ตอนที่ 1464 ไม่ประมาณตน
หลิ่วหรูซื่อยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์กว่าเดิม
“ตงอี๋เป็นเพียงแคว้นเล็กเท่านั้น ไม่ต้องเทียบกับซีเหลียง แค่เทียบกับหรงตี๋ยังไม่ได้เลย ทว่า ตงอี๋กลับบังอาจคิดข่มขู่ต้าโจว กล้าทำกับขุนนางของต้าโจวถึงเพียงนี้ พวกท่านช่างไม่ประมาณตนเอาเสียเลย!”
จักรพรรดิตงอี๋หยัดกายตรงมองไปทางหลิ่วหรูซื่อนิ่ง
“เช่นนั้นก็มารอดูกันว่าต้าโจวจะยกทัพบุกมาทำลายตงอี๋หรือจะเห็นความสำคัญกับการเดิมพันกับต้าเยี่ยนมากกว่ากัน!”
เดิมทีจักรพรรดิตงอี๋แค่อยากมาหยั่งเชิงหลิ่วหรูซื่อว่าที่จักรพรรดินีต้าโจวไม่ยอมมอบหยกจักจั่นให้เขาเป็นเพราะหยกจักจั่นชิ้นนั้นคือของดูต่างหน้าของสามีของนางหรือไม่ นางถึงได้ส่งหยกจักจั่นปลอมมาหลอกเขาเช่นนี้
หากหยกจักจั่นไม่ได้อยู่ในมือของจักรพรรดินีต้าโจว ชาวบ้านธรรมดาในเมืองต้าโจวจะสร้างหยกจักจั่นปลอมที่เหมือนกับหยกจักจั่นจริงไม่มีผิดเพี้ยนเช่นนี้ขึ้นมาได้อย่างไรกัน เขาลองพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว หากไม่ตรวจดูให้ดีจริงๆ คงไม่มีทางแยกออกว่าหยกจักจั่นที่ส่งมาเป็นของปลอมแน่นอน
จักรพรรดิตงอี๋ไม่ได้นอนทั้งคืน เขาพิจารณาหยกจักจั่นสามชิ้นนั้นทั้งคืนจนได้ข้อสรุปว่าหยกจักจั่นตัวผู้ตัวจริงต้องอยู่ในมือของจักรพรรดินีต้าโจวแน่ๆ ต่อให้ไม่ได้อยู่ในมือของจักรพรรดินีต้าโจว นางก็หาตัวคนที่ปลอมแปลงหยกจักจั่นชิ้นนี้พบแล้วอย่างแน่นอน คนที่ปลอมแปลงหยกจักจั่นต้องมีหยกตัวจริงอยู่แน่มิเช่นนั้นเขาไม่มีทางเลียนแบบได้แทบจะเหมือนจริงไม่มีผิดเพี้ยนเช่นนี้แน่นอน
จักรพรรดิตงอี๋หยั่งเชิงหลิ่วหรูซื่อไม่ได้จึงเดินออกมาจากคุกที่เต็มไปด้วยกลิ่นอับและกลิ่นไม่พึงประสงค์ เขาหันหลังกลับไปมองโคมไฟสองดวงที่แขวนอยู่หน้าประตูคุกสูงแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้น
“ดูเหมือนใต้เท้าหลิ่วผู้นี้จะอยู่สบายในคุกมากเกินไป”
ขันทีที่เดินอยู่ด้านหลังจักรพรรดิตงอี๋รีบกล่าวขึ้น
“ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วง บ่าวจะให้คนคุมคุกดูแลเขาเป็นอย่างดีพ่ะย่ะค่ะ!”
จักรพรรดิตงอี๋พยักหน้า จากนั้นเหยียบหลังบ่าวรับใช้ขึ้นไปบนรถม้า
จักรพรรดิตงอี๋นั่งหลับตาลูบหยกจักจั่นในมืออยู่ในรถม้านิ่ง เขาต้องย้อนเวลากลับไปให้ได้ มีเพียงย้อนเวลากลับ…เขาจึงจะสามารถช่วยชีวิตนางได้
วันที่ยี่สิบเจ็ด เดือนเก้าหลู่ผิงคุ้มกันหมอหงเดินทางไปถึงเมืองจินกว่าน ผู้ที่มาถึงพร้อมกับหมอหงและหลูผิงคือไป๋จิ่นเซ่อ เด็กชายที่ตัวติดไป๋จิ่นเซ่อราวกับเงาและอิ๋นซวงที่ชอบนำของอร่อยมาฝากไป๋ชิงเหยียน
อิ๋นซวงซึ่งใส่ที่ครอบตาลายผีเสื้อสีขาวไว้ที่ดวงตาข้างหนึ่งนั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้างไป๋จิ่นเซ่อที่คุกเข่าสำนึกผิดอยู่ สาวน้อยชูสองมือที่เต็มไปด้วยขนมเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ ไม่ได้รู้สึกผิดที่แอบตามขบวนมากับไป๋จิ่นเซ่อเลยแม้แต่น้อย
ไป๋ชิงเหยียนยืนเอามือไขว้หลังมองคนทั้งสามที่คุกเข่าอยู่ตรงระเบียงทางเดินและองครักษ์ไป๋ที่คุกเข่าอยู่ด้านหลังนิ่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ลมในสวนพัดจนใบไม้เกิดเสียงซู่ๆ
ไป๋ชิงเหยียนถอนหายใจยาวออกมา จากนั้นเดินลงบันไดไปลูบศีรษะอิ๋นซวงเบาๆ หญิงสาวรับผ้าเช็ดหน้าที่ใส่ขนมของอิ๋นซวงมาเก็บไว้ จากนั้นหันไปกล่าวกับเว่ยจง
“ให้คนพาอิ๋นซวงไปหาท่านหมอหงที”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยจงรับคำ
ไป๋ชิงเหยียนกำชับอิ๋นซวง
“อย่าอยู่ห่างจากท่านหมอหง จงเชื่อฟังคำสั่งของท่าน เข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะ!”
อิ๋นซวงรับคำอย่างมีความสุข
เว่ยจงประคองอิ๋นซวงให้ลุกขึ้น สาวน้อยปัดฝุ่นที่ติดอยู่ตามชายกระโปรงของตัวเองออก จากนั้นเดินตามองครักษ์จากไปอย่างว่าง่าย
“เจ้าเป็นคนสุขุมมาโดยตลอด พออยู่กับพี่หญิงสี่ของเจ้านานวันเข้าจึงเลียนแบบนิสัยของนางอย่างนั้นหรือ”
ร่างของไป๋จิ่นเซ่อเกร็งแน่นไปทั้งร่าง สาวน้อยรีบเงยหน้ามองพี่สาวของตัวเอง
“พี่หญิงใหญ่ เสี่ยวชีผิดไปแล้วเจ้าค่ะ! เสี่ยวชีแค่อยากมาช่วยพี่หญิงใหญ่และอยากมาเปิดโลกบ้างเท่านั้นเจ้าค่ะ ข้าติดตามท่านหมอหงมาตลอดทางจริงๆ นะเจ้าคะ ทว่า แค่ออกมาปรากฏตัวให้ลุงผิงเห็นตอนเลยด่านชิงซีซานมาแล้วเท่านั้น มิเช่นนั้นลุงผิงคงส่งข้ากลับเมืองหลวงแน่เจ้าค่ะ”
“ทีอย่างนี้ฉลาดนัก…”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงเย็น
ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ไม่อยากให้ไป๋จิ่นเซ่อมา ทว่า นางจากมาโดยไม่ได้อำลาท่านแม่ ทิ้งไว้เพียงจดหมายเท่านั้น เสี่ยวชีไม่เพียงลอกเลียนแบบพฤติกรรมของนาง น้องสาวของนางยังแอบหนีมาโดยไม่พาองครักษ์ไป๋มาด้วยสักคน ข้างกายมีเพียงเด็กชายคนนั้นกับอิ๋นซวงเท่านั้น หากพวกนางพบคนไม่ดีระหว่างทางที่คิดรังแกพวกนางเพราะเห็นพวกนางเป็นเด็กเพียงสามคนจะทำเช่นไร
“เสี่ยวชีรู้ว่าพี่หญิงใหญ่โกรธที่เสี่ยวชีไม่พาองครักษ์มาด้วย ทว่า เสี่ยวชีแค่คิดว่าข้าตามหลังลุงผิงมาคงไม่มีอันตรายแน่นอน หากเกิดสิ่งใดขึ้นมา แค่ให้อิ๋นซวงวิ่งไปตามลุงผิงมาก็คงไม่มีอันใดแล้วเจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นเซ่อเม้มปากแน่น จากนั้นส่งสายตาให้ไป๋ชิงเหยียนเหลือบมองไปทางเด็กชายที่คุกเข่าอยู่ด้านหลังนาง
“ที่สำคัญเสี่ยวชีมาที่นี่เพราะมีเรื่องสำคัญจะบอกพี่หญิงใหญ่เจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น นางมองไปทางเด็กชายที่เอาแต่คุกเข่าก้มหน้านิ่งอยู่ด้านหลังไป๋จิ่นเซ่อแวบหนึ่ง จากนั้นพยักหน้า
“ลุกขึ้นเถิด เข้าไปคุยกันด้านใน…”
“เว่ยจง พาเด็กคนนั้นไปหาอะไรทานและเปลี่ยนเครื่องแต่งกายก่อน เสี่ยวชีทำให้เขาพลอยลำบากไปด้วย ไม่ใช่ความผิดของเขา”
ไป๋ชิงเหยียนกำชับเว่ยจง
“พ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยจงรับคำ
เด็กชายได้ยินจึงเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง เขาเห็นไป๋จิ่นเซ่อเดินตามไป๋ชิงเหยียนเข้าไปด้านใน เมื่อได้ยินเว่ยจงเอ่ยเร่งอีกครั้งเขาจึงเดินตามเว่ยจงไปอีกทาง
เมื่อเข้าไปในห้องไป๋จิ่นเซ่อสั่งให้ทุกคนออกไปให้หมด จากนั้นก้าวเข้าไปกระซิบกับไป๋ชิงเหยียนเสียงเบา
“พี่หญิงใหญ่ ที่ข้าพาเด็กชายคนนั้นตามพี่หญิงใหญ่มาที่นี่เพราะข้าเห็นคนๆ หนึ่งไปพบเด็กคนนั้นเจ้าค่ะ องครักษ์ลับที่พี่หญิงใหญ่ส่งมาคุ้มกันข้าบอกว่าคนผู้นั้นคือซีไหวอ๋องของแคว้นต้าเว่ย องครักษ์ลับผู้นั้นเคยเห็นหน้าเขาตอนคุ้มกันพี่หญิงใหญ่ไปออกรบที่ต้าเหลียง เขาบอกว่าตอนนั้นซีไหวอ๋องอยู่กับพี่เขยและพี่หญิงใหญ่เจ้าค่ะ พี่หญิงใหญ่ ข้าไม่อยากให้เด็กคนนั้นถูกคนที่อยากกอบกู้แคว้นคืนหลอกใช้ดังนั้นข้าจึงจำต้องพาเขาหนีซีไหวอ๋องมาที่นี่เจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงฉีและไป๋จิ่นเซ่อเดาฐานะของเด็กชายออกนานแล้ว ไป๋ชิงเหยียนคิดว่าไม่ว่าเด็กคนนี้จะเคยเป็นจักรพรรดิองค์น้อยของงต้าเว่ยมาก่อนหรือไม่ก็ล้วนไม่สำคัญ ตอนนี้ต้าเว่ยดับสูญไปแล้ว ขอเพียงเด็กคนนี้ไม่คิดก่อเรื่อง ตระกูลไป๋สามารถคุ้มครองเขาให้ปลอดภัยไปตลอดชีวิตได้ ที่สำคัญตอนนี้ไป๋จิ่นเซ่อผูกพันกับเด็กคนนี้ อยากปกป้องเขาให้ปลอดภัยไปแล้ว
พวกเขาหลบหนีจากเงื้อมือของชาวบ้านเร่ร่อนของต้าเหลียงมาด้วยกัน ถือว่าผ่านความเป็นความตายด้วยกันมาแล้ว พวกเขาย่อมผูกพันกันเป็นธรรมดา ก่อนเสี่ยวปาจะเกิดไป๋จิ่นเซ่อคือเด็กที่อายุน้อยสุดของตระกูลไป๋ ปกตินางได้รับการปกป้องคุ้มครองจากพี่ชายและพี่สาว ตอนนี้นางจึงอยากปกป้องเด็กชายผู้นั้นบ้าง
ไป๋ชิงเหยียนมองไป๋จิ่นเซ่อ
“ดังนั้นเจ้าจึงพาเด็กคนนั้นหนีมาที่นี่โดยไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสพบซีไหวอ๋องอีกอย่างนั้นหรือ”
ไป๋จิ่นเซ่อพยักหน้า
“ข้าไม่อยากใช้วิธีที่อาจทำให้อวี๋เซิงเสียใจตัดการติดต่อระหว่างพวกเขา จึงได้แต่พาเขาหนีมาที่นี่เจ้าค่ะ”
“อวี๋เซิงอย่างนั้นหรือ”
“เขาบอกว่าจำนามของตัวเองไม่ได้ ข้าจึงตั้งนามให้เขาใหม่ว่าอวี๋เซิงเจ้าค่ะ…ไป๋อวี๋เซิง”
แววตาของไป๋จิ่นเซ่อเปล่งประกาย
“เขาเป็นเด็กดี ข้าอยากให้เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดไปเจ้าค่ะ”