บทที่ 684 ความประหลาดใจที่มอบให้ชิงโจว

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

“เจ้ามีเหตุผล​อะไร​ถึงมีความมั่นใจ​เช่นนี้​”

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางไม่พอใจ​ เขา​เอา​ดาบ​ยัน​พื้น​และ​เคี้ยว​ขนม​วอ​วอ​โถว[​1]

“ข้า​ชอบ​จู่โจมผู้อื่น​ยามค่ำคืน​ เพราะ​ยามค่ำคืน​ต้อง​นอนหลับ​ ซึ่งเป็น​ช่วงเวลา​ที่​ผ่อนคลาย​ที่สุด​”

สวี่​ซินเหนียนตบ​ถังไม้ที่​เต็มไปด้วย​น้ำมันเชื้อเพลิง​ที่อยู่​ข้าง​เท้า​ของ​เขา​ และ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​

“น้ำมัน​ของ​ข้า​ไม่เพียงแต่​เผา​ข้าศึก​ให้​ตาย​เท่านั้น​ ยามค่ำคืน​ยัง​ใช้มัน​ส่องสว่าง​ได้​ด้วย​ ใช้เครื่อง​ยิง​หิน​ยิง​พวก​มัน​ออก​ไป​ พอ​แสงเพลิง​สว่าง​ บรรดา​พลทหาร​ที่​ยืน​อยู่​บน​กำแพงเมือง​ ก็​สามารถ​มองเห็น​สถานการณ์​ด้านล่าง​ได้​อย่าง​ชัดเจน​ และ​ข้าศึก​กลับ​มองเห็น​ลูกธนู​ที่​ยิง​มาจาก​กำแพงเมือง​ไม่ชัดเจน​ มาเท่าไร​ก็​ตาย​หมด​”

“แผน​ของ​เจ้าเหมาะสำหรับ​ก่อน​เปิดศึก​เท่านั้น​ ลงมือ​จู่โจมก่อน​ได้เปรียบ​”

แต่​ตอนนี้​ทั้งสองฝ่าย​ต่าง​ก็​เตรียมพร้อม​ยุทธวิธี​รุ​กรับ​ไว้​แล้ว​

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางรู้สึก​ว่า​บัณฑิต​ผู้​นี้​พูด​มีเหตุผล​ พอ​คิด​ๆ ดู​แล้ว​ตา​ของ​เขา​ก็​เป็นประกาย​

“เช่นนั้น​หาก​ฝ่ายตรงข้าม​ส่งยอด​ฝีมือ​มาล่ะ​”

สวี่เอ้อร์​หลา​งมอง​เขา​อย่าง​เงียบๆ​ “ข้า​ออกคำสั่ง​ให้​ยอด​ฝีมือ​ใน​ค่ายทหาร​ลาดตระเวน​ยามค่ำคืน​ สิ่งที่​เตรียม​ป้องกัน​คือ​อะไร​”

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางยอม​ด้วยใจจริง​แล้ว​ เขา​ชูนิ้วโป้ง​ขึ้น​มา

“สมกับ​เป็น​น้องชาย​ของ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ มีมาด​ของ​พี่ชาย​ท่าน​จริงๆ​”

สวี่เอ้อร์​หลา​งก​ระ​ตุ​ก​มุมปากเบา​ๆ ใน​ใจพูดว่า​ ‘เจ้าก็​เหมือนกับ​พี่ชาย​ของ​ข้า​ มีมาด​ของ​ความ​หยาบคาย​’

เขา​รู้​ว่า​เหมียว​โห​ย่ว​ฟางเป็น​ผู้ติดตาม​ของ​พี่ใหญ่​ ครั้ง​ก่อนที่​พี่ใหญ่​กลับ​เมืองหลวง​ ทั้งสอง​ได้​มีวาสนา​พบ​เจอกัน​สอง​สามครา​ ก่อนที่​เขา​จะรับ​คำสั่ง​ไป​ตั้งมั่น​รักษาการณ์​ที่​อำเภอ​ซงซาน​ จู่ๆ เหมียว​โห​ย่ว​ฟางก็​มาหา​ถึงที่​ และ​อยาก​จะตาม​เขา​ไป​ทำสงคราม​ด้วย​

สวี่เอ้อร์​หลา​งถามว่า​ ‘พี่ใหญ่​ส่งมาใช่หรือไม่​’

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางส่ายหน้า​กล่าว​ ‘พิทักษ์​ชาติ​บ้านเมือง​ เป็น​สิ่งที่​ชายชาตรี​พึงกระทำ​’

จอม​ยุทธ์​สลาย​แรง​ขั้น​ห้า​คน​หนึ่ง​เป็น​ฝ่าย​บากหน้า​มาพึ่งพาอาศัย​ อีก​ทั้ง​สถานะ​ยัง​ไม่มีปัญหา​อะไร​ กองทัพ​ย่อม​ยินดีต้อนรับ​เป็น​อย่างยิ่ง​ ดังนั้น​เหมียว​โห​ย่ว​ฟางจึงตาม​เขา​มาที่​อำเภอ​ซงซาน​

“แต่ว่า​ยอด​ฝีมือ​ที่​รักษา​อยู่​ใน​ค่ายทหาร​มีน้อย​เกินไป​ ไม่คิด​เลย​ว่า​จะมีขั้น​สี่แค่​คนเดียว​” เหมียว​โห​ย่ว​ฟางส่ายหน้า​

“ยอด​ฝีมือ​ขั้น​สี่ล้วน​เป็น​คน​ระดับสูง​ ย่อม​มีจำนวน​น้อย​เป็นธรรมดา​” สวี่เอ้อร์​หลา​งตอบ​

“น้อย​มาก​หรือ​ ข้า​ติดตาม​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ไป​รบ​จาก​เหนือ​จรด​ใต้​ ขั้น​สี่มีมากมาย​ราวกับ​ฝูงปลา​ ไม่อยู่​ใน​สายตา​เสีย​ด้วยซ้ำ​”

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางกล่าว​วางมาด​ยโส​

‘เจ้าก็​รู้​นี่​นา​ว่า​นั่น​ติดตาม​พี่ใหญ่​ข้า​…’ มือ​ทั้งสอง​ของ​สวี่เอ้อร์​หลา​งยัน​กำแพง​ปีกกา​เอาไว้​และ​กล่าว​ช้าๆ

“สำหรับ​ข้า​แล้ว​ บรรดา​ขุนนาง​ในราชสำนัก​ไม่ใช่ของ​หา​ยาก​ มีเต็ม​ท้องพระโรง​ แต่​พี่​เหมียว​เคย​เจอ​ขุนนาง​ขั้นสูงสุด​กี่​คน​กัน​”

ระดับ​ขั้น​ที่​พี่ใหญ่​พัวพัน​ใน​ตอนนี้​ คู่ต่อสู้​ทั้งหมด​ที่​เผชิญ​จะต้อง​เป็น​ขั้นสูงสุด​ของ​กลุ่ม​อิทธิพล​บาง​กลุ่ม​อย่าง​แน่นอน​ และ​ขั้นสูง​ของ​กลุ่ม​อิทธิพล​ใหญ่​ย่อม​เป็น​กลุ่มคน​ที่​โดดเด่น​ที่สุด​ใน​จิ่ว​โจว​เหล่านั้น​

แน่นอน​ว่า​ขั้น​สี่ไม่ใช่ของ​หา​ยาก​อีกแล้ว​

แต่​ใน​ชิงโจว​ ใน​อำเภอ​ซงซาน​เล็ก​ๆ แห่ง​หนึ่ง​ ขั้น​สี่ถือเป็น​บุคคล​ระดับสูง​

ทหาร​รักษา​ค่าย​ใน​อำเภอ​ซงซาน​มีนายทหาร​ผู้บัญชาการ​ขั้น​สี่แค่​คนเดียว​เท่านั้น​ที่อยู่​ระดับ​เดียว​กับ​สวี่เอ้อร์​หลา​ง

นายทหาร​ผู้บังคับบัญชา​การคน​นั้น​รับผิดชอบ​ตั้งมั่น​รักษาการ​อยู่​ประตูเมือง​ทิศเหนือ​

สวี่เอ้อร์​หลา​งไม่คิด​จะพัวพัน​กับ​หัวข้อ​นี้​อีก​ หลังจาก​สูด​หายใจ​เอา​ลมหนาว​ยามค่ำคืน​เข้าไป​ที​หนึ่ง​แล้วก็​กล่าว​ออกมา​

“ข้า​จำได้​ พี่ใหญ่​เคย​บอ​กว่า​ เป้าหมาย​ของ​เจ้าคือ​กลายเป็น​จอม​ยุทธ์​ใหญ่​แห่ง​ยุค​ที่​มีชื่อเสียง​ไป​ทั่วหล้า​ แต่​ใน​พื้นที่​สงคราม​วุ่นวาย​ การรักษา​ความเป็นธรรม​ของ​เจ้ายาก​ที่จะ​เผยแพร่​ออก​ไป​ เพราะ​คน​ที่​เจ้าช่วย​ใน​วันนี้​ อาจจะ​ตาย​พรุ่งนี้​ก็ได้​ บรรดา​ประชาชน​ผู้ลี้ภัย​ หาก​ไม่ถูก​ทหาร​ต้าฟ่ง​ช่วยเหลือ​ ก็​ถูก​ทหาร​กบฏ​ช่วยเหลือ​ ก็​เหมือนกับ​สินค้า​ที่​พลิก​เปลี่ยนมือ​กัน​ไปมา​ พวกเขา​ไม่คิด​จะจดจำ​จอม​ยุทธ์​บางคน​ที่​เคย​ช่วย​พวกเขา​มาก่อน​ อยาก​เป็น​จอม​ยุทธ์​ใหญ่​ ต้อง​ไป​สถานที่​ที่​สงบสุข​ แค่​ปล้น​คนรวย​ช่วย​คนจน​ก็​มีชื่อ​ของ​เจ้าเลื่องลือ​ใน​ยุทธ​ภพ​แล้ว​”

สำหรับ​คำถาม​ของ​สวี่​ซินเหนียน​ เหมียว​โห​ย่ว​ฟางเกา​หัว​ยิกๆ​ และ​คิด​อยู่​พัก​หนึ่ง​

“จอม​ยุทธ์​ ข้า​ย่อม​อยาก​เป็น​ แต่​แสงรุ่งโรจน์​งดงาม​ที่​แท้จริง​ของ​จอม​ยุทธ์​ใหญ่​ ช้าเร็ว​ไม่กี่​ปี​ก็​ไม่เป็นไร​ แต่​ต้าฟ่ง​ตกต่ำ​ลง​ทุกวัน​ หาก​ไม่ต่อ​ชีวิต​ให้​มัน​ คง​ต้อง​เปลี่ยน​ยุค​เปลี่ยน​ราชวงศ์​แล้ว​จริงๆ​ ที่จริง​สำหรับ​ข้า​แล้ว​ใคร​เป็น​จักรพรรดิ​ก็​ไม่เกี่ยวกับ​ข้า​ แต่​สำหรับ​อาณาประชาราษฎร์​แล้ว​ นี่​คือ​ภัยพิบัติ​ครั้งหนึ่ง​ หาก​รักษา​ชิงโจว​ไว้​ไม่ได้​ ไฟสงคราม​จะลุกไหม้​ไป​ถึงภาคเหนือ​จน​ลาม​ไป​ถึงเมืองหลวง​ สายน้ำ​ขุนเขา​นับ​หมื่น​ใน​ระหว่างทาง​ล้วน​กลายเป็น​ดิน​แห้ง​เกรียม​ ดังนั้น​ข้า​เลย​คิด​ว่า​ สามารถ​ควบคุม​ทหาร​กบฏ​ไว้​ใน​ชิงโจว​ได้​หรือไม่​ ให้​สงคราม​วุ่นวาย​หยุด​อยู่​ที่​ชิงโจว​”

สวี่​ซินเหนียน​รู้สึก​แปลกใจ​เล็กน้อย​ และ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​

“พี่​เหมียว​ทำให้​ข้า​มอง​ด้วย​สายตา​ที่​ทึ่ง​จริงๆ​ ใน​ยุทธ​ภพ​มีจอม​ยุทธ์​คุณธรรม​ที่รัก​บ้านเมือง​และ​ประชาชน​เช่น​ท่าน​น้อย​มาก​”

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางยักไหล่​

“ไม่ ที่จริง​ข้า​ไม่ได้​ประทับใจ​อะไร​ใน​ราชสำนัก​ต้าฟ่ง​เลย​ ก็​แค่​ตอนที่​ข้า​แยกทาง​กับ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​นั้น​ เขา​เคย​พูด​บางอย่าง​กับ​ข้า​ ที่​เขา​บ่ม​เพาะ​ข้า​ ชี้แนะ​การ​บำเพ็ญ​ให้​ข้า​ เพราะว่า​ปี​นั้น​มีคน​ให้โอกาส​เขา​ ความปรารถนา​ทั้งหมด​ก็​แค่​หวัง​ว่า​เขา​จะมีประโยชน์​ต่อ​ราชสำนัก​และ​ประชาชน​ใน​ภายภาคหน้า​ ฆ้อง​เงิน​สวี่​ทำได้​ และ​ไม่ผิด​ต่อ​ความคาดหวัง​ของ​คน​ผู้​นั้น​ ดังนั้น​ข้า​เอง​ก็​ไม่อยาก​ให้​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ผิดหวัง​”

‘พี่ใหญ่​ไม่ได้​ดู​คน​ผิด​นี่​…’ สวี่เอ้อร์​หลา​งพยักหน้า​เงียบๆ​ ขณะที่​กำลังจะ​พูด​อะไร​ออกมา​ ก็​ได้ยิน​เหมียว​โห​ย่ว​ฟางที่อยู่​ด้าน​ข้าง​ตะโกน​ด้วย​สีหน้าที่​เปลี่ยนไป​

“ทหาร​ศัตรู​เข็น​ปืนใหญ่​มาแล้ว​!”

สวี่​ซินเหนียน​ใจเย็น​สะท้าน​ เพ่ง​สายตา​มองออก​ไป​ ราตรี​มืดมิด​มองไม่เห็น​อะไร​สัก​อย่าง​ แต่​เขา​รู้​ว่า​เหมียว​โห​ย่ว​ฟางเป็น​จอม​ยุทธ์​ขั้น​ห้า​ สายตา​ใน​การ​มองเห็น​เหนือกว่า​คน​ปกติ​มาก​ ดังนั้น​จึงตะโกน​อย่าง​ไม่ลังเล​

“ตี​กลอง​! ปืนใหญ่​เตรียมพร้อม​ เครื่อง​ยิง​ธนู​เตรียมพร้อม​”

พลทหาร​ที่​พิง​กำแพง​ปีกกา​พักผ่อน​อยู่​ และ​พลทหาร​สวม​ชุด​เกราะ​อ่อน​ที่​นอนหลับ​อยู่​บน​ทางเดิน​พา​กัน​ตื่น​ด้วย​ความตกใจ​ พวกเขา​ใส่กระสุน​ปืนใหญ่​กับ​ลูกธนู​อย่าง​เป็นลำดับ​ขั้นตอน​

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางผลัก​มือ​ยิง​ปืนใหญ่​คน​หนึ่ง​ออก​ไป​ เขา​เล็ง​ปากกระบอกปืน​ด้วย​ตนเอง​ และ​จุด​สาย​นำ​ไฟ

‘ตูมตาม​!’

แสงไฟลูก​หนึ่ง​ขยาย​ใหญ่​ออกมา​ ส่องสว่าง​ไป​ใน​ระยะไกล​ ทำให้​ทหาร​รักษาการณ์​บน​กำแพงเมือง​มองเห็น​กองทัพ​ศัตรู​ที่​เข้าใกล้​ปืนใหญ่​อย่าง​ชัดเจน​

แสงไฟที่​ระเบิด​ยัง​ไม่ดับ​ลง​ เครื่อง​ยิง​ธนู​และ​ปืนใหญ่​บน​กำแพงเมือง​ก็​พุ่ง​ยิง​ออก​ไป​ติดต่อกัน​ พลัง​เพลิง​โหมกระหน่ำ​ใส่ศัตรู​

ความได้เปรียบ​ของ​ทหาร​รักษา​เมือง​แสดง​ออกมา​อย่าง​ชัดเจน​ ด้วยเหตุที่​ลูกไฟ​บน​กำแพง​ตกลง​จาก​ที่สูง​ ระยะ​การ​ยิง​จึงไกล​กว่า​ของ​กองทัพ​ศัตรู​มาก​

กองทัพ​ศัตรู​อยาก​จะระเบิด​กำแพงเมือง​ ต้อง​ผ่าน​พลัง​เพลิง​ล้างบาป​ของ​ทหาร​รักษาการณ์​นี้​ให้ได้​ก่อน​

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางคืน​ปืนใหญ่​ให้​กับ​มือ​ยิง​แล้ว​หันไป​กล่าว​กับ​สวี่​ซิน​เนียน​ด้วย​ความโมโห​

“เจ้าไม่ได้​บอ​กว่า​กองทัพ​ศัตรู​จะไม่โจมตี​ใน​เวลา​กลางคืน​หรอก​หรือ​”

“หา​ เจ้าพูด​อะไร​” สวี่เอ้อร์​หลา​งแคะ​ขี้หู​แล้ว​ตะโกน​ออกมา​

“เสียง​ระเบิด​ดัง​เกินไป​ ข้า​ไม่ได้ยิน​”

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางระเบิด​คำพูด​หยาบคาย​ไป​ประโยค​หนึ่ง​ ใน​ใจกล่าวว่า​ ‘หนัง​หน้า​ของ​บัณฑิต​ไม่ด้อย​ไป​กว่า​กระดูกเหล็ก​ผิว​ทองแดง​ของ​จอม​ยุทธ์​เลย​จริงๆ​’

ขณะนี้​ หลังจาก​กองทัพ​ศัตรู​สูญเสีย​ปืนใหญ่​ไป​สามลำ​และ​เครื่อง​ยิง​ธนู​ไป​สอง​เครื่อง​ ในที่สุด​ก็​บุก​เข้ามา​ใน​ระยะ​รัศมี​ยิง​ เสียง​ลูกไฟ​ระเบิด​ถึงขึ้น​ถี่ยิบ​ เสียง​ตูมตาม​ดัง​ขึ้น​ไม่ขาดสาย​

แสงไฟแต่ละ​ลูกระเบิด​ตัวตรง​กำแพง​และ​บน​กำแพง​อย่าง​ต่อเนื่อง​

ในระหว่างนั้น​มีเสียง​ดีด​ลูกธนู​ดัง​แผ่ว​โผย​ปะปนกัน​

พลัง​ทำลายล้าง​ของ​เครื่อง​ยิง​ธนู​ห่าง​ชั้น​จาก​ปืนใหญ่​มาก​ ไม่ว่า​จะเป็นการ​ทำลาย​กำแพง​หรือ​สังหาร​พลทหาร​ล้วน​เทียบ​กับ​ปืนใหญ่​ไม่ติด​

แต่​ผลสะท้อน​ของ​รายการ​จำพวก​รถ​ยิง​ธนู​และ​เครื่อง​ยิง​ธนู​ ทำให้​มัน​เคียงคู่​กับ​ปืนใหญ่​ตั้ง​แต่ต้นจนจบ​ โดย​ไม่เคย​ถูก​โละ​ออก​ นั่น​ก็​คือ​พลัง​สังหาร​ของ​ลูกธนู​แบบ​ตัวต่อตัว​

ปืนใหญ่​อาจ​ไม่สามารถ​สังหาร​ทหาร​ที่​มีกระดูกเหล็ก​ผิว​ทองแดง​ได้​ แต่​พลัง​ทะลวง​เกราะ​ของ​ลูกธนู​ทำให้​ได้รับ​บาดเจ็บสาหัส​และ​สังหาร​ยอด​ฝีมือ​ใน​กองทัพ​ให้​ตาย​ได้​

ทหาร​ที่​ตก​อยู่​ใน​สนามรบ​ ลางสังหรณ์​วิกฤต​จะ ‘ด้านชา​’ เพราะ​ใน​สนามรบ​มีวิกฤต​ทุกที่​เลย​ สิ่งนี้​ทำให้​ทหาร​มองข้าม​ลูกธนู​ที่​น่ากลัว​ไป​ ไม่อาจ​หลีกเลี่ยง​ล่วงหน้า​ได้​

หาก​โชคดี​สามารถ​สังหาร​หรือ​ทำให้​ทหาร​ของ​ข้าศึก​ได้รับ​ความเสียหาย​อย่าง​หนัก​ ก็​ถือว่า​เป็นเรื่อง​ดี​ที่​ได้​กำไร​มหาศาล​

ใน​ระหว่าง​การปะทะ​กัน​ของ​ทั้งสองฝ่าย​ ทหารราบ​ที่​สวม​เกราะ​เถาวัลย์​พัน​กว่า​นาย​ถือ​ค้อน​ บันได​ แผ่น​โล่​และ​เครื่องมือ​อื่นๆ​ ใน​การบุก​เมือง​ และ​ทำ​การบุก​โจมตี​ข้าศึก​

ทหารราบ​เหล่านี้​คือ​ผู้ลี้ภัย​ที่​ทหาร​กบฏ​อวิ๋น​โจว​รวบรวม​มา เพื่อ​ใช้สลาย​พลัง​เพลิง​ของ​ทหาร​รักษา​เมือง​โดยเฉพาะ​

หน่วย​พิทักษ์​สอง​นาย​ถือ​แผ่น​โล่​คุ้มกัน​อยู่​ข้าง​สวี่​ซินเหนียน​ แต่​ตัว​เขา​กลับ​วิ่ง​ไปมา​บน​กำแพงเมือง​ไม่หยุด​ เพื่อ​บัญชาการ​รบ​

“ใต้เท้า​ ลง​ไป​ก่อน​เถิด​ หาก​ถูก​ลูกไฟ​ระเบิด​ใส่มัน​ได้​ไม่คุ้ม​เสีย​นะ​ขอรับ​”

หน่วย​พิทักษ์​พูด​เกลี้ยกล่อม​เสียงดัง​

“เทียบ​กับ​ความปลอดภัย​ส่วนตัว​ของ​ข้า​แล้ว​ จิตใจ​ทหาร​สำคัญ​ยิ่งกว่า​”

สวี่​ซินเหนียน​ถือ​กระบี่​ด้วยมือ​ข้าง​หนึ่ง​เดิน​กลับไปกลับมา​ บัญชาการ​เสริม​ตำแหน่ง​ทหาร​ บัญชาการ​ให้​ทหาร​บ้าน​จัดการ​ศพ​และ​ช่วยเหลือ​ผู้​ที่​ได้รับบาดเจ็บ​

เรื่องราว​เหล่านี้​ไม่ใช่ว่า​จำเป็นต้อง​เป็น​เขา​ แต่​ต้อง​เป็น​เขา​เท่านั้น​

เป็น​นายทหาร​ผู้บัญชาการ​สูงสุด​ของ​อำเภอ​ซงซาน​ แค่​เขา​ยืน​รบ​เคียงบ่าเคียงไหล่​อยู่​บน​กำแพงเมือง​กับ​ทหาร​ บรรดา​ทหาร​รักษา​เมือง​จะไม่ระส่ำระสาย​อย่าง​แน่นอน​

ยุทธวิธี​รุ​กรับ​ดำเนินต่อไป​จนถึง​หลัง​เที่ยงคืน​ หลังจาก​ข้าศึก​ทิ้ง​ศพ​ไว้​เต็ม​พื้น​แล้วก็​ถอน​ทัพ​ออก​ไป​ด้วย​ความพ่ายแพ้​

ซินเจียง​ตอน​ใต้​

ริม​ขอบ​สระ​ ลั่วอวี้เหิง​สวม​ชุด​ขนนก​นั่ง​อยู่​บน​หิน​เงาวาว​ริม​สระ​ โดย​มีเสื้อคลุม​ของ​สวี่​ชีอัน​รอง​อยู่​ตรง​บั้นท้าย​

ด้านล่าง​ชาย​เสื้อคลุม​มีเท้า​เล็ก​ๆ สีขาว​ได้สัดส่วน​ยื่น​ออกมา​แช่อยู่​ใน​สระน้ำ​ที่​เย็นเยียบ​

สีแดง​บน​แก้ม​ของ​นาง​ยัง​ไม่หาย​ไป​ ดวงตา​งดงาม​หรี่​เล็กน้อย​ ไม่รู้​ว่า​กำลัง​เพลิดเพลิน​กับ​น้ำ​เย็นเฉียบ​ใน​สระ​หรือ​เสน่ห์​อัน​น่า​ดื่มด่ำ​ที่​หลงเหลือ​หลังจาก​กระแสน้ำ​โหมกระหน่ำ​ซัดสาด​ใน​ฤดูใบไม้ผลิ​

สวี่​ชีอัน​ยืน​อยู่​ใน​สระน้ำ​ เขา​เอื้อมมือ​หยิบ​ตู้​โต​ว[​2] สีขาว​ที่​ปัก​ด้วย​ลวดลาย​ดอกบัว​มาถือ​เล่น​ใน​มือ​

ตา​ที่​ใสแป๋ว​กว่า​น้ำ​ใน​สระ​ของ​ลั่วอวี้เหิง​กวาด​มองดู​เขา​ที​หนึ่ง​ ฉายแวว​เหนียมอาย​อย่าง​ไม่รู้ตัว​

สวี่​ชีอัน​ลูบ​ตู้​โต​ว​ที่​เรียบ​เนียน​ด้วย​ปลายนิ้ว​ ครุ่น​คิดถึง​สัมผัส​ที่​ละเอียดอ่อน​ใน​เมื่อ​ครู่​ และ​กล่าว​ด้วย​รอย​ยิ้มกริ่ม​

“ท่าน​ราชครู​ ท่าน​จะท้อง​หรือไม่​”

ดวงตา​ของ​ลั่วอวี้เหิง​ดู​เย็นชา​ขึ้น​มา พวง​แก้ม​กลับ​เปลี่ยนเป็น​สีแดง​ เท้า​ขาว​ราวกับ​หยก​บริสุทธิ์​เตะ​ออก​ไป​หนึ่ง​ที​ ’ซ่าๆ’ ฟอง​ฝอย​ของ​น้ำ​ราวกับ​ปราณ​กระบี่​ใน​โลก​ที่​แหลมคม​ ฟัน​ลง​บน​ใบหน้า​สวี่​ชีอัน​

สวี่​ชีอัน​รู้สึก​ปวด​แสบ​ที่​ผิวหน้า​

ลั่วอวี้เหิง​ทำ​เสียง​ขึ้น​จมูก​กล่าว​ “ระหว่าง​ข้า​กับ​เจ้าเป็น​แค่​การค้า​เท่านั้น​ ข้า​ยืม​เจ้ามาสงบ​ไฟกรรม​ เจ้าก็​สามารถ​ยืม​พลัง​ต่อสู้​ของ​ข้า​ได้​ เรื่อง​ทายาท​นั้น​อย่า​ได้คิด​เลย​”

หลังจาก​พูด​จบ​ เห็น​เขา​จ้องมอง​ท้องน้อย​ของ​ตนเอง​อยู่​ นาง​รู้สึก​โกรธ​และ​อาย​มากขึ้น​กว่า​เดิม​

ปากแข็ง​นัก​ ตอน​บำเพ็ญ​คู่​กลับ​ให้ความร่วมมือ​กว่า​ครั้งก่อน​มาก​ ทั้ง​ยัง​คุ้นเคย​กว่า​เดิม​อี​ก.​..สวี่​ชีอัน​พึมพำ​ใน​ใจ

หญิงสาว​คน​หนึ่ง​ชอบ​เจ้าหรือไม่​ ชอบ​มาก​แค่​ไหน​นั้น​ ตอนที่​บำเพ็ญ​คู่​สามารถ​รับรู้​ได้​ เห็น​ว่า​ลั่วอวี้เหิง​ปากแข็ง​อย่างนี้​นะ​ ตอนที่​บำเพ็ญ​คู่​กับ​เขา​ไม่ได้​ต่อต้าน​เหมือน​ครั้งแรก​แล้ว​

ไม่มีความรัก​ต่อ​เขา​เลย​แม้แต่น้อย​ อยาก​ปฏิเสธ​เขา​แต่กลับ​ต้อนรับ​แทน​

เจ้ากับ​มู่หนาน​จือ​เป็น​สหาย​ที่​ดี​จริงๆ​ ปาก​ไม่ยอมรับ​แต่​ร่างกาย​กลับ​ซื่อตรง​มาก.​..สวี่​ชีอัน​กล่าว​หน้าด้าน​ๆ

“ข้า​ก็​แค่​กังวล​ว่า​หาก​วันหนึ่ง​ข้า​ถูก​ฆ่า ดี​เลว​อย่างไร​ก็​ยังมี​คน​เซ่นไหว้​น่ะ​สิ พูด​เรื่อง​หลัก​เลย​ดีกว่า​ ข้า​มาซินเจียง​ตอน​ใต้​ครั้งนี้​ ได้​ค้นพบ​ความลับ​ขนาดใหญ่​”

ในขณะนั้น​ เขา​บอก​เหตุการณ์​ถามตอบ​ของ​ไป๋​ตี้​เทพเจ้า​กู่​ที่​แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​บอก​เขา​ให้​ลั่วอวี้เหิง​ฟังอย่าง​ละเอียด​

ฟังจบ​ลั่วอวี้เหิง​ก็​ขมวดคิ้ว​งามเล็กน้อย​ และ​ลังเล​อยู่​นาน​

“ทำ​สามเรื่อง​ให้​กระจ่าง​ เจ้าก็​รู้​ความลับ​ต่างๆ​ ที่ซ่อน​อยู่​ใน​คำถาม​ทั้ง​สามแล้ว​ หนึ่ง​ สาเหตุ​ที่​เทพ​กู่​บรรพกาล​แตกดับ​ สอง​ ปัญหา​การ​บำเพ็ญ​ของ​สามนิกาย​ นิกาย​สวรรค์​ นิกาย​ปฐพี​ และ​นิกาย​มนุษย์​ สาม เหตุใด​เทพเจ้า​กู่​ถึงคิด​ว่า​ปราชญ์​ขงจื๊อ​ศักดิ์สิทธิ์​คือ​ผู้เฝ้าประตู​”

ทั้ง​สามเรื่อง​สอดคล้อง​กับ​ ‘เมื่อ​มหาศักราช​สิ้นสุดลง​’ ‘ร่องรอย​ของ​ปรมาจารย์​เต๋า​’ ‘ผู้เฝ้าประตู​คือ​ใคร​’

ลั่วอวี้เหิง​ถือโอกาส​ยื่นมือ​มาแย่ง​ตู้​โต​วก​ลับ​ไป​ไว้​ข้าง​กาย​ จากนั้น​ก็​รวบ​ชุด​คลุม​ให้​แน่น​ เพราะ​บน​ตัวนาง​มีแค่​เสื้อ​ตัว​นี้​ตัว​เดียว​

เพื่อ​ป้องกัน​ไม่ให้​สวี่​ชีอัน​แย่ง​กลับ​ไป​ นาง​จึงพูด​อย่าง​รวดเร็ว​

“ยุค​เทพ​กู่​บรรพกาล​ห่างไกล​จาก​ตอนนี้​มาก​ ไม่มีเบาะแส​ที่​สามารถ​ค้นหา​ได้​ แต่​หาก​เจ้าได้​คุย​กับ​ไป๋​ตี้​และ​เทพเจ้า​กู่​ก็​จะรู้​เบื้องลึก​ข้างใน​ ข้า​ไม่แนะนำ​ให้​เจ้าไป​ลอง​ เจ้าใน​ตอนนี้​ยัง​ไม่มีคุณสมบัติ​เท่าเทียม​ที่จะ​สนทนา​กับ​ทั้งสอง​ ปัญหา​ของ​สำนัก​เต๋า​ รอ​ข้า​เลื่อน​ขึ้น​ขั้น​หนึ่ง​ก่อน​จะไป​นิกาย​สวรรค์​สัก​ครา​ พอ​ถึงเวลา​นั้น​รอ​ข่าวคราว​จาก​ข้า​ก็​พอ​ ส่วน​ผู้เฝ้าประตู​นั้น​ เจ้าสามารถ​ถามเจ้าโส่ว​หรือ​ท่าน​โหราจารย์​ดู​ได้​ ทั้งสอง​คน​นี้​ คน​หนึ่ง​เป็น​ผู้สืบทอด​ระบบ​ลัทธิ​ขงจื๊อ​ อีก​คน​สามารถ​สอดส่อง​ความลับ​สวรรค์​ได้​”

“สมกับ​เป็น​ท่าน​ราชครู​จริงๆ​ ฉลาด​หลักแหลม​มาก​” สวี่​ชีอัน​ยก​นิ้วโป้ง​ให้​

ลั่วอวี้เหิง​มีสีหน้า​เย็นชา​ แต่​แวว​ตากลับ​แฝงไป​ด้วย​รอยยิ้ม​

สำหรับ​สตรี​ที่​มีสถานะ​สูงส่งและ​ทรงอำนาจ​อิทธิพล​ หาก​จะชอบ​ลูกไม้​นี้​ที่สุด​ ก็​แน่นอน​ว่า​ต้อง​เป็นการ​ประจบประแจง​ของ​สวี่​ชีอัน​เท่านั้น​

เพราะ​เขา​เป็น​คู่​บำเพ็ญ​ ‘ในนาม​’ ของ​ลั่วอวี้เหิง​ บุรุษ​คนอื่น​จะประจบประแจง​อย่างไร​ก็​ไม่สามารถ​ทำให้​นาง​รู้สึก​เบิกบานใจ​ได้​

“น่าเสียดาย​ ผู้​ที่​รู้​ความลับ​สวรรค์​จะต้อง​ถูก​ความลับ​สวรรค์​ควบคุม​ แม้ว่า​ท่าน​โหราจารย์​จะรู้​ ก็​ไม่อาจ​บอก​ข้า​ได้​”

สวี่​ชีอัน​ส่ายหน้า​ด้วย​ความเสียดาย​ “ช่างเถอะ​ เรื่อง​นี้​ไม่รีบ​ ศึก​ที่​ชิงโจว​ถึงเป็นเรื่อง​เร่งด่วน​ ท่าน​ราชครู​เพิ่ง​กลับ​มาจาก​ชิงโจว​ สถานการณ์​ศึก​ทาง​ด้าน​นั้น​เป็น​อย่างไรบ้าง​”

ลั่วอวี้เหิง​กล่าว​

“ไม่เคย​ให้ความสนใจ​เลย​”

นึก​ๆ อยู่​ครู่หนึ่ง​ก็​กล่าว​เสริม​ “ดูเหมือน​ลูกผู้น้อง​ของ​เจ้าจะถูก​ส่งไป​ตั้งมั่น​รักษาการณ์​ที่​อำเภอ​ซงซาน​แล้ว​ สถานที่​แห่ง​นี้​เป็นแนว​ป้องกัน​ที่สอง​ของ​หยาง​กง​ เป็นหนึ่ง​ใน​ฐาน​ที่มั่น​สำคัญ​”

ความหมาย​ของ​นาง​คือ​ศึก​ที่​ชิงโจว​มั่นคง​ชั่วคราว​ แต่​สวี่เอ้อร์​หลา​งอาจจะ​มีอันตราย​…นี่​เรียก​ว่า​ไม่เคย​ให้ความสนใจ​หรือ​ ท่าน​ราชครู​ ท่าน​จะหยิ่ง​ไป​หน่อย​แล้ว​ เห็นชัด​ๆ ว่า​ให้ความสนใจ​คนใน​ครอบครัว​ข้า​อยู่​นี่​…สวี่​ชีอัน​พึมพำ​ใน​ใจ สีหน้า​ค่อยๆ​ เคร่งขรึม​ลง​

“จิ้งจอก​เก้า​หาง​ใกล้​จะกลับ​แผ่นดินใหญ่​แล้ว​ เผ่า​ปีศาจ​ทาง​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ก็​กำลัง​ชุมนุมกัน​ ข้า​ต้อง​แน่ใจ​ว่าการ​ก่อ​กบฏ​ของ​ปีศาจ​แดน​ใต้​จะสำเร็จ​ เช่นนี้​แล้ว​ถึงจะหน่วงเหนี่ยว​สำนัก​พุทธ​แดน​ประจิม​ไว้​ได้​ เรื่อง​ศึก​ที่​ชิงโจว​เกรง​ว่า​ไม่อาจ​ยื่นมือ​เข้า​แทรก​แล้ว​

“ชิงโจว​แพ้ชนะ​จะส่งผลกระทบ​ต่อ​ผลลัพธ์​ของ​สงคราม​ใน​ครั้งนี้​ แต่​ศึก​ที่​ซินเจียง​ตอน​ใต้​สำคัญ​กว่า​ หาก​ปีศาจ​แดน​ใต้​ชิงภูเขา​สือ​ว่าน​กลับมา​ไม่ได้​ ก็​ไม่อาจ​ตรึง​สำนัก​พุทธ​ไว้​ได้​แล้ว​ และ​พอ​สำนัก​พุทธ​ร่วมมือ​กับ​อวิ๋น​โจว​ จะไม่ใช่แค่​ส่งผล​ต่อ​การ​แพ้ชนะ​ของ​สันติภาพ​เท่านั้น​ แต่​เป็น​จุดจบ​ของ​ต้าฟ่ง​ด้วย​”

“ให้​เผ่าพันธุ์​กู่​ส่งทหาร​ไป​เสริมกำลัง​ที่​ชิงโจว​ได้​” ลั่วอวี้เหิง​กล่าว​

“อืม​ มอบ​ความประหลาดใจ​ให้​ชิงโจว​สักหน่อย​” สวี่​ชีอัน​พยักหน้า​

แม้ระดับ​เหนือ​มนุษย์​ของ​เผ่าพันธุ์​กู่​จะไม่สามารถ​ไป​ไหน​ได้​ แต่​คนใน​เผ่าพันธุ์​กู่​ทั้ง​เจ็ด​เผ่า​สามารถ​ร่วม​ศึก​ได้​ ซิน​กู่​ ตู๋​กู่​ ซือ​กู่​ เป็น​ลูก​รัก​บน​สนามรบ​ อั้น​กู่​เป็น​นักฆ่า​ขั้น​สุดยอด​

นี่​คง​สามารถ​คลี่คลาย​ความกดดัน​ใน​ชิงโจว​ได้​เป็นอย่างมาก​

………………………………………

[1] วอ​วอ​โถว​ คือ​ขนมปัง​นึ่ง​ที่​ทำ​ด้วย​แป้งหมี่​ข้าวโพด​หรือ​แป้งหมี่​เกาเหลียง​

[2] ตู้​โต​ว​ คือ​ เสื้อชั้นใน​ของ​ผู้หญิง​จีน​ใน​สมัยโบราณ​ มีลักษณะ​คล้าย​ผ้ากันเปื้อน​ ใช้สำหรับ​คาด​รอ​บอก​ มีสาย​ผ้า​ผูก​ที่​คอ​กับ​เอว​

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท