บทที่ 740 ก่อกบฏ (2)

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

การประชุม​ราชสำนัก​วันรุ่งขึ้น​

ยาม​เห​ม่า (05.00 – 06.59 น.​) สีของ​ท้องฟ้า​ดำขลับ​ เจ้าหน้าที่​พลเรือน​และ​ทหาร​พร้อมด้วย​ขุนนาง​ระดับ​ต่างๆ​ ผ่าน​เข้า​ประตู​ด้าน​ทิศตะวันออก​กับ​ทิศตะวันตก​ และ​ข้าม​สะพาน​จิน​สุ่ย​อย่าง​เป็นระเบียบเรียบร้อย​ ขุนนาง​ในเมืองหลวง​รอ​ข้าราชการ​ทั้งหลาย​ก้าว​เข้า​ตำหนัก​กระดิ่งทอง​อยู่​ตาม​บันได​หน้า​บัลลังก์​ ขั้นบันได​และ​จัตุรัส​

การประชุม​ราชสำนัก​ช่วง​เช้าของ​วันนี้​จัด​ขึ้น​เพื่อ​คณะ​ทู​ตอ​วิ๋น​โจว​โดยเฉพาะ​ ตัวละคร​หลัก​คือ​จีหย่วน​และ​กลุ่ม​ผู้ติดตาม​

‘คณะ​เจรจา​’ ซึ่งสวม​ชุด​ข้า​รา​ชกา​รอ​วิ๋น​โจว​ยี่สิบ​กว่า​คน​ เดิน​ยก​เท้า​สูงก้าว​เข้า​ตำหนัก​กระดิ่งทอง​อย่าง​ผึ่งผาย​ด้วย​ความ​ทรงอำนาจ​และ​ความทะนง​ของ​ผู้มีชัย​

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งนั่ง​อยู่​บน​ที่สูง​ หลังจาก​สนทนา​อย่าง​ไม่เจ็บ​ไม่คัน​ไม่กี่​ประโยค​ก็​ให้​คน​แลกเปลี่ยน​หนังสือสัญญา​

“เป็น​บุญคุณ​ที่​ฝ่าบาท​และ​ใต้เท้า​ทั้งหลาย​ให้การ​ต้อนรับ​อย่าง​ดี​ ด้วย​การปฏิบัติ​เช่นนี้​ทาง​ข้า​สบายใจ​อย่างยิ่ง​”

จีหย่วน​น้อม​คำนับ​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งและ​ขุนนาง​ทั้งหลาย​ด้วย​รอยยิ้ม​เต็ม​ใบหน้า​

สีหน้า​ของ​บรรดา​ขุนนาง​ภายใน​ตำหนัก​กระดิ่งทอง​ไม่น่าดู​นัก​ ทำได้​เพียง​แสร้ง​มองไม่เห็น​การ​เย้าหยอก​บน​ใบหน้า​ของ​เขา​และ​ความ​หยิ่งยโส​ที่​แสดงให้เห็น​อย่าง​กำเริบเสิบสาน​

“จริง​สิ พัก​นี้​ความ​แค้นเคือง​ประชาชน​ใน​เมืองหลวง​เดือด​พล่าน​ ด่า​ประจาน​ราชสำนัก​และ​ฝ่าบาท​อย่าง​โจ่งแจ้ง ข้าน้อย​ขอ​แนะนำ​ว่า​ควร​ฆ่าเสีย​เลย​เพื่อ​ตักเตือน​ไม่ให้​เอา​เยี่ยงอย่าง​” จีหย่วน​เอ่ย​ยิ้ม​

สวี่​หยวน​ซวง​ซึ่งอยู่​ข้างๆ​ นึก​ขึ้น​ได้​ว่า​ ไม่กี่​วัน​มานี้​พี่​เก้า​มักจะ​สืบ​ข่าวคราว​ชาวบ้าน​ ฟังข่าวคราว​ผู้​คนใน​เมืองหลวง​และ​บัณฑิต​ราช​วิทยาลัย​ด่า​คณะ​ทู​ตอ​วิ๋น​โจว​และ​สายเลือด​เมือง​เฉียน​หลง​ทุกวัน​ ในขณะนั้น​มือ​ของ​เขา​กำลัง​โบก​พัด​ ดูเหมือนว่า​ไม่สนใจ​แม้แต่น้อย​

ที่แท้​ก็​แอบ​จำไว้​ใน​ใจแล้ว​

ขณะนี้​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งเพียง​ต้องการ​ส่งคณะ​ทู​ตอ​วิ๋น​โจว​ไป​ให้​เร็ว​ที่สุด​ จึงเอ่ย​ว่า​

“ท่าน​ทูต​จีไม่จำเป็นต้อง​เป็นกังวล​ ข้า​จะจัดการ​ด้วย​ตนเอง​ นอกจากนี้​ ได้​จัดเตรียม​ตำลึง​เงิน​และ​แพร​ไหม​ไว้​อย่าง​เหมาะสม​แล้ว​ ท่าน​ทูต​จีนำ​ไป​ได้​”

ใน​ส่วน​ของ​การ​แบ่ง​ดินแดน​ ยังมี​งาน​ให้​ทำ​อีก​มาก​ต่อจากนี้​ อย่างเช่น​การ​แจ้งฝ่าย​ราชการ​ท้องถิ่น​ การ​ถอนกำลัง​ตระกูล​เสนาบดี​เล็ก​รวมไปถึง​กองทัพ​ท้องถิ่น​และ​เรื่อง​อื่นๆ​

เป็นไปไม่ได้​ที่จะ​สำเร็จ​ในทันที​

“เช่นนั้น​ก็​ขอบคุณ​ฝ่าบาท​…”

หลังจาก​สิ้น​เสียง​จีหย่วน​ เสียง​ ‘โครม​’ ดัง​ขึ้น​ใน​ทันใด​ เสียง​ปืนใหญ่​ดัง​มาจาก​ไกลๆ​ ตามมา​ด้วย​เสียง​กลอง​ระรัว​ดัง​ขึ้น​มาพร้อมกัน​ ซึ่งมาจาก​ทาง​ประตู​วัง​

มวล​ชล​ใน​พระราชวัง​กลัว​จน​หน้าถอดสี​ หนึ่ง​ใน​นั้น​มีคณะ​ทูต​ที่​อวิ๋น​โจว​ที่​จีหย่วน​เป็นตัวแทน​

ดัน​เกิดเรื่อง​ใน​ช่วง​หัวเลี้ยวหัวต่อ​

ความ​ตื่นตระหนก​ใน​ดวงตา​ของ​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งหายวับ​ไป​ ฝืน​ทำเป็น​ไม่สะทกสะท้าน​ แล้ว​มอง​ไป​ยัง​จ้าว​เสวียน​เจิ้น​พร้อม​เอ่ย​ว่า​

“ไปดู​หน่อย​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​”

จ้าว​เสวียน​เจิ้น​รับ​คำสั่ง​แล้ว​ออก​ไป​ เขา​ก้าว​ออกจาก​ตำหนัก​กระดิ่งทอง​ และ​มอง​ไป​ยัง​จัตุรัส​นอก​พระราชวัง​ ขุนนาง​ด้านล่าง​ล้วน​ตก​อ​ยู​ใน​ความ​ชุลมุน​ สีหน้า​ตื่นกลัว​ ราชองครักษ์​ใน​พระราชวัง​บางส่วน​กรู​กัน​ไป​ยัง​ประตู​วัง​ บางส่วน​วิ่ง​ไป​ที่​ตำหนัก​กระดิ่งทอง​เพื่อ​คุ้มกัน​ฝ่าบาท​และ​บรรดา​ขุนนาง​

ภายใน​ตำหนัก​กระดิ่งทอง​ จีหย่วน​หน้านิ่วคิ้วขมวด​ จับ​พัด​กระดูก​เงิน​ไว้​แน่น​โดย​ไม่พูดไม่จา​

ส่วน​สวี่​หยวน​ซวง​และ​สวี่​หยวน​ไหว​ คน​แรก​ขมวดคิ้ว​ อีก​คน​มอง​ไป​ข้างนอก​อย่าง​ถี่ยิบ​

เจ้าหน้าที่​พลเรือน​ ทหาร​และ​สมาชิก​ราชวงศ์​ใน​สำนัก​จ้องมอง​ซึ่งกันและกัน​โดย​ไม่รู้​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​

จนกระทั่ง​จ้าว​เสวียน​เจิ้น​วิ่ง​กลับมา​อย่าง​แทบ​บ้า​ เขา​วิ่ง​ยก​ชาย​เสื้อคลุม​เหมือน​สุนัข​ข้าง​ถนน​ และ​เอ่ย​กรีดร้อง​ว่า​

“เกิด​เรื่องใหญ่​แล้ว​ๆ …”

“ฝ่าบาท​ กองทัพ​กบฏ​บุก​มาแล้ว​”

ผู้​คนใน​วัง​สีหน้า​เปลี่ยน​ พร้อม​มอง​ไป​ยัง​จีหย่วน​ด้วย​จิตสำนึก​ ตั้งแต่​อวิ๋น​โจว​เริ่ม​ก่อเรื่อง​ คำ​ว่า​ ‘กองทัพ​กบฏ​’ ก็​มีความเกี่ยวพัน​กับ​อวิ๋น​โจว​ และ​ได้ยิน​มาสอง​เดือน​กว่า​ การ​ตอบสนอง​โดยสัญชาตญาณ​เมื่อ​ได้ยิน​คำ​ว่า​กองทัพ​กบฏ​จึงหมายถึง​ กองทัพ​กบฏ​อวิ๋น​โจว​เข้า​โจมตี​เมืองหลวง​

จีหย่วน​และ​คนอื่นๆ​ ชะงัก​ไป​เล็กน้อย​

ก่อน​ได้ยิน​เสียง​จ้าว​เสวียน​เจิ้น​หายใจ​หอบหืด​ใน​ชั่วประเดี๋ยว​นั้น​ และ​เอ่ย​ต่อว่า​

“กวาดล้าง​คนเลว​ข้าง​องค์​จักรพรรดิ​”

เสียง​อื้ออึง​กระพือ​ขึ้น​ใน​วัง​อีกครั้ง​ จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งมอง​ไป​ยัง​ที่​ที่​สมาชิก​ราชวงศ์​อยู่​ใน​ทันควัน​พร้อมด้วย​ความ​อ้ำอึ้ง​ เนื่องจาก​เขา​เห็น​เหยียน​ชิน​อ๋อง​

หาก​กล่าว​ตามเหตุผล​ เหยียน​ชิน​อ๋อง​ไม่ควร​อยู่​ที่นี่​ใน​ตอนนี้​ถึงจะถูก​ หรือว่า​ไม่ใช่เขา​

บรรดา​ชิน​อ๋อง​และ​จวิ้น​อ๋อง​กำลัง​มอง​เหยียน​ชิน​อ๋อง​ด้วย​สายตา​ประหลาด​เช่นเดียวกัน​ ใน​บรรดา​ขุนนาง​ระดับสูง​ที่​มีความดี​ความชอบ​ มีผู้​บำเพ็ญตน​จำนวน​หนึ่ง​เข้า​ประชิด​เหยียน​ชิน​อ๋อง​อย่าง​ไร้​สุ้มเสียง​

หาก​จะให้​กล่าวว่า​ใน​ราชสำนัก​มีใคร​ที่​กล้า​และ​สามารถ​ก่อ​กบฏ​ได้​ คงเหลือ​เพียง​ชิน​อ๋อง​ที่​ไทเฮา​ผู้​นี้​ให้กำเนิด​แล้ว​

ทุกคน​ล้วน​เข้าใจ​หลักการ​จับ​โจร​ต้อง​จับ​หัวหน้า​โจร​ก่อน​

เหยียน​ชิน​อ๋อง​ตะลึง​

“อะไร​คือ​การบุก​เข้ามา​ มีการ​โจมตี​ประตู​วัง​หรือ​”

ใน​บรรดา​ขุนนาง​ระดับสูง​ที่​มีความดี​ความชอบ​ กั๋วกงคน​หนึ่ง​ก้าว​ออกจาก​แถว​ และ​เอ่ย​ขณะ​จ้อง​จ้าว​เสวียน​เจิ้น​อย่าง​เหี้ยมโหด​ว่า​

“บอก​มาให้​หมด​”

ขณะที่​จ้าว​เสวียน​เจิ้น​ซึ่งมีใบ​หน้าซีด​ขาว​กำลังจะ​เอ่ย​ พลัน​ได้ยิน​เสียง​เข่นฆ่า​ร้องห่ม​ เสียง​คม​อาวุธ​ปะทะ​กัน​และ​เสียงร้อง​อย่าง​น่าเวทนา​ดัง​มา

ตอนนี้​คง​ไม่ต้อง​บอก​แล้ว​

กองทัพ​กบฏ​มีผู้​ซุกซ่อน​อยู่​ภายใน​และ​มีขนาด​ไม่เล็ก​ทีเดียว​…ผู้​คนใน​วัง​วินิจฉัย​ในทันที​

ผู้​ที่​ปกป้อง​ประตู​วัง​คือ​ทหาร​รักษา​วัง​ ส่วน​ผู้​ที่​ปกป้อง​เขต​พระ​ราชฐาน​คือ​สิบสอง​องครักษ์​ ไม่มีกองทัพ​ใดๆ​ สามารถ​โจมตี​เขต​พระ​ราชฐาน​และ​ประตู​วัง​อย่าง​ต่อ​เนื่องใน​เวลา​อัน​สั้น​เช่นนี้​ นอกจาก​ว่า​กองทัพ​กบฏ​จะเป็น​สิบสอง​องครักษ์​และ​ทหาร​รักษา​วัง​เสีย​เอง​

ผู้ใด​กันที่​สามารถ​ปลุกระดม​กองทัพ​กบฏ​และ​สิบสอง​องครักษ์​แห่ง​เมืองหลวง​

ระหว่าง​ที่​ความคิด​ของ​ผู้คน​กำลัง​ผุด​ระยับ​ เสียง​เข่น​ข้า​ร้องห่ม​ยิ่ง​ใกล้​เข้ามา​ จนกระทั่ง​มีทหาร​รักษา​พระองค์​ใน​วัง​ส่งเสียงร้อง​อย่าง​น่าเวทนา​และ​ล้มคะมำ​เข้ามา​ใน​ตำหนัก​กระดิ่งทอง​

นอก​ประตู​วัง​ เงาคน​วับแวบ​ ผู้​ที่​คน​นำ​ฝ่าเข้ามา​คือ​ฆ้อง​ทองคำ​สอง​คน​ซึ่งสวม​ชุด​คน​เคาะ​ยาม​บอก​เวลา​ที่​ขาด​รุ่งริ่ง​ และ​หยาง​เยี่ยน​ที่​สวม​เกราะ​เบา​พร้อม​ถือ​หอก​ยาว​ ถัดไป​อีก​ข้างหลัง​มีฆ้อง​เงิน​ ฆ้อง​ทองแดง​ หน่วย​องครักษ์​ราช​วัลลภ​รวมไปถึง​กอง​ดาบ​และ​คนอื่นๆ​

สมาชิก​สับสน​ปนเป​ไป​หมด​ แต่​พวกเขา​ล้วน​รัด​แพร​สีแดง​ไว้​ที่​แขน​

พวกเขา​ชูดาบ​ที่​อาบ​เลือด​ขึ้น​ และ​มัด​บรรดา​ข้าราชการ​ ราชนิกุล​และ​ขุนนาง​ระดับสูง​ที่​มีความดี​ความชอบ​ไว้​เป็น​กลุ่ม​ๆ

“หยาง​เยี่ยน”​

จวิ้น​อ๋อง​ผู้​หนึ่ง​จำเขา​ได้​ และ​กล่าว​ด้วย​ความ​ตื่นตระหนก​และ​โมโห​ว่า​

“เจ้าโจร​กบฏ​ เจ้ากล้า​วางแผน​ทรยศ​ ไม่กลัว​โทษประหาร​เก้า​ชั่วโคตร​หรือ​”

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งระงับ​ความรู้สึก​ทั้งหมด​ไว้​ เขา​ยัน​โต๊ะ​ลุกขึ้น​โดย​คง​ความเยือกเย็น​ของ​จักรพรรดิ​เอาไว้​ แล้ว​มอง​เหยียน​ชิน​อ๋อง​ครู่หนึ่ง​ ก่อน​หันไป​ทาง​หยาง​เยี่ยน​และ​ฆ้อง​ทองคำ​ เขา​เอ่ย​อย่าง​ฝืน​สงบสติอารมณ์​ว่า​

“นาย​ของ​พวก​เจ้าคือ​ใคร​”

และ​ในขณะเดียวกัน​นี้​ ขุนนาง​ระดับสูง​ที่​มีความดี​ความชอบ​สอง​คน​ข้างๆ​ ได้​ปิดปาก​เหยียน​ชิน​อ๋อง​ไว้​

เมื่อ​เห็น​หยาง​เยี่ยน​และ​ฆ้อง​ทองคำ​ปรากฏตัว​ ผู้​ที่​มีสายตา​เฉียบคม​ก็​รู้​ว่า​ผู้อยู่เบื้องหลัง​เป็น​ใคร​

ใน​ตอนแรก​พรรคพวก​ของ​เว่ยเยวียน​เหล่านี้​สนับสนุน​พระราชโอรส​ที่สี่​

หลังจาก​สวี่​ชีอัน​สังหาร​จักรพรรดิ​เจินเต๋อ​ หาก​เว่ยเยวียน​ไม่ตาย​ไป​เสีย​ก่อน​ ผู้​ที่​ขึ้น​ครองราชย์​คง​ไม่ใช่องค์​รัชทายาท​อย่าง​แน่นอน​ แต่​เป็น​พระราชโอรส​ที่สี่​ใน​ตอนแรก​

จีหย่วน​ไม่ทำตัว​เป็น​จุดสนใจ​ใน​ช่วง​กุญแจ​สำคัญ​อย่าง​อยู่​เป็น​ และ​ถือ​พัด​พับ​มอง​อยู่​ข้างๆ​ อย่าง​เงียบๆ​

“คุณชาย​เก้า​ ราชสำนัก​ต้าฟ่ง​เกิด​ความวุ่นวาย​ภายใน​”

ขุนนาง​ชุด​แดง​คน​หนึ่ง​เอ่ย​ด้วย​ความ​กึ่ง​ดีใจ​กึ่ง​กังวล​

สิ่งนี้​สอดคล้อง​กับ​เป้าหมาย​ของ​พวกเขา​ หาก​การ​เจรจา​สงบศึก​สามารถ​ทำให้​ราชสำนัก​เกิด​ความวุ่นวาย​ภายใน​ เช่นนั้น​ไม่ว่า​จะสำเร็จ​หรือไม่​สำเร็จ​ล้วน​ไม่สำคัญ​แล้ว​ และ​ดี​ยิ่งกว่า​ผล​การ​เจรจา​สำเร็จ​เสีย​อีก​

หาก​ส่วนกลาง​ตก​อยู่​ใน​ความโกลาหล​ ราชสำนัก​ต้าฟ่ง​จะพังทลาย​และ​แหลก​สลาย​ด้วย​ความเร็ว​ที่​ทำให้​ผู้คน​เป็น​ต้อง​แปลกใจ​

ซึ่งแน่นอน​ว่า​ ความปลอดภัย​ของ​ชีวิต​คณะ​ทูต​ก็​จะไม่ได้รับ​หลักประกัน​เท่าที่ควร​ ทุกคน​จึงดีใจ​กึ่ง​กังวล​

“สังเกต​สถานการณ์​เงียบๆ​” ขุนนาง​ชุด​แดง​อีก​คน​เอ่ย​เบา​ๆ

“ไม่ว่า​ใคร​แพ้​หรือ​ชนะ​ หาก​ไม่อยาก​ให้​ประเทศชาติ​ล่มสลาย​ คง​ต้อง​เกรงอกเกรงใจ​พวกเรา​เป็นแน่​”

หาก​อิง​ตาม​สถานการณ์​ของ​ต้าฟ่ง​ใน​ปัจจุบัน​ การ​ฉีกหน้า​อวิ๋น​โจว​เป็น​หนทาง​แห่ง​ความพินาศ​ ผู้​ที่​ก่อ​กบฏ​คง​มองไม่เห็น​ความจริง​ที่ว่า​นี้​

“นี่​ นี่​มัน​ไม่เกี่ยวกับ​ข้า​…”

เหยียน​ชิน​อ๋อง​เป็น​ผู้​บำเพ็ญตน​ระดับ​หลอม​ปราณ​ การ​ถูก​ขุนนาง​ระดับสูง​ที่​มีความดี​ความชอบ​ซึ่งมีตบะ​สูงล้ำ​สอง​คน​คุมตัว​ไว้​ จึงไร้ความสามารถ​ใน​การขัดขืน​แม้เพียง​เล็กน้อย​

ขณะนี้​ เสียง​เข่นฆ่า​โรมรัน​นอก​วัง​หยุด​ลง​ราวกับ​รู้​ผล​แพ้ชนะ​แล้ว​

แน่นอน​ว่า​จุด​ที่​ไกล​ออก​ไป​ยังคง​มีเสียง​ปืนใหญ่​และ​เสียง​กลอง​ การต่อสู้​ใน​จุด​อื่นๆ​ ยังคง​ดำเนินต่อไป​

“ไม่จำเป็นต้อง​ทำให้​เสด็จ​พี่​สี่ลำบากใจ​ เรื่อง​นี้​ไม่เกี่ยวกับ​เขา​”

เสียง​อัน​เยือกเย็น​ไพเราะ​ดัง​ขึ้น​ ผู้​คนใน​วัง​บ้าง​ก็​หัน​ศีรษะ​ บ้าง​ก็​ชำเลือง​มอง​ พบ​ว่า​นอก​ตำหนัก​กระดิ่งทอง​ เงาซึ่งมีทรวดทรง​สวยงาม​ใน​ชุด​กระโปรง​ยา​วสี​ขาว​เรียบ​เดิน​กระชาย​โปรง​ลาก​พื้น​ก้าว​ข้าม​ธรณีประตู​ที่​ยก​สูงเข้ามา​

องค์​หญิง​ใหญ่​?

ผู้​ที่​ไม่รู้​ความจริง​มีสีหน้า​งงงัน​

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งนิ่งอึ้ง​ไป​ คิดไม่ถึง​ว่า​ผู้​ที่​ปรากฏตัว​ตรงหน้า​จะเป็น​นาง​

“ฮว๋าย​ชิ่ง”

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งชี้ไป​ที่​นาง​ ก่อน​เอ่ย​อย่าง​โมโห​ว่า​

“เจ้าคิด​จะทำ​อะไร​ ตอบ​ข้า​มา เจ้าคิด​จะทำ​อะไร​”

เขา​ตบ​โต๊ะ​เต็มแรง​ พลัง​ความโกรธ​เพิ่มขึ้น​หลายเท่า​อย่าง​รุนแรง​

ฮว๋าย​ชิ่งก้าว​เข้าไป​ใต้​บัลลังก์​จักรพรรดิ​ ก่อน​มอง​ไป​ยัง​จัก​พร​ร​ดิ​หย่ง​ซิ่งและ​เอ่ย​ด้วย​น้ำเสียง​เรียบ​แต่​ระดับเสียง​กลับ​ไม่เบา​ว่า​

“เจ้าพี่​โปรด​สละ​บัลลังก์​”

ทันทีที่​คำพูด​นี้​ดัง​ขึ้น​ ภายใน​วัง​ตก​อยู่​ใน​ความ​เงียบงัน​ ซึ่งแม้แต่​เข็ม​หล่น​ก็​ยัง​ได้ยิน​เสียง​

จีหย่วน​ลิ้นพัน​ต้า​ค้าง​ เพ่งมอง​เงาหลัง​ของ​ฮว๋าย​ชิ่งอย่าง​พินิจ​ ภายใน​ดวงตา​เกิด​ความ​อัศจรรย์​ใจใน​ความสวยงาม​อัน​ยาก​จะปกปิด​

“เจ้า ฮว๋าย​ชิ่ง…”

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งราว​ว่า​ได้ยิน​คำ​เย้ยหยัน​ที่​ใหญ่​เท่า​ฟ้า เขา​ยัน​มือ​ทั้งสอง​ไว้​บน​โต๊ะ​ มอง​จาก​ข้างบน​ลง​ไป​ที่​เสด็จ​น้อง​ผู้​ทรยศ​ และ​แผดเสียง​ใน​ฉับพลัน​ว่า​

“เจ้ารู้​หรือไม่​ว่า​ตนเอง​กำลัง​ทำ​อะไร​”

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งทุบ​กำปั้น​อย่าง​รุนแรง​

หาก​เป็น​พี่น้อง​ฝ่าย​ชาย​คนอื่น​ใด​ เขา​คงจะ​ระวัง​และ​ตื่นตัว​ แต่​ใน​ตอนนี้​คน​ที่​กลับ​ขอให้​เขา​สละ​บัลลังก์​และ​ก่อ​กบฏ​กลับเป็น​เครือญาติ​ฝ่าย​หญิง​

น่าขัน​

เขา​ไม่ได้​มอง​ฮว๋าย​ชิ่งอีก​ แต่​มอง​ไป​ที่​หยาง​เยี่ยน​ พวก​ฆ้อง​ทองคำ​ และ​บรรดา​กองทัพ​กบฏ​ที่​ล้อมรอบ​ขุน​นางใน​วัง​แทน​ ก่อน​เอ่ย​ตำหนิ​ด้วย​ความโกรธ​ว่า​

“เจ้ากับ​พวก​สติ​ไม่สมประกอบ​ ก่อ​กบฏ​ร่วมกับ​สตรี​ หัว​พวก​เจ้าหลาย​คน​จะหลุด​ออกจาก​บ่า​”

“พึ่ง​นาง​จะสำเร็จ​งาน​ได้​หรือ​ ขอ​ถามขุนนาง​ทั้งหลาย​ใน​วัง​ ใคร​จะหนุน​นาง​ ขอ​ถามผู้​คนใน​ใต้​หล้า​ ใคร​จะหนุน​สตรี​อ่อนแอ​ผู้​นี้​”

ขณะนี้​เอง​ หลิว​หง​ออกจาก​แถว​เงียบๆ​ ก่อน​น้อม​คำนับ​ และ​เอ่ย​เสียงดัง​ว่า​

“ฝ่าบาท​โปรด​สละ​บัลลังก์​”

หลังจากนั้น​สมุห​ราชเลขาธิการ​เฉียน​ก็​ยืน​แนบ​ไหล่​กับ​กับ​หลิว​หง​ ก่อน​น้อม​คำนับ​ และ​เอ่ย​เสียงดัง​ว่า​

“ฝ่าบาท​โปรด​สละ​บัลลังก์​”

ตาม​ด้วย​รองหัวหน้า​สำนัก​ตรวจสอบ​ฝ่ายขวา​จางสิงอิง​ เจ้ากรม​ซุน​แห่ง​กรม​อาญา​และ​เจ้ากรม​ทหาร​ออกจาก​แถว​พร้อมกัน​ และ​เอ่ย​เป็น​เสียง​เดียวกัน​ว่า​

“ฝ่าบาท​โปรด​สละ​บัลลังก์​”

ราว​ก่อให้เกิด​ผล​ตอบสนอง​หมู่​ ทันใดนั้น​เอง​ ขุนนาง​กลุ่ม​ใหญ่​ก็​น้อม​คำนับ​พร้อม​เอ่ย​ว่า​

“ฝ่าบาท​โปรด​สละ​บัลลังก์​”

จำนวน​คน​คิด​เป็น​เกือบ​ครึ่งหนึ่ง​ของ​คนใน​ห้อง​วัง​

เป็นครั้งแรก​ที่​พรรค​หวา​งและ​พรรค​เว่ย​พร้อมใจกัน​เช่นนี้​

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งสีหน้า​แข็ง​เกร็ง​ และ​เริ่ม​ซีด​ขาว​อย่าง​ช้าๆ เขา​มอง​ไป​ยัง​ขุนนาง​ที่​โค้ง​ตัว​น้อม​คำนับ​อย่าง​เลื่อนลอย​พักใหญ่​ ก่อน​เอ่ย​พึมพำ​ด้วย​ริมฝีปาก​ที่​สั่นเครือ​ว่า​

“เสียสติ​ไป​แล้ว​ พวก​เจ้าเสียสติ​ไป​แล้ว​…”

ทาง​ฝั่งสมาชิก​ราชวงศ์​ บรรดา​ชิน​อ๋อง​และ​จวิ้น​อ๋อง​ต่าง​งุนงง​ทำ​อะไร​ไม่ถูก​ มีเพียง​เหยียน​ชิน​อ๋อง​ที่​ดีใจ​แทบ​คลั่ง​ ตื่นเต้น​จน​สั่น​ไป​ทั้งตัว​

ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล​ต้าห​ลี่​แทบ​ไม่อยาก​เชื่อ​ ไป​พยุง​ตัว​ขุนนาง​ที่​น้อม​คำนับ​ทีละ​คน​ ก่อน​เอ่ย​ตำหนิ​ว่า​

“พวก​เจ้าเสียสติ​ไป​แล้ว​หรือ​ เป็นบ้า​ไป​กับ​เครือญาติ​ฝ่าย​หญิง​คน​หนึ่ง​ ผู้ใด​ทำให้​พวก​เจ้าช่างกล้า​ อย่า​ได้คิด​หา​ความสุข​เพียง​ฉาบฉวย​ ไม่สำเร็จ​หรอก​”

ตอนนี้​เพียง​เริ่ม​จู่เริ่ม​ ต่อจากนี้​ล่ะ​

จำนวน​สมาชิก​ราชวงศ์​มีมากมาย​ เพียง​ต้องการ​เสนอ​ความเห็น​ใน​ตำแหน่ง​จักรพรรดิ​ก็​จะสามารถ​ยุติ​การ​ก่อ​กบฏ​ได้​

เพราะว่า​ไม่มีใคร​สนับสนุน​เครือญาติ​ฝ่าย​หญิง​

ก่อ​กบฏ​ตาม​องค์​หญิง​ หาก​ไม่เสียสติ​จะให้​เรียก​อะไร​

ฮว๋าย​ชิ่งไขว้​มือ​ทั้งสอง​ไว้​ที่​ท้องน้อย​ แล้ว​เอ่ย​อย่าง​เย็นชา​ว่า​

“นำ​เขา​ลง​ไป​ ให้​เขา​เขียน​พระ​ราชโองการ​สละ​ราชบัลลังก์​”

หยาง​เยี่ยน​นำ​ฆ้อง​เงิน​ก้าว​ไป​ข้างหน้า​ และ​เดิน​ไปหา​จักรพรรดิ​บน​บัลลังก์​จักรพรรดิ​

“อย่า​บังอาจ​”

ขันที​กุม​ตรา​ลัญจกร​จ้าว​เสวียน​เจิ้น​อ้าแขน​ทั้งสอง​ข้าง​ขวางหน้า​หยาง​เยี่ยน​และ​คนอื่นๆ​ สีหน้า​เขา​ซีด​ขาว​เล็กน้อย​ เขา​เอ่ย​ด้วย​หน้าตา​บึ้งตึง​ว่า​

“ฝ่าบาท​หลิน​อัน​หมั้น​หมาย​กับ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ เจ้าและ​คนอื่นๆ​ ก่อ​กบฏ​ ฆ้อง​เงิน​สวี่​จะไม่ปล่อย​พวก​เจ้าไป​”

คำพูด​ประโยค​นี้​เหมือน​เป็น​การตีกลอง​ปลุก​สติ​สมาชิก​ราชวงศ์​ ขุนนาง​ระดับสูง​ที่​มีความดี​ความชอบ​รวมไปถึง​ขุนนาง​คนอื่นๆ​ นอกเหนือ​พรรค​หวา​งและ​พรรค​เว่ย​ที่​ลังเล​ไม่แน่​ไม่นอน​

ภายใน​ดวงตา​ที่​ซีดเซียว​ของ​จัก​พร​ร​ดิ​หย่ง​ซิ่งส่องสว่าง​ออกมา​ใน​ทันทีทันใด​ เหมือน​คน​ที่​ผิดหวัง​พบเห็น​แสงอาทิตย์​แรก​อรุณ​

ใช่แล้ว​ เขา​ยังมี​สวี่​ชีอัน​

ตราบใดที่​สวี่​ชีอัน​สนับสนุน​เขา​ ไม่ว่า​ฮว๋าย​ชิ่งและ​เหยียน​ชิน​อ๋อง​จะกำแหง​เท่าใด​ก็​คง​ไม่สำเร็จ​

คน​ที่​ลังเล​ไป​ลังเล​มาเหล่านั้น​ก็​รู้​ถึงปัญหา​นี้​

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งตั้งสติ​ มองดู​หยาง​เยี่ยน​และ​คนอื่นๆ​ โดยรอบ​ และ​เอ่ย​เสียงดัง​ว่า​

“ข้า​ให้โอกาส​พวก​เจ้าดึง​บังเหียน​ม้าหน้า​ขอบ​ผา​[1]อีกครั้ง​ ข้า​จะไม่ถือโทษ​เรื่อง​ที่​ทำ​ไว้​ จับตัว​กบฏ​ฮว๋าย​ชิ่ง ข้า​จะมอบ​รางวัล​ให้​พวก​เจ้า”

“มิเช่นนั้น​ เจ้าและ​คนอื่นๆ​ คงจะ​รู้​ว่า​จุดจบ​ของ​การวางแผน​ทรยศ​เป็น​เช่นไร​”

จ้าว​เสวียน​เจิ้น​ได้รับ​กล้าหาญ​มากขึ้น​ หันไป​ตะโกน​ว่า​ “ยัง​ไม่ลงมา​อีก​”

“เจ้าโจร​กบฏ​ ยัง​ไม่สำนึก​อีก​”

“ก่อ​กบฏ​ตาม​ผู้หญิงยิงเรือ​ อยาก​อายุสั้น​หรือ​”

“รีบ​ๆ จับตัว​ฮว๋าย​ชิ่ง มิเช่นนั้น​ ก็​รอ​ให้​ทหาร​รักษา​วัง​มาฆ่าหรือ​รอ​ให้​ฆ้อง​เงิน​สวี่​มาฆ่าแทน​ พวก​เจ้าจะตาย​กัน​หมด​”

ขุนนาง​ทั่วไป​และ​ขุนนาง​ระดับสูง​ที่​มีความดี​ความชอบ​ซึ่งเห็นชอบ​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งเหล่านั้น​กล่าว​ตำหนิ​เสียงดัง​

“เฮ้อ​”

เสียง​ถอนหายใจ​เฮือก​ใหญ่​ดังก้อง​ใน​วัง​ เงาคน​ขยายตัว​และ​แผ่ออก​มาจาก​เงาด้านหลัง​ฮว๋าย​ชิ่ง ซึ่งก็​คือ​สวี่​ชีอัน​ที่​เพิ่งจะ​ปราบ​ทหาร​รักษา​วัง​ห้า​กอง​

เมื่อ​ครู่​เพิ่งจะ​เอ่ยถึง​สวี่​ชีอัน​ วินาที​ถัดมา​ขวัญใจ​ก็​ปรากฏตัว​ ทันทีที่​สีหน้า​ท่า​ตา​ดีอกดีใจ​เพิ่งจะ​ล่องลอย​ใน​ดวงตา​ของ​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่ง เขา​ก็​เห็น​จอม​ยุทธ์​อันดับ​หนึ่ง​แห่ง​ต้าฟ่ง​ผู้​นี้​มอง​มาที่​ตน​อย่าง​เย็นชา​และ​เอ่ย​ว่า​

“หย่ง​ซิ่ง สละ​บัลลังก์​เสีย​ ข้า​รับรอง​ว่า​ท่าน​จะไม่ตาย​”

“ไม่เช่นนั้น​ ท่าน​ก็​จะเป็น​แบบ​หยวน​จิ่ง”

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งมีสีหน้า​ราว​หิมะ​ สั่น​ไป​ทั้งตัว​ ล้ม​ลง​บน​เก้าอี้​มังกร​เหมือน​สูญเสียกำลัง​ใน​การปลุก​ตนเอง​

ขุนนาง​ทั่วไป​และ​ขุนนาง​ระดับสูง​ที่​มีความดี​ความชอบ​ซึ่งเห็นชอบ​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งทำ​สีหน้า​แข็ง​เกร็ง​โดย​พร้อมกัน​

พัด​กระดูก​เงิน​ใน​มือ​ของ​จีหย่วน​ร่วง​ลง​บน​พื้น​ดัง​ ‘ตึก​’ รูม่านตา​ของ​เขา​หด​ลง​อย่าง​รุนแรง​ราว​พบ​แสงจ้า

ผู้​ที่​ต้องการ​ก่อ​กบฏ​คือ​สวี่​ชีอัน​…

…………………………………………..

[1] ดึง​บังเหียน​ม้าหน้า​ขอบ​ผา​ มาจาก​สุภาษิต​จีน​ที่ว่า​ 悬崖勒马 หมายถึง​กลับเนื้อกลับตัว​ใหม่​ใน​ตอนที่​ยัง​ไม่สาย​

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท