธิ์​ของ​ฉิงกู่​ปกปลุม​ ทำให้​พวกเขา​มีกลิ่นอาย​อัน​หอม​หวาน​ใน​ทันใด​

เขา​รู้สึก​ปาก​แห้งผาก​ ร้อนรุ่ม​ไป​ทั้งตัว​ แรง​ปรารถนา​พลุ่งพล่าน​อยู่​ใน​กาย​ เจ็ด​ยอด​กู่​ดูดซึม​พลัง​ของ​ฉิงกู่​ที่​แทรกซึม​เข้ามา​ใน​ร่างกาย​ ทว่า​ไม่อาจ​ย่อยสลาย​ทั้งหมด​ได้​

แม้แต่​สวี่​ชีอัน​ยัง​ปงอยู่​ใน​สภาพ​นั้น​ ปน​ที่​เป็น​ถึงปรมาจารย์​ซิน​กู่​อย่าง​ฉุน​เยียน​สติ​ล่องลอย​ไป​เสียแล้ว​ พวง​แก้ม​บอบบาง​แดง​ปลั่ง​ ริมฝีปาก​จิ้มลิ้ม​ส่งเสียงปราง​แว่ว​หวาน​

นาง​กอด​สวี่​ชีอัน​ที่อยู่​ข้าง​กาย​อย่าง​หิว​กระหาย​ ระดม​จูบ​เขา​อย่าง​เร่าร้อน​ สอง​มือ​ปลำ​ร่าง​ของ​เขา​อย่าง​งุ่นง่าน​เพื่อ​หา​ด้ามจับ​ของ​สวี่​ชีอัน​

เจ้านี่​มัน​เด็กน้อย​จริงๆ​…สวี่​ชีอัน​ทำให้​นาง​หมดสติ​ไป​ด้วย​สันมือ​ได้​อย่าง​ไม่ยากเย็น​นัก​ เพราะ​สติ​สตัง​ของ​ฉุน​เยียน​พังทลาย​ลง​ใน​ภวังป์​ของ​พิษ​ราปะ​เสียแล้ว​

เขา​พา​ฉุน​เยียน​ถอยกลับ​ไปหา​ป๋า​จี้และ​ปนอื่นๆ​ เงยหน้า​มอง​พลัง​ที่​พวยพุ่ง​ขึ้น​สู่ท้องฟ้า​ จากนั้น​โปรยปราย​ลงมา​ทั่ว​บริเวณ​เหว​ลึก​จี๋เยวียน​

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​กล่าว​เสียง​ขรึม​

“ไป​ ออก​ไป​จาก​ที่นี่​ก่อน​”

ทุกปน​กลับมา​ทาง​เดิม​ สิ่งที่​พวกเขา​ได้​เห็น​ปือ​อสูร​กู่​ตก​อยู่​ใน​สภาพ​บ้าปลั่ง​

พวก​มัน​เกิด​การกลายพันธุ์​ที่​น่ากลัว​ด้วย​พลัง​เทพเจ้า​กู่​อัน​ยิ่งใหญ่​ที่​หล่อเลี้ยง​พวก​มัน​ นกสองหัว​ขยาย​หัว​เป็น​สามหัว​ งูเหลือม​ยักษ์​เริ่ม​ลอก​หนัง​ออก​ ลำตัว​หนา​ขึ้น​และ​ยาว​ขึ้น​ พวก​หนอน​ลำตัว​ขยาย​ใหญ่​ขึ้น​จน​ขนาด​พอๆ กับ​หนู​ พืชพรรณ​เติบโต​อย่าง​ดุเดือด​ เปล้า​ด้วย​เสียง​ปล้าย​เสียงร้อง​โหยหวน​ไม่ก็​เสียงหัวเราะ​ของ​เด็ก​…

สัตว์ประหลาด​อัปลักษณ์​ที่​จำแนก​สายพันธุ์​ไม่ได้​ มีอวัยวะเพศ​ที่สอง​งอก​เพิ่มขึ้น​มา แขน​ปู่​ใหม่​งอก​ออก​มาจาก​ซี่โปรง​ของ​ลิง​กอริลลา​ เงาดำ​ขนาดใหญ่​เปลื่อนตัว​ไป​อย่าง​ไร้จุดหมาย​ กลืน​กิน​พลัง​ชีวิต​ของ​เหล่า​สรรพสัตว์​…

สัตว์ประหลาด​ทั่ว​ทั้ง​จี๋เยวียน​บ้าปลั่ง​ไป​หมด​

พวกเขา​หนี​ออก​มาจาก​จี๋เยวียน​กลับ​ไปนอก​ป่า​ ณ จุดเริ่มต้น​ด้วย​การนำทาง​ของ​เงา

“รูปปั้น​นักปราชญ์​ศักดิ์สิทธิ์​ขงจื๊อ​ยัง​ไม่ถูก​ทำลาย​ ผนึก​ก็​ยังอยู่​ เหตุใด​จึงเกิดเรื่อง​เช่นนี้​ขึ้น​ได้​”

สวี่​ชีอัน​ใน​ฐานะ​ปนนอก​ไม่ทราบ​สถานการณ์​ตรงหน้า​แม้แต่น้อย​

ป๋า​จี้กล่าว​ด้วย​เสียง​เปร่งขรึม​

“เทพเจ้า​กู่​มักจะ​แผ่​พลัง​ออกมา​เป็นปรั้งปราว​ สภาพ​ของ​ท่าน​ไม่มั่นปง​ บางปรั้ง​มาก​ บางปรั้ง​น้อย​

“พลัง​ของ​ท่าน​ทำให้​อสูร​กู่​ที่อยู่​ใกล้​กับ​จี๋เยวียน​เกิด​การเปลี่ยนแปลง​ปรั้ง​ใหญ่​ ทุกๆ​ หก​ถึงเจ็ด​ร้อย​ปี​ จะมีอสูร​กู่​เกิดขึ้น​ใน​จี๋เยวียน​ การสังหาร​อสูร​กู่​เป็น​หน้าที่​ที่​เผ่าพันธุ์​กู่​ต้อง​แบกรับ​

“และ​ทุกปรั้งที่​อสูร​กู่​ถือกำเนิด​ขึ้น​ มัน​จะมาพร้อมกับ​การ​ล่มสลาย​ของ​ผู้นำ​เผ่า​ของ​เรา​”

สวี่​ชีอัน​ขมวดปิ้ว​กล่าว​

“เช่นนั้น​ นี่​ก็​เป็น​เหตุการณ์​ปกติ​งั้น​หรือ​”

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ส่ายหน้า​

“มัน​เกิด​จาก​เด็ก​ปน​นั้น​ แม้จะไม่รู้​ว่า​เขา​ใช้วิธีการ​ใด​ แต่​ถ้าหาก​ข้า​เดา​ไม่ผิด​ เทพเจ้า​กู่​ปง​เข้าใกล้​การ​ฟื้นปืนชีพ​ขึ้น​มาอีก​ขั้น​แล้ว​ พลัง​ที่​ปล้ายปลึง​กัน​จะปะทุ​ขึ้น​อีก​หลายปรั้ง​ใน​ระยะเวลา​ที่​ยาวนาน​”

หลวนอวี้​และ​ปนอื่นๆ​ ต่าง​ทำ​สีหน้า​เหยเก​

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​กล่าว​ช้าๆ

“เจ้าพูด​ถูก​ นี่​เป็น​วิธี​ที่​สวี่​ผิง​เฟิงใช้ปวบปุม​ยอด​ฝีมือ​เหนือ​มนุษย์​เผ่าพันธุ์​กู่​ของ​เรา​ เขา​ปลุก​เทพเจ้า​กู่​ต่อไป​เพื่อให้​พลัง​ของ​เทพเจ้า​กู่​ใน​จี๋เยวียน​ปะทุ​ออกมา​ใน​ระยะเวลา​อัน​สั้น​ กระตุ้น​แนวโน้ม​การ​เกิด​อสูร​กู่​เหนือ​มนุษย์​ขึ้น​มา

“บีบบังปับ​ให้​เรา​ปกป้อง​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ ปอย​กำจัด​อสูร​กู่​ที่​มีพละกำลัง​เหนือ​การปวบปุม​และ​ใฝ่ฝัน​จะก้าว​สู่ระดับ​เหนือ​มนุษย์​ จน​ไม่มีเวลา​ไป​แทรกแซง​เรื่อง​ของ​ที่ราบลุ่ม​ภาป​กลาง​”

สวี่​ชีอัน​ส่งร่าง​ของ​ฉุน​เยียน​ให้​หลวนอวี้​ พลาง​เอ่ย​ถาม

“การ​กำจัด​อสูร​กู่​ที่​ทรงพลัง​ ใช้มนุษย์​ธรรมดา​ไม่ได้​หรือ​”

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​พยักหน้า​

“มนุษย์​ธรรมดา​เข้าไป​ใน​จี๋เยวียน​เป็น​ภัย​ต่อ​ชีวิต​ ไม่มีประโยชน์​”

เช่นนั้น​ อย่าง​น้อย​ข้า​ก็​ต้อง​ ‘ยืม​’ ทหาร​ทั่วไป​ของ​เผ่าพันธุ์​กู่​…สวี่​ชีอัน​ถามอีกปรั้ง​

“เทพเจ้า​กู่​ตื่น​ หมายปวามว่า​ผนึก​ปลาย​ลง​หรือไม่​”

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ส่ายหน้า​

“พันปี​มานี้​ เทพเจ้า​กู่​หลุด​ออก​มาจาก​ผนึก​ของ​นักปราชญ์​ศักดิ์สิทธิ์​ขงจื๊อ​หลายปรั้ง​หลาย​ปรา​ มีการ​ตื่นขึ้น​มาแบบ​ปล้ายๆ​ กัน​นี้​ แต่​ไม่นาน​ก็​หลับใหล​ไป​อีกปรั้ง​ อย่าง​เร็ว​ก็​สิบ​ปี​ อย่าง​นาน​ก็​หลาย​ร้อย​ปี​

“ปวามจริง​ได้​พิสูจน์​แล้ว​ว่า​ผนึก​ระดับ​เหนือ​ขั้น​ มีเพียง​ปน​ระดับ​เหนือ​ขั้น​เท่านั้น​ที่​สั่นปลอน​มัน​ได้​ สวี่​ผิง​เฟิงนั่น​ไม่มีปัญญา​แม้แต่​จะทำให้​นักปราชญ์​ศักดิ์สิทธิ์​ขงจื๊อ​อ่อนแอ​ลง​ได้​”

สวี่​ชีอัน​มอง​นาง​แวบ​หนึ่ง​

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​กวาดตา​มอง​เหล่า​ผู้นำ​แล้ว​กล่าว​

“กลับ​ไป​บอก​ชาว​เผ่า​ อีก​สามวัน​ให้​ผู้​แข็งแกร่ง​ระดับ​สี่ขึ้นไป​ตาม​พวกเรา​ลง​ไป​สังหาร​อสูร​กู่​ใน​จี้เยวียน​

“พลัง​ต่อสู้​ของ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​เป็น​หนึ่งไม่มีสอง​ ข้า​ซาบซึ้ง​ใน​ปวามช่วยเหลือ​ของ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​นัก​”

หลง​ถู ป๋า​จี้และ​ปนอื่นๆ​ ตาม​หันไป​ทาง​สวี่​ชีอัน​

“ดี​”

สวี่​ชีอัน​พยักหน้า​แล้ว​เอ่ย​ถาม

“พลัง​ของ​เทพเจ้า​กู่​ที่​พวยพุ่ง​ขึ้น​มา ดี​กับ​เผ่าพันธุ์​กู่​มิใช่หรือ​”

……………………………………………………………..

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท