บทที่ 687 เมตตาเกินไปไม่ควรนำทัพ

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

มนุษย์​ศพ​วาง​กล่อง​ไม้ไว้​ตรงหน้า​สวี่​ชีอัน​ หันหลัง​ออก​ไป​

‘แก​ร๊ก’​

สวี่​ชีอัน​วาง​นิ้ว​บน​แม่กุญแจ​ทองแดง​ ใช้พลัง​ปราณ​แทน​ลูกกุญแจ​ ดีด​สลัก​คลาย​ออก​

ทันทีที่​กล่อง​ไม้ถูก​เปิด​ออก​ เขา​ได้กลิ่น​ผง​กัน​เสีย​และ​ไล่​แมลง​ ใน​กล่อง​เป็น​หนัง​สัตว์​ม้วน​หนึ่ง​

ถ้าไม่ตั้งใจ​ทำ​จาก​หนัง​สัตว์​ งั้น​อายุ​ของ​แผนที่​นี้​มากกว่า​สอง​พันปี​แน่นอน​ ยุค​ปราชญ์​ขงจื๊อ​ศักดิ์สิทธิ์​ วัสดุ​ใน​การ​ทำหนังสือ​คือ​แผ่น​ไม้ไผ่​ ส่วน​หนัง​สัตว์​เก่าแก่​กว่า​แผ่น​ไม้ไผ่​…สวี่​ชีอัน​คิดในใจ​ คลี่​หนัง​สัตว์​ออกมา​ครึ่ง​ม้วน​

หลัง​คลี่​ออก​ถึงพบ​ว่า​แผนที่​นี้​ถูก​ฉีก​จาก​ตรงกลาง​ เป็น​ครึ่ง​ซ้าย​ของ​แผนที่​ฉบับ​เต็ม​

วิธี​วาด​แผนที่​แปลก​มาก​ เต็มไปด้วย​ลายเส้น​บิดเบี้ยว​ไม่สม่ำเสมอ​ ค่อนข้าง​คล้าย​กับ​แผนที่​ใน​ชาติก่อน​ของ​สวี่​ชีอัน​

นอกจาก​ลายเส้น​ ไม่มีตัวอักษร​แม้แต่น้อย​

ข้า​จำได้​ว่า​เมื่อก่อน​ตอน​ยัง​เรียน​อยู่​ แผนที่​ภูมิประเทศ​ก็​เป็น​เส้น​ยุ่งเหยิง​แบบนี้​…สวี่​ชีอัน​มอง​โหย​วซือ​ พูดว่า​

“แผนที่​นี้​ถอดรหัส​แล้ว​หรือไม่​”

แน่นอน​ว่า​แผนที่​ม้วน​นี้​เป็นไปไม่ได้​ที่จะ​เหมือนกับ​แผนที่​ภูมิประเทศ​ใน​ชาติก่อน​

โหย​วซือ​ส่ายหน้า​

“ท่าน​พ่อ​ข้า​เคย​ค้นคว้า​ คิด​ว่า​ลายเส้น​ใน​แผนที่​เป็น​สัญลักษณ์​แทน​ภูมิลักษณ์​ของ​ที่นี่​ มีเพียง​โหร​เท่านั้น​ที่​เข้าใจ​ แต่​ต่อให้​เป็น​โหร​ คิด​จะค้นหา​พื้นที่​ที่​สอดคล้องกัน​ใน​แผ่นดินใหญ่​จิ่ว​โจว​ ก็​นับว่า​งมเข็มในมหาสมุทร​”

เนื่องจาก​แทบ​หาไม่​เจอ​ ดังนั้น​เขา​ถึงแลกเปลี่ยน​กับ​สวี่​ชีอัน​อย่าง​เต็มใจ​

ถึงอย่างไร​ทิ้ง​ไว้​ใน​เผ่า​ซือ​กู่​ ก็​น่าจะ​ได้​แต่​เก็บรักษา​ตลอดไป​ ใน​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ ไม่สู้ใช้แลกเปลี่ยน​ให้​ศพ​โบราณ​นั้น​ถูก​เก็บ​ไว้​ใน​เผ่า​หลาย​วัน​หน่อย​

นึกถึง​ศพ​ที่​เรียก​ได้​ว่า​สมบูรณ์แบบ​นั้น​ โหย​วซือ​ใจเต้น​รัว​ เลือดร้อน​เดือด​พล่าน​

สวี่​ชีอัน​เงี่ยหู​ ได้ยิน​เสียง​ครวญคราง​ของ​สตรี​ใน​ส่วนลึก​ของ​ลานบ้าน​ดังก้อง​รุนแรง​ขึ้น​กะทันหัน​

เขา​ไม่ได้​ใส่ใจ นำ​โลงศพ​ออก​มาจาก​เศษชิ้นส่วน​หนังสือ​ปฐพี​ทันที​ จากนั้น​เก็บ​กล่อง​ไม้บรรจุ​แผนที่​ครึ่ง​ม้วน​เข้าไป​

“จริง​สิ เตือน​เจ้าสักหน่อย​ อย่า​ทำ​อะไร​แปลก​ๆ กับ​มัน​ จะได้​ไม่แปดเปื้อน​เหตุ​ต้น​ผลกรรม​ แม้ข้า​คิด​ว่า​เหตุ​ต้น​ผลกรรม​บน​ร่าง​มัน​หาย​ไป​โดยสิ้นเชิง​แล้ว​ก็ตาม​”

สวี่​ชีอัน​เตือน​ด้วย​รอยยิ้ม​

‘โหย​วซือ’​ ใช้ตาขาว​มอง​เขา​แวบ​หนึ่ง​ พูดว่า​

“ใน​เผ่า​ซือ​กู่​ของ​พวกเรา​ มีคำ​โบราณ​ว่า​ไว้​…ควบคุม​ความปรารถนา​ไม่ได้​ ทำ​งานใหญ่​ไม่สำเร็จ​

“ผู้​ที่​มีโอกาส​บรรลุ​ขั้น​สี่ ล้วน​ต้านทาน​ความยั่วยวน​ของ​กู่​เจ้าชะตา​ได้​ แม้เผ่า​ข้า​ไม่ได้​ห้าม​เรื่อง​ทาง​นี้​ แต่​ผู้​ที่​ก้าว​ข้าม​กฎเกณฑ์​กับ​ศพ​ ล้วน​เป็น​สุนัข​โง่ไม่ได้เรื่อง​”

…สีหน้า​ของ​สวี่​ชีอัน​ค่อยๆ​ แข็งทื่อ​

‘โหย​วซือ’​ ไม่ได้​สังเกตเห็น​สีหน้า​แปลก​ๆ ของ​เขา​ ตั้งใจ​ชื่นชม​ศพ​โบราณ​ โบกมือ​

“ไป​เถอะ​ อย่า​รบกวน​ข้า​”

สวี่​ชีอัน​กลับ​ถึงเผ่า​ลี่​กู่​ แสงแดด​อบอุ่น​ ยามเช้า​เจ็ด​โมงกว่า​ เขา​กลับ​ห้อง​ไป​พบ​ลั่วอวี้เหิง​ก่อน​

ราชครู​นั่งขัดสมาธิ​ บำเพ็ญ​ตบะ​ฝึก​ลมหายใจ​ เห็น​เขา​เข้ามา​ ลืมตา​งดงาม​ แย้มยิ้ม​พริ้มพราย​ ราวกับ​หญิง​งามแห่ง​ยุค​ผู้​ชื่นชอบ​ยิ้มแย้ม​ท่ามกลาง​หมู่​มวล​บุปผา​ใน​ฤดูใบไม้ผลิ​

โอ้​ บุคลิก​ ‘ชอบ​’ นี่เอง​…สวี่​ชีอัน​โล่งใจ​ บุคลิก​ชอบ​นั้น​มีนิสัย​เชิงบวก​เหมือนกับ​ ‘โศกเศร้า​’ หน้าตา​ยิ้มแย้มแจ่มใส​ ไม่มีอารมณ์​เชิงลบ​ เมื่อ​บำเพ็ญ​คู่​ก็​ยอม​ทำตาม​ความต้องการ​ของ​เขา​

“ชายแดน​ใต้​ดี​จริงๆ​ อากาศ​อบอุ่น​ แว่ว​เสียง​นก​ร้อง​อบอวล​กลิ่น​ดอกไม้​ จิตใจ​ข้า​สุขสบาย​”

ลั่วอวี้เหิง​ยิ้ม​พูด​

“แต่​ยุง​เยอะ​ เมื่อคืน​ช่วย​ราชครู​ตบยุง​ ตบ​จน​สะโพก​แดง​ไป​หมด​”

สวี่​ชีอัน​ยิ้ม​พูด​

ลั่วอวี้เหิง​ขึงตา​ใส่เขา​แวบ​หนึ่ง​ เขินอาย​หลาย​ส่วน​ แต่​ไม่โกรธ​ ยังคง​ยิ้ม​บาง​ๆ

ถ้าเป็น​ ‘โกรธ​’ กระบี่​เดียว​ก็​ส่งข้า​ขึ้น​สวรรค์​แล้ว​…จากนั้น​สวี่​ชีอัน​มอง​สวี่ห​ลิง​อิน​ที่​หลับ​ปุ๋ย​อยู่​บน​เตียง​ ถามว่า​

“ห​ลิง​อิน​กลับมา​นอน​ที่นี่​ได้​อย่างไร​”

ลั่วอวี้เหิง​พูด​อย่าง​จนปัญญา​

“เจ้าไป​ได้​ไม่นาน​ นาง​ก็​วิ่ง​เข้ามา​ บอ​กว่า​สงสัย​ว่า​ท่าน​อาจารย์​ลี่​น่า​อยาก​กิน​นาง​ หวาดกลัว​มาหา​เจ้า แต่​เจ้าไม่อยู่​”

…สวี่​ชีอัน​ใคร่ครวญ​พูดว่า​ “พบ​ว่า​ข้อมือ​ของ​ตน​มีรอย​กัด​ใช่หรือไม่​”

ลั่วอวี้เหิง​พยักหน้า​

หลังจากที่​ห​ลิง​อิน​เลื่อนขั้น​ ปริมาณ​อาหาร​เพิ่มขึ้น​มาก​อย่าง​เห็นได้ชัด​ วันหน้า​กลับ​เมืองหลวง​ อา​สะใภ้คง​ต้อง​ร้องไห้​แล้ว​…สวี่​ชีอัน​ไม่รู้​ว่า​ควร​ออกความเห็น​อย่างไร​ ได้​แต่​อธิษฐาน​แทน​อา​สะใภ้ใน​ใจ

วัน​ที่สาม​ ทหาร​เผ่า​ซิน​กู่​ เผ่า​ซือ​กู่​ เผ่า​ลี่​กู่​ และ​เผ่า​อั้น​กู่​รวมพล​เสร็จสิ้น​

ใน​นั้น​ กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​ของ​เผ่า​ซิน​กู่​ห้า​ร้อย​นาย​ ทหาร​เผ่า​ลี่​กู่​สี่ร้อย​นาย​ นัก​ควบคุม​ศพ​ผู้เชี่ยวชาญ​ของ​เผ่า​ซือ​กู่​หกร้อย​นาย​ ทหาร​ชั้นยอด​เผ่า​อั้น​กู่​แปด​ร้อย​นาย​ เผ่าพันธุ์​กู่​ทั้งหมด​สอง​พัน​สามร้อย​นาย​ และ​หุ่นเชิด​มนุษย์​ศพ​ที่​มีพลัง​ต่อสู้​แข็งแกร่ง​อีก​หนึ่ง​พัน​นาย​

กองทัพ​ยิ่งใหญ่​เกรียงไกร​ที่​มีสมาชิก​สามพัน​กว่า​นาย​ ออกจาก​ชายแดน​ใต้​ มุ่งหน้า​สู่ชิงโจว​

ที่​ควรค่า​แก่​การ​กล่าวถึง​ โม่ซางพี่ใหญ่​ของ​ลี่​น่า​ก็​อยู่​ใน​กองทัพ​เผ่า​ลี่​กู่​

ส่วน​ลี่​น่า​นั้น​ คิด​จะทำให้​เผ่า​ลี่​กู่​แข็งแกร่ง​ขึ้น​ หลังจาก​ซึมซับ​พลัง​โลหิต​ของ​เทพ​กู่​ ก็​จะขึ้น​เหนือ​สู่ชิงโจว​ เข้าร่วม​สงคราม​ ขัดเกลา​วิชา​กู่​

เผ่า​ลี่​กู่​ทั้ง​ดีใจ​และ​กังวลใจ​กับ​การ​ส่งทหาร​ชั้นยอด​สี่ร้อย​นาย​สู่สงคราม​ ดีใจ​ที่​ภายหลัง​จะได้​ฝาก​ปากท้อง​ของ​คน​กลุ่ม​นี้​ให้​ต้าฟ่ง​ พวก​ผู้อาวุโส​แอบ​กำชับ​ทหาร​หนุ่ม​ที่​ออกศึก​

“กิน​ให้​เต็มที่​ กิน​ให้​หมด​ยุ้งฉาง​ของ​คน​ที่ราบ​กลาง​”

แต่​กังวล​ว่า​หลังจากที่​คน​กลุ่ม​นี้​ออกเดินทาง​ กำลัง​พล​ล่าสัตว์​ยิ่ง​ขาดแคลน​ ผู้ชรา​ที่​เมื่อก่อน​ทำนา​ทำไร่​หรือไม่​ทำ​อะไร​เลย​ ยาม​นี้​ก็​ต้อง​ถก​แขน​เสื้อ​ขึ้น​เขา​ล่าสัตว์​

กลางดึก​!

ใน​กระโจม​ทหาร​ห่าง​จาก​อำเภอ​ซงซาน​สิบ​ลี้​ จัว​เฮ่าหรา​น​นั่ง​ข้าง​โต๊ะประชุม​ ตรงหน้า​คือ​อ่าง​ทองแดง​ ใน​อ่าง​นั้น​คือ​ขา​แกะ​ที่​เพิ่ง​ย่าง​เสร็จ​

เขา​ถือ​ขา​แกะ​ด้วย​มือซ้าย​ ออกแรง​กัด​แทะ​ ดาบ​ยาว​ขวามือ​เปื้อน​คราบเลือด​

สอง​ฝั่งของ​โต๊ะประชุม​ คือ​พวก​แม่ทัพ​ที่​นิ่งเงียบ​

สงคราม​ใหญ่​เพิ่ง​จบ​ลง​ ทัพ​อวิ๋น​โจว​ใต้​บัญชา​จัว​เฮ่าหรา​น​ขับ​ไล่ทหาร​อารักขา​ต้าฟ่ง​ที่​ลอบ​โจมตี​กลางดึก​ สงคราม​ลอบ​โจมตี​เช่นนี้​เกิดขึ้น​บางครั้ง​ใน​ช่วง​ไม่กี่​วัน​ที่ผ่านมา​

พวก​แม่ทัพ​ลอบมอง​จัว​เฮ่าหรา​น​แวบ​หนึ่ง​ ไม่กล้า​พูดคุย​ บรรยากาศ​ใน​กระโจม​ทหาร​อึมครึม​ มีเพียง​เสียง​จัว​เฮ่าหรา​น​กัด​แทะ​ขา​แกะ​

พ้น​ห้า​วัน​ไป​นาน​แล้ว​ ยัง​ไม่อาจ​ยึด​อำเภอ​ซงซาน​

ไม่เพียงแต่​ยึด​ไม่ได้​ ทาง​ทัพ​อวิ๋น​โจว​นี้​เรียก​ได้​ว่า​สูญเสีย​อย่าง​ใหญ่หลวง​

จัว​เฮ่าหรา​น​คือ​แม่ทัพ​ผู้​ดุร้าย​ พลัง​ต่อสู้​องอาจ​ห้าวหาญ​ ฝีมือ​การนำ​ทัพ​ก็​โดดเด่น​ไม่เป็นรอง​ผู้ใด​ กลยุทธ์​ของ​เขา​ใน​การ​ยึด​อำเภอ​ซงซาน​คือ​ สามวันก่อน​ จัดกลุ่ม​ผู้อพยพ​ปะปน​กับ​ทหาร​ผลาญ​กระสุน​ปืนใหญ่​ ลูกศร​หน้าไม้​ และ​ลูกศร​ธนู​ของ​อีก​ฝ่าย​

รวมทั้ง​ยุทโธปกรณ์​ปกป้อง​เมือง​เช่น​ท่อนไม้​หนาม​และ​น้ำมันก๊าด​

ในระหว่างนั้น​ ส่งยอด​ฝีมือ​ปะปน​กับ​ผู้อพยพ​ หา​โอกาส​ปีน​ขึ้น​กำแพงเมือง​ ทำลาย​ปืนใหญ่​และ​หน้าไม้​ใหญ่​

ลูกไม้​นี้​ประสบความสำเร็จ​อย่าง​งดงาม​

ใน​วัน​ที่สาม​ของ​สงคราม​ตีเมือง​ ทัพ​ปกป้อง​เมือง​เหลือ​ปืนใหญ่​เพียง​สอง​ลำ​ หน้าไม้​ใหญ่​หนึ่ง​ลำ​ มีแนวโน้ม​ยากลำบาก​ขึ้น​ ได้​แต่​พึ่ง​ท่อนไม้​หนาม​และ​น้ำมันก๊าด​ รวมทั้ง​พล​ธนู​ต่อต้าน​ทัพ​อวิ๋น​โจว​ที่​ตีเมือง​

จัว​เฮ่าหรา​น​เห็น​เช่นนี้​ ส่งทหารราบ​ชั้นยอด​ที่​ดัก​ซุ่มอยู่​สามวัน​ตีเมือง​ทันที​

แต่​เมื่อ​ทหารราบ​ชั้นยอด​ของ​ทัพ​อวิ๋น​โจว​บุก​เข้าสู่​ระยะ​ยิง​ปืนใหญ่​ บน​กำแพงเมือง​ก็​รัว​ยิง​กระสุน​ปืนใหญ่​และ​ระดม​ยิง​ธนู​ทันที​ แรง​กระสุน​โหดเหี้ยม​โจมตี​ทหารราบ​ชั้นยอด​จน​ย่อยยับ​

หลังจาก​ตีเมือง​ล้มเหลว​ ทิ้ง​ทหาร​เจ็ด​ถึงแปด​ร้อย​นาย​ ลนลาน​ล่าถอย​

สวี่​ซินเหนียน​ผู้​นั้น​ยังมี​ปืนใหญ่​และ​หน้าไม้​ใหญ่​อยู่​ใน​มือ​อีก​จำนวน​หนึ่ง​ แต่​ใน​ช่วง​สามวันก่อน​อดทน​ไม่ใช้งาน​ แม้ทหาร​อารักขา​บาดเจ็บ​ล้มตาย​ไป​มาก​ใน​ระหว่าง​นี้​

กล่าวถึง​คำ​ว่า​ ’เมตตา​เกินไป​ไม่ควร​นำ​ทัพ​’ จัว​เฮ่าหรา​น​ต้อง​ยอมรับ​ว่า​เจ้าหนุ่ม​ผู้​นั้น​เป็น​ผู้นำ​ทัพ​ที่​มีคุณสมบัติ​เหมาะสม​

แม่ทัพ​ใหญ่​เคย​ว่า​ไว้​ ธาตุแท้​ของ​สงคราม​ก็​คือ​ทำ​ทุก​วิถีทาง​เพื่อ​ชัยชนะ​

โจมตี​ซึ่งหน้า​ไม่สำเร็จ​ จัว​เฮ่าหรา​น​ก็​ลอบ​แบ่ง​กำลัง​พล​ ให้​ทหาร​ชั้นยอด​ฉวยโอกาส​กลางดึก​โจมตี​จากยอด​ผา​ทางใต้​ ผลลัพธ์​เหยียบ​กับดัก​หมี​ที่​วาง​ไว้​ทั่ว​ภูเขา​ รวมทั้ง​ตกหลุม​ลึก​ที่​ปัก​ไม้แหลม​

นอกจาก​ยอด​ฝีมือ​ที่​ฝ่าออก​ไป​ได้​ พวก​ทหาร​ธรรมดา​ล้มตาย​ย่อยยับ​

จัว​เฮ่าหรา​น​กังวล​ว่า​อำเภอ​ซงซาน​ฝน​ไม่ตก​มาครึ่ง​เดือน​แล้ว​ ใน​ภูเขา​แห้งแล้ง​ เป็นไปได้​สูงว่า​สวี่​ซินเหนียน​ผู้​นั้น​จะจุดไฟ​เผา​ภูเขา​ จึงล้มเลิก​ความคิด​ที่จะ​อ้อม​ยอด​ผา​บุก​โจมตี​ทหาร​อารักขา​

คืน​วัน​ที่สี่​ บน​กำแพงเมือง​ตี​กลอง​กะทันหัน​ จากนั้น​แว่ว​เสียง​กีบ​เท้า​ม้าดังสนั่น​

กลางวัน​ตีเมือง​ล้มเหลว​ ทัพ​อวิ๋น​โจว​ที่​เหนื่อยล้า​อ่อนแรง​นึก​ว่า​ศัตรู​จู่โจม ยกทัพ​รับศึก​ ผลลัพธ์​พบ​ว่า​ศัตรู​หลอกล่อ​ไม่ได้​โจมตี​ด้วยซ้ำ​

ผ่าน​ไป​หลายครั้ง​ ทัพ​อวิ๋น​โจว​ถูก​ก่อกวน​จน​หมด​เรี่ยว​หมดแรง​

ช่วง​รุ่งอรุณ​ เสียง​กลอง​บน​กำแพงเมือง​ดัง​ขึ้น​อีกครั้ง​ แต่​ทัพ​กบฏ​อวิ๋น​โจว​ไม่ได้​ใส่ใจ ก็​ส่งหน่วย​สอดแนม​และ​กำลัง​พล​กลุ่ม​เล็ก​ๆ ออก​ไป​ตรวจสอบ​สถานการณ์​พอเป็นพิธี​

ผลลัพธ์​เจอ​กอง​ทหารม้า​เบา​หนึ่ง​พัน​นาย​บุก​โจมตี​ ทัพ​อวิ๋น​โจว​บาดเจ็บ​ล้มตาย​สอง​พัน​กว่า​นาย​

เสีย​ทหาร​ชั้นยอด​หก​พัน​นาย​ไป​หนึ่ง​ใน​สาม

วันที่​ห้า​ จัว​เฮ่าหรา​น​บุก​ตีเมือง​โดย​ไม่คำนึงถึง​การ​สูญเสีย​ พ่ายแพ้​กลับมา​ ทหาร​อารักขา​ก็​บาดเจ็บ​ล้มตาย​ไม่น้อย​

เมื่อ​ถึงช่วง​กลางคืน​ ทหาร​อารักขา​เล่นลูกไม้​เดิม​ซ้ำอีกครั้ง​ ก่อกวน​จน​ทัพ​อวิ๋น​โจว​เหลืออดเหลือทน​

ยาม​นี้​เป็น​วันที่​เจ็ด​ ทัพ​ผู้อพยพ​สี่พัน​นาย​ล้มตาย​หมดสิ้น​ ทหาร​ชั้นยอด​หก​พัน​นาย​ใต้​บัญชา​จัว​เฮ่าหรา​น​เหลือ​เพียง​สามพัน​นาย​

ส่วน​ฝ่าย​ทหาร​อารักขา​ยังมี​เกือบ​สอง​พัน​นาย​

ดู​จาก​สัดส่วน​จำนวน​ทหาร​ทั้งสอง​ฝ่ายใน​ยาม​นี้​ ไม่อาจ​ยึด​อำเภอ​ซงซาน​ได้​แล้ว​

จัว​เฮ่าหรา​นก​ลืน​เนื้อ​คำ​สุดท้าย​ กวาดตา​มอง​แม่ทัพ​ทุก​นาย​อย่าง​เย็นชา​ พูดว่า​

“บอก​พวก​ทหาร​พักผ่อน​ให้​เต็มที่​ คืนนี้​ไม่มีการ​โจมตี​ก่อกวน​แล้ว​

“นอน​เต็มอิ่ม​แล้ว​ รุ่งสาง​ตีเมือง​แตก​!”

เขา​มีสีหน้า​เอาจริงเอาจัง​ พูดจา​มั่นอกมั่นใจ​ ราวกับ​รุ่งสาง​จะตีเมือง​แตก​ได้​แน่นอน​

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางกับ​จู๋จวิน​นำ​ทัพ​ทหารม้า​ห้า​ร้อย​นาย​พุ่ง​ผ่าน​ประตูเมือง​ กลับ​กองบัญชาการ​สูงสุด​

“แม่ทัพ​จู๋ เอ้อร์​หลา​งต้ม​เนื้อวัว​อยู่​บน​กำแพงเมือง​ ขึ้นไป​กิน​สักหน่อย​?”

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางเชิญชวน​ด้วย​ไมตรี​

จู๋จวิน​เป็น​ชาย​วัยกลางคน​รูปร่าง​ซูบผอม​ เงียบขรึม​พูดน้อย​ ขั้น​สี่เพียง​หนึ่งเดียว​ใน​อำเภอ​ซงซาน​ รับหน้าที่​อารักขา​ประตูเมือง​ทิศเหนือ​

เพราะ​มีเขา​อยู่​ สวี่เอ้อร์​หลา​งถึงกล้า​ให้​ทหารม้า​โจมตี​ค่าย​ศัตรู​ มิฉะนั้น​ไป​ก็​เท่ากับ​ตาย​

เขา​ส่ายหน้า​ พูด​เสียง​เรียบ​

“ให้​ใต้เท้า​สวี่​ส่งมาประตูเมือง​ทิศเหนือ​ ไม่ต้อง​ดื่ม​สุรา​ก็ได้​”

พูด​จบ​ พา​ลูกน้อง​ของ​ตน​ควบม้า​ออก​ไป​

“น่าเบื่อ​!”

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางส่ายหน้า​ พลิกตัว​ลง​จาก​หลัง​ม้า ปีน​ขึ้น​บันได​สู่บน​กำแพงเมือง​

หม้อ​เหล็ก​เรียงราย​ระหว่างทาง​ พวก​ทหาร​นั่ง​ล้อม​หม้อ​เหล็ก​กิน​เนื้อ​

ใบหน้า​ของ​พวกเขา​เปี่ยม​ด้วย​รอยยิ้ม​แห่ง​ความสุข​ กิน​เนื้อ​คำ​ใหญ่​ กระตือรือร้น​ยิ่งนัก​

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางมอง​ใบหน้า​ตื่นเต้น​ของ​พวก​ทหาร​ นึกถึง​บทสนทนา​เมื่อ​กลางวัน​กับ​สวี่เอ้อร์​หลา​ง

สวี่เอ้อร์​หลา​งบังคับ​เกณฑ์​ใช้วัว​ สุนัข​ ไก่​ และ​เป็ด​ของ​ชาวบ้าน​ใน​อำเภอ​ เลี้ยง​ฉลอง​ให้​ทหาร​อารักขา​ ชดเชย​ด้วย​เสบียงอาหาร​ปริมาณ​เล็กน้อย​

แรกเริ่ม​เหมียว​โห​ย่ว​ฟางรู้สึก​ว่า​ไม่เหมาะสม​ คิดในใจ​ว่า​นี่​เท่ากับ​ปล้นทรัพย์​ชาวบ้าน​ไม่ใช่หรือ​

แต่​สวี่เอ้อร์​หลา​งบ​อก​เขา​ ช่วง​ภัย​สงคราม​ ผลประโยชน์​ของ​ทหาร​ต้อง​วาง​ไว้​เป็น​อันดับ​แรก​เสมอ​ ผลประโยชน์​ของ​ชาวบ้าน​เป็นรอง​ พลทหาร​หลั่งเลือด​ต่อสู้​สุด​ชีวิต​วันแล้ววันเล่า​ เหนื่อยล้า​อ่อนแรง​ กิน​เนื้อ​เพิ่ม​ขวัญ​กำลังใจ​ได้​

สำหรับ​ชาวบ้าน​ ปกป้อง​เมือง​ไม่ได้​ จุดจบ​ของ​พวกเขา​จะเลวร้าย​กว่า​เดิม​

ยาม​นี้​เหมียว​โห​ย่ว​ฟางคิด​ว่า​ สิ่งที่​เขา​พูด​มีเหตุผล​

เขา​มุ่งหน้า​เข้าสู่​เมือง​เวิ่ง​ เห็น​สวี่เอ้อร์​หลา​งก้มหน้า​พิจารณา​แผนที่​บน​โต๊ะ​ ขมวดคิ้ว​นิ่งเงียบ​

“เอ้อร์​หลา​ง ตาม​คำพูด​ของ​เจ้า พรุ่งนี้​พวกเขา​น่าจะ​ถอน​ทัพ​แล้ว​”

“ถ้าไม่มีทหาร​กองหนุน​ ย่อม​เป็น​เช่นนั้น​”

สวี่เอ้อร์​หลา​งเงยหน้า​มอง​มา

“แต่​ข้า​คิด​ว่า​ ทหาร​กองหนุน​ของ​ทัพ​กบฏ​อวิ๋น​โจว​ใกล้​มาถึงแล้ว​”

…………………………………………..

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท