ตอนที่ 1468 ไม่ทำ
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้ากล้าสละชีพของตัวเองเพื่อบ้านเมืองเช่นเดียวกับข้า! บางคนมีทายาทสืบทอดแล้ว บางคนมีพี่น้องคอยดูแลพ่อแม่ของตัวเองแล้ว ทว่า ข้าขอย้ำกับพวกเจ้าอีกครั้งว่าพวกเราคือทหารหน่วยกล้าตาย ไม่ใช่ทหารที่ออกไปตาย! หากตายพวกเราต้องตายอย่างมีค่า พวกเราต้องทำให้ต้าโจวชนะโดยที่สูญเสียน้อยที่สุดให้ได้!”
เมื่อกล่าวทุกอย่างที่อยากกล่าวจบเจียงไหวเซิงจึงกำหมัดคารวะทหารเรือยอดฝีมือทั้งสามร้อยนาย
“สหายทุกคน หวังว่าทุกคนจะมีชีวิตรอดกลับมา!”
พยายามรอดกลับมาให้ได้…
แม้ความหวังจะริบหรี่มากก็ตาม…
หลิวซูเฉิงกระชากร่างของเจียงไหวเซิงไปอีกทางตอนที่เหล่าทหารยอดฝีมือกลับไปเขียนคำสั่งเสียและเก็บสัมภาระของตัวเอง
“เจียงไหวเซิง ข้าไม่ได้จะห้ามไม่ให้เจ้าพาพวกเขาไปออกรบ ทว่า เจ้าควรรู้สภาพร่างกายของตัวเอง เจ้าเสียแขนไปข้างหนึ่งแล้ว โอกาสรอดของเจ้าน้อยกว่าพวกเขามาก ข้ามีครบทั้งสองแขนสองขาและสมอง ในเมื่อเจ้าวางแผนเรียบร้อยแล้ว ข้าจะเป็นคนดำเนินการตามแผนเอง พวกเราเปลี่ยนตัวกัน ข้าจะไปเองส่วนเจ้าอยู่ที่นี่”
“ฝ่าบาทตรัสไว้ว่า…”
เจียงไหวเซิงชี้ไปที่ศีรษะของตัวเอง
“แม่ทัพใหญ่ใช้ตรงนี้ทำสงคราม ไม่ได้ใช้เพียงกำลัง! เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง…”
“ไม่ให้ข้าเป็นห่วงอันใด! ข้าจะไม่เป็นห่วงได้หรือ…”
หลิวซูเฉิงโมโหจนเสียงสั่น
“พ่อของเจ้าเสียชีวิตในสงครามทางทะเล เจ้าอุทิศชีวิตเกินกว่าครึ่งของตัวเองให้กับทะเล ตอนนี้ท่านป้าเพิ่งหาเมียให้เจ้าได้ไม่นาน เจ้าทิ้งทายาทไว้ให้พวกเขาหรือไม่ก็ยังไม่มีผู้ใดรู้ น้องชายของเจ้าติดตามแม่ทัพจ้าวเซิงไปที่อวิ๋นจิงหรือชายแดนของต้าเยี่ยนก็ไม่รู้ หากเจ้าเป็นอันใดไปแม่ของเจ้าจะทำเช่นไร ดวงตาของแม่เจ้าไม่ค่อยดีนัก หากเจ้าเป็นอันใดไปแม่ของเจ้าคงร้องไห้จนตาบอดแน่!”
“ผู้ใดไม่มีแม่บ้าง…”
เจียงไหวเซิงยิ้มออกมาบางๆ
“ทหารเรือเหล่านั้นไม่มีแม่หรืออย่างไรกัน พวกเขาล้วนไปได้ เหตุใดข้าจึงไปไม่ได้ แม่ของข้ามีเมียของข้าคอยดูแล ข้าจะพยายามมีชีวิตรอดกลับมาเพื่อพวกเขา หากข้ากลับมาไม่ได้เจ้าช่วยนำหนังสือหย่าของข้าไปให้นางด้วย บอกนางว่าข้าเจียงไหวเซิงทำผิดต่อนางแล้ว…”
“ข้าไม่ไป เจ้าอยากเอาไปให้ก็เอาไปให้เอง! เจ้าตายแล้วจะให้ข้ารับบทเป็นคนเลวอย่างนั้นหรือ! หึ!”
หลิวซูเฉิงโมโหจนมือสั่น
“ต่อให้ข้าไปไม่ได้ก็ยังมีแม่ทัพคนอื่นที่สามารถไปได้ เหตุใดเจ้าต้องไปด้วยตัวเองด้วย! เจ้าคือแม่ทัพใหญ่ที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งนะ! ตอนนี้เจ้าโยนหน้าที่นี้มาให้ข้าอย่างนั้นหรือ ข้าไม่รับ!”
คนที่ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ไปยังยากที่จะมีชีวิตรอดกลับมา ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเจียงไหวเซิงที่สูญเสียมือข้างซ้ายไปข้างหนึ่งเลย
เจียงไหวเซิงรู้ว่าหลิวซูเฉิงกำลังกล่าวด้วยอารมณ์ หากเขาจากไปจริงๆ หลิวซูเฉิงต้องทำตามคำขอของเขาแน่นอน
เจียงไหวเซิงรู้ดีว่าหลิวซูเฉิงไม่ได้คัดค้านเขาเพราะไม่อยากให้สหายของตัวเองเสียชีวิต หลิวซูเฉิงไม่ได้คิดว่าทหารคนอื่นสามารถสละชีวิตของตัวเองได้แต่สหายของตัวเองทำเช่นนั้นไม่ได้ หลิวซูเฉิงแค่คิดว่าเขาสูญเสียมือไปข้างหนึ่งแล้ว หากเขานำทหารยอดฝีมือไปออกรบด้วยตัวเอง โอกาสรอดของเขามีน้อยกว่าผู้อื่นมาก
หลิวซูเฉิงปรายตามองเจียงไหวเซิงแวบหนึ่ง จากนั้นสะบัดตัวเดินเข้าไปในตัวเรือด้วยความโมโห เมื่อเดินเข้าไปในตัวเรือหลิวซูเฉิงกำหมัดกล่าวกับรองแม่ทัพของตัวเอง
“สายลับรายงานว่าเรือของตงอี๋ยังอยู่ไกลจากเรือรบของพวกเรามาก อีกเดี๋ยวเจ้าให้คนทำอาหารเลี้ยงส่งทหารพวกนั้นสักมื้อ จากนั้นวางยาในอาหารของแม่ทัพเจียงให้ข้า! ต้องกักตัวเขาไว้บนเรือให้ได้!”
“เช่นนั้น…ผู้ใดจะนำทัพทหารหน่วยกล้าตายเหล่านั้นของรับ”
รองแม่ทัพเอ่ยถามหลิวซูเฉิง
หลิวซูเฉิงกำดาบที่เอวของตัวเองแน่นพลางกล่าวเสียงรอดไรฟัน
“ข้าจะไปเอง!”
“ท่านแม่ทัพ!”
รองแม่ทัพเบิกตาโพลงมองไปทางหลิวซูเฉิง
ทว่า หลิวซูเฉิงกลับเงยหน้ามองรองแม่ทัพของตัวเองพลางกล่าวอย่างตัดสินใจแน่วแน่
“สติปัญญาของเจียงไหวเซิงดีกว่าข้า เขาเหมาะสมที่จะเป็นแม่ทัพใหญ่ในครั้งนี้มากกว่าข้า! ข้าจะเป็นคนนำทัพทหารหน่วยกล้าตายบุกไปทำลายเรือของศัตรูและเป็นเหยื่อล่อของพวกเขาเอง! พวกเราไม่สามารถพาทหารยอดฝีมือไปหมดสามร้อยนายได้ ข้าจะพาไปแค่ร้อยห้าสิบนายเท่านั้น หากจำนวนมากเกินไปต่อให้เป็นตอนกลางคืนก็คงถูกจับได้อยู่ดี!”
“ทว่า แม่ทัพเจียงคัดเลือกทหารไปสามร้อยนายเพราะไม่ต้องการให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นนะขอรับ!”
รองแม่ทัพของหลิวซูเฉิงกล่าวเสียงเบา
“ข้าไม่มีทางทำผิดพลาด ชีวิตของทหารเรือทุกคนล้วนมีค่า! ข้านำไปแค่ครึ่งเดียวก็พอแล้ว เจ้าไม่ต้องเอะอะไป เมื่อถึงเวลากันพวกเขาไว้ครึ่งหนึ่งก็พอ”
หลิวซูเฉิงเตรียมเดินจากไป ทว่า เมื่อนึกถึงความฉลาดของเจียงไหวเซิงขึ้นมาได้จึงหันไปกำชับรองแม่ทัพต่อ
“นอกจากอาหารแล้วอย่าลืมใส่ยาลงในน้ำดื่มของเจียงไหวเซิงด้วย ใส่ลงไปในของทุกอย่างที่เขานำเข้าปากได้ เจียงไหวเซิงเป็นคนฉลาด ข้ากลัวว่าเขาจะระวังตัวเกินกว่าเหตุ”
“ทว่า หาก…”
รองแม่ทัพมีสีหน้ากังวล
“หากแม่ทัพเจียงไม่ได้ทานเหล่านั้นเลยล่ะขอรับ”
“ตีให้สลบ ให้เขาไปไม่ได้!”
หลิวซูเฉิงกล่าวจบจึงเดินเข้าไปในด้านในของตัวเรือเพื่อเก็บสัมภาระของตัวเอง
เป็นดั่งที่หลิวซูเฉิงคิดเมื่อเจียงไหวเซิงเห็นว่าหลิวซูเฉิงไม่ได้โน้มน้าวเขาแล้วก็รู้ทันทีว่าหลิวซูเฉิงต้องคิดหาวิธีอื่นหยุดยั้งเขาแน่นอน เจียงไหวเซิงระแวงอาหารทุกชนิดที่อยู่รอบกายตัวเอง เขากินเพียงอาหารแห้งที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้และดื่มน้ำจากน้ำของผู้อื่นเท่านั้น
เดิมทีเจียงไหวเซิงคิดว่าทำแค่นี้หลิวซูเฉิงก็คงไม่มีปัญญาหยุดยั้งเขาแล้ว คงทำได้เพียงมองเขานำทัพไปโจมตีเรือของศัตรูเท่านั้น ทว่า เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหลิวซูเฉิงจะให้คนตีเขาจนสลบต่อหน้าทหารเรือทุกคนเช่นนี้
หลิวซูเฉิงถอดชุดนักรบของตัวเองเปลี่ยนเป็นเครื่องแต่งกายทะมัดทะแมงเช่นเดียวกับทหารหน่วยกล้าตายคนอื่นๆ แล้ว เขามองไปทางทหารหน่วยกล้าตายคนอื่นๆ ที่ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดพลางตะโกนเสียงดังลั่น
“แม่ทัพเจียงไหวเซิงเหลือมือเพียงข้างเดียวแล้ว หากปล่อยให้เขานำทัพพวกเจ้าเขาคงยากที่จะรอดกลับมา ดังนั้นข้าจะไปร่วมเป็นร่วมตายกับพวกเจ้าแทน หลิวซูเฉิงขอสาบานว่าจะพยายามพาทุกคนกลับมาอย่างปลอดภัยอย่างสุดความสามารถของข้า!”
การเปลี่ยนแม่ทัพใหญ่กะทันหันคือเรื่องอันตรายในการทำสงคราม ทว่า แม่ทัพคนใหม่คือแม่ทัพหลิวซูเฉิงที่ถนัดเรื่องการทำสงครามทางทะเลที่สุดของทหารเรือดังนั้นทหารเรือหน่วยกล้าตายทุกคนจึงมีกำลังใจมากกว่าเดิมทันที
หลิวซูเฉิงเหลือบมองไปทางเจียงไหวเซิงแวบหนึ่ง จากนั้นส่งสัญญาณให้รองแม่ทัพของตนลากเจียงไหวเซิงเข้าไปด้านในพลางกล่าวขึ้น
“เมื่อเจียงไหวเซิงได้สติจงบอกเขาว่าข้าจะพยายามพาทหารเหล่านี้กลับมาให้ได้ ให้เขาทำตามแผนการเดิมที่วางไว้ อย่าใจอ่อนเพียงเพราะพวกข้าอยู่ในนั้นเด็ดขาด!”
คำกล่าวนี้คือคำที่เจียงไหวเซิงกำชับหลิวซูเฉิงก่อนหน้านี้ บัดนี้หลิวซูเฉิงกำลังจะออกเดินทางเขาจึงคืนถ้อยคำเหล่านี้ให้เจียงไหวเซิงเช่นเดียวกัน
หลิวซูเฉิงกล่าวจบก็เดินไปขึ้นเรือเล็กลำที่จอดอยู่ด้านหน้าสุด จากนั้นยกมือส่งสัญญาณให้ออกเดินทาง
ตอนนี้ตะวันกำลังจะลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก เมฆลอยเต็มท้องนภา