บทที่ 686 แผนที่ครึ่งหนึ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

เมื่อ​เดิน​อยู่​ใน​เมือง​เล็ก​ๆ ที่​เงียบสงบ​ บางครั้ง​จะได้​เห็น​เด็ก​สอง​สามคน​เดิน​เตร่​อยู่​บน​ถนน​ว่างเปล่า​ หรือ​ยืน​ถอด​กางเกง​ฉี่อยู่​ข้างทาง​

แต่​เห็น​ผู้​ใหญ่น้อย​มาก​

สวี่​ชีอัน​คาดเดา​ว่า​เด็ก​พวก​นี้​ยัง​อ่อนแอ​ จึงไม่จำเป็นต้อง​ซ่อนตัว​ทุกวัน​เพื่อ​บรรเทา​ผลข้างเคียง​ของ​อั้น​กู่​

เมื่อ​พวกเขา​เติบโต​ขึ้น​ในอนาคต​ ความสามารถ​เพิ่มขึ้น​ พวกเขา​ก็​จะเป็น​เหมือน​พ่อแม่​ของ​พวกเขา​ ต้อง​ซ่อนตัว​ตาม​ตรอก​ซอกซอย​ทุกวัน​

“อาจจะ​เป็น​อย่าง​ที่​แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​บอ​กว่า​ ‘สภาพเศรษฐกิจ​’ ของ​เผ่า​อั้น​กู่​ไม่ดี​นัก​ ถ้าดี​สิแปลก​ เวลา​ส่วนใหญ่​เสีย​ไป​กับ​การ​หลบ​ๆ ซ่อน​ๆ อย่าง​ไร้จุดหมาย​” สวี่​ชีอัน​พึมพำ​ใน​ใจ

ตอน​เพิ่ง​ได้รับ​เจ็ด​ยอด​กู่​ เขา​รู้สึก​แค่​ว่า​ผลข้างเคียง​ของ​อั้น​กู่​เป็นปัญหา​มาก​ ทุกวัน​ต้อง​เจียดเวลา​ไป​ซ่อนตัว​ ซ่อนตัว​ครั้งหนึ่ง​ก็​ใช้เวลา​หนึ่ง​ถึงสอง​ชั่ว​ยาม​

ไม่เคย​คิด​ว่า​หาก​คนใน​เผ่า​ทุกคน​เป็น​แบบนี้​จะเป็น​ ‘หายนะ​’ จริงๆ​

“อันที่จริง​ซ่อน​ตอนกลางคืน​ก็ได้​ ไม่จำเป็นต้อง​เป็น​ตอนกลางวัน​”

สวี่​ชีอัน​กล่าว​

ชายหนุ่ม​จาก​หน่วย​ลาดตระเวน​พยักหน้า​ซ้ำๆ

“แน่นอน​ว่า​ก็​มีคน​ซ่อนตัว​ตอนกลางคืน​ แต่​ส่วนใหญ่​ยัง​ไม่แต่งงาน​ คน​ที่​แต่งงาน​แล้ว​มัก​ไม่มีเวลา​ใน​ตอนกลางคืน​ นอกจากนี้​ ระดับ​ยิ่ง​สูง จุดประสงค์​ใน​การ​ซ่อนตัว​จะไม่ใช่แค่​ล้าง​ผลข้างเคียง​ ท่าน​เอง​ก็​เป็น​ปรมาจารย์​อั้น​กู่​ ท่าน​น่าจะ​รู้​”

ผลข้างเคียง​เป็น​ความต้องการ​ขั้นพื้นฐาน​ของ​อั้น​กู่​ หาก​อยาก​เพิ่ม​ตบะ​ ฝึกฝน​อั้น​กู่​ ก็​ต้อง​ซ่อนตัว​ใน​เงามืด​และ​รับรู้​ถึงพลัง​ของ​อั้น​กู่​

ขณะ​พูด​ เขา​เห็น​สายตา​ของ​สวี่​ชีอัน​จับจ้อง​ไป​ที่​เงาใต้เท้า​เขา​ จึงเอ่ย​ยิ้ม​ๆ

“ท่าน​มอง​ไม่ผิด​ หน่วย​ลาดตระเวน​คนอื่นๆ​ ซ่อนตัว​อยู่​ใน​เงาใต้​เป้า​ของ​ข้า​”

เงาใต้​เป้า​อะไร​นะ​ คน​เผ่า​อั้น​กู่​เช่น​พวก​เจ้าอาศัย​อยู่​ใต้​เป้า​หรือ​…สวี่​ชีอัน​แทบ​อด​ไม่ได้​ที่จะ​สบถ​ออกมา​

เมื่อ​เดินผ่าน​ตรอก​ซอกซอย​อัน​เงียบสงบ​ คน​สอง​คน​ก็​เข้าใกล้​ใจกลางเมือง​ ซึ่งมีประชากร​หนาแน่น​มาก​ ผู้คน​สัญจร​ไปมา​เป็น​กระจุก​บน​ถนน​กว้างใหญ่​ และ​มีร้านค้า​อยู่​สอง​ข้างทาง​

สวี่​ชีอัน​เห็น​ว่า​ใน​บรรดา​ผู้คน​ที่​สัญจร​ไปมา​เหล่านี้​ มีทั้งคน​จาก​ที่ราบ​ภาค​กลาง​และ​คน​จาก​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ พวกเขา​สวม​เสื้อผ้า​ขาด​รุ่งริ่ง​ ไม่ได้ดี​ไป​กว่า​ผู้ลี้ภัย​จาก​ที่ราบ​ตอนกลาง​นัก​

หลัก​ๆ คือ​ คน​สัญจร​ไปมา​พวก​นี้​ส่วนใหญ่​ไม่มีอั้น​กู่​ใน​ร่างกาย​

“พวกเขา​เป็น​ทาส​ บางคน​ถูกจับ​มาจาก​ที่ราบ​ภาค​กลาง​ บางคน​เป็น​ชน​เผ่า​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ที่​ไม่สน​กฎระเบียบ​จึงถูก​เรา​กวาดล้าง​ แล้ว​แบ่ง​ประชากร​ให้​ทั้ง​เจ็ด​เผ่า​เท่าๆ​ กัน​”

ชายหนุ่ม​จาก​หน่วย​ลาดตระเวน​เอ่ย​

“ทาส​เหล่านี้​เป็น​แรงงาน​ที่​มีค่า​ของ​เผ่า​เรา​”

สวี่​ชีอัน​ครุ่นคิด​ครู่หนึ่ง​แล้ว​เอ่ย​ว่า​ “เผ่าพันธุ์​กู่​มักจะ​ทำการค้า​มนุษย์​กับ​กอง​คาราวาน​ของ​ที่ราบ​ภาค​กลาง​สินะ​”

คำ​ว่า​ค้า​มนุษย์​ทำให้​ชายหนุ่ม​ชะงัก​ไป​ชั่วขณะ​ก่อน​จะเข้าใจ​และ​กล่าวว่า​

“ใช่ กอง​คาราวาน​ของ​ที่ราบ​ภาค​กลาง​รู้​ว่า​เรา​ขาด​คน​ จึงมักจะ​ส่งคน​มาให้​ซินเจียง​ตอน​ใต้​เพื่อ​แลก​กับ​สมุนไพร​ ไม้ แร่​และ​ของ​อื่นๆ​ ที่​มีเฉพาะ​ใน​ซินเจียง​ตอน​ใต้​”

แถมคน​เหล่านั้น​ส่วนใหญ่​ก็​ถูก​ลักพาตัว​มา…สวี่​ชีอัน​นึกถึง​บรรพบุรุษ​ตระกูล​ไฉ ตอน​บรรพบุรุษ​คน​นั้น​ยัง​เด็ก​ ครอบครัว​ถูก​ศัตรู​ฆ่ายกครัว​ ส่วน​เขา​ถูก​ขาย​ไป​เป็น​ทาส​ให้​เผ่า​ซือ​กู่​ใน​ซินเจียง​ตอน​ใต้​

ภายหลัง​ไม่รู้​ว่า​หนี​กลับ​ไป​ที่ราบ​ภาค​กลาง​ได้​อย่างไร​ แล้ว​ยัง​ก่อตั้ง​สำนัก​ที่​บ้านเกิด​ใน​เซียง​โจว​อีก​

จริง​สิ ต้อง​ถามโหย​วซือ​เรื่อง​แผนที่​ด้วย​ แผนที่​ครึ่งหนึ่ง​ของ​บรรพบุรุษ​ตระกูล​ไฉอยู่​ที่​เผ่า​ซือ​กู่​…ในเวลานี้​เอง​ สวี่​ชีอัน​เห็น​คฤหาสน์​ ซึ่งเขียน​คำ​ว่า​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ไว้​บน​แผ่น​ป้าย​

“ที่นี่​คือ​จวน​ของ​หัวหน้า​ เชิญฆ้อง​เงิน​สวี่​เข้ามา​”

เมื่อ​ก้าว​เข้าไป​ใน​คฤหาสน์​ สวี่​ชีอัน​ก็​กวาดตา​มอง​ลาน​กว้าง​ ทางเดิน​ที่​ปู​ด้วย​หิน​สีฟ้านำไปสู่​ลาน​ด้านใน​ ด้าน​ซ้าย​ของ​ทางเดิน​มีถังเก็บ​น้ำ​ซึ่งปิด​ด้วย​แผ่น​ไม้เรียงราย​อยู่​

ด้าน​ขวา​เป็น​หลุม​ลึก​ที่​มีปาก​หลุม​แคบ​หลาย​หลุม​

ทั้ง​ใน​หลุม​และ​ใน​ถังล้วน​มีคน​ซ่อนตัว​อยู่​…สวี่​ชีอัน​ถอน​สาย​ตากลับ​แล้ว​ตาม​ชายหนุ่ม​ไป​ เมื่อ​เดิน​ไป​ได้​สักพัก​ เขา​ก็​ไม่เห็น​เงาคน​แม้แต่​ครึ่ง​เดียว​

จนกระทั่ง​พวกเขา​เข้าไป​ยัง​ลาน​ด้านใน​ สวี่​ชีอัน​ถึงเห็น​เงาของ​หัวหน้า​เผ่า​อั้น​กู่​ใน​ชุด​สีดำ​ นั่ง​อยู่​หัว​โต๊ะ​ ใน​มือถือ​ถ้วย​น้ำชา​

เขา​ไม่เห็น​แสงตะวัน​ตลอด​ทั้งปี​ ใบ​หน้าที่​ซีด​ขาว​เผย​รอยยิ้ม​เล็กน้อย​

“ชาเตรียมพร้อม​แล้ว​ เชิญฆ้อง​เงิน​สวี่​นั่ง​”

การ​รับแขก​และ​เสิร์ฟ​ชาเป็น​มารยาท​ของ​ที่ราบ​ภาค​กลาง​

หลังจาก​สวี่​ชีอัน​นั่งลง​ เขา​ก็​พูด​อี​กว่า​

“โปรด​รอ​สักครู่​ ข้า​ส่งคน​ไป​เชิญผู้อาวุโส​แล้ว​ เรื่อง​ส่งกองทัพ​นั้น​ข้า​ไม่อาจ​ตัดสินใจ​คนเดียว​ได้​”

นี่​คือ​เรื่อง​ที่​ได้​พูดคุย​กัน​ในขั้นต้น​ไป​แล้ว​ตอนที่​ต่อสู้​เมื่อวาน​นี้​

ขณะที่​ดื่ม​ชาไป​ครึ่ง​ถ้วย​ เงาแปด​ร่าง​ก็​โผล่​ออก​มาจาก​ข้าง​ใต้โต๊ะ​ กลายเป็น​ผู้อาวุโส​ทั้ง​แปด​ที่​เป็น​ชาย​วัยกลางคน​หรือไม่​ก็​ผู้สูงอายุ​รวมกัน​อยู่​ภายใน​ห้องโถง​ด้านใน​

“หัวหน้า​บอก​พวกเรา​แล้ว​ว่า​ ฆ้อง​เงิน​สวี่​อยาก​เชิญคนใน​เผ่า​อั้น​กู่​ขึ้นไป​ทางเหนือ​ เพื่อ​ช่วย​ต้าฟ่ง​ต่อสู้​กับ​กลุ่ม​กบฏ​อวิ๋น​โจว​”

ชาย​ชรา​ผมสีดอกเลา​ดูเหมือน​จะเป็น​ผู้อาวุโส​ชั้นสูง​ เขา​พูด​น้ำเสียง​เอื่อยๆ​

“ก็​ไม่ใช่ว่าไม่ได้​ มัน​ขึ้นอยู่กับ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​จะเสนอ​ราคา​เท่าไร​”

สวี่​ชีอัน​จิบ​ชาอึก​หนึ่ง​แล้ว​พูดว่า​

“หลังจาก​สงคราม​สงบ​ลง​ ต้าฟ่ง​จะมอบ​บรรณาการ​เป็น​เงิน​ห้า​หมื่น​ตำลึง​ ผ้าไหม​ห้า​หมื่น​ผืน​ และ​เสบียง​สามหมื่น​ตัน​ให้​แก่​เผ่า​อั้น​กู่​ทุกปี​เป็น​ระยะเวลา​ห้า​ปี​”

ผู้อาวุโส​สอง​สามคน​รู้สึก​ประทับใจ​เล็กน้อย​และ​กระซิบกระซาบ​กัน​เป็น​ภาษาซินเจียง​ตอน​ใต้​

“เงิน​ห้า​หมื่น​ตำลึง​สามารถ​กอง​เต็ม​ห้อง​ของ​ข้า​ได้​เลย​นะ​”

“ผ้าไหม​ห้า​หมื่น​ผืน​ทำให้​คนใน​เผ่า​อั้น​กู่ของ​เรา​มีเสื้อผ้า​สวย​ๆ สวม​ได้​ทุกคน​เลย​”

“เสบียง​ยิ่ง​สำคัญ​ เพราะ​คนใน​เผ่า​ของ​เรา​ไม่มีเวลา​ไป​ล่าสัตว์​กับ​ทำ​ฟาร์ม​”

ผู้อาวุโส​ชั้นสูง​ผมสีดอกเลา​กระแอม​เสียงดัง​ขัดจังหวะ​การ​กระซิบกระซาบ​ของ​เหล่า​ผู้อาวุโส​คนอื่น​ โชคดี​ที่​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ฟังภาษาซินเจียง​ตอน​ใต้​ไม่เข้าใจ​ มิเช่นนั้น​อำนาจ​ใน​การ​ต่อรอง​ของ​เขา​คง​ถูก​ผู้อาวุโส​เหล่านี้​ทำลาย​ลง​

ผู้อาวุโส​ชั้นสูง​ส่ายหน้า​

“หาก​ต้าฟ่ง​พ่ายแพ้​ล่ะ​ พวก​ข้า​จะไม่เสียแรง​เปล่า​หรือ​”

สวี่​ชีอัน​มีสีหน้า​เรียบ​เฉย​

“ผู้อาวุโส​ชั้นสูง​อยาก​เพิ่ม​อะไร​หรือ​”

“ดี​!” ผู้อาวุโส​ชั้นสูง​พยักหน้า​และ​เอ่ย​เสียง​ขรึม​ “เพิ่ม​เป็น​สองเท่า​”

“ดี​!” สวี่​ชีอัน​ลุกขึ้น​เงียบๆ​ และ​ประสานมือ​คารวะ​

“ข้า​ยัง​ต้อง​ไป​ที่​เผ่า​ซิน​กู่​อีก​ ไม่รบกวน​ผู้อาวุโส​ทุกท่าน​แล้ว​ ขอลา​”

เงามือ​ขยับ​ แต่​ยั้ง​ไว้​ เมื่อ​เห็น​สวี่​ชีอัน​เดิน​ไป​ถึงประตู​ห้องโถง​ เขา​ก็​ถอนหายใจ​และ​พูดว่า​

“เงิน​หก​หมื่น​ตำลึง​ ผ้าไหม​ห้า​หมื่น​ผืน​ เสบียง​ห้า​หมื่น​ตัน​ เป็น​ระยะเวลา​หก​ปี​ เพื่อ​เป็น​การตอบแทน​ เผ่า​ของ​เรา​จะส่งทหาร​ชั้นยอด​แปด​ร้อย​นาย​เข้าร่วม​การต่อสู้​ วางใจ​ได้​ ทั้ง​แปด​ร้อย​นาย​เป็น​ทหาร​ชั้นยอด​อย่าง​แท้จริง​”

แม้ว่า​คนใน​เผ่าพันธุ์​กู่​ทุกคน​จะเป็น​ทหาร​ แต่​เมื่อ​ตัด​คนชรา​กับ​คนอ่อนแอ​ ผู้หญิง​กับ​เด็ก​ และ​คน​ธรรมดาๆ​ ทิ้ง​ไป​ ทหาร​ชั้นยอด​แปด​ร้อย​นาย​ก็​นับว่า​ไม่น้อย​เลย​

สวี่​ชีอัน​หยุด​ฝีเท้า​แล้ว​เอ่ย​พร้อม​รอยยิ้ม​

“ตกลง​!”

เขา​คุย​กับ​ฮว๋าย​ชิ่งมาก่อน​แล้ว​ จึงได้​รู้​ขอบเขต​ที่​เหมาะสม​ของ​ ‘บรรณาการ​’ มาจาก​นาง​

สวี่​ชีอัน​ไม่ได้​ศึกษา​ประวัติศาสตร์​ ดังนั้น​เขา​จึงไม่ได้​ค้นคว้า​เรื่อง​นี้​มาก​นัก​และ​ไม่รู้​ราคาตลาด​ของ​ ‘บรรณาการ​’

ข้อเรียกร้อง​ของ​เงาอยู่​ใน​ขอบเขต​ที่​เหมาะสม​

เงาถอนหายใจ​ออกมา​ “เหล่า​ทหาร​ชั้นยอด​ของ​เผ่า​อั้น​กู่​จะช่วย​ต้าฟ่ง​กำ​จัดกลุ่ม​กบฏ​อย่าง​สุดกำลัง​”

ส่วน​สวี่​ชีอัน​จะเป็นตัวแทน​ของ​ราชสำนัก​ต้าฟ่ง​หรือไม่​ เงากับ​เหล่า​ผู้อาวุโส​ไม่ได้​สงสัย​ คน​คน​นี้​ไม่เพียง​ได้​ชื่อว่า​เป็น​ทหาร​อันดับ​หนึ่ง​ของ​ต้าฟ่ง​เท่านั้น​ ขณะเดียวกัน​เขา​ยัง​เป็น​คู่​บำเพ็ญ​ของ​ราชครู​ลั่วอวี้เหิง​ด้วย​

ใน​มุมมอง​ของ​เผ่า​อั้น​กู่​ คำพูด​ของ​เขา​น่าเชื่อถือ​กว่า​วาจา​ดั่ง​ทองคำ​ของ​จักรพรรดิ​แห่ง​ที่ราบ​ภาค​กลาง​มาก​

“อีก​สักพัก​ ข้า​จะให้​ราชสำนัก​ส่งเอกสาร​มาเพื่อ​เป็น​หลักฐาน​การ​เป็น​พันธมิตร​ระหว่าง​ต้าฟ่ง​กับ​เผ่าพันธุ์​กู่​” สวี่​ชีอัน​กล่าว​

เงาพยักหน้า​เล็กน้อย​

หลัง​ออกจาก​เผ่า​อั้น​กู่​ สวี่​ชีอัน​ก็​บิน​ขึ้นไป​บน​ฟ้า แล้ว​ครึ่ง​ชั่ว​ยาม​ต่อมา​ เขา​ก็​มาถึงอาณาเขต​ของ​เผ่า​ซิน​กู่​

ที่นี่​มีธรรมชาติ​อัน​งดงาม​ มีทั้ง​นก​นานา​ชนิด​และ​สิงสาราสัตว์​อยู่​ทั่ว​ทุกหน​แห่ง​

บ้าน​ของ​เผ่า​ซิน​กู่​สร้าง​อยู่​ใน​ป่าทึบ​ อาคาร​แต่ละ​หลัง​ซ่อน​อยู่​ท่ามกลาง​กิ่ง​ก้านใบ​สีเขียวขจี​ มนุษย์​กับ​สัตว์​อยู่​ร่วมกัน​อย่าง​ปรองดอง​

เด็กสาว​ขี่​เสือ​ยักษ์​สีสัน​สดใส​และ​เล่น​อยู่​ใน​ภูเขา​อย่าง​มีความสุข​ สัตว์​ยักษ์​นานา​ชนิด​ทำหน้าที่​เป็น​แรงงาน​สัตว์​อยู่​ใน​ท้องทุ่ง​ ลิง​หางยาว​ตัวเล็ก​คล่องแคล่ว​ถือ​ตะกร้า​ไม้ไผ่​เก็บ​ผลไม้​ทั่ว​ป่า​ทั่ว​เขา​

ทันใดนั้น​ สวี่​ชีอัน​ก็​เห็น​สัตว์​ยักษ์​ที่​มีเกล็ด​ทั่ว​ร่าง​พุ่ง​ขึ้น​มาจาก​ทาง​ป่าทึบ​เบื้องล่าง​ กระพือปีก​พังผืด​ และ​แบก​ชายหนุ่ม​เผ่า​ซิน​กู่​คน​หนึ่ง​ขึ้น​มาวนเวียน​อยู่​รอบตัว​เขา​

“ฆ้อง​เงิน​สวี่​ หัวหน้า​ส่งข้า​มารับ​ท่าน​”

หน่วย​ลาดตระเวน​หนุ่ม​แสดง​ความเคารพ​นอบน้อม​และ​พูด​ภาษาที่ราบ​ภาค​กลาง​แม้ไม่ค่อย​ได้มาตรฐาน​

สวี่​ชีอัน​ร้อง​ ‘อืม​’ ออกมา​ เขา​เลือก​เคลื่อน​ผ่านฟ้า​เข้ามา​และ​ชิง ‘เปิดเผย​’ ก่อน​ เพื่อให้​ฉุน​เยียน​สังเกตเห็น​เขา​

ชายหนุ่ม​เผ่า​ซิน​กู่​ควบคุม​อสูร​เวหา​แล้ว​ลง​จอด​ใน​ป่า​

อืม​ อสูร​เวหา​ตัว​นี้​ไม่ใช่เพศ​เมีย​ ดูเหมือน​ทหาร​คน​นี้​จะเป็น​ทหาร​ที่​จริงจัง​…ความคิด​นี้​ผุด​ขึ้น​ใน​ใจของ​สวี่​ชีอัน​อย่าง​ไม่มีเหตุผล​ เขา​ตาม​หน่วย​ลาดตระเวน​มาจนถึง​ด้านหน้า​หอ​แห่ง​หนึ่ง​ซึ่งอยู่​ข้าง​หน้าผา​ทางทิศใต้​ของ​ยอดเขา​

ข้าง​หอ​มีต้นสน​เก่าแก่​อยู่​

กระรอก​วิ่งเล่น​อยู่​บน​กิ่งไม้​ ลิง​ขาว​ร้อง​เจี๊ยก​อยู่​ใต้​ต้นสน​

ข้างนอก​หอ​มีนก​ตัว​ใหญ่​ขา​ยาว​ขน​สีดำ​สอง​สามตัว​ก้มหน้าก้มตา​จิก​อาหาร​อยู่​ เมื่อ​เห็น​คนแปลกหน้า​มาเยือน​ พวก​มัน​ก็​กระพือปีก​บิน​อย่าง​ตื่นตระหนก​

ฉุน​เยียน​ใน​ชุด​กระโปรง​ยาว​สีน้ำเงิน​ มีงูตัวเล็ก​สีแดง​สอง​ตัว​ห้อย​ลง​มาจาก​ติ่ง​หู​ และ​มีหน้าตา​งดงาม​ยืน​อยู่​ข้างนอก​หอ​ ใบหน้า​เปื้อน​รอยยิ้ม​

“หัวหน้า​ฉุน​เยียน​!”

สวี่​ชีอัน​ยิ้ม​กลับ​

ทั้งสอง​คน​เดิน​เข้าไป​ใน​หอ​และ​นั่งลง​ตรง​ห้องโถง​ชั้นหนึ่ง​ สวี่​ชีอัน​ผู้​เป็น​ปรมาจารย์​ซิน​กู่​สังเกตเห็น​งูพิษ​ แมลง​พิษ​และ​สัตว์​ตัวเล็ก​นานา​ชนิด​ที่​ซ่อนตัว​อยู่​ตาม​มุมห้อง​ทันที​

“ที่นี่​มีงู แมลง​ หนู​ มด​ นก​และ​สิงสาราสัตว์​อยู่​ทั่ว​ ทำให้​ฆ้อง​เงิน​สวี่​รู้สึก​คุ้นเคย​ขึ้น​บ้าง​หรือไม่​”

ฉุน​เยียน​พูดทีเล่นทีจริง​

ข้า​อด​ไม่ได้​เลย​ที่จะ​เรียก​พวก​มัน​ออกมา​และ​เต้นรำ​ด้วยกัน​บน​ลาน​กว้าง​…สวี่​ชีอัน​ยิ้ม​ “อันที่จริง​ก็​ทำให้​เดิน​ดู​เพลิน​จน​รู้สึก​คุ้นเคย​มากขึ้น​”

ดูเหมือนว่า​ประโยค​ธรรมดาๆ​ จะทำให้​ช่องว่าง​ระหว่าง​ทั้งสองฝ่าย​แคบ​ลง​

ดวง​ตากลม​โต​ของ​ฉุน​เยียน​เป็นประกาย​ นาง​เอ่ย​อย่าง​ซาบซึ้ง​

“แต่​หาก​สนิทสนม​กับ​พวก​สัตว์​มากเกินไป​ก็​ง่าย​ที่จะ​หลง​อยู่​ใน​นั้น​เช่นกัน​”

เจ้าหมายถึง​โยก​ไป​ข้างหน้า​และ​ข้าง​หลังกับ​พวก​สัตว์​สินะ​…รอยยิ้ม​ที่​ปราศจาก​อคติ​ปรากฏ​ขึ้น​บน​ใบหน้า​ของ​สวี่​ชีอัน​

“มัน​เป็น​ทางเลือก​ส่วนบุคคล​ของ​พวกเขา​”

ฉุน​เยียน​จ้องมอง​เขา​ เมื่อ​เห็น​ว่า​เขา​ปราศจาก​อคติ​จริงๆ​ นาง​ก็​ยิ้ม​อย่าง​อ่อนโยน​และ​พูดว่า​

“ตาม​กฎ​ของ​เผ่า​เรา​ ใครก็ตาม​ที่​กระทำ​นอกเหนือ​กฎหมาย​กับ​พวก​สัตว์​จะไม่ได้รับอนุญาต​ให้​แต่งงาน​อีก​ นี่​ไม่ใช่แค่​การข่มขู่​คนใน​เผ่า​เท่านั้น​ แต่​ยัง​เป็นการ​เคารพ​ทางเลือก​ของ​พวกเขา​ด้วย​”

สวี่​ชีอัน​กล่าว​ต่อ​

“การ​สะกด​กลั้น​แรงกระตุ้น​ที่เกิด​จาก​กู่​เจ้าชะตา​ จะช่วย​ขัดเกลา​จิต​ตา​นุ​ภาพ​ แต่​หาก​มัน​ถลำ​ลง​ไป​ใน​สัญชาตญาณ​ ก็​จะเป็นประโยชน์​ต่อ​การ​บำเพ็ญ​ของ​ซิน​กู่​ ต้อง​บอ​กว่า​เป็น​ดาบสองคม​”

เขา​ตั้ง​ปณิธาน​ใน​ใจว่า​ ระหว่าง​ที่อยู่​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ เขา​จะไม่ปล่อย​ม้าเพศ​เมีย​ตัว​น้อย​ออกมา​และ​ให้​มัน​อยู่​ใน​เจดีย์​พุทธะ​

มิเช่นนั้น​เขา​กังวล​ว่า​มัน​จะถูก​คน​ของ​เผ่า​ซิน​กู่​ขโมย​ไป​ หรือ​อาจ​ถูก​คน​ของ​เผ่า​ลี่​กู่​จับ​กิน​

เมื่อ​เห็น​ว่าการ​สนทนา​ยัง​เป็นที่​น่าพอใจ​ สวี่​ชีอัน​จึงกล่าว​จุดประสงค์​และ​เสนอ​เงื่อนไข​เดียวกัน​กับ​เผ่า​อั้น​กู่​ให้​เผ่า​ซิน​กู่​ฟัง

ฉุน​เยียน​ครุ่นคิด​พัก​หนึ่ง​และ​เอ่ย​ว่า​

“เผ่า​ซิน​กู่​ไม่ขาด​เสบียง​ ข้า​หวัง​ว่า​จะเปลี่ยน​จาก​เสบียง​เป็น​ผ้าไหม​ ใบชา​ เครื่องลายคราม​ และ​เกลือ​กับ​เหล็ก​ได้​”

สำหรับ​เผ่า​ซิน​กู่​ การ​กิน​เนื้อ​ไม่ใช่ปัญหา​ ด้าน​การ​เพาะปลูก​ก็​สามารถ​ใช้พวก​สัตว์​เป็น​แรงงาน​ได้​

“ไม่มีปัญหา​” สวี่​ชีอัน​ตกลง​

เมื่อ​การ​แลกเปลี่ยน​เสร็จสิ้น​ ฉุน​เยียน​ก็​ยิ้ม​กว้าง​แล้ว​ถามว่า​

“เช่นนั้น​ ฆ้อง​เงิน​สวี่​ต้องการ​กองกำลัง​ประเภท​ใด​ ปรมาจารย์​ซิน​กู่​เชี่ยวชาญ​การควบคุม​สัตว์​มาก​ที่สุด​ และ​ที่ราบ​ภาค​กลาง​ก็​ขาดแคลน​สัตว์​ที่​ทรงพลัง​ แถมพวก​มัน​ยัง​กระจัดกระจาย​อยู่​ทั่ว​อีก​ ยาก​จะเข้าร่วม​การต่อสู้​โดยตรง​ วิธี​ที่​เหมาะ​คือ​ ระดมพล​โดยตรง​ผ่าน​เผ่า​ซิน​กู่​ของ​ข้า​”

สวี่​ชีอัน​เห็นด้วย​อย่างยิ่ง​ “หัวหน้า​ฉุน​เยียน​มีอะไร​เสนอแนะ​หรือไม่​”

ที่ราบ​ภาค​กลาง​ไม่เหมือนกับ​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ ซึ่งมีแมลง​พิษ​และ​สัตว์​ดุร้าย​อยู่​ทั่วทุกแห่ง​ ใน​เมือง​เต็มไปด้วย​แมว​และ​สุนัข​ ใน​ภูเขา​มีสรรพสัตว์​อยู่​มากมาย​ แต่​ยาก​จะรับประกัน​ว่าที่​ขอบ​สนามรบ​จะมีฝูงสัตว์​มากมาย​ที่​สามารถ​ควบคุม​ได้​

และ​สัตว์​ทั่วไป​ก็​ไม่มีประโยชน์​มาก​นัก​ เมื่อ​เทียบ​กับ​สัตว์ประหลาด​ใน​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ กำลัง​รบ​คนละ​ระดับ​เลย​

ฉุน​เยียน​กล่าวว่า​

“เผ่า​ซิน​กู่​มีกองกำลัง​หลัก​สอง​ประเภท​ หนึ่ง​ กอง​ทหารม้า​สัตว์ประหลาด​ สอง​ กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​ ข้า​แนะนำ​ให้​ฆ้อง​เงิน​สวี่​เลือก​กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​ กอง​ทหารม้า​สัตว์ประหลาด​นั้น​เชื่องช้า​ กว่า​จะไป​รวมตัว​ที่​ชิงโจว​ใช้เวลา​อย่าง​น้อย​หนึ่ง​เดือน​ คน​และ​สัตว์​กิน​ตลอดทาง​ อาหาร​จึงเป็นปัญหา​ใหญ่​ หลัง​จากไป​ถึงชิงโจว​ อาหาร​ก็​ยังคง​เป็นปัญหา​ใหญ่​ ภัย​หนาว​ใน​ต้าฟ่ง​โหมกระหน่ำ​และ​ยัง​ขาดแคลน​อาหาร​ แถมกอง​ทหารม้า​สัตว์ประหลาด​ก็​กิน​แค่​เนื้อ​ ไม่กินข้าว​ แม้ว่า​กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​จะกิน​แค่​เนื้อ​เช่นกัน​ แต่​เคลื่อน​พล​เร็ว​กว่า​ อย่าง​มาก​หก​วัน​ก็​ไป​ถึงชิงโจว​แล้ว​ ระหว่างทาง​สามารถ​ให้​คนใน​เผ่า​หาอาหาร​ด้วยตัวเอง​ ซึ่งเป็นเรื่อง​ง่าย​มาก​สำหรับ​ปรมาจารย์​ซิน​กู่​เช่น​พวกเรา​ ด้าน​ความสามารถ​ใน​การ​รบ​ ต้าฟ่ง​ไม่ขาดแคลน​ทหารม้า​ แต่​กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​กลับ​มีน้อย​มาก​ มีเพียง​เหยี่ยว​หาง​แดง​ที่​เปล่งประกาย​ใน​สงคราม​ด่าน​ซาน​ไห่​”

ถึงกระนั้น​เพราะ​พลัง​แผ่นดิน​ค่อยๆ​ เสื่อมถอย​ลง​ จึงไม่อาจ​เลี้ยงดู​เหยี่ยว​หาง​แดง​ได้​ ราชสำนัก​เลย​ขาย​พวก​มัน​ให้​สมาคมการค้า​ท้องถิ่น​กับ​ตระกูล​ผู้มีอิทธิพล​และ​ร่ำรวย​ใน​เห​ลย​โจว​ ทำให้​เหลือ​กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​น้อย​มาก.​..สวี่​ชีอัน​ถอนหายใจ​ใน​ใจ

“เผ่า​ซิน​กู่​ให้ได้​เท่าไร​”

“ภายใน​เผ่า​มีอสูร​เวหา​เพียง​หนึ่ง​พัน​สอง​ร้อย​ตัว​ อย่าง​มาก​ก็​ให้​ต้าฟ่ง​ได้​ห้า​ร้อย​ตัว​”

“ตกลง​!”

ฉุน​เยียน​รู้​ว่า​สวี่​ชีอัน​ยัง​มีธุระ​อีก​ จึงไม่ได้​รั้ง​เขา​ไว้​และ​ส่งเขา​ออกจาก​หอ​

จุด​ต่อไป​ของ​สวี่​ชีอัน​คือ​เผ่า​ซือ​กู่​ ใน​บรรดา​เผ่าพันธุ์​กู่​ทั้ง​เจ็ด​ เผ่า​เทียน​กู่​ไม่เชี่ยวชาญ​การต่อสู้​ ตัดออก​ คนใน​เผ่า​ตู๋​กู่​เกลียด​ต้าฟ่ง​มาก​ ตัดออก​ ปราณ​เสน่หา​ของ​เผ่า​ฉิงกู่​ไม่แบ่งแยก​มิตร​ศัตรู​แล้วก็​เกลียด​ต้าฟ่ง​มาก​เช่นกัน​ ตัดออก​

ดังนั้น​ เขา​ต้องการ​สี่เผ่า​คือ​ ลี่​กู่​ อั้น​กู่​ ซิน​กู่​และ​ซือ​กู่​

ใน​บรรดา​สี่เผ่า​ เผ่า​ซือ​กู่​มีบทบาทมาก​ที่สุด​ แม้ว่า​เผ่า​ซือ​กู่​จะต้อง​ใช้จื่อ​กู่​เพื่อ​ควบคุม​ศพ​ และ​ไม่สามารถ​ควบคุม​ศพ​จำนวนมาก​เพื่อ​สร้าง​เป็น​กองทัพ​ได้​เหมือน​อย่าง​วิชา​ควบคุม​ศพ​ของ​พ่อ​มด​ แต่​ศพ​ของ​เผ่า​ซือ​กู่​นั้น​คุณภาพ​สูงกว่า​และ​พลัง​ต่อสู้​แข็งแกร่ง​กว่า​

และ​หน่วย​กล้า​ตาย​ที่​พลัง​ต่อสู้​สูงก็​มีบทบาท​สำคัญ​อย่าง​มาก​ใน​สนามรบ​

สถานการณ์​ของ​เผ่า​ซือ​กู่​ต่าง​จาก​ที่​สวี่​ชีอัน​คาดการณ์​ไว้​เล็กน้อย​ เดิม​เขา​คิด​ว่า​ฐาน​หลัก​ของ​เผ่า​ซือ​กู่​จะคล้ายคลึง​กับ​เมืองผี​โย​ว​โต​ว​ใน​ตำนาน​

แต่​ฐาน​หลัก​ของ​เผ่า​ซือ​กู่​กลับ​งดงาม​ที่สุด​ใน​บรรดา​แต่ละ​เผ่า​ มาก​พอ​จะเทียบเคียง​กับ​เผ่า​เทียน​กู่​

ที่นี่​เป็น​เมือง​เล็ก​ๆ แห่ง​หนึ่ง​

กำแพง​สูงก่อ​จาก​หิน​ ซึ่งมีรูปร่าง​เป็น​ทรง​สี่เหลี่ยม​ รูปแบบ​สถาปัตยกรรม​ของ​เมือง​คล้าย​กับ​ต้าฟ่ง​คือ​ ผสมผสาน​ระหว่าง​อิฐ​กับ​ไม้

ใน​เมือง​มีแต่​ผู้คน​สัญจร​ไปมา​ การค้า​ก็​ค่อนข้าง​เจริญรุ่งเรือง​

สิ่งเดียว​ที่​แปลกประหลาด​คือ​ คน​ยก​เสลี่ยง​ที่​กำลัง​ยก​เสลี่ยง​มีนัยน์ตา​สีขาว​ล้วน​ ข้าง​กาย​คน​เป็น​มีศพ​หนึ่ง​หรือ​สอง​ศพ​เดินตาม​ ซึ่งทำหน้าที่​เป็น​ผู้ติดตาม​และ​กุลี​

ภายใน​ตลาด​ที่​มีผู้คน​สัญจร​ไปมา​ สอง​ใน​สามเป็น​ศพ​เดิน​ได้​

ช่างน่าสยดสยอง​

ใคร​จะคิด​ว่า​ เผ่า​ลี่​กู่​ที่​ทึ่ม​ทื่อ​ไร้เดียงสา​จะมีสไตล์​การ​วาดภาพ​ที่​ปกติ​ที่สุด​ใน​บรรดา​เผ่าพันธุ์​กู่​ เป็นรอง​แค่​เผ่า​เทียน​กู่​…สวี่​ชีอัน​ทอดถอนใจ​เงียบๆ​

เพราะ​จงใจเปิดเผย​กลิ่นอาย​ เขา​จึงดึงดูด​ความสนใจ​ของ​โหย​วซือ​ได้​ในทันที​ และ​ถูก​เชิญเข้าไป​ใน​ลานบ้าน​หลัง​ใหญ่​ใจกลางเมือง​

ภายใน​ลาน​มีคนรับใช้​เดิน​ไปมา​ ทำงาน​ของ​ตัวเอง​ ทหารยาม​ที่​กำลัง​ลาดตระเวน​ต่าง​ก็​มีนัยน์ตา​สีขาว​ล้วน​

ศพ​กับ​คน​เป็นอยู่​ร่วมกัน​อย่าง​สมานฉันท์​

หลังจาก​เข้าไป​ใน​ลาน​ด้านใน​ สวี่​ชีอัน​เห็น​สาวใช้​ใน​ชุด​เปิดเผย​มากมาย​ ดูเหมือน​พวก​นาง​จะคุ้นเคย​กับ​มัน​จน​เป็นเรื่อง​ปกติ​ จึงไม่รู้สึก​ละอายใจ​ใดๆ​

สวี่​ชีอัน​รอ​อยู่​ที่​ห้องรับแขก​พัก​หนึ่ง​ โหย​วซือ​ก็​เยื้องย่าง​เข้ามา​และ​เอ่ย​เสียง​เรียบ​

“บอก​ข้อเสนอ​มาเถิด​”

เขา​ไม่ได้มา​ด้วยตัวเอง​ แต่​ควบคุม​ศพ​เพื่อ​มาพบ​สวี่​ชีอัน​

สวี่​ชีอัน​มอง​พินิจ​เขา​และ​ยิ้ม​

“ข้า​มารบกวน​ความรื่นรมย์​ของ​ท่าน​หรือเปล่า​”

ด้วย​ตบะ​ของ​เขา​ในเวลานี้​ เขา​ได้ยิน​การเคลื่อนไหว​ของ​โหย​วซือ​ซึ่งกำลัง​เสพ​สุข​กับ​สาวใช้​จาก​ใน​นั้น​อย่าง​ชัดเจน​

‘โหย​วซือ’​ เอ่ย​เสียง​เรียบ​

“นี่​เป็น​วิธี​ที่​ดี​ที่สุด​ใน​การยับยั้ง​ผลข้างเคียง​ของ​ซือ​กู่​ เมื่อใด​ก็​ตามที่​เจ้าอด​คิด​ไม่ได้​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้นกับ​ศพ​ การ​มีสาวใช้​ใน​ชุด​เผย​เนื้อหนัง​สอง​สามคน​อยู่​ข้าง​กาย​สามารถ​เบี่ยงเบน​ความสนใจ​ได้​เป็น​อย่าง​ดี​ เมื่อ​เจ้าระบาย​ความต้องการ​ใส่พวก​นาง​ เจ้าจะไม่สนใจ​ศพ​ไป​อีก​ยาวนาน​”

ใช้ช่วง​สภาวะ​ไร้​ความปรารถนา​เพื่อ​ต้านทาน​ผลข้างเคียง​ของ​ซือ​กู่​ได้​ชาญฉลาด​มาก.​..สวี่​ชีอัน​พยักหน้า​เล็กน้อย​

เผ่า​ซือ​กู่​ค่อนข้าง​ร่ำรวย​ ดังนั้น​จึงไม่ได้​ขึ้นราคา​เหมือน​เผ่า​อั้น​กู่​ แต่​โหย​วซือ​เพิ่ม​เงื่อนไข​หนึ่ง​ข้อ​ นั่น​คือ​ระหว่าง​ที่อยู่​ใน​ซินเจียง​ตอน​ใต้​สวี่​ชีอัน​ต้อง​นำ​ซากศพ​โบราณ​นั่น​มาไว้​ที่​เผ่า​ซือ​กู่​

เมื่อใด​ที่​ออกจาก​เผ่าพันธุ์​กู่​ ค่อย​นำ​ซากศพ​โบราณ​ไป​ด้วย​

โหย​วซือ​แสร้ง​ทำเป็น​สงบ​อย่าง​สุดกำลัง​ แต่​อันที่จริง​น้ำเสียง​หิว​กระหาย​มาก​ สวี่​ชีอัน​เอ่ย​เสียง​ขรึม​

“ได้​ แต่​ข้า​ก็​มีเงื่อนไข​หนึ่ง​เช่นกัน​”

“ลอง​ว่า​มา” โหย​วซือ​เอ่ย​ขึ้น​ทันใด​

“ข้า​เคย​เดินทาง​ไป​ที่​เซียง​โจว​ ตระกูล​ไฉซึ่งอาศัย​อยู่​ที่นั่น​ศึกษา​เทคนิค​ลับ​ของ​เผ่า​ซือ​กู่​และ​สามารถ​สร้าง​ศพ​เหล็ก​ขึ้น​มาได้​…”

สวี่​ชีอัน​เล่า​สถานการณ์​ของ​ตระกูล​ไฉให้​โหย​วซือ​ฟัง “เจ้าจำได้​หรือไม่​”

บรรพบุรุษ​ของ​ตระกูล​ไฉมีมายาวนาน​ถึงหนึ่งร้อย​กว่า​ปี​

โหย​วซือ​นึก​อยู่​ครู่หนึ่ง​และ​พยักหน้า​

“มีทาส​อยู่​คน​หนึ่ง​ มัน​เป็นเรื่อง​ที่​เกิดขึ้น​ตอน​พ่อ​ของ​ข้า​เป็น​หัวหน้า​ หาก​จำไม่ผิด​ ดูเหมือน​เขา​จะแลก​แผนที่​ครึ่งหนึ่ง​กับ​อิสรภาพ​ของ​เขา​”

แผนที่​ที่​สวี่​ผิง​เฟิงตั้งใจ​รวบรวม​คง​ไม่ธรรมดา​แน่​นอ​น.​..สวี่​ชีอัน​กล่าว​

“ข้า​ต้องการ​แผนที่​ครึ่ง​นั้น​”

โหย​วซือ​ครุ่นคิด​ครู่หนึ่ง​

“ได้​ แต่​ข้า​มีเรื่อง​หนึ่ง​จะขอ​”

ห้าม​กระ​ทำซ้ำ​ซ้อ​น.​..สวี่​ชีอัน​พยักหน้า​ “ว่า​มาเถิด​”

“ในอนาคต​หาก​เจ้าสามารถ​ไขความลับ​ของ​แผนที่​ได้​ หวัง​ว่า​เจ้าจะมาบอก​ข้า​”

หลังจาก​สวี่​ชีอัน​พยักหน้า​ตกลง​ โหย​วซือ​ก็​กล่าว​ต่อ​ “รอ​สักครู่​!”

สิบ​กว่า​นาที​ต่อมา​ ศพ​นัยน์​ตาขาว​ล้วน​ก็​เดิน​เข้ามา​ใน​ห้องรับแขก​ ใน​มือถือ​กล่อง​ไม้สีดำ​ใบ​หนึ่ง​

…………………………………………

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท