บทที่ 1412 สถานที่แห่งนี้ดูคุ้นเคย
บทที่ 1412 สถานที่แห่งนี้ดูคุ้นเคย
กู้เสี่ยวหวานทำความเคารพ เนื่องจากว่าเขามีอายุที่มากกว่า
คุณชายเฉิงไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของกู้เสี่ยวหวาน หลี่ฝานอ้างว่านางเป็นญาติห่าง ๆ ของเขาเอง พ่อแม่ของนางเสียชีวิตแล้วทั้งคู่ นางมาที่เมืองหลวงเพื่อมาสร้างกิจการ
คุณชายเฉิงรู้มานานแล้วว่าหลี่ฝานมีญาติห่าง ๆ ที่กำลังจะมา แต่เขาแค่คิดว่าคงเป็นคนที่มีอายุแล้ว แต่เมื่อเขาเห็นกู้เสี่ยวหวานเป็นครั้งแรก เขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าญาติที่หลี่ฝ่านบอกว่าจะมาทำการค้าที่เมืองหลวงกลายหญิงสาวอายุน้อยคนหนึ่ง คุณชายเฉิงรู้สึกประหลาดใจ แต่เขาพูดอะไรมากไม่ได้ เพียงแค่สำรวจกู้เสี่ยวหวานจากสายตาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แบบนี้สามารถทำการค้าได้หรือ?
แม้ว่าคุณชายเฉิงจะเต็มไปด้วยความสงสัยและอยากรู้อยากเห็น แต่เขาก็ไม่ได้แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมาแม้แต่น้อย เขายังคงยิ้มและพูดว่า “ช่างบังเอิญจริง ๆ แม่นางกู้ ตอนกลางวันเจ้าของร้านมักจะอยู่ที่ร้านฝูจิ่น เขาไม่ได้อยู่ที่ร้านจิ่นฝู ถ้าท่านต้องการพบเขา ท่านต้องไปที่ร้านฝูจิ่น”
กู้เสี่ยวหวานยิ้มและตอบรับ เมื่อเห็นคุณชายเฉิงเขียนบางอย่างด้วยพู่กันในมือ นางก็ยื่นหัวออกไปดู แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เมื่อวานกำไรดีมาก” นางพูดถึงเรื่องของตัวเลข
คุณชายเฉิงมีรอยยิ้มบนใบหน้าตลอดเวลา เขาไม่รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานหมายถึงอะไร เขาคิดว่านางแค่มาตรวจสอบบัญชีของทางร้านเท่านั้น เขาชำเลืองมองอย่างสบาย ๆ ได้ยินนางพูดอะไรบางอย่างอย่างลวก ๆ แต่เขาก็ไม่ได้ถือสาอะไร
หลังจากดู กู้เสี่ยวหวานก็จากไป เขาก็ก้มหัวลงดูสมุดบัญชีในมือและดีดลูกคิดเพื่อคำนวณตัวเลข เมื่อเขากำลังจะกรอกตัวเลขลงไป คุณชายเฉิงก็เงยหน้าขึ้นราวกับว่าครุ่นคิดอะไรบางอย่างออก แถวของตัวเลขที่กู้เสี่ยวหวานพูดถึงก่อนที่นางจะจากไปก็ดังขึ้นในหูของเขา จากนั้นเขาก็มองไปที่แถวของตัวเลขที่เขาเขียนไว้ด้านข้าง มันก็เหมือนกันทุกประการ
เขาตกใจคิดว่าเขาทำผิด เขาจึงดีดลูกคิดอีกครั้ง และเมื่อเขาคำนวณถึงสามครั้ง ตัวเลขที่เขาคิดได้ก็ตรงกับตัวเลขที่กู้เสี่ยวหวานพูดกับเขา คุณชายเฉิงตกใจมาก เมื่อมองไปยังทิศทางของที่กู้เสี่ยวหวานจากไป เขาก็อ้าปากกว้าง
หลังจากออกจากร้านจิ่นฝู เดินไม่กี่ก้าวก็จะเจอร้านฝูจิ่น
การกินหม้อไฟที่ร้านฝูจิ่นถือเป็นการฆ่าเวลาได้ดีที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถรับประทานได้ทุกเวลาในช่วงเช้า เที่ยง และเย็น
ดังนั้นกิจการของร้านฝูจิ่นจึงเนืองแน่นไปด้วยลูกค้าตลอดทั้งวัน
ทันทีที่เข้าไปในร้านฝูจิ่น ควันสีขาวก็ลอยคลุ้งไปทั่วทั้งร้าน โต๊ะในร้านเต็มไปด้วยลูกค้าที่มากินหม้อไฟ มีผู้คนที่กำลังลวกผัก กินเนื้อ ดื่มเหล้า และพูดคุยกัน ทำให้ร้านฝูจิ่นนั้นดูมีชีวิตชีวามาก
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้พากู้เสี่ยวอี้และกู้ฟางสี่มาด้วย นางพาแค่อาจั่วและอาโม่มาด้วยเท่านั้น หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในร้านฝูจิ่น ลูกจ้างในร้านที่แต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบก็เข้ามาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า “เชิญเข้ามา ลูกค้ามากันกี่ท่าน วันนี้ร้านของเรามีรายการอาหารพิเศษถึงสามอย่าง ลองดูก่อน ข้าเชื่อว่าถ้าท่านได้ลิ้มลองจะต้องกลับมาซ้ำเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน”
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้มากินหม้อไฟ แต่เมื่อเห็นท่าทางที่เอาใจใส่ของลูกจ้างในร้าน มันก็ยากที่จะหักล้างความใจดีของเขา ดังนั้นนางจึงถามว่า “ขอโทษนะน้องชาย ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อทานอาหาร ข้าถามหน่อยว่าเถ้าแก่หลี่อยู่ที่นี่หรือไม่”
เมื่อลูกจ้างในร้านได้ยินว่านางมาที่นี่เพื่อตามหาเถ้าแก่หลี่ ถึงแม้ว่านางจะแต่งกายธรมมดา ๆ แต่กลิ่นอายของนางก็ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากเห็นว่าคนที่ร้านจิ่นฝูแจ้งว่าเถ้าแก่หลี่มีญาติมาหาที่เมืองหลวงและนางเดินทางมาไกล เขาก็สงสัยว่าจะเป็นเด็กผู้หญิงตรงหน้าเขาใช่หรือเปล่า
เขามองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างเงียบ ๆ จากนั้นยิ้มและพูดด้วยรอยยิ้ม “เถ้าแก่หลี่อยู่ข้างบน เดี๋ยวข้าจะพาท่านขึ้นไป”
ภายใต้การแนะนำของเขา กู้เสี่ยวหวานมาถึงห้องปีกของหลี่ฝานอย่างรวดเร็ว
เมื่อลูกจ้างในร้านเดินออกมาถึงห้องปีกของหลี่ฝาน รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็จางหายไป เขาเคาะประตูอย่างเคร่งขรึม เมื่อมีเสียงตอบรับดังมาจากข้างใน ลูกจ้างผู้นี้ก็พูดเบา ๆ ว่า “เถ้าแก่ มีแม่นางท่านหนึ่งมาตามหาท่านอยู่ข้างนอก”
หลี่ฝ่านกำลังดูบัญชีของที่ร้านในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เมื่อเขาได้ยินว่ามีหญิงสาวมาหาเขา เขาคิดว่าต้องเป็นกู้เสี่ยวหวานแน่ ๆ ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นและตะโกนว่า “เชิญเข้ามา!”
หลังจากพูดจบ เขาก็เดินไปที่ประตู
ลูกจ้างเปิดประตูและเห็นเถ้าแก่หลี่เดินมารับที่ประตูด้วยตนเอง ยิ่งทำให้ในใจของเขาอยากรู้เกี่ยวกับหญิงสาวแปลกหน้าคนนี้ยิ่งนัก
กู้เสี่ยวหวานเดินเข้าไป เมื่อเห็นหลี่ฝาน นางจึงเรียกอย่างไพเราะ “ลุงหลี่”
ในที่สุดลูกจ้างก็แน่ใจ ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะต้องเป็นญาติห่าง ๆ ของเถ้าแก่
ยิ่งกว่านั้น แม่นางท่านนี้ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญ
ลูกจ้างคนนั้นกล่าวคำอำลาแล้วจากไป คิดในใจว่าถ้าหญิงผู้นี้มาอีก เขาควรจะกระตือรือร้นมากกว่านี้
กู้เสี่ยวหวานเข้าไปในห้องของหลี่ฝานและมองไปรอบ ๆ นางรู้สึกแปลก ๆ ดังนั้นนางจึงมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง
จากนั้นหลี่ฝานก็เห็นว่ากู้เสี่ยวหวานจ้องมองด้วยความงุนงง เขารู้ว่านางสงสัยอะไร เขาจึงพูดตรงประเด็น “เสี่ยวหวาน เจ้าคิดว่าสถานที่แห่งนี้ดูคุ้นเคยใช่หรือไม่”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเข้ามา นางก็รู้สึกแปลกมาก ดูเหมือนว่าเครื่องเรือนของที่นี่เหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน คราวนี้เมื่อหลี่ฝานพูด กู้เสี่ยวหวานก็ตระหนักได้ทันทีว่า “เครื่องเรือนที่นี่เหมือนกับที่เมืองหลิวเจีย”
หลี่ฝานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เขารินชาให้กู้เสี่ยวหวานและพูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่ เครื่องเรือนที่นี่เหมือนกับเครื่องเรือนในเมืองหลิวเจียและเครื่องเรือนในเมืองรุ่ยเสียน รวมไปถึงเครื่องเรือนในห้องปีกของข้า ทุกอย่างล้วนเหมือนกันทั้งหมด”
ภาพวาด ฉากกั้น โต๊ะแปดเหลี่ยม ดอกไม้ และต้นไม้ล้วนเหมือนกันหมด เหมือนกันทุกประการ…
ไม่น่าแปลกใจที่กู้เสี่ยวหวานเข้ามาแล้วแสดงอาการเหมือนว่านางรู้สึกคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน
“ข้าสับสน ในเวลานั้นการตกแต่งในห้องรับรองของลุงหลี่เหมือนกันกับที่นี่ทุกประการ” ต่อมาเมื่อร้านจิ่นฝูได้เปิดร้านเพิ่มในเมืองรุ่ยเสียน แล้วมาเปิดในเมืองหลวง ร้านในเมืองหลิวเจียจึงถูกดูแลโดยกู้เสี่ยวหวาน และเนื่องจากว่าหลี่ฝานมีห้องเป็นของตัวเอง ดังนั้นนางจึงลงกลอนห้องของหลี่ฝานและไม่เคยเปิดมันอีกเลย ตอนนี้นางเห็นแล้ว มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่านางกำลังย้อนเวลากลับไปเมื่อแปดปีที่แล้วตอนที่นางมาที่นี่เป็นครั้งแรก ครั้งแรกที่ได้เห็นร้านจิ่นฝู
ภาพของต้นสนที่แขวนอยู่บนผนัง กลางห้องมีโต๊ะกลมสีดำซึ่งสะอาดสะอ้าน ตรงกลางมีแจกันขนาดเล็ก บนแจกันมีลวดลายของภาพทิวทัศน์และใส่ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมเล็กน้อย มันสวยงามมาก