ตอนที่ 515 อิจฉาริษยา(2)
ตอนที่ 515 อิจฉาริษยา(2)
เมื่อได้ยินแบบนี้ ชวีเสี่ยวเจวียนหันไปมองด้วยสายตาคาดหวัง ก่อนจะเอ่ย “อันเหอ ถ้าอย่างนั้นฉันจะย้ายไปได้ไหมก็ขึ้นอยู่กับเธอแล้วน่ะสิ”
“อื้อ”
ครั้นนึกถึงว่าตนกำลังจะได้ย้ายไปที่โรงพยาบาลทหารในอนาคต ชวีเสี่ยวเจวียนก็อารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย
ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากฉินมู่หลานมาถึงประตูใหญ่ เหวินเชี่ยนก็รออยู่ที่นั่นแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ยังเอ่ยกำชับเธอ “มู่หลาน ตอนเย็นคุณกลับไปบ้านเถอะ ไม่ต้องมาที่นี่หรอก นอนหลับก็ไม่ค่อยสนิท นอกจากนี้คุณไม่ได้เจอลูก ๆ มาสองวันแล้ว”
อันที่จริงฉินมู่หลานก็คิดถึงลูกทั้งสองคนเหมือนกัน เธอจึงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะมาหาในช่วงสุดสัปดาห์นะ”
“ได้”
หลังจากบอกลาเซี่ยเจ๋อหลี่แล้ว ฉินมู่หลานก็ไปมหาวิทยาลัย หลังจากเลิกเรียน เธอก็ไม่ได้ไปที่ฐานทัพ แต่ตรงกลับบ้านแทน
ซูหว่านอี๋เห็นลูกสาวกลับมา จึงรีบก้าวเดินมาข้างหน้าแล้วเอ่ยขึ้นว่า “มู่หลาน ในที่สุดลูกก็กลับบ้านสักที”
เหยาจิ้งจือที่อยู่ด้านข้างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน พลางเอ่ยขึ้น “ใช่แล้วมู่หลาน ถ้าเธอยังไม่กลับมาอีก พวกเราว่าจะติดต่อไปหาอาหลี่ ลองถามเรื่องของเธอสักหน่อย”
ในตอนนั้นเอง ชิงชิงกับเฉินเฉินก็วิ่งเข้ามาเกาะต้นขาคนละข้างซ้ายขวาของฉินมู่หลาน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “หม่าม้า~ คิดถึง”
เมื่อเห็นลูกทั้งสองเป็นแบบนี้ ฉินมู่หลานก็รู้สึกเหมือนใจกำลังละลาย เธอหันไปมองเด็กทั้งสองก่อนจะพูดขึ้นว่า “หม่าม้าก็คิดถึงพวกลูกเหมือนกัน”
ถึงจะไม่ได้เจอหน้ากันแค่ไม่กี่วัน แต่คนในบ้านกลับรู้สึกว่าไม่ได้เจอหน้าฉินมู่หลานมานานแล้ว เย็นวันนี้จึงทำอาหารจานโปรดเพื่อเธอเป็นพิเศษ
หลังจากรับประทานข้าวที่โรงอาหารมาหลายวันและได้กลับมากินอาหารที่บ้าน ฉินมู่หลานจึงอดไม่ได้ที่จะทานเยอะขึ้นก่าเดิม
เมื่อเห็นฉินมู่หลานเจริญอาหารดี ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือจึงโล่งใจ หลังจากนั้นก็พูดเรื่องข่งไฉ่อิงกับเธอ
“มู่หลาน ไฉ่อิงกลับมาแล้ว ก่อนหน้านี้หล่อนมาขอพบลูก บอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยกับลูก” พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ทั้งสองก็รู้สึกเข้าตาจนนิดหน่อย “พวกเราบอกแล้วว่าบางเรื่องพวกเราสามารถตัดสินใจกันเองได้ แต่ดูเหมือนว่าหล่อนอยากจะคุยกับลูกมากกว่า”
ฉินมู่หลานก็สังเกตได้เหมือนกัน ว่าข่งไฉ่อิงชอบมาขอพบเพื่อคุยเรื่องต่าง ๆ กับเธอ
“เดี๋ยวครั้งนี้ไปเจอน้าข่งแล้วหนูจะคุยกับหล่อนให้ค่ะ”
ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือได้ยินแบบนี้ ก็รีบโบกมือแล้วบอกกล่าว “ไม่ต้องหรอกมู่หลาน ถ้าไฉ่อิงอยากคุยกับลูก หล่อนก็คงมีเหตุผลของหล่อนนั่นแหละ วันนี้หล่อนก็บอกแล้วว่าต่อไปมีเรื่องอะไรจะมาพบพวกเราสองคนเอง”
แต่ถึงอย่างนั้น ฉินมู่หลานก็วางแผนอยากจะบอกกล่าวกับข่งไฉ่อิงสักหน่อย
เพียงแต่เมื่อข่งไฉ่อิงมาหาในวันรุ่งขึ้น เธอจึงทราบว่าอีกฝ่ายต้องการคุยกับเธอเรื่องโฆษณา และเรื่องนั้นดูเหมือนว่าเธอจะเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถให้คำปรึกษาได้ เพราะก่อนหน้าเธอเป็นคนเสนอความคิดนี้ขึ้นมา แม่และแม่สามีจึงไม่สามารถช่วยให้คำปรึกษาเรื่องนี้ได้
“น้าข่งคะ ฉันรู้สึกว่าแค่สิบวันมันยังสั้นเกินไป ต้องถ่ายต่อเนื่องไปอีกสักระยะหนึ่ง ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเห็นความแตกต่างแล้ว แต่ยังไม่ชัดเจนพอค่ะ”
ข่งไฉ่อิงมาหาแล้วก็ได้นำเทปวิดีโอมาด้วย ซึ่งนักแสดงบนภาพวิดิโอที่ถ่ายทำยังเป็นเฉินเหวินเหวินคนเดิม
เฉินเหวินเหวินที่ไม่ได้แต่งหน้าตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่สิบเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงให้เห็นบ้างแล้ว และความเปลี่ยนแปลงพวกนี้เกิดขึ้นหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของมู่เสวี่ย ตอนนี้เฉินเหวินเหวินซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลผิวด้วยตัวเองไปหลายชุดแล้ว แม้แต่เพื่อนสนิทบางคนมาซื้อตามกันไปด้วย ดังนั้นข่งไฉ่อิงจึงรู้สึกว่ามันใกล้สำเร็จแล้ว
“น้าข่งคะ ถึงแม้ว่าเฉินเหวินเหวินจะพาเหล่าเพื่อนนักแสดงของหล่อนมาซื้อ แต่นี่เป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ถ้าพวกเราขยายต่อไปอีกยี่สิบวันก็คงไม่แย่”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานบอกแบบนี้ ข่งไฉ่อิงจึงบอกกล่าวพ้อมรอยยิ้ม “เธอยังใจเย็นเหมือนเดิมเลย เธอพูดถูกแล้ว ยี่สิบวันก็ไม่แย่ วันนี้ที่น้ามาเพราะอยากจะคุยธุระกับเธออีกเรื่องหนึ่งด้วย น้าจดทะเบียนยาที่นี่แล้ว ดังนั้นจึงสามารถสั่งซื้อยาเสริมความงามได้แล้ว ครั้งนี้จึงอยากสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและยาเสริมความงามพร้อมกันเลย”
“ได้ค่ะ”
ฉินมู่หลานยกยิ้มแล้วพยักหน้า ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยเรื่องแผนกันต่อ ก็มีแขกมาหาเพิ่มอีกหนึ่งคน
เมื่อฉินมู่หลานเห็นว่าเป็นวิลเลียมและแอนดี้ จึงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “คุณวิลเลียม คุณแอนดี้ สวัสดีค่ะ”
ข่งไฉ่อิงมองทั้งสองด้วยความสงสัย ก่อนจะตระหนักได้ว่าสองคนนี้คงเป็นตัวแทนจัดขายสินค้าต่างประเทศ
แอนดี้ทักทายฉินมู่หลานอย่างอบอุ่น หลังจากนั้นก้หันมองข่งไฉ่อิงด้วยท่าทางสุภาพ
ฉินมู่หลานเอ่ยแนะนำทั้งสิอองฝ่ายด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั้น ข่งไฉ่อิงก็ได้ทักทายกับวิลเลียมและแอนดี้
แต่เมื่อข่งไฉ่อิงเห็นว่าฉินมู่หลานมีธุระต้องคุยกับสองคนนี้ จึงลุกขึ้นยืนก่อนจะกล่าวลา “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้น้าขอตัวกลับก่อนนะ ช่วงนี้น้ามาพักอยู่บ้านข้าง ๆ พวกเรามาเจอกันได้ตลอดอยู่แล้ว”
“ค่ะ”
หลังจากข่งไฉ่อิงกลับไป วิลเลียมก็หันไปมองฉินมู่หลานด้วยความแปลกใจแล้วเอ่ยขึ้น “มิสซิสฉิน คุณไม่รู้หรอก ว่าตอนนี้พวกเราขายยาเสริมความงามพวกนั้นได้ดีขนาดไหน แอนดี้มีความสามารถมากจริง ๆ ทำให้ยาที่ก่อนหน้านี้ไม่มีคนชายตามองกลายเป็นยาที่ขายดีเหมือนโดนปล้นได้ ที่พวกเรามาหาครั้งนี้ก็เพราะอยากจะสั่งออเดอร์เพิ่มเยอะ ๆ เลย”
แต่แอนดี้ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ แล้วยื่นแขนออกมาแทน ก่อนจะกล่าวว่า “หมอฉินครับ ช่วยตรวจชีพจรให้ผมอีกครั้งได้ไหม?”
ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วยกยิ้มอย่างเป็นกันเอง หลังจากนั้นก็ตรวจชีพจรให้แอนดี้ “คุณแอนดี้ ตอนนี้อาการคุณดีขึ้นมากแล้วนะคะ เดี๋ยวฉันจะจ่ายยาอีกตัวให้แทน”
“จริงเหรอ นั่นดีมากเลย”
แอนดี้ได้ยินแบบนี้ก็ปีติยินดี เมื่อไม่นานมานี้เขารู้สึกดีขึ้นมาก
วิลเลียมที่อยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกดีใจกับเพื่อนสนิท ขณะเดียวกันเขาก็อยากให้มู่หลานตรวจชีพจรให้ตัวเองด้วย “มิสซิสฉิน คุณตรวจชีพจรให้ผมด้วยได้ไหม ผมไม่ได้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลมาสักพักแล้ว”
“ได้ค่ะ”
ฉินมู่หลานยิ้มอย่างเป็นกันเอง หลังจากตรวจชีพจรให้วิลเลียมแล้ว ก็เอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้ม “คุณวิลเลียม ร่างกายของคุณไม่มีปัญหาอะไรค่ะ”
“งั้นก็ดีครับ”
ตอนนี้วิลเลียมรู้สึกโล่งใจแล้ว หลังจากทั้งสองพูดคุยเรื่องคำสั่งซื้อกับฉินมู่หลานแล้ว สักพักหนึ่งหลิวเสวียข่ายก็มา จากนั้นก็ร่างหนังสือสั่งซื้อสินค้ากับพวกเขาสองคนอย่างมีความสุข
เรื่องทางนี้ได้จบลงแล้ว เมื่อถึงช่วงสุดสัปดาห์ ฉินมู่หลานก็พาลูก ๆ ทั้งสองคนไปที่ฐานทัพ
เพียงแต่เธอนึกไม่ถึงว่าตอนเพิ่งมาถึงฐานทัพ เช่าเจิ้งเฟิงจากโรงพยาบาลทหารจะมาหา
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
มีเรื่องอะไรอีกหนอ ถึงได้มีคนมาหา
ไหหม่า(海馬)