ตอนที่ 509 เป็นคู่ ๆ(2)
ตอนที่ 509 เป็นคู่ ๆ(2)
หลังจากหญิงวัยกลางคนเดินออกไป สือหยวนฝูก็อธิบาย “ร้านนี้เราสั่งอาหารไม่ได้ วันนั้นร้านทำอะไรก็ต้องกินตามนั้น ก็เลยไม่รู้ว่าพวกเธอจะชอบอาหารของวันนี้หรือเปล่า”
เหมาชุนเถาได้ยินแบบนี้ก็พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “พวกเรากินอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ”
แต่ในไม่ช้าก็หันไปมองฉินมู่หลานก่อนจะเอ่ยถาม “มู่หลาน เธอมีอะไรที่กินไม่ได้หรือเปล่า?”
“เปล่านะ ฉันกินได้แทบทุกอย่างเลย”
นอกเหนือจากอาหารดิบและของเผ็ดที่กินไม่ได้ อย่างอื่นล้วนกินได้หมด
ระหว่างรออาหาร เฉินเซี่ยวอวิ๋นก็อดไม่ได้ที่จะหันมองสือหยวนฝูแล้วเอ่ยถาม “หยวนฝู เธอมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ ทำไมพวกเราไม่เห็นรู้เลย”
“ฉันไม่ได้หาเอง พวกเราเจอกันผ่านการนัดดูตัวน่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าทุกคนก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ
“อะไรนะ…เจอกันตอนดูตัวอย่างนั้นเหรอ?”
แม้แต่ฉินมู่หลานก็มองด้วยความสงสัย
แต่สือหยวนฝูก็บอกอย่างเปิดเผย “ใช่แล้ว พ่อของฉันรู้จักกับพ่อของหรงฮ่าว ครอบครัวของเราสองคนติดต่อกันตลอด รู้จักกันเป็นอย่างดี จนกระทั่งพวกเราโตขึ้นก็ตกลงที่จะอยู่ด้วยกัน และจะแต่งงานกันหลังจากเรียนจบ”
เฉินเซี่ยวอวิ๋นได้ยินแบบนี้ ก็กล่าวขึนด้วยความแปลกใจนิดหน่อย “แต่…แต่ว่าตอนนี้ ไม่ใช่ว่าส่งเสริมเรื่อง…”
ถึงหล่อนจะพูดไม่จบประโยค แต่คนอื่นก็พอทราบว่าหล่อนกำลังจะพูดอะไร ในปัจจุบันนี้การคลุมถุงชนไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นการส่งเสริมความรักแบบอิสระเสรีแทน
แต่ถึงอย่างนั้น สือหยวนฝูกลับไม่เห็นด้วยแล้วหันไปมองเฉินเซี่ยวอวิ๋นพลางกล่าวขึ้น “ฉันว่าการที่ครอบครัวของฉันจัดหาคู่ให้ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีอะไร ครอบครัวของเราสองคนเข้ากันได้ดี หยางหรงฮ่าวกับฉันต่างก็เรียนมหาวิทยาลัยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นหลังเรียนจบพวกเราต้องมีงานดีๆ ทำแน่นอน แล้วแบบนี้ไม่ดีตรงไหน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เฉินเซี่ยวอวิ๋นก็ไม่สามารถปฏิเสธได้
ที่พูดมาก็จริงอยู่ เหมือนว่าจะค่อนข้างดีเลย
ฉินมู่หลานพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มพลางกล่าวขึ้น “หยวนฝูพูดถูกอยู่ การแต่งงานกับคนฐานะสมกันถือเป็นเรื่องดี ครองคู่กันไปได้ยืดแน่นอน”
เธอทราบมาตลอดว่าสือหยวนฝูเป็นคนมีเหตุผลมาก เพื่อนร่วมห้องคนนี้ของเธอรู้อยู่เสมอว่าตัวเองต้องการอะไร คนแบบนี้คงจัดการชีวิตแต่งงานของตัวเองได้ดีอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นฉินมู่หลานเปิดปากอวยพร สือหยวนฝูจึงเอ่ยขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะถือคำพูดของมู่หลานเป็นวาจาสิทธิ์แล้วกัน หวังว่าฉันและหรงฮ่าวจะได้ครองคู่กันไปนานแสนนาน”
หยางหรงฮ่าวก็เอ่ยขอบคุณเช่นกัน
เมื่อคนอื่นเห็นแบบนี้จึงไม่พูดอะไรอีก เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของสือหยวนฝู นอกจากนี้หล่อนยังตัดสินใจแต่งงานหลังจากเรียนจบแล้วด้วย ยิ่งไปกว่านั้นหยางหรงฮ่าวยังเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยชิงต้าได้ แสดงว่าต้องเป็นคนที่เก่งกาจมากเช่นกัน ทั้งสองดูแล้วก็เป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบมาก
เฉินเซี่ยวอวิ๋นพลันเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งพูดไปเมื่อสักครู่ แต่หล่อนเป็นคนพูดจาดีอยู่เสมอ เมื่อทราบว่าสิ่งที่ตัวเองเพิ่งพูดไปไม่เหมาะสมจึงรีบขอโทษสือหยวนฝูทันที
“ขอโทษนะหยวนฝู ฉันแค่แปลกใจที่ได้ยินว่าพวกเธอเจอกันผ่านกันนัดดูตัว จริง ๆ แล้วพวกเธอสองคนเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก ถึงเวลาที่พวกเธอจะแต่งงาน อย่าลืมส่งการ์ดเชิญมาให้พวกเราด้วยล่ะ ถึงแม้ว่าจะต้องเดินทางไกล พวกเราก็จะไปดื่มเหล้ามงคลในงานแต่งให้ได้”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สือหยวนฝูก็เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ได้สิ ถึงตอนนั้นจะเชิญพวกเธอทุกคนมาร่วมงานแต่งด้วย”
คนอื่นก็พยักหน้าพร้อมยกยิ้มอย่างเป็นกันเอง
หลังจากอาหารมาเสิร์ฟแล้ว สือหยวนฝูก็เชิญให้ทุกคนรับประทานอาหาร “ครั้งล่าสุดที่ฉันมากินร้านนี้ ฉันพบว่ารสชาติอร่อยมาก ได้ยินมาว่าบรรพบุรุษของพวกเขาเป็นถึงวิเสทห้องเครื่องของฮ่องเต้เลยนะ”
“จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นต้องลองชิมสักหน่อย”
ฉินมู่หลานคีบหมูสามชั้นตุ๋นแดงขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเริ่มกิน หมูสามชั้นชิ้นหนาถูกตุ๋นจนเปื่อยนุ่มละลายในปาก ทำให้คนที่ได้ลิ้มลองอยากจะลิ้มรสอีกครั้ง
เพียงแต่เมื่อกินหมูสามชั้นตุ๋นแดงไปหนึ่งชิ้นแล้ว ฉินมู่หลานก็แสดงความรู้สึกราวกับค้นพบอะไรบางอย่างออกมา
“อร่อยมากจริง ๆ”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว”
อีกหลายคนก็ไม่สามารถหยุดกินได้ ทำให้ตอนนี้ต่างคนต่างไม่มีจิตใจที่จะพูดคุย หลังจากฉินมู่หลานเอ่ยประโยคแรกจบ ก็ก้มหน้าก้มตากิน เมื่อกลับมาได้สติอีกครั้ง ก็พบว่ากินข้าวหมดไปสองชามแล้ว
ถึงแม้ว่ารสชาติจะดีมากจนอยากกินอีก แต่ฉินมู่หลานก็ทราบว่าวันนี้กินมากพอแล้ว เธอจึงวางตะเกียบลง
ส่วนคนอื่น ๆ ยังกินกันอย่างต่อเนื่อง หลังจากกินอาหารจนหมดโต๊ะแล้ว ทุกคนก็วางตะเกียบลง
เป็นเรื่องยากที่เกาซุนชิวจะรู้สึกอิ่มขนาดนี้ หล่อนอดไม่ได้ที่จะหันมองสือหยวนฝูแล้วกล่าวขึ้นว่า “ร้านที่เธอพามากินวันนี้ค่อนข้างใช้ได้เลยนะ ตอนนี้ฉันเชื่อแล้วล่ะว่าบรรพบุรุษของพวกเขาเป็นวิเสทห้องเครื่องของฮ่องเต้ ฝีมือดีมากจริง ๆ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สือหยวนฝูก็อดยิ้มไม่ได้
“ซุนชิว ถ้าเธอชอบกิน เอาไว้ครั้งหน้าพวกเรามากันอีกนะ”
เกาซุนชิวก็ไม่ปฏิเสธ พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มแล้วพูดว่า “ตกลง”
แต่สือหยวนฝูก็สังเกตได้ว่าฉินมู่หลานเป็นคนแรกที่วางตะเกียบ จึงเอยถามเพิ่ม “มู่หลาน เธอกินอิ่มแล้วเหรอ จะเอาของว่างเพิ่มสักหน่อยไหม ฉันได้ยินมาว่าของว่างที่นี่ก็อร่อยเหมือนกัน แต่ฉันยังไม่เคยลองกินเลย”
“หยวนฝู ฉันอิ่มแล้วล่ะ แต่ถ้าเธออยากลองกินของว่าง สั่งมาแล้วห่อกลับไปได้ไหม”
หยวนฝูยังไม่ทันได้พูด หญิงวัยกลางคนคนนั้นก็บังเอิญเดินนำจานผลไม้มาให้หนึ่งจานพอดี เมื่อได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน ก็เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “เอากลับไปได้อยู่แล้วค่ะ ของว่างมีขนมลาม้วนตัวและขนมพุทราแดง พวกคุณรับอะไรดีคะ?”
“เอาทั้งสองเลยค่ะ อย่างละสองชั่ง”
อาหารทุกอย่างอร่อยมาก ของว่างก็คงอร่อยเหมือนกัน ฉินมู่หลานจึงอยากซื้อเยอะ ๆ สักหน่อย ตอนเย็นจะได้เอาไปฝากให้อาหลี่ได้กิน
คนอื่นพากันสั่งของว่างทั้งสองอย่างเช่นกัน แม้แต่เหมาชุนเถาเองก็ซื้อขนมพุทราแดงมาด้วยหนึ่งชั่ง
ทุกคนวางแผนจะจ่ายของว่างพวกนี้เอง แต่ก็ไม่ทันคาดคิดว่าหยางหรงฮ่าวจะเป็นคนจ่ายให้ทั้งหมด แม้แต่สือหยวนฝูก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าวันนี้จะเลี้ยงข้าวพวกเธอเอง ของพวกนี้ก็เหมือนกัน ถ้าพวกเธอเกรงใจ เอาไว้รอหาแฟนได้ก็อย่าลืมมาเลี้ยงอาหารพวกเราแล้วกัน”
หลายคนได้ยินแบบนี้ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ได้แต่ยิ้มแล้วพยักหน้า
แต่เหมาชุนเถารู้สึกลังเลนิดหน่อย เพราะหล่อนคิดเพียงแค่อยากเลี้ยงจี๋เซียงตัวน้อยให้ดีเท่านั้น ไม่ได้คิดหาผู้ชายเลย หล่อนจึงไม่สามารถเชิญทุกคนมาเลี้ยงอาหารได้ ขณะที่กำลังจะเปิดปากพูดอะไรบางอย่างนั่นเอง อยู่ ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่าต่อให้จะไม่มีแฟน หล่อนก็เลี้ยงอาหารเพื่อนร่วมห้องได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว จึงไม่กังวลเรื่องนี้อีกต่อไป
หลายคนกินข้าวเสร็จแล้วก็กลับไปที่มหาวิทยาลัยกัน แต่จะถือของว่างไปด้วยคงดูไม่ดี จึงต้องนำกลับไปไว้ที่หอพักเสียก่อน
สือหยวนฝูเดินไปกับหยางหรงฮ่าวต่อ จึงยกยิ้มแล้วโบกมือลาทุกคน
เมื่อฉินมู่หลานและคนอื่น ๆ กลับถึงหอพัก เฉินเซี่ยวอวิ๋นก็บอกกล่าวด้วยความรำคาญใจ “เมื่อกี้นี้ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย หยวนฝูจะโกรธหรือเปล่านะ”
เหมาชุนเถาได้ยินแบบนี้ก็เอ่ยปลอบใจ “ไม่หรอก เธอขอโทษหยวนฝูไปแล้ว เพราะฉะนั้นหล่อนไม่คิดมากหรอก”
“วางใจเถอะ เธอคิดเยอะเกินไปแล้ว”
เกาซุนชิวก็เอ่ยปลอบใจเพิ่ม โชคดีที่เฉินเซี่ยวอวิ๋นเป็นคนร่าเริงเสมอ หลังจากรู้สึกหงุดหงิดใจตัวเองอยู่สักพักก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว
แต่ฉินมู่หลานอดใจไม่ไหว ลองแกะขนมลาม้วนตัวละขนมพุทราแดง เมื่อได้ลองกินก็รู้สึกว่าทั้งสองอย่างอร่อยมาก
หลังจากเลิกเรียนช่วงบ่าย ฉินมู่หลานก็นำขนมทั้งสองอย่างไปที่บ้านเซี่ยเจ๋อหลี่
เซี่ยเจ๋อหลี่ทราบว่าวันนี้ฉินมู่หลานจะมา จึงมารอเธออยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว เมื่อเห็นว่าเธอมาจริง แววตาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “มู่หลาน คุณมาแล้ว”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เจอร้านลับร้านอร่อยเข้าแล้วล่ะสิ สุราดีไม่กลัวตรอกลึกจริงๆ
ไหหม่า(海馬)