ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 383 คิดถึง

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 383 คิดถึง

เว่ยหานเดินไปแล้วเพิ่งพบว่าไม่มีลั่วเซิง

“คุณหนูลั่วเล่า” เขาถาม

หงโต้วตอบทันที “คุณหนูของเราไม่ได้ออกมาเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ จู่ๆ เว่ยหานก็ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจ

สุดท้ายยังคงรู้สึกเสียใจมากกว่าอยู่ดี

การได้เจอนางย่อมดีที่สุด

หงโต้วมองไปรอบๆ ถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านอ๋องก็มาชมโคมไฟคนเดียวหรือเจ้าคะ”

สือเยี่ยนที่ยืนข้างหลังเว่ยหาน “…” เขายืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ไม่ใช่คนหรือ

เว่ยหานพยักหน้า “ใช่ คนเดียว”

หงโต้วยิ้มๆ พูดว่า “เสียดายที่คุณหนูของเราไม่มา ไม่เช่นนั้นจะได้อยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง”

จู่ๆ เว่ยหานก็รู้สึกว่าสาวใช้ชุดแดงตรงหน้าเจริญตามาก อย่างน้อยก็ดีกว่าองครักษ์ที่ตามอยู่ข้างหลังเขามาก

อีกฝั่งหนึ่ง คุณชายรองเซิ่งตาไวมองเห็นหงโต้ว เขากระทุ้งศอกใส่คุณชายสามเซิ่งเบาๆ “น้องสาม เจ้าดูสาวน้อยที่สวมชุดสีแดงนั่นสิ ใช่หงโต้วสาวใช้ของน้องลั่วหรือไม่”

คุณชายสามเซิ่งมองไป รู้สึกไม่เข้าใจ “ใช่หงโต้ว หงโต้วและโค่วเอ๋อร์ออกมา เหตุใดจึงไม่เห็นน้องลั่วนะ”

“ชายที่คุยกับหงโต้วคือ…”

คุณชายสามเซิ่งเอ่ยด้วยท่าทางเมินเฉย “อ๋อ นั่นคือไคหยางอ๋อง คงเห็นพวกหงโต้วมาแล้วคิดว่าน้องลั่วมาด้วย”

ไคหยางอ๋อง?

คุณชายรองเซิ่งสบตาคุณชายใหญ่เซิ่งทันที

ซูเย่าเองก็มองตามไปเงียบๆ

“น้องสาม เหตุใดข้าจำได้ว่าครานั้นน้องลั่วไปจวนของเราเป็นเพราะทำให้ไคหยางอ๋องโมโหเล่า”

คุณชายสามเซิ่งยิ้มพูดว่า “ไคหยางอ๋องไปกินข้าวและดื่มสุราที่หอสุราของน้องลั่วทุกวัน”

คุณชายรองเซิ่งเข้าใจทันที “มิน่าเล่า”

ไม่กล้าเอาผิดเพราะถูกติดสินบน ย่อมไม่ดีหากจะถือสาเอาความ

มีเพียงซูเย่าที่ถูกต้าไป๋กัดตั้งแต่ที่ไปจวนแม่ทัพใหญ่ครั้งแรกและไม่เคยไปอีกเพราะรักษาตัวที่ไม่เข้าใจ

คุณชายรองเซิ่งตบไหล่ซูเย่าเบาๆ อย่างเห็นใจ “น้องรองซู หลังจากเทศกาลโคมไฟผ่านไปแล้ว เมื่อหอสุราของน้องลั่วเปิดเจ้าก็จะเข้าใจเอง”

ซูเย่ากำลังจะถามรายละเอียด จู่ๆ สิ่งของบางอย่างก็ลอยเข้าใส่เขา เขายื่นมือออกไปรับด้วยสัญชาติญาณ พบว่านั่นคือถุงหอมถุงหนึ่ง

หญิงสาวที่โยนถุงหอมมาเห็นว่าเขารับไว้ก็ร้องกรี๊ดอย่างตื่นเต้นดีใจ

คนอื่นๆ เห็นดังนั้นก็เลียนแบบ ถุงหอมและผ้าเช็ดหน้ามากมายลอยไปเหมือนห่าฝนล้อมซูเย่าไว้

ลั่วเย่ว์ไปหลบข้างหลังคุณชายสามเซิ่งเงียบๆ ถือทองใบหนักๆ ถุงหนึ่งไว้แล้วถอนหายใจ

ว่าแล้วว่าไม่ได้ออกมากับพี่ๆ น่ะไม่สนุก ต้องมาเจอกับอันตรายที่อาจจะถูกถุงหอมและกระเป๋าที่ลอยมากระแทกโดนใบหน้า

เว่ยหานเหลือบมองทางนี้ เดินสาวเท้าไปที่แผงทายปริศนาโคมไฟบริเวณหนึ่ง

“นายท่านจะทายปริศนาโคมไฟหรือ”

เว่ยหานพยักหน้าเบาๆ

“จะมอบโคมไฟที่ไขปริศนาได้ให้คุณหนูลั่วหรือ”

เว่ยหานมิได้ปฏิเสธ

สือเยี่ยนเงียบลงครู่หนึ่ง ลองเสนอว่า “นายท่าน ท่านลองไปทายปริศนาที่ยากกว่านี้ดีหรือไม่”

นี่มันเป็นแผงทายปริศนาโคมไฟธรรมดาๆ ระดับความประณีตของโคมไฟขึ้นอยู่กับความยากของปริศนา

ไม่เห็นหรือว่าคุณชายซูไขปริศนาโคมไฟของราชสำนักได้แล้วได้โคมไฟแก้วหรูหรามาสองอัน

เว่ยหานหรี่ตามองสือเยี่ยน เขาไม่ได้สนใจข้อเสนอนี้

ทำทุกอย่างตามความสามารถของตนเอง ปริศนาที่ยากเกินไปเขาไขไม่ออก

โคมไฟที่วางเรียงบนแผงค่อนข้างธรรมดาจริงๆ มีเพียงโคมไฟเสือดวงหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของเว่ยหาน

เขามองปริศนาที่อยู่ใต้พู่โคมไฟเสือ ‘กุ้งเล่นน้ำใต้ภูเขาและลำธารสี่ด้าน’

เขาครุ่นคิดครู่หนึ่งก็ได้คำตอบ

“คำตอบคือคำว่าซือ”

เจ้าของแผงยิ้มและยกนิ้วโป้งให้ “ท่านทายถูกแล้ว”

สือเยี่ยนมองฟ้าเงียบๆ

เขาคิดว่าหากเขาพยายามหน่อยก็ตอบได้

เจ้าของแผงส่งโคมไฟเสือให้เว่ยหานถือไว้พร้อมอวยพร

เว่ยหานพยักหน้าให้สือเยี่ยนเบาๆ

ตอนที่สือเยี่ยนควักเงินออกมาให้เจ้าของแผง เว่ยหานก็เดินไปทางหงโต้ว

หงโต้วเห็นเว่ยหานถือโคมไฟเสือรูปร่างน่ารักเดินมาก็รู้สึกประหลาดใจปนดีใจ “โคมไฟเสือของท่านอ๋องให้คุณหนูของเราหรือเจ้าคะ”

“อืม” เว่ยหานยื่นโคมไฟเสือออกไป

หงโต้วรับมาอย่างมีความสุข

เว่ยหานเห็นสาวใช้ดูพึงพอใจก็รู้สึกอารมณ์ดี

หากหงโต้วชอบ คุณหนูลั่วก็น่าจะชอบเช่นกัน

ไม่ไกลออกไป คุณชายรองเซิ่งเห็นฉากนี้แล้วแทบจะอ้าปากค้าง เขาดึงแขนเสื้อของคุณชายสามไม่หยุด “น้องสาม ไคหยางอ๋องนำโคมไฟให้สาวใช้ของน้องลั่ว”

คุณชายสามเซิ่งเหล่มอง พูดอย่างมั่นใจว่า “ต้องให้น้องลั่วแน่ๆ”

หงโต้วสาวใช้ที่ทั้งดุและกินเก่งนั่น ใครจะคิดสั้นให้โคมไฟนางกัน

นี่เป็นบทเรียนที่เขาเรียนรู้ผ่านเลือดและน้ำตาหลังจากพ่ายแพ้การแย่งอาหารกับหงโต้วมานับครั้งไม่ถ้วนในหอสุรา

คุณชายรองเซิ่งสีหน้าประหลาดใจ “น้องสาม น้องลั่วและไคหยางอ๋องเป็นอะไรกันหรือ”

คุณชายสามเซิ่งครุ่นคิดครู่หนึ่งพูดว่า “ตอนนี้น่าจะเป็นแขกหอสุราและเจ้าของหอสุรา”

“แขกหอสุราต้องมอบโคมไฟให้เจ้าของหอสุราด้วยหรือ” คุณชายรองเซิ่งรู้สึกน้องชายซื่อบื้อเล็กน้อย

คุณชายสามเซิ่งกล่าวอย่างไม่แยแสว่า “หากพี่รองรู้ราคาอาหารของหอสุราแล้วจะไม่แปลกใจ ข้าเห็นกับตาว่าไคหยางอ๋องตีสนิทกับน้องลั่วแล้วมีอาหารแถมให้”

มองดูน้องสามที่อุดมสมบูรณ์ คุณชายรองเซิ่งไม่อยากพูดอะไรอีก

น้องสามโง่แบบนี้และยังอ้วนแบบนี้ ต่อไปจะแต่งงานคงยาก

หงโต้วเที่ยวเทศกาลโคมไฟและกินจนท้องป่อง ทั้งยังได้โคมไฟแล้วจึงถามโค่วเอ๋อร์อย่างพึงพอใจว่า “เรากลับกันดีหรือไม่”

โค่วเอ๋อร์กลับไม่ได้อารมณ์ดีเช่นหงโต้ว

ไคหยางอ๋องส่งโคมไฟที่จะให้คุณหนูให้หงโต้ว ไม่ได้ส่งให้นาง

ทั้งๆ ที่นางรอบคอบและน่าเชื่อถือมากกว่าหงโต้ว แค่เรื่องแยกแยะคนแบบนี้ไคหยางอ๋องยังไม่รู้ ไม่ไหวจริงๆ

“กลับเถอะ เอาแต่ดูคุณชายซูได้หน้าแบบนี้ไม่สนุกเอาเสียเลย” โค่วเอ๋อร์อารมณ์ไม่ดีแล้วก็พาลคนที่ไม่เกี่ยวข้อง

“โชคดีที่คุณหนูของเราคิดได้แล้ว คนอย่างคุณชายซูนั่นไม่ดีหรอก ทำให้ตนเองตกเป็นเป้าสายตาในที่สาธารณะและทำให้สาวๆ กรี๊ดกันมากมาย นี่มันล่อผึ้งเรียกผีเสื้อชัดๆ”

นานๆ ทีหงโต้วจะมีความเห็นตรงกับโค่วเอ๋อร์ “ใช่แล้ว คนแบบนี้ให้คุณหนูของเราเลี้ยงไม่ได้หรอก ไม่ต้องพูดแล้ว รีบกลับจวนกันเถอะ”

ลั่วเซิงอ่านหนังสือสักพักก็เดินไปข้างหน้าต่างดูพระจันทร์เต็มดวงที่แขวนอยู่บนท้องฟ้า

เทศกาลโคมไฟเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงแรกของปีใหม่

นางจำได้ว่าเทศกาลโคมไฟทุกปีเจิ้นหนานอ๋องจะคึกคักเป็นพิเศษ

ท่านพ่อและท่านแม่จะพาพวกนางขึ้นไปชมโคมไฟบนตึก ได้รับสักการะบูชาจากผู้คนในเมืองหนานหยาง

ต่อมาพี่สาวสองคนแต่งเข้าเมืองหลวงแดนไกล ผู้ที่ชมโคมไฟเป็นเพื่อนท่านพ่อท่านแม่ก็เหลือเพียงนางคนเดียว

ท่านแม่บอกว่าจะให้นางออกเรือนไปยังดินแดนใกล้ๆ เทศกาลในทุกๆ ปีอย่างน้อยก็จะได้เจอบุตรสาวหนึ่งคน

เสียงดังขึ้นนอกประตู ลั่วเซิงยืนข้างหน้าต่างอย่างโดดเดี่ยว นางมองไปทางประตู

หงโต้วและโค่วเอ๋อร์เดินตามกันเข้ามา

“คุณหนู ท่านชมพระจันทร์อยู่หรือ ดูสิว่าบ่าวเอาอะไรมาให้ท่าน” หงโต้วชูโคมไฟในมือขึ้นและรีบเดินเข้าไป

ลั่วเซิงมองโคมไฟเสือที่หงโต้วถือแล้วยิ้มๆ “โคมไฟสวยดี”

“ไคหยางอ๋องไขปริศนาโคมไฟได้มาเจ้าค่ะ วานให้บ่าวส่งให้ท่าน”

รอยยิ้มลั่วเซิงแข็งทื่อ นางมองโคมไฟอีกครั้ง

ปริศนายังแขวนอยู่ใต้พู่โคมไฟ บนนั้นเขียนไว้ว่า ‘กุ้งเล่นน้ำใต้ภูเขาและลำธารสี่ด้าน’

ลั่วเซิงแทบจะไม่ต้องคิดก็รู้คำตอบ คำตอบคือคำว่าซือ ที่แปลว่าคะนึงหา

ขณะที่คิดถึงคำตอบ คิ้วสีเข้มของลั่วเซิงก็ขมวดชนกัน

ไคหยางอ๋องกำลังบอกคิดถึงนางหรือ

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท