บทที่ 689 วีรกรรมยิ่งใหญ่ของปรมาจารย์เต๋า

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

“แหม​ บางคน​เกิด​อารมณ์​กระสัน​อีกแล้ว​”

มู่หนาน​จือ​พูด​อย่าง​ไม่สบอารมณ์​

นับ​นิ้ว​คำนวณ​ ห่าง​จาก​บำเพ็ญ​คู่​ครั้งก่อน​เกือบ​เดือน​ครึ่ง​ เดิมที​นาง​นึก​ว่า​ลั่วอวี้เหิง​จะไม่มาบำเพ็ญ​คู่​กับ​สวี่​ชีอัน​อีก​

แอบ​ดีใจ​อยู่​ไม่น้อย​

แต่​นาง​นึกไม่ถึง​ว่า​สุดท้าย​เจ้าโค​แก่​กิน​หญ้า​อ่อน​ผู้​นี้​จะมาบำเพ็ญ​คู่​กับ​คน​แซ่สวี่​อีก​ นาง​อายุ​เกือบ​สี่สิบ​ปี​แล้ว​ มียางอาย​หน่อย​ไม่ได้​หรือ​

ส่วน​ตนเอง​ที่​อายุ​น้อยกว่า​ลั่วอวี้เหิง​เพียง​ไม่กี่​ปี​ แน่นอน​ว่า​ไม่นับ​เป็น​โค​แก่​

พระชายา​คิด​เสมอ​ว่า​ตนเอง​เป็น​เทพธิดา​น้อย​

ลั่วอวี้เหิง​ทำ​หน้า​เย็นชา​ มอง​สวี่​ชีอัน​ สีหน้า​แฝงด้วย​ความกังวล​

“สวี่​หลา​ง ข้า​รู้สึก​ถึงเจตนาร้าย​ของ​นาง​ มู่หนาน​จือ​เป็น​หญิง​งามอันดับ​หนึ่ง​แห่ง​ต้าฟ่ง​ ข้า​ไม่มั่นใจ​ที่จะ​แย่ง​บุรุษ​กับ​นาง​จริงๆ​”

พูดถึง​ตรงนี้​ ความหวาดกลัว​แวบ​ผ่าน​แววตา​ของ​นาง​

“เพื่อ​ไม่ให้​เจ้าทิ้ง​ข้า​ไป​ ข้า​คิด​ว่า​ขาย​นาง​เข้า​หอ​นางโลม​ดีกว่า​ ให้​นาง​กลายเป็น​หญิง​มีตำหนิ​ เช่นนี้​เจ้าก็​ไม่ต้องการ​นาง​แล้ว​ ไม่สิ ขาย​ให้​ชาว​เผ่า​ลี่​กู่​ก่อน​ดีกว่า​”

พูด​ไป​ ยกมือ​คว้า​ข้อมือ​ของ​มู่หนาน​จือ​ไป​ ดึง​นาง​เดิน​ออก​นอก​ห้อง​

เจ้าก็​รอบคอบ​เกินไป​หน่อย​กระมัง​ ชาว​เผ่า​ลี่​กู่​มีรสนิยม​ต่าง​ออก​ไป​ ไม่ชอบ​สาว​ผิวขาว​…สวี่​ชีอัน​รีบ​แย่ง​เทพ​ดอกไม้​ของ​เขา​กลับมา​ พูด​เสียง​ขรึม​

“ราชครู​ มีเรื่องสำคัญ​”

มู่หนาน​จือ​พิง​อยู่​ใน​อ้อมแขน​ของ​สวี่​ชีอัน​ กะพริบตา​หลายครั้ง​ แววตา​เต็มไปด้วย​ความหวาดกลัว​ พูด​เสียง​สั่นเครือ​

“นาง​ นาง​จะขาย​ข้า​เข้า​หอ​นางโลม​จริงๆ​…”

รู้จัก​กัน​มาหลาย​ปี​ ลั่วอวี้เหิง​ล้อเล่น​หรือไม่​ นาง​แยก​ออก​

“สภาพ​ใน​ยาม​นี้​ของ​นาง​มีปัญหา​ ไม่ใช่ราชครู​ที่​ถูกต้อง​” สวี่​ชีอัน​ส่งกระแสจิต​อธิบาย​

ลั่วอวี้เหิง​ตรงหน้า​ผู้​นี้​คือ​ ‘เสี่ยว​จวี้’​ นาง​หวาดกลัว​ทุกอย่าง​ เพราะ​ความกลัว​ถึงได้​รอบคอบ​

ทุกวัน​ตื่น​เช้ามา ทั้งที่​เมื่อคืน​บำเพ็ญ​คู่​แล้ว​ นาง​ก็​จะต้อง​บำเพ็ญ​อี​กรอบ​ หลัง​มื้อ​กลางวัน​ นาง​ก็​จูงสวี่​ชีอัน​เข้า​ห้อง​ไป​บำเพ็ญ​คู่​อีก​

เหตุผล​คือ​แม้สะกด​กลั้น​และ​หลอม​เผา​ไฟแห่ง​กรรม​ผ่าน​การ​บำเพ็ญ​คู่​ แต่​ขอ​เพียง​ยังมี​ความเป็นไปได้​ที่จะ​ปะทุ​ขึ้น​ งั้น​ก็​ไม่อาจ​วางใจ​ง่ายๆ​

ความน่าจะเป็น​เก้า​สิบ​แปด​ส่วน​ร้อย​ว่า​ไม่ปะทุ​ขึ้น​ ปัดเศษ​เป็น​จำนวนเต็ม​เท่ากับ​ปะทุ​ขึ้น​แน่นอน​ ไม่ผิดปกติ​!

ลั่วอวี้เหิง​ขมวดคิ้ว​เล็กน้อย​ ส่ายหน้า​พูดว่า​

“สวี่​หลา​งเคย​เห็น​โฉมหน้า​แท้จริง​ของ​นาง​ ข้า​ก็​เคย​เห็น​ หญิง​งามเช่นนี้​ ปล่อย​ให้​อยู่​ต่อไป​ก็​เป็น​หายนะ​

“ข้า​ไม่อาจ​นิ่งดูดาย​ให้​นาง​ล่อลวง​สามีของ​ข้า​ กำจัด​นาง​ถึงเป็น​แผนที่​ดี​ที่สุด​”

บุคลิก​ทั้ง​เจ็ด​ล้วน​เสียสติ​…สวี่​ชีอัน​คร้าน​จะอธิบาย​เหตุผล​ใหญ่โต​ให้​บุคลิก​ที่อยู่​ได้​เพียง​วัน​เดียว​ฟัง พูด​คล้อยตาม​ว่า​

“วางใจ​ ข้า​จะไม่ทรยศ​ราชครู​เด็ดขาด​”

ลั่วอวี้เหิง​ส่ายหน้า​เบา​ๆ

“ข้า​ไม่เชื่อ​ นอกจาก​เจ้าจะสาบาน​ว่า​ชาติ​นี้​ไม่แตะต้อง​นาง​ ไม่รัก​นาง​”

นี่​มัน​…สวี่​ชีอัน​ลอบมอง​มู่หนาน​จือ​แวบ​หนึ่ง​

นึกไม่ถึง​ว่า​เทพ​ดอกไม้​กลับชาติมาเกิด​ก็​ไม่ยอม​ลดละ​ ออกแรง​ดิ้น​จาก​ใน​อ้อมแขน​ของ​คน​แซ่สวี่​ ยิ้มเยาะ​พูดว่า​

“ได้​ วันนี้​เจ้าเป็นใหญ่​ เจ้าอยาก​ขาย​ข้า​เข้า​หอ​นางโลม​ที่ใด​ ก็​ขาย​ไป​ที่นั่น​”

พูด​จบ​ นาง​ชูข้อ​มือขึ้น​ ถอด​สร้อยข้อมือ​ออก​

รูปโฉม​งดงาม​ก็​คือ​อาวุธ​ที่​ยิ่งใหญ่​ที่สุด​ของ​เทพ​ดอกไม้​ นาง​เชื่อมั่น​เป็น​อย่างยิ่ง​ว่า​บุรุษ​ผู้ใด​ก็​ไม่อาจ​ต้านทาน​เสน่ห์​ของ​นาง​ บุรุษ​ผู้ใด​ก็​ตามที่​เห็น​โฉมหน้า​แท้จริง​ของ​นาง​ ล้วน​ไม่อาจ​หักใจ​ให้​นาง​ถูก​ขาย​เข้า​หอ​นางโลม​

ครู่​นั้น​ที่​ถอด​สร้อยข้อมือ​ออก​ ทั้งที่​เป็น​ห้อง​ซอมซ่อ​ของ​เผ่า​ลี่​กู่​ แต่กลับ​เจิดจ้า​ไป​ทั่ว​

ไป๋​จีเงยหน้า​ขึ้น​อย่าง​เคลิบเคลิ้ม​ มอง​หญิง​งามผู้​ซึ่งไม่อาจ​พรรณนา​ได้​ด้วย​วาจา​หรือ​ภาษาใด​ก็ตาม​

หรือ​พูด​ได้​ว่า​ถ้า ‘รูปโฉม​งดงาม​’ คือ​คำศัพท์​ที่​สร้าง​ขึ้น​เพื่อ​ประเมิน​คน​ผู้​หนึ่ง​ งั้น​ก็​ต้อง​เป็น​สตรี​นาง​นี้​ตรงหน้า​แน่นอน​

นาง​เพริศแพร้ว​แต่​ไม่ดาษดื่น​ หยาดเยิ้ม​แต่​ไม่ยั่วยวน​ หน้าตา​ไร้​ซึ่งตำหนิ​เป็น​เพียง​มาตรฐาน​ขั้นพื้นฐาน​ที่สุด​ ใบหน้า​ของ​นาง​เปล่งประกาย​ด้วย​เสน่ห์​น่าหลงใหล​ ท่วงท่า​ของ​นาง​พา​ให้​ถอนตัว​ไม่ขึ้น​

แม้เป็น​หญิง​งามชั้นยอด​ที่​มีพลัง​พิเศษ​ติดตัว​เช่น​ลั่วอวี้เหิง​นี้​ อยู่​ต่อหน้า​นาง​ก็​ด้อย​ลง​ไป​ทันที​

“ขาย​เข้า​หอ​นางโลม​ไม่ได้​ นาง​เป็น​ของ​ข้า​!”

ไป๋​จีเงื้อ​อุ้งเท้า​ฟาด​ลง​ไป​ ประกาศ​อย่าง​แข็งกร้าว​

เสียงคำราม​น่าเอ็นดู​ปลุก​สวี่​ชีอัน​ให้​ได้สติ​ขึ้น​มา เขา​รีบ​คว้า​ข้อมือ​ของ​มู่หนาน​จือ​ สวม​สร้อยข้อมือ​กลับ​ไป​ พร้อมทั้ง​ส่งกระแสจิต​บอก​ไป๋​จี

“เจ้าบอ​กว่า​มีเรื่องสำคัญ​ไม่ใช่หรือ​ จิ้งจอก​เก้า​หาง​มีเรื่อง​จะพูด​กับ​ข้า​ใช่หรือไม่​”

“ใช่แล้ว​!” จิ้งจอก​ขาว​น้อย​พูด​อย่าง​สะลึมสะลือ​

เขา​ลอบมอง​ลั่วอวี้เหิง​ที่​มีสีหน้า​อึมครึม​ขึ้น​ มีแววตา​หวาดกลัว​ขึ้น​ รีบ​กระซิบ​ว่า​

“เรียก​นาง​มา”

มีเพียง​ฉลาม​ที่​ต่อสู้​กับ​ฉลาม​ได้​

ไป๋​จีร้อง​ “อืม​” กระโดด​ออกจาก​อ้อมแขน​ของ​มู่หนาน​จือ​ ยืน​บน​พื้น​อย่าง​มั่นคง​ มอง​สวี่​ชีอัน​ ยก​อุ้งเท้า​ชี้โต๊ะ​สี่เหลี่ยม​ธรรมดา​ พูด​เสียงหวาน​ว่า​

“เจ้าวาง​ข้า​ไว้​บน​นั้น​”

สวี่​ชีอัน​ทำตาม​คำพูด​ วาง​ไป๋​จีไว้​บน​โต๊ะ​ มัน​เริ่ม​ขดตัว​ หาง​จิ้งจอก​ฟูนุ่ม​พาด​อยู่​บน​ตัว​

ไม่กี่​วินาที​ต่อมา​ จิตใจ​อัน​แรงกล้า​มาถึง ไป๋​จีลืมตา​ช้าๆ ตา​ซ้าย​พรั่งพรู​ด้วย​แสงใสราวกับ​หมอก​ควัน​

มัน​กวาดตา​มอง​สามคนใน​ห้อง​แวบ​หนึ่ง​ พินิจ​สวี่​ชีอัน​ ยิ้ม​หวาน​พูดว่า​

“เจ้าดูเหมือน​ร้อนใจ​อยู่​บ้าง​”

น้ำเสียง​อ่อนหวาน​น่าหลงใหล​ ไพเราะ​เสนาะ​หู​ เป็น​เสียง​ของ​จิ้งจอก​เก้า​หาง​

ไม่ร้อนใจ​ได้​หรือ​ ปลา​ใน​บ่อ​จะสู้กันเอง​แล้ว​…สวี่​ชีอัน​มอง​มู่หนาน​จือ​กับ​ลั่วอวี้เหิง​ เห็น​พวก​นาง​จ้อง​จิ้งจอก​เก้า​หาง​ด้วย​เจตนาร้าย​เล็กน้อย​ ก็​รู้​ว่า​วิธี​เบี่ยงเบน​ความขัดแย้ง​ได้ผล​

เขา​พูด​เสียง​เรียบ​

“องค์​หญิง​เรียก​ข้า​มามีเรื่อง​อะไร​”

“อีกไม่นาน​ข้า​ก็​จะกลับ​แผ่นดินใหญ่​จิ่ว​โจว​ เจ้าไป​รอ​ที่​ภูเขา​สือ​ว่าน​ได้​แล้ว​” จิ้งจอก​เก้า​หาง​ยิ้ม​พูด​

สวี่​ชีอัน​ใคร่ครวญ​ชั่วครู่​ วิเคราะห์​ว่า​

“ด้วย​การ​วาง​เค้าโครง​ใน​ชายแดน​ตอน​ใต้​ของ​สำนัก​พุทธ​ อาศัย​อา​ซูหลัว​เพียงผู้เดียว​ เกรง​ว่า​คง​ยาก​ที่จะ​ตีเสมอ​พวกเรา​ เป็นไปได้​หรือไม่​ที่​ตู้​เอ้อร์​กับ​กว่าง​เสีย​น​จะเข้าร่วม​สงคราม​”

ไป๋​จีนั่ง​หมอบ​บน​โต๊ะ​ ท่าทาง​น่ารักน่าเอ็นดู​ คำพูด​ที่​ออกมา​กลับเป็น​เสียง​ของ​พี่สาว​ที่​เป็นผู้ใหญ่​

“ได้​รับประโยชน์​จาก​ความ​เกรียงไกร​ของ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ สำนัก​พุทธ​สูญเสีย​พระอรหันต์​หนึ่ง​รูป​ เทพ​อารักษ์​สอง​ตน​ เจีย​หลัว​ซู่อยู่​ชิงโจว​ควบคุม​ท่าน​โหราจารย์​ สำนัก​พุทธ​จะปกป้อง​ภูเขา​สือ​ว่าน​ ตู้​เอ้อร์​ย่อม​ต้อง​เข้าร่วม​

“ส่วน​กว่าง​เสีย​น​ น่าจะ​ส่งร่าง​อวตาร​เข้าร่วม​”

สวี่​ชีอัน​เลิกคิ้ว​

“ส่งเพียง​ร่าง​อวตาร​?”

จิ้งจอก​เก้า​หาง​ยิ้ม​หวาน​พูดว่า​ “กว่าง​เสีย​น​รักษาการณ์​อรัญ​ตา​ ห้า​ร้อย​ปี​ไม่เคย​จากไป​ เจ้าคิด​ว่า​เขา​เฝ้าอะไร​อยู่​”

เฝ้าพระพุทธ​เจ้าที่​บรรทม​ ถ้าเป็น​เช่นนี้​ ความ​ยาก​ใน​การแย่ง​ภูเขา​สือ​ว่าน​คืน​ก็​จะลดลง​ ถึงยาม​นั้น​สนับสนุน​ปีศาจ​ทักษิณ​คุมเชิง​กับ​สำนัก​พุทธ​…สวี่​ชีอัน​รู้สึก​ถึงการ​มีส่วน​ร่วมใน​ประวัติศาสตร์​และ​การเปลี่ยนแปลง​ประวัติศาสตร์​อย่าง​น่าประหลาด​

‘การกวาดล้าง​ปีศาจ​หกสิบ​ปี​’ คือ​สงคราม​ที่​บันทึก​ไว้​ใน​หนังสือประวัติศาสตร์​ ยาม​นี้​สิ่งที่​เขา​ต้อง​ทำ​คือ​การ​เพิ่ม​ความ​พลิกผัน​ให้​กับ​ประวัติศาสตร์​ช่วงนี้​

หลาย​ปี​ต่อมา​ คนรุ่นหลัง​อาจ​เขียน​เช่นนี้​ใน​หนังสือประวัติศาสตร์​

‘ห้า​ร้อย​ปี​หลังจาก​การกวาดล้าง​ปีศาจ​หกสิบ​ปี​ ด้วย​ความช่วยเหลือ​ของ​สวี่​ชีอัน​ฆ้อง​เงิน​แห่ง​ต้าฟ่ง​ ปีศาจ​ทักษิณ​ขับไล่​สำนัก​พุทธ​ออกจาก​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ ยึด​บ้านเกิด​คืน​มาได้​!’

สายตา​ของ​จิ้งจอก​เก้า​หาง​จ้อง​อยู่​บน​ร่าง​ลั่วอวี้เหิง​ หรี่ตา​ยิ้ม​พูด​

“ผู้นำ​เต๋า​นิกาย​มนุษย์​ก็​จะช่วย​เผ่าพันธุ์​ปีศาจ​ของ​ข้า​อีก​แรง​? จิ๊ๆ สมกับ​เป็น​เจ้า รับ​หนึ่ง​ใน​นักพรต​หญิง​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ใน​แผ่นดินใหญ่​จิ่ว​โจว​เข้าสู่​วัง​ใน​”

ไม่ใช่ นี่​เจ้ากำลัง​รนหาที่​ตาย​ ลั่วอวี้เหิง​เป็น​คน​ที่​เจ้าหยอกล้อ​เช่นนี้​ได้​? สวี่​ชีอัน​ตำหนิ​ใน​ใจ สังเกต​สีหน้า​ของ​ลั่วอวี้เหิง​ เห็น​นาง​ทำ​หน้า​เย็นชา​ไม่สนใจ​ พูด​อย่าง​จนปัญญา​ว่า​

“ไม่ใช่ อีก​ไม่กี่​วัน​ราชครู​ก็​จะปลีก​วิเวก​ ไม่เข้าร่วม​สงคราม​ชายแดน​ตอน​ใต้​”

สำหรับ​เขา​ ลั่วอวี้เหิง​สยบ​ไฟแห่ง​กรรม​ได้​โดยเร็ว​ หนี​เคราะห์กรรม​กลายเป็น​เซียน​ครอง​พิภพ​ ถึงเป็น​เรื่องสำคัญ​ที่สุด​

มีผู้​ฝึกฝน​กระบี่​ขั้น​หนึ่ง​สัก​ท่าน​คอย​รักษาการณ์​ ต้าฟ่ง​ถึงจะมั่นคง​

ก่อนหน้า​นั้น​ อะไรก็ตาม​ที่​อาจ​ทำลาย​ลั่วอวี้เหิง​ ‘สมดุล​’ สงคราม​ ล้วน​เป็น​ความเสี่ยง​ที่​ไม่จำเป็น​

จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​พยักหน้า​อย่าง​ผิดหวัง​อยู่​บ้าง​

“องค์​หญิง​อย่า​เพิ่ง​ไป​ ทาง​ข้า​นี้​มีข่าว​สำคัญ​ ไม่รู้​ว่า​สนใจ​แลกเปลี่ยน​หรือไม่​”

สวี่​ชีอัน​ทำ​ตามหลักการ​ความรู้​ก็​คือ​ความมั่งคั่ง​ คิด​จะขาย​บทสนทนา​ของ​เทพ​กู่​กับ​ไป๋​ตี้​ให้​จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​

ทุกคน​ล้วน​เป็นยอด​ฝีมือ​ระดับ​เหนือ​มนุษย์​ สำหรับ​ข้อมูล​ลับ​เช่นนี้​ ย่อม​ต้อง​สนใจ​แน่นอน​

จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​ร้อง​ ‘เหอะ​’ ขึ้น​มา

“งั้น​ก็​ต้อง​ดู​ว่า​ข่าว​ของ​เจ้าคู่ควร​ให้​ข้า​สนใจ​หรือไม่​”

สวี่​ชีอัน​พูด​เสียง​ขรึม​

“ไม่นาน​มานี้​ ไป๋​ตี้​ที่​เคย​ปรากฏตัว​ที่​อวิ๋น​โจว​ มาหา​เทพ​กู่​ที่​เผ่าพันธุ์​กู่​ ถามคำถาม​เขา​สามข้อ​”

แสงใสที่​พรั่งพรู​จาก​ตา​ซ้าย​ของ​จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​สั่น​ไหว​เล็กน้อย​ สำรวม​ท่าทาง​ยั่วยวน​

“เจ้าดึงดูด​ความสนใจ​ของ​ข้า​ได้​สำเร็จ​”

สวี่​ชีอัน​จึงเล่า​บทสนทนา​ของ​ไป๋​ตี้​กับ​เทพ​กู่​ให้​จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​ฟัง

พูด​จบ​ เขา​ยิ้ม​พูดว่า​ “องค์​หญิง​คิด​จะใช้ค่าตอบแทน​อะไร​แลกเปลี่ยน​ความลับ​นี้​”

“บังเอิญ​พอดี​!”

จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​ยิ้ม​หวาน​พูดว่า​

“เมื่อ​ข้า​เดินทาง​สู่โพ้นทะเล​ ก็​เคย​เจอ​ไป๋​ตี้​ รู้​สาเหตุ​ที่​ยาม​นั้น​ผู้​สืบ​สายเลือด​เทพ​กู่​บรรพกาล​หนี​ออกจาก​แผ่นดินใหญ่​จิ่ว​โจว​ ซ้ำยัง​เกี่ยวข้อง​กับ​คำถาม​สามข้อ​นี้​”

สวี่​ชีอัน​หน้า​ขรึม​ทันที​ โพล่ง​ปาก​ถามว่า​

“เหตุผล​อะไร​!”

แม้เผ่าพันธุ์​มนุษย์​รุ่นหลัง​ประกาศ​บ่อยครั้ง​ ยุค​เทพ​กู่​บรรพกาล​จบสิ้น​โดย​บรรพบุรุษ​เผ่าพันธุ์​มนุษย์​ หลังจากที่​เทพ​กู่​บรรพกาล​เสื่อม​อำนาจ​ ผู้​สืบ​สายเลือด​เทพ​กู่​บรรพกาล​ก็​ถูก​เผ่าพันธุ์​มนุษย์​สังหาร​หมดสิ้น​ แต่​สวี่​ชีอัน​รู้​ว่า​หลังจากที่​เทพ​กู่​บรรพกาล​เสื่อม​อำนาจ​ ผู้​สืบ​สายเลือด​ของ​เขา​เคย​ปกครอง​จิ่ว​โจว​อีก​นาน​หลาย​ปี​

ในเวลานั้น​ แม้เผ่าพันธุ์​มนุษย์​และ​ปีศาจ​ค่อยๆ​ รุ่งเรือง​ แต่​ไม่ปรากฏ​ขั้น​เหนือ​มนุษย์​ ขั้น​หนึ่ง​เกรง​ว่า​ล้วน​หา​ได้​ยาก​ยิ่ง​

ยาก​ที่จะ​ต่อต้าน​ผู้​สืบ​สายเลือด​เทพ​กู่​บรรพกาล​ที่​มีจำนวนมาก​

เพียงแต่​ไม่สิ้นหวัง​เหมือน​ยุค​เทพ​กู่​บรรพกาล​ก็​เท่านั้น​

แต่​แผ่นดินใหญ่​จิ่ว​โจว​ใน​ยาม​นี้​ ถูก​เผ่าพันธุ์​มนุษย์​ปกครอง​โดย​สมบูรณ์​ ครั้งก่อน​จิ้งจอก​เก้า​หาง​พูด​ไว้​ ยุค​โบราณ​จู่ๆ ผู้​สืบ​สายเลือด​เทพ​กู่​บรรพกาล​จำนวนมาก​ก็​ออกจาก​แผ่นดินใหญ่​จิ่ว​โจว​ เดินทาง​สู่โพ้นทะเล​

ลั่วอวี้เหิง​กับ​มู่หนาน​จือ​ก็​สนใจ​เช่นกัน​ ฝ่าย​แรก​ใน​ฐานะ​หนึ่ง​ใน​ยอด​ฝีมือ​แผ่นดินใหญ่​จิ่ว​โจว​ ย่อม​ต้อง​สนใจ​

ฝ่าย​หลัง​กลับ​อยากรู้อยากเห็น​เป็นหลัก​

จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​พูด​ชัดถ้อยชัดคำ​

“พวก​มัน​ถูก​ปรมาจารย์​เต๋า​ขับไล่​ออกจาก​จิ่ว​โจว​”

ถูก​ปรมาจารย์​เต๋า​ขับไล่​…ดังนั้น​ไป๋​ตี้​ต้องการ​ถามว่า​ปรมาจารย์​เต๋า​อยู่​ที่ใด​…ยาม​นั้น​เหตุใด​ปรมาจารย์​เต๋า​ต้อง​ไล่​ผู้​สืบ​สายเลือด​เทพ​กู่​บรรพกาล​ออกจาก​จิ่ว​โจว​ มารดา​เขา​ก็​ถูก​ผู้​สืบ​สายเลือด​เทพ​กู่​บรรพกาล​กิน​หรือ​

นอกจากนี้​ ผู้เฝ้าประตู​หมายความว่า​อะไร​ เกี่ยวข้อง​กับ​ปรมาจารย์​เต๋า​หรือไม่​…

ครู่หนึ่ง​นี้​ ใน​สมอง​สวี่​ชีอัน​ดุจ​ฟ้าแลบ​แวบ​ผ่าน​ แต่ละ​ความคิด​พรั่งพรู​ดุจ​ฟองอากาศ​ จากนั้น​แตกสลาย​ใน​ชั่วพริบตา​

เขา​เหมือน​จะจับ​ทาง​อะไร​ได้​

สถานการณ์​เช่นนี้​ ราวกับ​สืบสวน​คดี​ที่​มีเบาะแส​ไม่เพียงพอ​ มีการ​คาดเดา​ แต่​ไม่อาจ​พิสูจน์​

ในขณะเดียวกัน​ เขา​ยัง​นึกได้​อีก​หนึ่ง​คำถาม​ หลังจาก​รู้​ว่า​ปรมาจารย์​เต๋า​อาจ​เสื่อมถอย​ ไป๋​ตี้​จะหวนคืน​จิ่ว​โจว​หรือไม่​

ที่ว่าการ​สมุหเทศาภิบาล​ชิงโจว​

ใน​ห้องโถง​ หยาง​กง​นั่ง​อยู่​หลัง​โต๊ะ​ ฟังพวก​นายทหาร​ฝ่าย​เสนาธิการ​โต้เถียง​ไม่จบสิ้น​

แนวหน้า​ส่งข่าวกรอง​ทางทหาร​มาสอง​เรื่อง​ เมือง​หว่าน​ถูก​ล้อม​ด้วย​กองทัพ​สอง​หมื่น​นาย​ ทัพ​อวิ๋น​โจว​ล้อม​แต่​ไม่โจมตี​ สังหาร​ทหารม้า​สามเส้นทาง​ที่​ไป​สนับสนุน​จน​หมดสิ้น​

กองทัพ​ชิงโจว​เสียหาย​อย่าง​หนัก​

สถานการณ์​เมือง​ตง​ห​ลิง​ยิ่ง​ย่ำแย่​ยิ่ง​ซับซ้อน​ ซุน​เสวียน​จีกับ​จีเสวียน​ต่อสู้​กัน​อย่าง​ยิ่งใหญ่​ จน​กำแพงเมือง​ครึ่งหนึ่ง​กลายเป็น​ซากปรักหักพัง​

ตง​ห​ลิง​ไม่ใช่ปัญหา​ว่า​จะปกป้อง​ไว้​ได้​หรือไม่​อีกต่อไป​ เมือง​นี้​ล่มสลาย​แล้ว​

ยาม​นี้​ทัพ​ชิงโจว​ที่​เดิมที​ตั้งมั่น​และ​รักษาการณ์​ตง​ห​ลิง​ถอน​ทัพ​ออกจาก​กำแพงเมือง​ เข้าสู่​สนามรบ​กับ​ทัพ​กบฏ​อวิ๋น​โจว​ สถานการณ์​ถึงทางตัน​

แม้ไม่ได้​พ่ายแพ้​ แต่​แนว​ป้องกัน​ตง​ห​ลิง​นี้​หาย​ไป​แล้ว​

“จื่อ​เชีย​น!”​

ห​ลี่​มู่ไป๋​พ่น​ลมหายใจ​ช้าๆ

“ทหาร​กองหนุน​ที่​ส่งไป​เมือง​หว่าน​ถูก​ซุ่มโจมตี​ เพราะ​ใน​ทัพ​กบฏ​มีกองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​ เผชิญหน้า​กับ​หน่วย​สอดแนม​ของ​กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​ ฝ่าย​เรา​เดินทัพ​ไม่มีความลับ​อีกต่อไป​

“นี่​คือ​ทางตัน​”

นายทหาร​ฝ่าย​เสนาธิการ​นิ่งเงียบ​

ต้าฟ่ง​ไม่มีกองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​ เท่ากับ​ยก​ท้องฟ้า​ให้​ศัตรู​ ทุก​การเคลื่อนไหว​อยู่​ใน​สายตา​ของ​ศัตรู​ จะไม่แพ้​ได้​อย่างไร​

และ​สิ่งที่จะ​รับมือ​กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​ได้​ มีเพียง​กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​

หยาง​กง​คลึง​หว่าง​คิ้ว​ พ่น​ลมหายใจ​ยาว​

“ข้า​ส่งข่าวด่วน​ให้​ราชสำนัก​แล้ว​ ขอ​เกณฑ์​อินทรี​หาง​แดง​ของ​เห​ลย​โจว​”

นายทหาร​ฝ่าย​เสนาธิการ​ท่าน​หนึ่ง​พูด​อย่าง​ท้อใจ​

“แต่​ยัง​ไม่พอ​ด้วยซ้ำ​ เห​ลย​โจว​จะเกณฑ์​ได้​สัก​กี่​ตัว​ ราชสำนัก​ขาย​อินทรี​หาง​แดง​ให้​สมาคม​พ่อค้า​และ​ตระกูล​ขุนนาง​ท้องถิ่น​ตั้ง​นาน​แล้ว​

“อีก​ทั้ง​อินทรี​หาง​แดง​ไม่เคย​เข้าร่วม​สงคราม​ จะมีพลัง​ต่อสู้​ได้​มาก​เพียงใด​ หยาง​กง​ ถ้าไม่อาจ​ต้านทาน​กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​ของ​ศัตรู​ สงคราม​ต่อจากนี้​ไม่ดี​สำหรับ​พวกเรา​เป็น​อย่างยิ่ง​”

…………………………………………..

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท