ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 547 มื้ออาหารส่งท้าย

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 547 มื้ออาหารส่งท้าย

ตอนที่ 547 มื้ออาหารส่งท้าย

ประตูห้องถูกปิดกระแทกอย่างแรง พ่อหยางหันมองดูภรรยาของเขาแล้วพูดว่า “แม่หงเสีย อย่าทำตัวหน้าเลือดเกินไปได้ไหม ด้วยภูมิหลังครอบครัวตระกูลเฉินแล้ว อย่าว่าแต่ห้าร้อยเลย ห้าพันพวกเขาก็จ่ายได้ ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะยอมรับข้อเสนอหรือเปล่า”

แม่หยางตะคอกอย่างเย็นชา “ถ้าอย่างนั้นก็เรียกเพิ่มอีกห้าพันไปเลย ดูซิว่าพวกนั้นจะมีความจริงใจแค่ไหน”

“คุณคิดว่าเฉินเจียซิ่งหาเมียใหม่นอกจากลูกสาวเราไม่ได้เหรอ? ระดับครอบครัวแบบพวกเขา จะหาผู้หญิงแบบไหนมาแต่งงานด้วยไม่ได้บ้าง หงเสียโชคดีที่เป็นเพื่อนร่วมงานของเฉินเจียซิ่ง เพราะแบบนั้นหล่อนเลยมีโอกาสได้สนิทสนมใกล้ชิดกับเขา อย่าตั้งเงื่อนไขจริงจังไปหน่อยเลย ถ้าหล่อนไม่ได้แต่งจริง ๆ คุณนั่นแหละที่จะเสียใจ”

หลังจากได้ยินสิ่งที่สามีพูด แม่หยางก็ตกอยู่ในห้วงความคิดอันลึกซึ้ง

พ่อหยางพูดต่อด้วยความโกรธ “หงเสียไม่ได้บอกหรอกเหรอว่าเมียเก่าของเฉินเจียซิ่งยังอยากกลับมาคืนดีกับเขาอยู่? ผมคิดว่าเป็นคุณนั่นแหละที่พยายามทำลายการแต่งงานของลูกตัวเอง”

แม่หยางโต้กลับ “ฉันเปล่า ฉันทำแบบนั้นลงไปก็เพื่อประโยชน์ของหล่อนเองทั้งนั้น และก็พยายามสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับครอบครัวเราด้วย”

พ่อหยางแตะคางแล้วพูดต่อ

“ขอแค่พวกเขาได้แต่งงานกันแล้วกลายเป็นสามีภรรยาอย่างถูกต้อง ถ้าเราต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขาในอนาคต พวกเขาจะทำใจเพิกเฉยได้จริงเหรอ? หลังแต่งงานค่อยสอนให้หงเสียควบคุมเฉินเจียซิ่ง ยังไงหล่อนก็เป็นลูกเรา คิดว่าหล่อนจะเชื่อฟังใครล่ะ?”

“คุณพูดถูก งั้นเราไปบอกหงเสียกันว่าเราจะไม่เรียกค่าสินสอดเพิ่มแล้ว มาจัดงานแต่งให้เสร็จสิ้นกันก่อน”

“ได้ ผมจะไปคุยกับลูกเอง”

อีกด้านหนึ่ง หลังจากได้ยินหยางหงเสียบอกว่าพ่อแม่ของหล่อนต้องการเรียกสินสอดเพิ่ม แม้ว่าเฉินเจียซิ่งจะตกลงแต่โดยดี ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

ครอบครัวของเขาเป็นคนจ่ายสินสอดทองหมั้นตามที่ตกลงกันไว้ในอัตราก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้มีส่วนต่างเพิ่มมา เขาก็ละอายเกินกว่าจะไปขอพ่อแม่อีกครั้ง และกลัวว่าพวกเขาจะมีอคติต่อครอบครัวของหยางหงเสีย

ดังนั้น เฉินเจียซิ่งจึงคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ และตัดสินใจแบกหน้าไปหาพี่ชายคนโต

ตั้งใจว่าจะขอยืมเงินมาก้อนหนึ่งก่อน จ่ายชดเชยเงินส่วนต่างด้วยตัวเอง แล้วค่อยหามาคืนพี่ชายหลังจากได้รับเงินเดือนแล้ว

หยางหงเสียเป็นคนดี หล่อนไม่รังเกียจที่เขาเคยผ่านการหย่าร้างมาก่อน และไม่ใช่คนโลภไร้สาระ หล่อนบอกว่าห้าร้อยก็คือห้าร้อย

ระหว่างทางไปบ้านของเฉินเจียเหอ เฉินเจียซิ่งกลับได้เจอกับคนที่เขาอยากเจอน้อยที่สุด

“เฉินเจียซิ่ง”

เมื่อเฉินเจียซิ่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเรียกชื่อเขา ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อโดยไม่รู้ตัว

เขาไม่แม้แต่จะมองย้อนกลับไป แต่ในขณะที่เขากำลังจะก้าวไปข้างหน้า เสิ่นเสี่ยวเหมยก็ตะโกนอีกครั้ง “เจียซิ่ง รอเดี๋ยว”

หล่อนไล่ตามเขาจนทันและมายืนอยู่ตรงหน้า

เฉินเจียซิ่งมองไปยังหญิงสาวที่ยังคงแต่งตัวจัดจ้านเหมือนเดิม เขาขมวดคิ้ว “คุณจะทำไมอีก?”

“เจียซิ่ง เรามาคุยกันหน่อยได้ไหม?” หน้าตาของเสิ่นเสี่ยวเหมยดูซีดเซียวกว่าคราวที่แล้ว แม้ว่าจะแต่งหน้าจัดแค่ไหน ก็ยังไม่สามารถซ่อนรอยคล้ำใต้ดวงตาได้

หล่อนมองเฉินเจียซิ่งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยการอ้อนวอนขอ “ฉันอยากบอกอะไรบางอย่างกับคุณ”

“เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก” เมื่อเฉินเจียซิ่งเห็นหล่อน ปฏิกิริยาแรกของเขาคือชิงชังรังเกียจ และต้องการถอยให้ห่างจากอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

เฉินเจียซิ่งหันหลังกลับอย่างไม่แยแส พยายามหลีกเลี่ยงเสิ่นเสี่ยวเหมย แต่เสิ่นเสี่ยวเหมยก็ยังวิ่งไปข้างหน้าขวางทางเขาอีกครั้ง

หล่อนถือวิสาสะคว้าแขนเขาไว้ มองหน้าละห้อยพลางขอร้องว่า “เจียซิ่ง ฉันขอร้อง ช่วยให้โอกาสฉันแล้วมาคุยกันดี ๆ หน่อยได้ไหม? ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณไม่มีฉันอยู่ในใจแล้วจริง ๆ ลองคิดดูสิ เมื่อก่อนตอนอยู่ด้วยกันเรามีความสุขมากแค่ไหน ฉันสำนึกแล้วว่าฉันผิด คุณให้อภัยฉันและให้โอกาสฉันเถอะนะ เราจะได้เริ่มต้นกันใหม่”

เสิ่นเสี่ยวเหมยลดท่าทางหยิ่งยโสแต่เดิมลงสู่ระดับต่ำสุด กระนั้นเฉินเจียซิ่งก็ไม่สนใจที่จะปรายตามองด้วยซ้ำและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เสิ่นเสี่ยวเหมย ผมมีแฟนแล้ว และกำลังจะแต่งงานกันในเร็ว ๆ นี้ เราสองคนหย่าขาดจากกันแล้ว แปลว่าไม่ควรเกี่ยวข้องพัวพันกันอีกต่อไป คุณควรออกไปตามหาความรักของตัวเองซะ ชะตากรรมอันเลวร้ายระหว่างเรามันจบลงไปนานแล้ว ทำไมถึงยังไม่ยอมปล่อยมืออีก?”

การปฏิเสธอย่างเย็นชาของเฉินเจียซิ่ง ทำให้เสิ่นเสี่ยวเหมยเกิดอารมณ์สะเทือนใจ ถามทั้งน้ำตา “ฉันไม่เชื่อว่าคุณจะลบลืมความสัมพันธ์ของเราไปจริง ๆ ก่อนหน้านี้คุณเคยรักฉันมาก เคยให้สัญญาว่าจะดีกับฉันไปทั้งชีวิต ตามใจและเอาใจฉันตลอดไป คำพูดของคุณทั้งหมดในวันนั้นเป็นแค่เรื่องโกหกงั้นเหรอ?”

“ผมเคยรักคุณ แต่คุณต่างหากที่ไม่รู้จักทะนุถนอมมัน ความรักที่ผมมีต่อคุณมันหมดอายุไปนานแล้ว”

หลังจากที่เฉินเจียซิ่งพูดจบ เขาก็กำลังจะก้าวไปข้างหน้า แต่เสิ่นเสี่ยวเหมยดึงเขาไว้ไม่ยอมปล่อย

“ฉันรู้ตัวแล้วว่าฉันผิด หลังจากนี้ฉันจะรักคุณอย่างดี จะใจดีกับคุณให้มาก จะปรับนิสัยเป็นผู้หญิงที่เกรงใจ ให้เกียรติ อ่อนโยน และใช้ชีวิตที่ดีร่วมกับคุณ เรามาคืนดีกันได้ไหม? ฉันปล่อยคุณไปไม่ได้จริง ๆ ฉันไม่เคยปล่อยวางจากความรักในอดีตระหว่างเราได้เลย”

เฉินเจียซิ่งไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด แถมยังสลัดหล่อนออกไปอย่างแรง มองหล่อนแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เสิ่นเสี่ยวเหมย คิดซะว่าเราสองคนตายจากกันไปแล้ว ต่างคนต่างฝังกลบอดีตเอาไว้ให้ดี โปรดอย่าทำแบบนี้อีกในอนาคต เรื่องระหว่างเรามันจบแล้ว มันไม่มีทางกลับมาสานต่อ เพราะผมกำลังจะแต่งงานใหม่”

เฉินเจียซิ่งตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ผลักเสิ่นเสี่ยวเหมยออกไปให้พ้นทาง ให้ตายก็ไม่มีวันให้โอกาสหล่อน

เสิ่นเสี่ยวเหมยมองเขาอย่างสิ้นหวัง น้ำตาไหลอาบแก้ม “เฉินเจียซิ่ง คุณใจร้ายขนาดนี้กับฉันได้ลงคอจริง ๆ เหรอ? ฉันตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเองมานานแล้ว ทำไมถึงไม่ยอมให้โอกาสฉันบ้าง? ผู้หญิงคนนั้นมันมีอะไรดีไปกว่าฉันตรงไหน? ฉันรู้มาว่าหล่อนยากจนมาก ไม่คู่ควรกับคุณเลยสักนิด อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า”

“ไม่ว่าหล่อนจะคู่ควรหรือเปล่า มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”

เฉินเจียซิ่งพูดต่อ “ต่อให้ผมจะไม่ได้แต่งงานกับหยางหงเสีย ผมก็ไม่มีวันกลับไปคืนดีกับคนอย่างคุณอีก ยอมแพ้ซะเถอะ”

พูดถึงความใจร้าย หล่อนก็เคยใจร้ายกับเขาอย่างที่สุดเหมือนกัน

ศักดิ์ศรีของเขาถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้เท้าของเสิ่นเสี่ยวเหมย เขาเป็นเหมือนสุนัขรับใช้ที่ไม่มีตัวตน คอยเลียแข้งเลียขาหล่อนทุกวัน

หนำซ้ำยังคล้อยตามหล่อนกระทำความผิดแบบไม่สนหลักการใด ๆ

ในที่สุดเขาก็ได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างมีอิสระอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว เขาจะโง่ถึงขั้นกระโดดกลับลงหลุมไฟได้อย่างไร

เฉินเจียซิ่งไม่ให้พื้นที่ในการปรองดอง ทำให้แสงดำมืดฉายวาบผ่านดวงตาของเสิ่นเสี่ยวเหมย หล่อนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ดูเหมือนจะยอมรับชะตากรรมของตัวเอง

จากนั้นก็มองไปที่เฉินเจียซิ่ง และพูดอย่างใจเย็น

“ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่บังคับจิตใจคุณแล้ว แต่ช่วยไปกินข้าวกับฉันสักมื้อได้ไหม? ถือว่าเป็นการอำลาครั้งสุดท้าย ถึงก่อนหน้านี้เราจะมีความทรงจำที่เลวร้ายต่อกันมากเกินไป แต่คุณเคยบอกไม่ใช่เหรอ ว่าเราสองคนจะแยกทางจากกันได้ด้วยดี งั้นถือซะว่าฉันขอโอกาสอวยพรคุณเป็นครั้งสุดท้ายแล้วกันนะ ถ้าเราได้ไปกินข้าวด้วยกันครั้งนี้ ฉันรับปากว่าจะออกจากไห่เฉิง ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ไกลจากสายตาคุณ”

เฉินเจียซิ่งไม่คาดคิดว่าทัศนคติของเสิ่นเสี่ยวเหมยจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว อารมณ์กลับมามั่นคงแทบจะในทันที

แต่เขาไม่อยากไปกินข้าวแบบสองต่อสองกับเสิ่นเสี่ยวเหมย

เมื่อเห็นท่าทางความลังเลของเฉินเจียซิ่ง เสิ่นเสี่ยวเหมยก็ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า

“แม้แต่กินข้าวคุณคงไม่เต็มใจด้วยซ้ำใช่ไหมล่ะ? วันนี้ที่ฉันมาหา ก็เพราะอยากจะพยายามอ้อนวอนขอเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อให้เห็นกับตาว่าคุณปฏิเสธแน่นอนแล้ว ไม่ว่ายังไงฉันก็เคยพยายามอย่างหนักเพื่อรักษาคุณไว้ ดังนั้นวันข้างหน้าฉันจะไม่รู้สึกเสียใจอีก

“เราไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อเพื่อเป็นการร่ำลาอดีตกันเถอะ ฉันรู้ว่าเมื่อก่อนตัวเองบ้าแค่ไหน คุณเองก็คงผิดหวังในตัวฉันมาก ถือว่ามื้อนี้ก็เป็นการไถ่โทษด้วยแล้วกัน ต่อไปนี้เราจะแยกย้ายกันกลับไปสู่เส้นทางของใครของมัน ฉันจะไปจากที่นี่ ชีวิตของคุณจะไม่ถูกฉันรบกวนอีกต่อไป”

สิ่งที่เสิ่นเสี่ยวเหมยพูดนั้นฟังดูจริงใจมาก เฉินเจียซิ่งอยากปฏิเสธอีกครั้ง แต่เขากลัวว่าถ้ารอบนี้ยังไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนปรนอีก เขาคงหนีการตามหลอกหลอนของเสิ่นเสี่ยวเหมยไม่พ้น เพราะหล่อนจะถือว่าพวกเขาไม่ได้อำลากันเป็นครั้งสุดท้าย

ถ้าทัศนคติของเสิ่นเสี่ยวเหมยเป็นไปในทิศทางที่ดี สามารถสงบสติอารมณ์ และมีเหตุผลเหมือนเมื่อก่อน คงดีสำหรับพวกเขาทั้งคู่ที่จะกินข้าวด้วยกันสักมื้อก่อนแยกทาง จากกันโดยดี ปล่อยวางความสัมพันธ์ในอดีตระหว่างพวกเขา

เฉินเจียซิ่งคิดอยู่นาน ในที่สุดก็พยักหน้า “เอาล่ะ เราไปกินข้าวด้วยกันเถอะ”

จบมื้ออาหารครั้งนี้ พวกเขาจะได้แยกทางกันอย่างจริงจังเสียที

เฉินเจียซิ่งบอกว่าเขาสามารถกินอะไรง่าย ๆ ที่ร้านอาหารข้างทางก็ได้ แต่เสิ่นเสี่ยวเหมยยืนกรานที่จะพาเขาไปห้องอาหารของโรงแรมไห่เฉิง

ที่นี่คือสถานที่สำคัญแห่งใหม่ที่เพิ่งสร้างขึ้นในไห่เฉิง เป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ รวมห้องอาหารและที่พักไว้ด้วยกัน

“ไม่เห็นต้องกินมื้อใหญ่ที่นี่เลย เปลืองเงินเปล่า”

เฉินเจียซิ่งมองขึ้นไปที่บนอาคารโรงแรมยิ่งใหญ่ตระการตา ไม่กล้าก้าวเท้าไปข้างหน้า

เขายังไม่เคยมาที่โรงแรมไห่เฉิงมาก่อน ได้ยินมาว่าอาหารแต่ละอย่างของที่นั่นไม่ใช่ถูก ๆ เลย

แม้แต่ปู่ของเขายังไม่กล้าจองห้องอาหารโรงแรมในไห่เฉิงเพื่อต้อนรับตายายของเขาด้วยซ้ำ

มันหรูหราเกินไป

ยิ่งไปกว่านั้นเสิ่นเสี่ยวเหมยยังไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง ดังนั้นคนที่ต้องจ่ายหลังกินเสร็จคงไม่พ้นเขา

เงินเดือนอันน้อยนิดของเขาหรือจะเพียงพอ?

เขาไม่อยากใช้จ่ายเงินไปกับโอกาสที่ไม่จำเป็น

โดยเฉพาะการจ่ายเงินเพื่อกินอาหารระดับไฮเอนด์กับเสิ่นเสี่ยวเหมย มันคือการเอาเงินไปผลาญเล่น

เขาแค่อยากหาร้านนั่งกินแบบสบาย ๆ เพื่อที่จากนี้จะได้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนี้อีก

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พ่อแม่หยางนี่ก็หน้าเลือดขายลูกกิน ระวังขาดทุนลูกสาวโดนล้มงานแต่งแล้วจะร้องไห้ไม่ออกนะ

รอบนี้ยัยเสี่ยวเหมยน่ากลัวมาก เจียซิ่งกดสัญญาณขอความช่วยเหลือด่วน

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท