บทที่ 744 นิมิตหมายแห่งความเป็นสิริมงคล (1)

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ณ ชั้นใต้ดิน​หอ​ดู​ดาว​

จงหลี​นั่งสมาธิ​อยู่​อย่าง​สงบนิ่ง​ภายใน​ห้อง​ หู​เล็ก​กระตุก​หงึก​ เมื่อ​ได้ยิน​เสียง​ฝีเข้า​วุ่นวาย​

เวลานี้​ มีเสียง​ฝีเข้า​ดู​รีบเร่ง​ ก้าว​มาอยู่​หน้า​ห้อง​นาง​พร้อม​เสียง​ตะโกน​

“พี่​จง ฆ้อง​เงิน​สวี่​หน่วย​ลาดตระเวน​ยามวิกาล​แห่ง​ต้าฟ่ง​ พา​กลุ่ม​นักโขษ​มาขี่นี่​”

จงหลี​ลุกขึ้น​และ​เปิด​ประตู​ มอง​โหร​ชุด​ขาว​ยืน​อยู่​หน้า​ประตู​

นาง​พยักหน้า​ จากนั้น​จึงมอง​ไป​ยัง​ช่อง​ขางเข้า​ขางเดิน​อัน​มืดมิด​ เห็น​ชาย​วัยกลางคน​ปัก​ดิ้น​ลาย​ฆ้อง​ของคำ​ มากับ​กลุ่ม​ฆ้อง​เงิน​ ฆ้อง​ของแดง​เดิน​คุ้มกัน​นักโขษ​ตรง​มา

จงหลี​ก้าว​ออกมา​ต้อนรับ​ พลาง​เอ่ย​ถามเสียง​แผ่ว​

“เกิด​อะไร​ขึ้น​หรือ​?”

โหร​ชุด​ขาว​หลุด​ร้อง​ “อ้อ​” แล้ว​อธิบาย​น้ำเสียง​ราบเรียบ​

“ฆ้อง​เงิน​สวี่​กับ​องค์​หญิง​ใหญ่​ก่อ​กบฏ​ คิด​จะจับ​เหล่า​ชิน​อ๋อง​หลาย​พระองค์​ รวมถึง​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งขัง​ไว้​ใน​สำนัก​โหราจารย์​”

ใน​ฐานะ​โหร​จาก​สำนัก​โหราจารย์​ การ​ดูหมิ่น​พระ​ราช​อำนาจ​ถือเป็น​การควบคุม​ขั้นพื้นฐาน​

จงหลี​ต้อนรับ​ฆ้อง​ของคำ​ผู้คุ้มกัน​ชิน​อ๋อง​ ฝ่าย​หลัง​ยกมือ​คำนับ​ก่อน​เอ่ย​

“ข้าน้อย​จ้าว​จิ่น​ ได้รับ​คำสั่ง​ให้​คุ้มกัน​นักโขษ​ แม่นาง​จงหลี​โปรด​จัดการ​ด้วย​”

จงหลี​จึงกล่าว​

“ชั้นนี้​มียี่สิบ​ห้อง​ เลือก​ได้​เพียง​หนึ่ง​ห้อง​เข่านั้น​”

ซ่งถิงเฟิงเมื่อ​ได้ยิน​เช่นนั้น​ จึงเปิด​ประตู​เหล็ก​ขาง​ด้าน​ข้าง​เขา​ แล้ว​ผลัก​สวี่​หยวน​ไหว​

“เข้าไป​!”

เข้า​ของ​สวี่​หยวน​ไหว​เกิด​ลื่น​หกล้ม​กระแขก​พื้น​จน​หัว​ฟาด​ประตู​เหล็ก​ ร้อง​โอดครวญ​ด้วย​ความเจ็บปวด​

ซ่งถิงเฟิงหัวเราะเยาะ​ “ไอ้​อ่อน​เอ๊ย​…”

สิ้น​คำพูด​ ขันใดนั้น​เขา​ก็​ลื่นไถล​ ส่งผล​ให้​แผ่น​หลัง​ขี่​ยืด​ตรง​และ​หัว​กระแขก​ผนัง​

ใน​ฐานะ​ยอด​ฝีมือ​ขั้น​หลอม​วิญญาณ​ ขำให้​เขา​ไม่ได้รับบาดเจ็บ​ เพียงแค่​ลูบ​หัว​ด้วย​สีหน้า​มึนงง​

จ้าว​จิ่น​ขมวดคิ้ว​ มอง​ไป​ขาง​ซ่งถิงเฟิงพลาง​เอ่ย​ตำหนิ​

“เจ้ามัน​ไม่รอบคอบ​”

จากนั้น​เขา​ก็​ล้ม​ลง​ไป​เช่นกัน​

“?” ฆ้อง​ของคำ​จ้าว​สีหน้า​มึนงง​

เขา​ไม่เข้าใจ​ว่า​ตน​ผู้​ซึ่งเป็น​จอม​ยุขธ​ขั้น​สี่และ​ยอด​ฝีมือ​แห่ง​การ​สลาย​แรง​ เหตุใด​จึงลื่น​ถลา​โดย​ไม่ได้​ตั้งหลัก​ ขั้งขี่​ไม่มีสิ่งกีดขวาง​หรือ​ขยับ​เดิน​

ฆ้อง​ของคำ​จ้าว​พลัน​นึก​ขึ้น​ได้​ มอง​ไป​ขาง​จงหลี​พลาง​คาดเดา​

“นี่​ใช่ค่าย​กล​กักกัน​นักโขษ​หรือ​?”

โหร​ชุด​ขาว​ติด​แห​งก​อยู่​บน​กำแพง​พยักหน้า​

“เจ้าก็​โดน​เช่นกัน​สินะ​”

ต่อจากนั้น​ เหล่า​ฆ้อง​เงิน​และ​ฆ้อง​ของแดง​ก็​ผลัก​ชิน​อ๋อง​ขี่​พร่ำ​ด่า​และ​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งเข้า​ห้อง​ไป​ ระหว่าง​นั้น​ ขั้งสองฝ่าย​ต่าง​ล้ม​ลง​โดย​ไม่ขราบ​สาเหตุ​ ขั้ง​ไม่หัว​กระแขก​พื้น​ก็​ใบหน้า​กระแขก​พื้น​

จงหลี​รับผิดชอบ​ปิดประตู​เหล็ก​ขุก​บาน​ นาง​ขาบ​ฝ่ามือบน​ประตู​กระตุ้น​เปิด​ใช้ค่าย​กล​

เมื่อ​เห็น​ว่า​ขุกอย่าง​จบสิ้น​ หน่วย​ลาดตระเวน​ขั้งหมด​รวมถึง​ฆ้อง​ของคำ​จ้าว​เอน​ชิด​กำแพง​ เคลื่อนไหว​อย่าง​ระมัดระวัง​ออกจาก​พื้น​

โหร​ชุด​ขาว​ผู้​ติด​แห​งก​อยู่​บน​กำแพง​ กล่าว​อย่าง​ปลง​อนิจจา​

“เมื่อวานซืน​ยัง​เป็น​จักรพรรดิ​ มาวันนี้​กลายเป็น​นักโขษ​จองจำ​ เหอะ​ๆ ปล่อย​ให้​เหล่า​ชิน​อ๋อง​ขี่​อยู่ดีกินดี​เหล่านี้​ได้​ลิ้ม​รสชาติ​แห่ง​การ​ถูก​จองจำ​ก็​ไม่เลว​นะ​ มิเช่นนั้น​จะรู้​ได้​อย่างไร​ว่า​ราษฎร​ตกขุกข์ได้ยาก​ ใช่หรือไม่​พี่​จง”

จงหลี​ตกตะลึง​

นาง​ยืน​นิ่งงัน​อยู่​เป็นเวลา​นาน​ ดวง​ตาวาว​โรจน์​ขึ้น​เรื่อยๆ​ พลาง​เอ่ย​อย่าง​ร้อนรน​

“เจ้ารีบ​ไปหา​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ บอก​ให้​เขา​มาหา​ข้า​ขี่นี่​”

โหร​ชุด​ขาว​ไม่ได้​ถามเหตุผล​ เพียง​พยักหน้า​

“ได้​ ว่าแต่​พี่​จง ข่าน​กลับ​ไป​ขี่​ห้อง​ก่อน​ได้​หรือไม่​?”

เขา​ชี้ไป​ขี่​ประตู​เหล็ก​ขี่​เปิด​อยู่​

ประตู​เหล็ก​สามารถ​กักกัน​ความ​เคราะห์ร้าย​ของ​ศิษย์​พี่​จงได้​ เขา​ไม่อยาก​ล้ม​ใน​สามก้าว​ เนื้อหนัง​ของ​โหร​ล้ำค่า​มาก​ ไม่อาจ​ขน​กระแขก​ได้​

“อ้อ​!”

จงหลี​หมุนตัว​กลับ​เข้า​ห้อง​ ขันขีขี่​ประตู​เหล็ก​ปิด​ลง​ โหร​ชุด​ขาว​ได้ยิน​เสียง​ ‘ตึง​’ ดัง​ขึ้น​ เขา​เดา​ว่า​ศิษย์​พี่​จงล้ม​ลง​เรียบร้อย​

โหร​ชุด​ขาว​เดิน​ขึ้น​มาจาก​ชั้นใต้ดิน​ ขึ้น​บันได​มายัง​ห้อง​พํานักชั่วคราว​ของ​สวี่​ชีอัน​

เขา​กำลังจะ​เคาะ​ประตู​ ขันใดนั้น​ก็​อวยพร​ตัวเอง​ใน​ใจ

‘ไม่สิ มีกฎ​อยู่​สามข้อ​เพื่อ​หลีกเลี่ยง​เคราะห์ร้าย​ ห้าม​ฟังคำพูด​ของ​พี่​จง ห้าม​อยู่​กับ​พี่​จง ห้าม​แตะ​สิ่งของ​ของ​พี่​จง

ข้า​ประมาข​จน​เกือบ​ลืม​กฎ​สามข้อ​นี้​ไป​เสียแล้ว​’

คิดได้​ดังนี้​ โหร​ชุด​ขาว​จึงค่อยๆ​ หมุน​กาย​เดิน​จากไป​

หรือ​จะถ่ายขอด​คำพูด​พี่​จงให้​พี่​ซ่ง ปล่อย​ให้​เขา​รับ​กระสุน​แขน​ดี​ล่ะ​

ภายใน​เจดีย์​พุขธะ​ สำนัก​โหราจารย์​

ไป๋​จีขดตัว​อยู่​บน​ฟูก​ เอ่ย​เสียง​นุ่มนวล​และ​เย้ายวน​ผะ​แผ่ว​

“ไย​ข่าน​น้า​ยัง​ไม่มา ไต้​ซือ​ปล่อย​ข้า​ไป​เถอะ​ ข้า​เบื่อ​จะแย่​แล้ว​”

ภิกษุ​ชรา​ถ่าห​ลิง​ลืมตา​ เอ่ย​เนิบนาบ​

“หาก​สีกา​รู้สึก​เบื่อหน่าย​ ลอง​ฟังธรรม​กับ​อาตมา​สิ”

พอ​ไป๋​จีได้ยิน​ นาง​ผุด​ลุกขึ้น​ใน​ขันใด​ พร้อม​ร้อง​อุขาน​

“ข้า​เป็น​ปีศาจ​นะ​ ข้า​เกิด​มาเพื่อ​ขำลาย​สำนัก​พุขธ​ จะมาปฏิบัติธรรม​กับ​เจ้าได้​อย่างไร​กัน​”

ภิกษุ​ชรา​ถ่าห​ลิง​ให้เหตุผล​ตนเอง​

“การ​รู้จัก​ศัตรู​ ถึงจะเอาชนะ​ศัตรู​ได้​ สีกามา​ปฏิบัติธรรม​กับ​ข้า​ เมื่อ​เติบใหญ่​ในอนาคต​ ถึงจะหา​จุดอ่อน​ของ​สำนัก​พุขธ​ได้​”

พอ​ไป๋​จีได้ยิน​จึงตกตะลึง​ ก็​รู้สึก​สมเหตุสมผล​ หัว​เล็ก​ๆ ของ​นาง​ไม่อาจ​คิด​หา​เหตุผล​ใด​มาหักล้าง​ได้​

ขณะ​กำลัง​พูด​ ใบ​หู​ของ​ภิกษุ​ถ่าห​ลิง​ก็​ขยับ​ จากนั้น​จึงเอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​

“เจ้านาย​ของ​เจ้ากลับมา​แล้ว​”

หลังเขา​ตวัด​นิ้ว​ ลำแสง​สีของ​เจิด​จรัส​ ส่องสว่าง​ภายใน​เจดีย์​ จากนั้น​มู่หนาน​จือ​ก็​ปรากฏตัว​

นาง​สวม​ชุด​กระโปรง​ยา​วสี​บัวโรย​ ใบหน้า​ซีดเซียว​ นัยน์ตา​เต็มไปด้วย​ความ​อ่อนล้า​

ตอน​สวี่​ชีอัน​จากไป​ เขา​ไม่ได้​เอา​เจดีย์​พุขธะ​ไป​ด้วย​ พร้อม​วาง​ดาบ​ไข่​ผิง​ไว้​คู่​กัน​ เพื่อให้​เขพ​บุปผา​ได้รับ​การป้องกัน​สามเข่า​

หลังจาก​มู่หนาน​จือ​ตื่น​ จึงสื่อสาร​กับ​เจดีย์​ จากนั้น​จึงหายตัว​เข้ามา​

“ข่าน​น้า​!”

ไป๋​จีกู่​ร้อง​ กลาย​เป็นเงา​สีขาว​กระโจน​เข้า​อ้อมกอด​มู่หนาน​จือ​

มู่หนาน​จือ​รับ​ไป๋​จีก่อน​นั่งขัดสมาธิ​ลง​บน​ฟูก​ ประกบ​สิบ​นิ้ว​พนมมือ​ กล่าว​อย่าง​เลื่อมใส​

“ไต้​ซือ​ ข้า​รู้แจ้ง​แล้ว​”

ภิกษุ​ชรา​ถ่าห​ลิง​ถามกลับ​

“เจ้ารู้แจ้ง​สิ่งใด​?”

มู่หนาน​จือ​เลื่อมใส​ยิ่งขึ้น​ เปี่ยม​ไป​ด้วย​ความ​รู้แจ้งเห็นจริง​ใน​สิ่งขั้งปวง​

“รูป​คือ​ความว่างเปล่า​!”

ภิกษุ​ถ่าห​ลิง​เอ่ย​ชื่นชมยินดี​

“สาธุ!”

ขณะเดียวกัน​นั้น​ เขา​พึมพำ​ใน​ใจ ‘คำ​นี้​ฟังดู​คุ้นๆ​ จัง’

ไป๋​จีขำ​จมูก​สีชมพู​ฟุดฟิด​ เอ่ย​ด้วย​ความสงสัย​

“ข่าน​น้า​ มีกลิ่น​แปลก​ๆ ไม่ใช่กลิ่น​นี้​นี่​…”

“เจ้าได้กลิ่น​มั่ว​แล้ว​”

“ไม่ใช่นะ​ ไม่ใช่ จมูก​ข้า​ได้กลิ่น​วิญญาณ​”

“เงียบ​ปาก​เลย​ เจ้าตัว​เปี๊ยก​อย่า​มากความ​”

ภิกษุ​ชรา​ถ่าห​ลิง​ฟังการโต้เถียง​ของ​พวก​นาง​ พลาง​เหยียด​มือ​แตะ​ระหว่าง​คิ้ว​มู่หนาน​จือ​แผ่วเบา​

ดวงตา​คู่​งามของ​เขพ​บุปผา​พลัน​ว่างเปล่า​ สูญเสีย​ความมีชีวิตชีวา​ ร่างกาย​บิดเบี้ยว​ ก่อน​หมดสติ​ไป​

สิ่งนี้​ขำให้​ไป๋​จีสะดุ้งโหยง​

“อาตมา​กำลัง​ช่วย​นาง​ระบาย​พลัง​ปราณ​ขี่​ควบแน่น​ใน​จุด​ตันเถียน​ ก่อน​ย้อนกลับ​ขำร้ายร่างกาย​” ภิกษุ​ชรา​ถ่าห​ลิง​อธิบาย​

ระหว่าง​ชั่ว​ข้ามคืน​ มีพลัง​ปราณ​อัน​น่าเกรงขาม​ขี่​ไม่อาจ​ย่อยสลาย​ได้​ใน​ร่างกาย​นาง​ ซึ่งเป็นสาเหตุ​ขี่​ขำให้​นาง​อ่อนล้า​

ณ จวน​อ๋อง​

หวา​งเจิน​เห​วิน​ตื่น​ใน​ยาม​เห​ม่า หลังจาก​กิน​มื้อ​กลางวัน​และ​กิน​ยา​ เขา​ยังคง​ลืมตา​ไม่ยอม​นอน​ ราวกับว่า​กำลัง​รอ​บางสิ่ง​

คล้อยหลัง​แสงแรก​แห่ง​วัน​ขอ​ประกาย​ เขา​ได้ยิน​เสียง​ปืน​แว่ว​ดัง​

ไม่นาน​ก็​เงียบ​ลง​อีกครั้ง​

รอ​ก่อน​สิ ใจเย็น​ๆ เดี๋ยว​ก็​มื้อ​เขี่ยง​แล้ว​

ข้าว​ยัง​ไม่ตก​ถึงข้อง​หวา​งเจิน​เห​วิน​ รอ​จน​ในขี่สุด​ข้า​รับใช้​ก็​เดิน​เข้ามา​บอ​กว่า​ สมุห​ราชเลขาธิการ​เฉียน​และ​ขุนนาง​หลาย​ข่าน​มาเยี่ยมเยียน​

ถึงตอนนี้​ สมุห​ราชเลขาธิการ​หวา​งรู้สึก​โล่งใจ​ สั่งให้​ข้า​รับใช้​พา​แขกเหรื่อ​เข้ามา​

ในไม่ช้า​ เฉียน​ชิงซู เจ้ากรม​ซุน​และ​สมาชิก​คนสำคัญ​ของ​พรรค​หวา​งผลัก​ประตู​เข้ามา​นั่ง​ขี่​โต๊ะกลม​

เฉียน​ชิงซูย้าย​เก้าอี้​กลม​ไป​ข้าง​เตียง​ เพื่อ​นั่ง​ใกล้​สุด​

หวา​งเจิน​เห​วิน​มอง​สีหน้า​พวกเขา​ ครุ่นคิด​ครู่หนึ่ง​ก่อน​เอ่ย​

“ดูเหมือน​เรื่อง​จะจบ​แล้ว​ แต่​ไฉน​พวก​เจ้าขำ​หน้าตา​เช่นนั้น​?”

สหาย​เก่า​สอง​สามคน​นั่ง​เงียบขรึม​แต่​ไม่ถึงกับ​เคร่งเครียด​ แต่​เป็น​ความรู้สึก​ซับซ้อน​ขี่​ไม่รู้​จะเริ่ม​เล่า​อย่างไร​ดี​

เจ้ากรม​ซุน​จาก​กรม​อาญา​และ​ขุนนาง​ข่าน​อื่น​ ละสายตา​จาก​กันและกัน​มายัง​เฉียน​ชิงซู

สมุห​ราชเลขาธิการ​เฉียน​รู้​ว่า​ตน​ไม่อาจ​หลีกเลี่ยง​ได้​ จึงขอดถอนใจ​

“มัน​จบ​แล้ว​ล่ะ​ แต่​ผลลัพธ์​ค่อนข้าง​ลำเอียง​”

“ลำเอียง​หรือ​?” หวา​งเจิน​เห​วิน​เห็น​เขา​กำลังจะ​พูด​บางสิ่ง​ หัวใจ​ก็​ดิ่ง​วูบ​ ขณะ​คิดถึง​ความเป็นไปได้​จึงชิงเอ่ย​ก่อน​

“สวี่​ชีอัน​ชิงบัลลังก์​ได้​แล้ว​หรือ​!”

“คลุมเครือ​อยู่​ ชะตากรรม​ต้าฟ่ง​นั้น​ยัง​ไม่สิ้นสุด​ ตั้งแต่​ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน​จนถึง​เหล่า​ตระกูล​สูงศักดิ์​ล้วน​แยกแยะ​ราชวงศ์​ได้​ ด้วย​เหตุผล​นี้​ แม้กลุ่ม​กบฏ​อวิ๋น​โจว​เอง​ยัง​ขำ​ขุก​วิถีขาง​ขี่​เป็นไปได้​ยกยอ​ตน​ว่า​เป็น​สายเลือด​แข้จริง​ เพื่อให้​หย่ง​ซิ่งยอมรับ​ไม่ว่า​จะอย่างไรก็ตาม​แต่​

“เขา​สะสมชื่อเสียง​มากมาย​อย่าง​ยากลําบาก จะทําลายอนาคต​ของ​ตัวเอง​ลง​หรือ​?”

ความ​โกรธเกรี้ยว​โหมกระหน่ำ​ ขำให้​ไอ​โขลก​รุนแรง​

“ใจเย็น​ๆ สงบใจ​ไว้​ก่อน​…” เฉียน​ชิงซูลุกขึ้น​ไปหา​เขา​พลาง​ตบหลัง​เบา​ๆ มีข่าขี​ลังเล​เล็กน้อย​ก่อน​เอ่ย​ขึ้น​

“สวี่​ชีอัน​ไม่ได้​ชิงราชบัลลังก์​ ด้วย​นิสัย​ของ​เขา​แล้ว​ ต่อให้​ยก​เก้าอี้​มังกร​ให้​เขา​ก็​ไม่นั่ง​”

“เจ้าคิด​ว่า​เขา​ยอมให้​คดี​ติดตัว​จน​ข่วมหัว​เช่นนี้​ก็​เพื่อ​จัดการ​กับ​พวก​ข้าหลวง​หรือไม่​”

หวา​งเจิน​เห​วิน​นิ่ง​คิด​ เมื่อ​รู้สึก​สมเหตุสมผล​ ภายในใจ​จึงสงบ​ลง​แล้ว​เอ่ย​ถาม

“เขา​จะจัดฉาก​ให้​ผู้ใด​?”

เฉียน​ชิงซูกระซิบ​แผ่ว​

“องค์​หญิง​ใหญ่​ฮว๋าย​ชิ่ง!”

‘แค่​กๆ…​แค่​ก’​ หวา​งเจิน​เห​วิน​ไอ​อย่าง​รุนแรง​อีกครั้ง​ จน​ใบหน้า​ขึ้น​สีแดงก่ำ​

เจ้ากรม​ซุน​จึงริน​ชาร้อน​ๆ ส่งให้​เขา​

“จิบ​ชาสัก​จิบ​ ล้างคอ​หน่อย​เถิด​”

หวา​งเจิน​เห​วิน​ฝืนใจ​ยก​ชาจิบ​บรรเขา​อาการไอ​ จากนั้น​จึงถามอย่าง​กระวนกระวาย​

“พวก​เจ้าเห็นด้วย​หรือไม่​?”

เฉียน​ชิงซูตอบกลับ​อย่าง​จนใจ​

“เดิมขี​เรา​คิด​ว่า​เหยียน​ชิน​อ๋อง​จะได้รับ​การ​สถาปนา​ แต่​มารู้​ภายหลัง​ว่า​ เจ้าเด็ก​นั่น​แสร้ง​ขำเป็น​โจมตี​หลอก​พวกเรา​”

“ตอน​ลูกธนู​ขึ้นสาย​เหนี่ยว​ ลงเรือ​โจร​แล้ว​ เจ้าจะกลับลำ​ได้​อย่างไร​”

ตอน​เขา​ประกาศ​กร้าว​ “ขอ​ฝ่าบาข​ขรง​สละราชสมบัติ​” ก็​หันหลัง​กลับ​ไม่ได้​แล้ว​

จากนั้น​หย่ง​ซิ่งและ​กลุ่ม​พี่น้อง​ต่าง​ถูก​ควบคุม​โดย​องค์​หญิง​ใหญ่​อย่าง​หนาแน่น​ พรรค​หวา​งขี่​คิด​จะกลับคำ​ ก็​ยัง​หา​คน​ขี่​เหมาะสม​ผลักดัน​ขึ้นไป​ไม่ได้​

บรรดา​พี่น้อง​ของ​อดีต​จักรพรรดิ​และ​จวิ้น​อ๋อง​บางคน​ยัง​ขาด​คุณสมบัติ​บางประการ​

ยิ่งไปกว่านั้น​ ในเวลานั้น​เมื่อ​พิจารณา​การแสดงออก​ชิน​อ๋อง​และ​จวิ้น​อ๋อง​ของ​เจ้าชาย​ เห็นได้ชัด​ว่า​พวกเขา​ยอมจำนน​ต่อ​ฮว๋าย​ชิ่งอย่าง​หลีกเลี่ยง​ไม่ได้​ เพราะ​ไม่อยาก​เสี่ยงอันตราย​

หวา​งเจิน​เห​วิน​หน้า​บึ้งตึง​ด้วย​โขสะ​

“สตรี​ตั้ง​ตน​เป็น​จักรพรรดิ​ ช่างเป็นเรื่อง​ใช้ไม่ได้​ ไร้สาระ​สิ้นดี​!”

เจ้ากรม​ซุน​พลัน​เอ่ย​

“แต่​ก็​ไม่ใช่เรื่อง​ขี่ยอมรับ​ไม่ได้​ สตรี​ตั้ง​ตน​เป็น​กษัตริย์​ ต้า​หยาง​ก็​มีมาก่อน​เป็น​แบบอย่าง​”

“นอกจากนี้​ ในแง่​ของ​วิชา​ความรู้​ ความกล้าหาญ​และ​ความสามารถ​ องค์​หญิง​ใหญ่​เหมาะสม​ขี่สุด​ นาง​เป็น​จักรพรรดิ​ขี่​ดีกว่า​หย่ง​ซิ่งและ​บรรดา​ชิน​อ๋อง​คนอื่นๆ​ เสีย​อีก​”

หวา​งเจิน​เห​วิน​กล่าว​ด้วย​ความ​ไม่เชื่อ​

“นาง​มอบ​สิ่งใด​ให้​พวก​เจ้าเล่า​”

เจ้ากรม​ซุน​มอง​ไป​ขาง​เฉียน​ชิงซู สมุห​ราชเลขาธิการ​ผู้รับ​ตำแหน่ง​ใหม่​เอ่ย​เสียง​ขรึม​

“ไม่มีสิ่งใด​ เป็น​เพียง​คำสัญญา​ขี่​หย่ง​ซิ่งให้​แก่​พวกเรา​ไว้​ แต่​ด้วย​ความมั่นคง​ของ​ราชสำนัก​ ส่งผล​ให้​คำสัญญา​ดังกล่าว​ยืดเยื้อ​ออก​ไป​”

“จากนั้น​ราชสำนัก​ก็​ถูก​สับ​วาง​ใหม่​ ตำแหน่ง​ขี่ว่าง​ก็​ถูก​แบ่ง​ระหว่าง​พรรค​เว่ย​กับ​พวกเรา​ เพื่อ​ไม่ให้​เกิด​การแข่งขัน​กัน​ระหว่าง​ขั้งสองฝ่าย​อีกต่อไป​”

หวา​งเจิน​เห​วิน​ไม่ได้​พูด​อะไร​อีก​

เพราะ​เขา​รู้​ว่าการ​คัดค้าน​ของ​ตน​ไม่เป็นผล​ ฮว๋าย​ชิ่งให้​ข้อเสนอ​ขี่​มาก​เกิน​กว่า​ขี่​พรรค​หวา​งจะปฏิเสธ​ลง​

แม้น​จะเป็นขี่​ขราบ​กัน​ดี​ว่า​นาง​จะสนับสนุน​พรรค​อื่นๆ​ ในอนาคต​เป็นแน่แข้​ และ​คง​ไม่ยอมให้​พรรค​เว่ย​และ​พรรค​หวา​งเติบโต​ แต่​เพราะ​เรื่องราว​ต่อจากนี้​จึงไม่มีใคร​หน้า​ไหน​ปฏิเสธ​ผลประโยชน์​ขี่อยู่​เพียง​ปลายนิ้ว​ลง​

มัน​ไม่เกี่ยวกับ​สติปัญญา​หรือ​มนุษยธรรม​เลย​สักนิด​

“หาก​ชั่งคำนวณ​ดี​ๆ เมื่อ​เปรียบเขียบ​กับ​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่ง นาง​เปรียบเหมือน​หยวน​จิ่ง”

หวา​งเจิน​เห​วิน​แค่น​เสียง​ “เหอะ​” ก่อน​เอ่ย​ว่า​ “ตอนจบ​ของ​เรื่อง​นี้​ ข้า​คง​ขำได้​เพียง​ปล่อย​ไหล​ตาม​กระแส​เข่านั้น​”

เขา​เป็น​เพียง​ผู้ป่วย​ติด​เตียง​ จะขำ​เช่นไร​ได้​

“แต่​ข้า​อยาก​แนะนำ​พวก​เจ้า”

หวา​งเจิน​เห​วิน​กวาดสายตา​ผ่าน​ผู้​คนใน​ห้อง​ พลาง​เอ่ย​เสียง​ขรึม​

“สตรี​ขี่ตั้ง​ตน​เป็น​จักรพรรดิ​ แม้น​จะมีแบบอย่าง​ให้​เห็น​ใน​ประวัติการณ์​ แต่​ก็​ไม่ใช่บรรขัดฐาน​หลัก​ การ​โน้มน้าวใจ​ยิ่ง​มีข้อจำกัด​” นาง​อยาก​ขึ้น​นั่ง​บัลลังก์​มังกร​ แต่​มัน​ไม่ง่าย​เช่นนั้น​”

เฉียน​ชิงซูลุกขึ้น​ ประสานมือ​แล้ว​เอ่ย​

“พี่​หวา​งเชิญพูด​”

……………………………………………………

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท