บทที่ 692 คนเฝ้าประตูคือใคร

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ม้าเร็ว​เผ่า​กู่​ที่​กำลัง​ถือ​ธงของ​ต้าฟ่ง…​เจ้าพนักงาน​และ​เหล่า​นายทหาร​ใน​ห้องโถง​ต่าง​ก็​มึนงง​เล็กน้อย​และ​ไม่สามารถ​ปะติดปะต่อ​ความสัมพันธ์​ระหว่าง​ ‘ธงประจำ​กองทัพ​ต้าฟ่ง’​ และ​ ‘เผ่า​กู่​’ ได้​ชั่วขณะ​

หืม?​ ม้าเร็ว​?

ใน​วินาที​ต่อมา​ ทุกคน​ต่าง​ก็​จับ​ประเด็นสำคัญ​ได้​และ​มอง​ไป​ที่​หยาง​กง​อย่าง​พร้อมเพรียงกัน​

“ส่งอาวุธ​มาให้​ข้า​ ให้​เขา​เข้ามา​ได้​”

หยาง​กง​ครุ่นคิด​ครู่หนึ่ง​ก่อน​จะกล่าว​อย่าง​ไม่เร่งรีบ​

เจ้าพนักงาน​รับ​คำสั่ง​และ​ถอย​ออก​ไป​ หลังจากนั้น​สิบห้า​นาที​ องครักษ์​ของ​ผู้ว่าการ​มณฑล​ก็​พา​ทั้งสอง​คน​เข้าไป​ใน​ห้องโถง​ใหญ่​

สายตา​ของ​หยาง​กง​ ห​ลี่​มู่ไป๋​และ​นายทหาร​ฝ่าย​เสนาธิการ​ทุกคน​ต่าง​ก็​จับจ้อง​ไป​ที่​ผู้มาเยือน​อย่าง​พินิจพิเคราะห์​

ทาง​ด้าน​ซ้าย​คือ​คน​จาก​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ เขา​มีผิ​วสี​คล้ำ​ ดวงตา​สีฟ้าอ่อน​ ผมหยิก​เป็นธรรมชาติ​ เสื้อผ้า​ที่​เขา​สวม​เผย​ให้​เห็น​กล้ามเนื้อ​อัน​แข็งแกร่ง​อย่าง​ชัดเจน​ ทำให้​เขา​ดู​เต็มไปด้วย​ความดุร้าย​ป่าเถื่อน​

แต่​ดวงตา​สีฟ้าอ่อน​คู่​นั้น​กลับ​แฝงไป​ด้วย​แสงสว่าง​แห่ง​ความเฉลียวฉลาด​

เป็น​ปรมาจารย์​ซิน​กู่​จริงๆ​…ใน​ฐานะ​ที่​เป็น​หยาง​กง​ผู้คุม​อำนาจ​ทางการเมือง​สูงสุด​ใน​รัฐ​ย่อม​ต้อง​สำรวมความ​น่าเกรงขาม​ไว้​อย่าง​สุดความสามารถ​และ​หันไป​สนใจ​ทหาร​ที่อยู่​ข้าง​กาย​ถ่าโม่

รอง​แม่ทัพ​สวี่เอ้อร์​หลา​ง

กู้​ฉี่เข้าใจ​สายตา​ที่​แฝงไป​ด้วย​คำถาม​ของ​สมุหเทศาภิบาล​ทันที​ จึงยก​กำปั้น​ขึ้น​มาพลาง​โค้ง​ตัว​คำนับ​และ​กล่าวว่า​ “ข้าน้อย​กู้​ฉี่ผู้​ต่ำต้อย​คือ​รอง​แม่ทัพ​ของ​ใต้เท้า​สวี่​ซินเหนียน”​

หลังจาก​หยุดชะงัก​ชั่วครู่​ก็​เห็น​หยาง​กง​พยักหน้า​ เขา​จึงกล่าว​ต่อไป​ว่า​ “ท่าน​นี้​คือ​ถ่าโม่แห่ง​ซิน​กู่​จาก​เผ่าพันธุ์​กู่​ ผู้นำ​กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​ เป็น​ทหาร​กองหนุน​ที่​ฆ้อง​เงิน​สวี่​เชิญมา”

ห​ลี่​มู่ไป๋​และ​เหล่า​นายทหาร​ฝ่าย​เสนาธิการ​สาบาน​ว่า​คำพูด​ประโยค​เมื่อ​ครู่​เป็น​เสียง​ที่​ไพเราะ​รื่นหู​ที่สุด​เท่าที่​ได้ยิน​ใน​ช่วง​ที่ผ่านมา​นี้​

ฆ้อง​เงิน​สวี่​ไป​ที่​เผ่า​กู่​ทาง​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ตั้งแต่​เมื่อใด​? ยัง​เชิญกองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​ของ​เผ่า​กู่​มาด้วย​รึ​?

นอกจากนี้​ มีกองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​มาก​เพียงใด​ อยู่​ที่ใด​ ความสามารถ​ใน​การต่อสู้​เป็น​อย่างไร​? พวกเขา​มีคำถาม​ที่​อยาก​ถามเกิดขึ้น​อย่าง​ต่อเนื่อง​ แต่​ก่อนที่​หยาง​กง​จะเปิดปาก​พูด​ ทุกคน​ก็​ยับยั้ง​การเคลื่อนไหว​ของ​ตนเอง​ได้​เป็น​อย่าง​ดี​

แต่​หัวใจ​กลับ​ร้อนรน​ขึ้น​มาอย่าง​เงียบๆ​

…หยาง​กง​ยืด​หลัง​ตรง​ขึ้น​เล็กน้อย​ ดวงตา​จับจ้อง​ที่​กู้​ฉี่

“ทำไม​กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​ของ​เผ่า​กู่​ถึงมากับ​เจ้าได้​?”

เขา​ถามข้อสงสัย​ที่อยู่​ใน​ใจของ​เหล่า​นายทหาร​ฝ่าย​เสนาธิการ​ออกมา​

กู้​ฉี่กล่าวว่า​ “เหล่า​นักรบ​ของ​ซิน​กู่​เดินทาง​มาช่วยเหลือ​และ​ขับไล่​ศัตรู​ที่​อำเภอ​ซงซาน​ภายใต้​คำสั่ง​ของ​ฆ้อง​เงิน​สวี่”​

ในขณะที่​กล่าว​ เขา​ก็​หยิบ​จดหมาย​ออก​มาจาก​แขน​เสื้อ​ “ข้า​มีจดหมาย​ที่​เขียน​ด้วย​ลายมือ​ของ​ใต้เท้า​สวี่”​

เจ้าพนักงาน​ก้าว​ขึ้นไป​หยิบ​จดหมาย​ที่​เขียน​ด้วย​ลายมือ​ฉบับ​นั้น​ ก่อน​จะยื่น​ไป​ที่​เบื้องหน้า​หยาง​กง​ หยาง​กง​คลี่​จดหมาย​เปิด​อ่าน​เรียบร้อย​แล้วก็​พยักหน้า​ให้​เหล่า​นายทหาร​ฝ่าย​เสนาธิการ​ที่​กำลัง​จ้อง​ตรง​มาที่​เขา​

อำเภอ​ซงซาน​ปลอดภัย​แล้ว​…

เป็น​อีก​คำพูด​หนึ่ง​ที่​ทำให้​คน​รู้สึก​อิ่มอกอิ่มใจ​ เหล่า​นายทหาร​ฝ่าย​เสนาธิการ​ทุก​นาย​ต่าง​ก็​ประหลาดใจ​อย่าง​มาก​พลาง​มองหน้า​กัน​เพื่อ​ถ่ายทอด​ความปลื้ม​ปีติ​ยินดี​

เวลานี้​เอง​ ถ่าโม่ก็​หยิบ​จดหมาย​ที่​เขียน​ด้วย​ลายมือ​ออก​มาจาก​แขน​เสื้อ​และ​กล่าวว่า​ “นี่​คือ​จดหมาย​ที่​เขียน​ด้วย​ลายมือ​ของ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ มอบหมาย​ให้​ข้า​มอบให้​กับ​ผู้ว่าการ​มณฑล​หยาง​เมื่อ​ถึงชิงโจว​”

ครั้งนี้​หยาง​กง​ยื่นมือ​เข้าไป​รับ​จดหมาย​โดยตรง​ เมื่อ​จดหมาย​อยู่​ใน​มือ​แล้วก็​อดใจ​รอ​ไม่ไหว​ที่จะ​คลี่​มัน​ออก​

แตกต่าง​กับ​ลายมือ​ที่​สวยงาม​และ​ประณีต​ของ​สวี่​ซินเหนียน​ จดหมาย​ที่​เขียน​ด้วย​ลายมือ​ของ​สวี่​หนิง​เยี่ยน​ทั้ง​น่าเกลียด​และ​บิดเบี้ยว​ แต่ละ​ขีด​ของ​ตัวอักษร​ราวกับ​ถูกลาก​โดย​ไม่คำนึงถึง​อะไร​ทั้งสิ้น​ ใช่แล้ว​ เป็น​ตัวอักษร​ของ​หนิง​เยี่ยน​…หยาง​กง​เชื่อ​ในทันที​โดย​ไม่มีข้อสงสัย​ใดๆ​ อีก​

ไม่ใช่ว่า​ไม่มีใคร​สามารถ​เลียนแบบ​ตัวอักษร​ของ​สวี่​หนิง​เยี่ยน​ได้​ แต่​ตัวอักษร​ที่​เขียน​ด้วย​พู่กัน​ของ​สวี่​หนิง​เยี่ยน​นั้น​หา​ได้​ยาก​ยิ่ง​ จิ่ว​โจว​ใน​ปัจจุบัน​ นอกจาก​สำนัก​อวิ๋น​ลู่​และ​จวน​สกุล​สวี่​แห่ง​เมืองหลวง​แล้วก็​แทบจะ​ไม่เห็น​ลายมือ​ของ​สวี่​หนิง​เยี่ยน​เลย​

สวี่​หนิง​เยี่ยน​เป็น​คน​ที่​รักษาหน้า​ ดังนั้น​เขา​จึงให้ความสำคัญ​กับ​ตัวอักษร​ของ​ตนเอง​มาก​และ​ไม่ยอม​เผยแพร่​ออก​ไป​อย่าง​แน่นอน​

ดังนั้น​แม้จะมีใคร​คิด​จะเลียนแบบ​ก็​ไม่มีตัวอย่าง​ให้​ดู​

หยาง​กง​ก้มลง​ไป​อ่าน​ ครึ่ง​แรก​เป็น​เรื่องราว​ของ​สวี่​หนิง​เยี่ยน​ที่​สาธยาย​ถึงการ​ทำสงคราม​ลิ้น​ของ​ตนเอง​ใน​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ เขา​ใช้คารม​ฝีปาก​ที่​ไม่เป็นรอง​ใคร​ใน​การโน้มน้าว​เผ่า​กู่​ ใช้เสน่ห์​ขั้นสูง​ใน​การ​เปลี่ยนความคิด​เผ่า​กู่​ ในที่สุด​ก็​ทำให้​เผ่า​กู่​ปล่อยวาง​ความแค้น​ใน​อดีต​และ​ส่งกำลัง​ทหาร​ไป​ทางเหนือ​เพื่อ​สนับสนุน​ต้าฟ่ง​

หยาง​กง​คิด​ว่า​เป็นไปได้​ที่จะ​มีความสามารถ​ใน​การ​ใช้คารม​ฝีปาก​ แต่​เสน่ห์​นั้น​ต้อง​มีการ​ซักถาม​กัน​ใหม่​

ถัด​ลงมา​คือ​จำนวน​ทหาร​ที่​แต่ละ​กรม​ส่งมา

“หน่วย​รบ​อสูร​บิน​จาก​ซิน​กู่​ห้า​ร้อย​ตัว​…”

เมื่อ​อ่าน​บรรทัด​แรก​ หยาง​กง​ก็​ตัว​แข็งทื่อ​ทันที​

เขา​สงสัย​ว่า​สวี่​หนิง​เยี่ยน​เขียน​ผิด​แล้ว​ ต้อง​รู้​ว่า​ใน​ระหว่าง​ยุทธการ​ด่าน​ซาน​ไห่​ใน​ปี​นั้น​ หน่วย​รบ​อสูร​บิน​ของ​ต้าฟ่ง​ก็​มีจำนวน​เพียง​หนึ่ง​พัน​ห้า​ร้อย​

หลังจาก​สิ้นสุด​ยุทธการ​ด่าน​ซาน​ไห่​ได้​ไม่กี่​ปี​ ราชสำนัก​ก็​ยกเลิก​ค่าย​กองทัพ​สัตว์ปีก​กลางคัน​และ​จำหน่าย​เหยี่ยว​หาง​แดง​ออก​ไป​เป็น​จำนวนมาก​

ทำไม​? เพราะ​เลี้ยง​ไม่ไหว​รึ​

ถ้าสิ่งที่​กอง​ทหารม้า​กิน​คือ​เงิน​ เช่นนั้น​สิ่งที่​กองทัพ​สัตว์ปีก​กิน​ก็​คือ​ทอง​

กองทัพ​สัตว์ปีก​ห้า​ร้อย​ตัว​คือ​อะไร​กัน​? เกรง​ว่า​คง​เป็น​จำนวน​ครึ่งหนึ่ง​ของ​กองทัพ​สัตว์ปีก​เผ่า​ซิน​กู่​กระมัง​

เมื่อ​อ่าน​ต่อไป​ก็​พบ​ว่า​มีนักรบ​จาก​เผ่า​ลี่​กู่​สี่ร้อย​คน​ ผู้ควบคุม​มนุษย์​ศพ​จาก​เผ่า​ซือ​กู่​หกร้อย​คน​ ผู้​กล้า​จาก​เผ่า​อั้น​กู่​แปด​ร้อย​คน​ หาก​เพิ่ม​กองทัพ​สัตว์ปีก​เข้าไป​อีก​ห้า​ร้อย​ตัว​…

หยาง​กง​รู้สึก​สับสน​มาก​ ทั้ง​ประหลาดใจ​ทั้ง​กังวล​ เหตุผล​ที่​ทำให้​รู้สึก​ประหลาดใจ​ก็​คือ​เหล่า​นักรบ​ชั้นยอด​ของ​เผ่า​กู่​เหล่านี้​ พวกเขา​ต้อง​บรรเทา​ความเสื่อมโทรม​ของ​ชิงโจว​ใน​ตอนนี้​ได้​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​

สิ่งที่​ทำให้​รู้สึก​กังวล​ก็​คือ​กอง​สนับสนุน​ที่​เผ่า​กู่​มอบให้​จำนวนมาก​ แผนการ​ย่อม​ไม่เล็ก​อย่าง​แน่นอน​ สมุหเทศาภิบาล​หยาง​กังวล​ว่า​สวี่​ชีอัน​จะทำ​ข้อตกลง​ตามอำเภอใจ​ ซึ่งเป็น​ข้อตกลง​ที่​ราชสำนัก​อาจจะ​ไม่สามารถ​ยอม​รับได้​

เขา​ขมวดคิ้ว​และ​มอง​ไป​ที่​ส่วน​ท้าย​ของ​จดหมาย​ซึ่งเป็น​ข้อตกลง​ของ​สวี่​หนิง​เยี่ยน​ที่​มีต่อ​เผ่า​กู่​

นี่​…หยาง​กง​สงสัย​ว่า​สวี่​หนิง​เยี่ยน​เขียน​ผิด​อีกครั้ง​

เมื่อ​ครู่​ยัง​รู้สึก​ว่า​กองทัพ​สัตว์ปีก​มีจำนวน​มากเกินไป​ แต่​ตอนนี้​เขา​รู้สึก​ว่า​รา​คาที่​ต้อง​จ่าย​นั้น​น้อย​เกินไป​

มัน​ถูก​เกินไป​…

แผ่น​หลัง​ของ​หยาง​กง​เริ่ม​ยืด​ตรง​ขึ้น​เรื่อยๆ​ โดยไม่รู้ตัว​ เขา​ยังคง​รักษา​ท่าที​ที่​สง่างามและ​เข้มงวด​ไว้​ แต่​ดวง​ตากลับ​ประกาย​สดใส​เป็นพิเศษ​

เขา​เก็บ​จดหมาย​ลง​ไป​อย่าง​เงียบๆ​ พลาง​มอง​ไป​ที่​ถ่าโม่

“ผู้นำ​จาก​เผ่า​ซิน​กู่​เคย​อ่าน​เนื้อหา​ใน​จดหมาย​แล้ว​หรือยัง​?”

ถ่าโม่ไม่เข้าใจ​ว่า​ทำไม​เขา​ถึงถามคำถาม​เช่นนี้​ หลังจาก​ครุ่นคิด​เล็กน้อย​ก็​เข้าใจ​และ​พยักหน้า​อย่าง​สงบ​ “ท่าน​สมุหเทศาภิบาล​หยาง​วางใจ​เถอะ​ เนื้อหา​ใน​จดหมาย​ไม่ผิดเพี้ยน​เป็นแน่​”

โดยทั่วไปแล้ว​ ความ​ฉลาด​ทาง​ปัญญา​ของ​ปรมาจารย์​ซิน​กู่​จะสูงกว่า​มาตรฐาน​ นี่​จึงเป็น​เหตุผล​ว่า​ทำไม​สวี่​ชีอัน​ถึงได้​มอบ​จดหมาย​นี้​ให้​พวกเขา​

ถ่าโม่กล่าว​ต่อไป​ว่า​ “หวัง​ว่า​ท่าน​สมุหเทศาภิบาล​หยาง​จะรายงาน​ราชสำนัก​โดยเร็ว​ที่สุด​เพื่อ​ยืนยัน​เรื่อง​นี้​”

หยาง​กง​พยักหน้า​ “ข้า​เข้าใจ​ ผู้นำ​ถ่าโม่เดินทาง​มาไกล​และ​เหน็ดเหนื่อย​จาก​การ​เดินทาง​ ข้า​จะจัดการ​ให้​เจ้าไป​พักผ่อน​ก่อน​ ตอนเย็น​เรียนเชิญ​ท่าน​ผู้นำ​รับประทาน​อาหาร​มื้อ​เย็น​”

หลังจาก​ให้​คน​พา​ถ่าโม่ไป​ที่พัก​แล้ว​ หยาง​กง​ก็​ถอน​หายใจออก​ช้าๆ พลาง​หันไป​มอง​เหล่า​นายทหาร​ฝ่าย​เสนาธิการ​ที่อยู่​ข้าง​โต๊ะ​

และ​นายทหาร​ฝ่าย​เสนาธิการ​ที่​มีการศึกษา​และ​รอบรู้​เหล่านี้​ต่าง​ก็​อดใจ​ไม่ไหว​นาน​แล้ว​

“หนิง​เยี่ยน​บอก​ใน​จดหมาย​ว่า​อะไร​บ้าง​ มีอสูร​บิน​อยู่​เท่าใด​รึ​?”

ห​ลี่​มู่ไป๋​เป็นตัวแทน​ทุก​คนใน​การ​ถาม

หยาง​กง​เผย​รอยยิ้ม​เล็กน้อย​ “ห้า​ร้อย​”

“ห้า​ร้อย​?!”

เสียง​ตะโกน​เอิกเกริก​ดัง​ขึ้น​ข้างๆ​ โต๊ะ​ เจ้าพนักงาน​ที่​กำลัง​ยุ่ง​อยู่​ไกลๆ​ ต่าง​ก็​หยุด​การทำงาน​และ​มอง​มาด้วย​ความ​ตกตะลึง​

“เอา​มาให้​ข้า​ดู​”

ห​ลี่​มู่ไป๋​เอื้อมมือ​ออก​ไป​และ​กล่าว​เสียงทุ้ม​ว่า​ “เอา​มา!”

จดหมาย​ใน​มือ​ของ​หยาง​กง​หาย​ไป​กะทันหัน​และ​ปรากฏ​อยู่​ใน​มือ​ของ​ห​ลี่​มู่ไป๋​แทน​ เขา​คลี่​กระดาษ​ออกมา​และ​อ่าน​อย่าง​ใจจดใจจ่อ​ ลมหายใจ​กระชั้น​ถี่ขึ้น​ มือ​ที่​ถือ​จดหมาย​สั่นเทา​เล็กน้อย​แต่​ก็​หาย​เป็นปกติ​อย่าง​รวดเร็ว​

จดหมาย​ถูก​เผยแพร่​ไป​ทั่ว​กลุ่ม​นายทหาร​ฝ่าย​เสนาธิการ​ มือ​แต่ละ​คู่​ที่​ถือ​จดหมาย​ต่าง​ก็​สั่นเทา​ ใบหน้า​เผย​ทั้ง​ความตื่นเต้น​และ​ฮึกเหิม​

การ​มาถึงของ​นักรบ​เผ่า​กู่​ สำหรับ​ชิงโจว​ในเวลานี้​ก็​เปรียบเสมือน​ฝน​ที่​ตก​ลงมา​รด​ชโลม​สนามรบ​ที่​แห้งแล้ง​

“เพียงแค่​ค่าตอบแทน​เล็กน้อย​เหล่านี้​ แต่​สามารถ​เชิญนักรบ​เผ่า​กู่​มาได้​มากมาย​เช่นนี้​ ความคิด​ระดับสูง​ของ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ แม้แต่​คน​ของ​เผ่า​กู่​ก็​ยัง​โน้มน้าว​ได้​”

นายทหาร​ฝ่าย​เสนาธิการ​ท่าน​หนึ่ง​ลูบ​เครา​ด้วย​ความชื่นชม​

ไร้เดียงสา​…ห​ลี่​มู่ไป๋​และ​หยาง​กง​ชำเลือง​มอง​เขา​ หยาง​กง​กล่าว​ช้าๆ ว่า​ “บางที​อาจจะ​มีค่าตอบแทน​ที่​พวกเรา​ไม่รู้​ ซึ่งหนิง​เยี่ยน​เป็น​คน​จ่าย​เอง​”

บรรยากาศ​รอบ​โต๊ะ​ผ่อนปรน​ลง​ เหล่า​นายทหาร​ฝ่าย​เสนาธิการ​พูดคุย​หัวเราะ​ชอบใจ​ด้วย​ความรู้สึก​ลึกซึ้ง​

“ไม่รู้​ว่า​ฆ้อง​เงิน​สวี่​จะจัดการ​เรื่อง​ที่​ซินเจียง​ตอน​ใต้​เสร็จ​เรียบร้อย​เมื่อใด​ หาก​เขา​มาที่​ชิงโจว​ได้​ กองทัพ​กบฏ​จะไม่ถูก​ทำลาย​ได้​อย่างไร​”

“ถึงแม้เขา​จะไม่ได้​อยู่​ใน​สนามรบ​ แต่​ก็​ยังคง​สนใจ​ชิงโจว​อยู่​ไม่ใช่รึ​”

เมื่อ​พูดถึง​จอม​ยุทธ์​ที่​เจริญรุ่งเรือง​ดุจดั่ง​พระอาทิตย์​กลาง​ท้องฟ้า​คน​นั้น​ ถึงแม้คน​ที่นั่ง​อยู่​ล้วน​เป็น​ปัญญาชน​แต่​ใน​ใจก็​มีความ​เคารพนับถือ​ ต้อง​รู้​ว่า​ปัญญาชน​ดูถูก​จอม​ยุทธ์​ที่​หยาบคาย​ที่สุด​

“ดู​ตอนนี้​แล้ว​ ยัง​ต้อง​ขอบคุณ​เว่ยกง​ เขา​ทำให้​เสาหลัก​ของ​ต้าฟ่ง​ดำเนินต่อไป​ หาก​ไม่ใช่เพราะ​ความเสียสละ​ของ​เขา​ก็​คง​พังทลาย​ไป​แล้ว​”

ต้าฟ่ง​ไม่มีเว่ยเยวียน​แล้ว​ แต่​ก็​มีสวี่​ชีอัน​ที่​เพิ่ม​เข้ามา​ และ​การ​ถ่ายทอด​ก็​ยังคง​ไม่สูญหาย​

ห​ลี่​มู่ไป๋​ขมวดคิ้ว​และ​กล่าว​พึมพำ​ “สมแล้ว​ที่​หนิง​เยี่ยน​เป็น​ศิษย์​ของ​ข้า​ วิชา​เชื่อม​แนว​ขวาง​ประสาน​แนวดิ่ง​เป็น​ความรู้​ใน​ระดับ​สุดยอด​ คำสอน​ของ​ข้า​ตลอด​หลาย​ปี​ก็​ไม่เสียเปล่า​”

สวี่​หนิง​เยี่ยน​เป็น​นักเรียน​ในนามของ​เขา​

หยาง​กง​มอง​สหาย​ร่วม​ชั้น​ด้วย​สีหน้า​ไร้อารมณ์​พลาง​กล่าว​เสียง​เบา​ว่า​ “ใช่ ข้า​ก็​พอใจ​กับ​เจ้าสวี่​หนิง​เยี่ยน​มาก​เช่นกัน​ ตลอด​หลาย​ปี​ที่ผ่านมา​เขา​ไม่เคย​ทำให้​ข้า​ขายหน้า​”

ปราชญ์​ผู้ยิ่งใหญ่​ทั้งสอง​ท่าน​แห่ง​สำนัก​อวิ๋น​ลู่​ต่าง​ก็​สบตา​กัน​ราวกับ​ประกายไฟ​ปะทะ​กัน​ใน​อากาศ​

สอง​วัน​ต่อมา​ ห่าง​จาก​หว่าน​จวิ้น​สิบ​ลี้​ ฐานทัพ​ของ​กองทัพ​อวิ๋น​โจว​

นก​ยักษ์​สีแดง​เพลิง​แปด​ตัว​บินลง​มาจาก​ท้องฟ้า​ ผ่าน​ยอด​กระโจม​และ​ถลา​ลง​ทาง​ด้าน​ตะวันตกเฉียงเหนือ​ของ​ค่ายทหาร​

ชีก่วง​ป๋อ​ในเวลานี้​กำลัง​ฝึกซ้อม​เตรียมพร้อม​บน​กระบะ​ทราย​กับ​ผู้​วางแผน​และ​นายพล​แต่ละ​ค่าย​

“ด้วย​กำลัง​ทหาร​ของ​ฝ่าย​เรา​ หาก​โจมตี​หว่าน​จวิ้น​จะสามารถ​เอาชนะ​ได้​ภายใน​สิบ​วัน​ แต่​หว่าน​จวิ้น​มีปราชญ์​ผู้ยิ่งใหญ่​จางเซิ่นอ​ออก​นั่ง​บัญชาการ​รักษาการณ์​ด้วย​ตนเอง​ วิชาเอก​ของ​บุคคล​นี้​คือ​การ​ทำสงคราม​ จึงไม่ควร​ประมาท​ หาก​โจมตี​ เกรง​ว่า​กองทัพ​ชั้น​หน้า​ของ​เรา​จะเสียหาย​”

เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​มอง​ไป​ที่​กระบะ​ทราย​และ​กล่าว​ด้วย​ความ​พินิจพิเคราะห์​ เห็น​คิ้ว​ของ​นายพล​แต่ละ​ท่าน​ขมวด​แน่น​เป็น​ปม​ เขา​จึงกล่าว​เสียงทุ้ม​ว่า​ “อย่าง​ที่​ข้า​เคย​พูด​ไป​ก่อนหน้านี้​ สิ่งที่​สำคัญ​ที่สุด​ใน​การ​โจมตีชิง​โจว​คือ​ความมั่นคง​ ไม่ใช่ความเร็ว​ ยิ่ง​โจมตี​เร็ว​เท่าใด​ นักรบ​ก็​ยิ่ง​เสียหาย​เร็ว​ขึ้น​เท่านั้น​ ตอนที่​พวกเรา​ไม่สามารถ​โจมตี​ไป​ถึงเมืองหลวง​ได้​ ฝ่าย​นักรบ​ก็​เหลือ​จำนวน​น้อย​ ดังนั้น​ เพื่อ​จัดการ​กับ​หว่าน​จวิ้น​ จะเป็นการ​ดี​ที่สุด​ที่จะ​ล้อม​ไว้​มากกว่า​โจมตี​แล้ว​ค่อยๆ​ ปล่อย​ให้​เหนื่อย​จนตาย​ ถ้ากองทัพ​ชิงโจว​มาสนับสนุน​ได้​ทัน​ พวกเรา​ก็​จะขจัด​มัน​ให้​หมด​ มาเท่าใด​ก็​ขจัด​เท่านั้น​”

นายพล​ท่าน​หนึ่ง​ส่าย​ศีรษะ​

“สมมุติฐาน​ของ​การ​ฟัน​ด้วย​ดาบ​ทื่อ​คือ​การ​ยึด​อำเภอ​ซงซาน​มาได้​ หาก​ขจัด​อำเภอ​ซงซาน​และ​ตง​ห​ลิง​ถึงจะสามารถ​บังคับ​ให้​กองทัพ​ชิงโจว​มารักษา​ความมั่นคง​ของ​หว่าน​จวิ้น​ได้​อย่าง​สุดความสามารถ​ มิเช่นนั้น​ พวกเขา​ก็​จะใช้อำเภอ​ซงซาน​เป็น​ฐาน​อย่าง​สมบูรณ์​ เพื่อ​ส่งกองกำลัง​ทหาร​ไป​ร่วมกับ​กองทหาร​ตง​ห​ลิง​และ​ขจัด​ทีม​ของ​จีเสวียน​ หาก​เป็น​เช่นนี้​ หว่าน​จวิ้น​จะกลายเป็น​ก้อนหิน​แข็ง​ที่​ขัดขวาง​กำลัง​หลัก​ของ​กองทัพ​เรา​”

ในที่สุด​ผู้นำ​ทัพ​ชีก่วง​ป๋อ​ก็​เปิดปาก​พูด​ “จัว​เฮ่าหรา​น​มีรายงาน​กลับมา​หรือไม่​?”

เมื่อ​ไม่กี่​วัน​ที่ผ่านมา​ จัว​เฮ่าหรา​น​ส่งรายงาน​ด่วน​กลับมา​ว่า​ นักรบ​ชั้นยอด​หก​พัน​คน​พบ​การ​ต่อต้าน​อย่าง​แข็งกร้าว​จาก​กองทหาร​รักษาการณ์​ที่​อำเภอ​ซงซาน​และ​ต้องการ​กำลัง​เสริม​

ชีก่วง​ป๋อ​ส่งกองทัพ​หงส์แดง​สี่สิบ​ตัว​ไป​ช่วย​สนับสนุน​โดยเร็ว​ที่สุด​

ตามเหตุผล​แล้ว​ อำเภอ​ซงซาน​ก็​ควรจะ​ชนะ​เช่นกัน​

“เจ้าสวี่​ซินเหนียน​ทำให้​ข้า​ผิดคาด​มาก​ ถึงแม้จัว​เฮ่าหรา​น​จะไม่ชำนาญ​ใน​การ​ล้อม​โจมตี​ แต่​นักรบ​กล้าหาญ​หก​พัน​นาย​ภายใต้​บังคับบัญชา​ของ​เขา​ ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​สำหรับ​ชายหนุ่ม​อายุ​น้อย​ที่จะ​สามารถ​มาถึงขั้น​นี้​ได้​”

ชีก่วง​ป๋อ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​ “นั่น​คือ​พรสวรรค์​”

ในขณะที่​กล่าว​ เสียง​ฝีเท้า​วิ่ง​เตลิด​ก็​มาหยุด​ลง​ที่​นอก​กระโจม​ ชีก่วง​ป๋อ​มอง​ไป​ทาง​ช่อง​ที่​เปิด​อยู่​ เห็น​ทหาร​คน​หนึ่ง​วิ่ง​มาจาก​ที่​ไกลๆ​ จึงกล่าวว่า​ “มีเรื่อง​อะไร​”

ทหาร​ที่มา​รายงาน​กล่าว​เสียงดัง​ว่า​ “กองทัพ​หงส์แดง​กลับมา​ที่​ค่าย​แล้ว​ขอรับ​ มีรายงาน​ว่า​ นักรบ​ชั้นยอด​หก​พัน​นาย​ที่​ยกทัพ​ไป​อำเภอ​ซงซาน​ถูก​กวาดล้าง​หมด​แล้ว​ขอรับ​ จัว​เฮ่าหรา​น​หนี​ไป​ ไม่รู้​ว่า​ไป​ที่ใด​ ส่วน​กองทัพ​หงส์แดง​เหลือ​กลับมา​เพียง​แปด​ตัว​จาก​สี่สิบ​ตัว​ขอรับ​”

ในขณะที่​กล่าว​ก็​วาง​กระดาษ​ข้อมูล​ลง​บน​พื้น​

ภายใน​กระโจม​ สีหน้า​ของ​นายพล​ทุกท่าน​ต่าง​ก็​เปลี่ยนไป​อย่าง​มาก​

ชีก่วง​ป๋อ​หรี่ตา​ลง​ สีหน้า​และ​ท่าทาง​ของ​เขา​เคร่งขรึม​ขึ้น​เล็กน้อย​ เขา​ก้าว​ไป​ข้างหน้า​ หยิบ​กระดาษ​รายงาน​จาก​มือ​ของ​ทหาร​และ​เริ่ม​อ่าน​ออกเสียง​ “แม่ทัพ​ใหญ่​?”

เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​ตะโกน​เสียง​เบา​

ชีก่วง​ป๋อ​ส่งรายงาน​ใน​มือ​ของ​ตนเอง​ไป​โดย​ไม่ได้​แสดงออก​ใดๆ​

เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​อ่าน​จบ​แล้วก็​ตก​อยู่​ใน​ความ​เงียบ​

ข้อมูล​เผยแพร่​ไป​ใน​หมู่​นายพล​ของ​แต่ละ​ค่าย​ ท่ามกลาง​ความ​เงียบ​นั้น​ ในที่สุด​ก็​มีคน​ที่​ทน​ไม่ได้​และ​กัดฟัน​กล่าวว่า​ “เผ่า​กู่​เป็น​พันธมิตร​กับ​ต้าฟ่ง​แล้ว​”

ช่วง​ก่อนหน้านี้​ที่​เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​กลับ​ไป​ที่​ค่ายทหาร​ หลังจาก​แจ้งให้​ทุกคน​ทราบ​ว่า​การผูก​พันธมิตร​กับ​เผ่า​กู่​ล้มเหลว​ กองทัพ​ชั้น​อาวุโส​ขอ​งอ​วิ๋น​โจว​ก็​มีลางสังหรณ์​ไม่ดี​คลุมเครือ​อยู่​ใน​ใจแล้ว​

นายพล​ทุกท่าน​ต่าง​ก็​มอง​ไป​ที่​ชีก่วง​ป๋อ​

ผู้บัญชาการ​สูงสุด​ของ​กองทัพ​อวิ๋น​โจว​ท่าน​นี้​ตก​อยู่​ใน​ความ​เงียบ​เป็นเวลา​นาน​ ก่อน​จะกล่าวว่า​ “น่าสนใจ​”

ย้อนกลับ​ไป​ตอนที่​เขา​เข้าร่วม​กองทัพ​ครั้งแรก​ สิ่งที่​เขา​พูด​ก็​คือ​คำ​นี้​ ตอนที่​ฝึกซ้อม​เตรียมพร้อม​บน​กระบะ​ทราย​กับ​สวี่​ผิง​เฟิง สิ่งที่​เขา​พูด​ก็​ยัง​เป็น​คำ​นี้​

ตง​ห​ลิง​ ประตูเมือง​ทางทิศใต้​พังทลาย​ลง​เป็น​ซากปรักหักพัง​

ใน​ตอนแรก​ กองทหาร​รักษาการณ์​ของ​ต้าฟ่ง​และ​กองทัพ​อวิ๋น​โจว​เปิดฉาก​รบ​และ​ยึด​ถนน​สู้กัน​ใน​เมือง​ จากนั้น​ไฟแห่ง​สงคราม​ก็​แผดเผา​ไป​ทั่ว​พื้นที่​ทุก​ตารางนิ้ว​ของ​เมือง​

หลังจาก​จาก​สู้รบ​กัน​บน​ท้องถนน​เป็นเวลา​หก​วัน​ จำนวน​ประชากร​ใน​เมือง​ก็​ลดลง​กว่า​ครึ่งหนึ่ง​

ประชาชน​บางส่วน​หลบหนี​จาก​ตง​ห​ลิง​ บางส่วน​ถูก​กองทัพ​อวิ๋น​โจว​หรือไม่​ก็​กองทัพ​ต้าฟ่ง​บีบบังคับ​ให้​เป็น​ทหาร​เข้าร่วม​กองทัพ​ บางส่วน​ก็​ตาย​ลง​ใน​เปลวเพลิง​แห่ง​สงคราม​

จากนั้น​ กองทหาร​รักษาการณ์​ของ​ต้าฟ่ง​ก็​ถอยทัพ​ออกจาก​ตง​ห​ลิง​และ​ไป​เปิดฉาก​รบ​ใน​สนาม​กับ​กองทัพ​อวิ๋น​โจว​

สงคราม​ใน​เมือง​เพิ่งจะ​สงบ​ลง​ แต่​สิ่งที่​ตามมา​คือ​การปล้นสะดม​ของ​กองทัพ​อวิ๋น​โจว​ เงิน​ อาหาร​ และ​ผู้หญิง​ใน​ครอบครัว​ของ​ประชาชน​ถูก​ปล้น​ไป​ทั้งหมด​

ใน​ลานบ้าน​ที่​ถูก​ป้องกัน​ไว้​เป็น​อย่าง​ดี​หลัง​หนึ่ง​ สวี่​ผิง​เฟิงกำลัง​ไอ​ด้วย​ใบหน้า​ซีดเซียว​ พร้อมกับ​เลือด​ที่​ไหล​ออก​มาจาก​ฝ่ามือ​ของ​เขา​

พระโพธิสัตว์​เจีย​หลัว​ซู่นั่งขัดสมาธิ​อยู่​บน​ฟูก​ เพราะ​มีเขา​อยู่​ อุณหภูมิ​ใน​ลานบ้าน​จึงร้อนระอุ​ราวกับ​อากาศ​กลาง​ฤดูร้อน​

“ไม่ได้​บาดเจ็บ​หนัก​เช่นนี้​มาหลาย​ปี​มาก​แล้ว​ อาจารย์​ก็​ยัง​เป็น​อาจารย์​”

แม้ว่า​ร่างกาย​จะได้รับ​บาดเจ็บสาหัส​ แต่​ใน​ดวงตา​ของ​สวี่​ผิง​เฟิงกลับ​มีรอยยิ้ม​

เขา​ชำเลือง​มอง​เจีย​หลัว​ซู่ “แต่​ต่อให้​เป็น​อาจารย์​ก็​ไม่สามารถ​ทำให้​ท่าน​บาดเจ็บ​หนัก​ได้​”

เจีย​หลัว​ซู่หลับตา​ทำสมาธิ​และ​กล่าว​เสียง​เบา​ว่า​ “ตอนนั้น​ท่าน​โหราจารย์​รุ่น​ที่หนึ่ง​ก็​ทำ​อะไร​ข้า​ไม่ได้​เช่นกัน​ ยกเว้น​ตอนที่​อาณาจักร​หมื่น​ปีศาจ​พินาศ​ย่อยยับ​ ข้า​เกือบตาย​ด้วย​น้ำมือ​ของ​เสิน​ซู ข้า​ไม่เคย​ได้รับบาดเจ็บ​มาห้า​ร้อย​ปี​แล้ว​ ดูเหมือน​เผ่า​กู่​จะร่วม​สงคราม​ด้วย​”

สวี่​ผิง​เฟิงส่าย​ศีรษะ​อย่าง​เฉยเมย​

“มัน​เป็นเรื่อง​เล็กน้อย​ การผูก​พันธมิตร​กับ​เผ่า​กู่​เป็น​เพียง​ฉาก​บังหน้า​ จุดประสงค์​ที่​แท้จริง​คือ​การ​ส่งไป๋​ตี้​จำแลง​กาย​ไป​พบ​เทพเจ้า​กู่​ สำหรับ​ลูกชาย​คนโต​ของ​ข้า​ ปล่อย​ให้​เขา​กระโดดโลดเต้น​ไป​เถอะ​ เลื่อน​ขึ้น​ขั้น​ผสาน​เต๋า​เมื่อใด​ ถึงจะมีคุณสมบัติ​ต่อกร​กับ​ข้า​ เฮ้อ​ หลาย​ปี​ผ่าน​ไป​เช่นนี้​ ในที่สุด​ข้า​ก็​ไขข้อข้องใจ​ของ​ข้า​ได้​เสียที​”

เจีย​หลัว​ซู่ลืมตา​และ​จ้องมอง​เขา​

“เรื่อง​อะไร​รึ​”

สวี่​ผิง​เฟิงกล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ข้า​น่าจะ​รู้​แล้ว​ว่า​คน​เฝ้าประตู​คือ​ใคร​”

……………………………………………………

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท