ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 389 หาข้อพิสูจน์

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 389 หาข้อพิสูจน์

ช่วงนี้แม่ทัพใหญ่ลั่วหงุดหงิดมาก

หลานชายสองคนสอบผ่านแล้วเป็นเรื่องน่ายินดี แต่คนเหล่านี้หมายความว่าอย่างไรกัน

เขาไม่ใช่พ่อของต้าหลังและเอ้อร์หลังเสียหน่อย พวกเขาอยู่ว่างๆ มาเดินวนเวียนตรงหน้าเขาทำไมกัน

พวกเขายังพูดเหมือนกับว่าต้องการให้ตนเป็นพ่อสื่อจับคู่ให้

จับคู่บ้าอะไรกัน บุตรสาวสี่คนของเขายังไม่ได้ปักหลักเลย เจ้าคนพวกนี้ช่างบังอาจ คิดว่าเขาที่เป็นผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลินใจดีมากหรือ

พูดตามตรง หากไม่ใช่เพราะหลานชายสองคนสอบผ่านแล้ว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตระกูลร่ำรวยในเมืองหลวงเหล่านี้จะมีหญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมากมายขนาดนี้

จิ๊ ที่แท้การแข่งขันก็สูงเพียงนี้เลยหรือ

เมื่อแม่ทัพใหญ่ลั่วนัดดื่มสุรากับน้ารองเซิ่งจึงปัดแข้งปัดขาคนเหล่านั้นเสียหน่อย “น้องภรรยา พวกต้าหลังสอบติดแล้ว มีคนมากมายมาสืบเรื่องของพวกเขา”

ทันทีที่น้ารองเซิ่งได้ยินก็ไม่รู้ว่าควรภูมิใจหรือเศร้าใจดี

หลานๆ สกุลเซิ่งมีอนาคตที่สดใส ผู้เป็นอาย่อมรู้สึกภูมิใจ แต่เมื่อคิดถึงบุตรชายไม่เอาไหนของตนเองก็ปวดศีรษะจริงๆ

ไม่ชอบอ่านหนังสือก็แล้วไป บัดนี้ยังกินจนตัวกลม ยืนกับลูกพี่ลูกน้องสองคนแล้ว ใครจะมองเขาตรงๆ อีกเล่า

“น้องภรรยา ข้าคิดว่างานแต่งงานของพวกต้าหลังไม่ควรรีบร้อนจนเกินไป ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็เพิ่งเข้าเมืองหลวง ทำความเข้าใจดีๆ ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจเถอะ”

น้ารองเซิ่งพยักหน้า “พี่เขยพูดถูก อีกอย่างหากจะพูดถึงเรื่องแต่งงาน ยังมีพวกท่านแม่ พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ที่ต้องตัดสินใจ”

แม่ทัพใหญ่ลั่วจึงวางใจลง

ห่างกันไกลเหลือเกิน แค่ส่งจดหมายไปกลับก็ผ่านไปสองสามเดือนแล้ว แค่คุยเรื่องแต่งงานอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งปี

ยังมีเวลาอีกมาก ไม่แน่ว่าเด็กๆ อาจจะตกหลุมรักกันก่อนเล่า

เวลามากขนาดนี้หากยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช่นนั้นเขาก็จะยอมแพ้

แม่ทัพใหญ่ลั่ววางใจ น้าร้องเซิ่งกลับร้อนรน กลับไปสั่งสอนคุณชายสามเซิ่งยกหนึ่ง

“กินๆๆ กินอีกจะกลายเป็นลูกหมูแล้ว ตอนดูตัวฝ่ายหญิงแค่เห็นก็หันหลังกลับแล้ว ดูสิว่าเจ้าจะได้แต่งงานหรือไม่”

ครอบครัวธรรมดาๆ ก็แล้วไป ตอนนี้การคลุมถุงชนสตรีสูงศักดิ์ไม่เป็นที่นิยมแล้ว ถึงอย่างไรครอบครัวที่รักบุตรสาวก็ต้องให้เด็กๆ ได้เห็นอีกฝ่ายก่อนว่าตัวกลมหรือแบน

ดูสภาพซานหลังสิ สตรีเห็นแล้วจะไม่ร้องไห้หรือ

คุณชายสามเซิ่งน้อยเนื้อต่ำใจ “ท่านพ่อ ท่านเองก็อ้วนขึ้นกว่าตอนเข้าเมืองหลวงไม่น้อยนะขอรับ”

ไม่ใช่เขาอ้วนคนเดียวเสียหน่อย

น้ารองเซิ่งง้างมือตบเขาไปทีหนึ่ง “ข้าอายุปูนนี้แล้ว อ้วนหน่อยจะเป็นอะไรไป เหตุใดเจ้าไม่เปรียบเทียบตนเองกับท่านพี่ทั้งสองของเจ้าเล่า”

ลองดูหลานชายสองคนนั่นสิ ยังคงสง่างามเช่นเดิม

คุณชายสามเซิ่งเบ้ปากไม่ยอม “ลูกก็แค่ไม่มีผลงานเหมือนพี่ใหญ่และพี่รอง ลูกเรียนหนังสือไม่เก่งตั้งแต่เล็ก ท่านเองก็ยอมรับตั้งนานแล้วมิใช่หรือ ส่วนเรื่องรูปร่าง ข้าคิดว่าท่านพี่ทั้งสองต้องตามข้าทันไม่ช้าก็เร็ว”

น้ารองเซิ่งกะพริบตาสองสามที จู่ๆ ก็ไม่รู้สึกเศร้าใจเช่นนั้นแล้ว

เหมือนกับว่าสิ่งที่บุตรชายพูดก็มีเหตุผล

ด้วยการเปิดตัวบัณฑิตใหม่ที่สอบติด กิจการของหอสุราก็ดีขึ้นเล็กน้อย

บางคนได้ยินเกี่ยวกับหอสุราชื่อดังและรู้สึกว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งหากได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารที่นั่น กล่าวได้ว่าผู้ไม่รู้ย่อมไร้ความกลัว

ทว่ามีบัณฑิตท่านหนึ่งพาเพื่อนร่วมรุ่นสองสามท่านมานั่งที่ร้าน พอได้ยินราคาแล้วฝืนเลี้ยงอาหารต่อไป เมื่อได้รับใบเรียกเก็บเงินก็ถึงกับหมดสติไปทันที เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไป ใบหน้าของหนุ่มน้อยในหอสุราก็น้อยลงไปมาก

ว่ากันว่าบัณฑิตท่านนั้นบ่นด้วยความโมโหอยู่นานหลังจากเกิดเรื่อง ข้ารู้เพียงราคา ไม่รู้ว่าอาหารจะอร่อยเช่นนั้น เดิมคิดว่ากินวุ้นเส้นเนื้อแพะหนึ่งถ้วยก็พอแล้ว สุดท้ายกินไปแปดถ้วย!

หอสุราค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ เว่ยเชียงพาขันทีภักดีโต้วเหรินมา

ลั่วเซิงไม่เห็นเว่ยเชียงมาสักพักหนึ่งแล้ว เมื่อเห็นชายคนนี้อีกครั้งก็ยังคงรู้สึกขยะแขยงเช่นเดิม

“คุณหนูลั่ว ไม่พบกันเสียนาน” เว่ยเชียงมองเด็กสาวที่เปลี่ยนเป็นชุดฤดูใบไม้ผลิด้วยสายตาลุ่มลึก

การลงมือครานั้น นอกจากจะไม่ได้เป็นไปตามแผนแล้วกลับยังสร้างปัญหาภายหลัง ซึ่งสร้างความเสียหายไม่น้อยให้กับเขา

และด้วยเหตุนี้ ช่วงนี้จึงไม่ได้ออกจากวังหากไม่จำเป็น

เว่ยเชียงยืนอยู่ท่ามกลางกลิ่นหอมของสุราในห้องโถง รู้สึกหายใจสะดวกขึ้นมาก

ความอึดอัดในวังบูรพานั้น เขาทนมาพอแล้วจริงๆ

เว่ยเชียงส่งสายตาให้โต้วเหริน จากนั้นก็ยิ้มถามว่า “คุณหนูลั่วดื่มเป็นเพื่อนข้าหน่อยได้หรือไม่”

ลั่วเซิงยิ้ม “เกรงว่าต้องขออภัยองค์ชายแล้ว ในฐานะที่เป็นเจ้าของ หม่อมฉันไม่เคยนั่งดื่มเป็นเพื่อนแขกเพคะ”

เว่ยเชียงยิ้มทื่อ ได้แต่หาทางลงให้ตนเอง “ในเมื่อเช่นนี้ก็ไม่ฝืนใจคุณหนูลั่วแล้ว ข้าไม่ได้มาหลายวัน หอสุรามีอาหารใหม่หรือไม่”

“โค่วเอ๋อร์ มารายงานรายการอาหารให้องค์ชายที” ลั่วเซิงสั่งด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน

มองดูเด็กสาวที่ไม่แยแส เว่ยเชียงลอบขมวดคิ้ว

คุณหนูลั่วดื้อรั้น หากจะลงมือจากนางคงยากเกินไป

คิดๆ ดูแล้วก็ใช่ ตอนคุณหนูลั่วอายุสิบสองสิบสามปีเห็นชายรูปงามก็ฉุดคร่า เห็นโลกมามาก จะเหมือนหญิงสาวทั่วไปที่พูดคุยกับชายหนุ่มสองสามคำก็หน้าแดง ใจเต้นแรงได้อย่างไร

ท้ายที่สุดแล้วเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ เขายังคงต้องแก้ไขอุปสรรคในเรื่องตัวตนของนาง

ครานี้โต้วเหรินฉวยโอกาสตอนที่ทั้งสองพูดคุยกันแอบเข้าไปลานด้านหลัง เมื่อเห็นเด็กหนุ่มที่กำลังผ่าฟืนและชายร่างกำยำที่กำลังคุมงานก็ตกตะลึง

เขาแอบเข้ามาเพราะอยากจะทำความรู้จักกับแม่ครัว อยากรู้ว่าใช่ซิ่วเย่ว์สาวใช้ใหญ่ผู้มีฝีมือการทำอาหารที่อยู่ข้างกายท่านหญิงชิงหยางหรือไม่ เหตุใดในลานจึงมีคนนะ

สวี่ซีถือขวานถามว่า “เจ้าเป็นใคร”

ขวานที่ส่องประกายเยือกเย็นภายใต้แสงอาทิตย์ทำให้โต้วเหรินถอยกลังไปครึ่งก้าวโดยสัญชาติญาณ จากนั้นก็พูดอย่างสำรวมว่า “ข้าคือขันทีข้างกายของรัชทายาท มาห้องครัวเพื่อขอน้ำร้อนดื่ม”

สามัญชนธรรมดาที่กำลังผ่าฟืนสองคนได้ยินตำแหน่งของเขาแล้วยังจะกล้าพูดอะไรมากอีก

เมื่อคิดถึงตรงนี้ โต้วเหรินก็มั่นใจขึ้นมา

สวี่ซีได้ยินก็ขมวดคิ้ว “กงกงจะดื่มน้ำร้อนเหตุใดไม่บอกเสี่ยวเอ้อร์เล่าขอรับ”

“ข้าเห็นเสี่ยวเอ้อร์กำลังยุ่ง องค์ชายกำลังคุยกับคุณหนูลั่วอยู่” โต้วเหรินอธิบาย สีหน้าเคร่งขรึม “พวกเจ้าเป็นแรงงานของหอสุราสินะ ข้ามาขอน้ำร้อนดื่มต้องให้พวกเจ้าสอบปากคำด้วยหรือ”

สวี่ซีจับขวานในมือแน่น พยายามอดกลั้นความบุ่มบ่ามที่อยากจะผ่าคน “ไม่ขอรับ เชิญท่านตามสบาย”

เขาเป็นคนบุ่มบ่ามเพียงใดก็รู้ว่าไม่ควรหาเรื่องขันทีข้างกายองค์รัชทายาท

แม้จะไม่ชอบปีศาจสาว แต่การสร้างปัญหาให้นางไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อเขา

เมื่อเห็นโต้วเหรินเดินไปทางประตูห้องครัว สวี่ซีก็วางขวานลงเดินผ่านประตูโค้งไปเงียบๆ โบกมือให้ต้าไป๋ที่กำลังพักผ่อน “ต้าไป๋…”

ต้าไป๋มองเด็กหนุ่มด้วยแววตาดุร้าย

สวี่ซีขนหัวลุกทันที

สวรรค์รู้ดีว่าตอนนี้เขามีความกล้าที่จะต่อสู้กับสือซานหั่ว แต่เขายังอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อเผชิญหน้ากับห่านตัวใหญ่ตัวนี้

ช่วยไม่ได้ เป็นเพราะครานั้นพ่ายแพ้ให้กับห่านตัวใหญ่สีขาวจนถูกจิกก้นไปสิบกว่าที ทิ้งบาดแผลไว้ในใจเขาตลอดมา

ขณะที่คิดเช่นนี้ สวี่ซีก็ทำหน้าทะเล้นใส่ต้าไป๋ จากนั้นก็วิ่งหนี

ต้าไป๋วิ่งพุ่งตัวไป

ในลานไม่เห็นร่างของเด็กหนุ่ม

ต้าไป๋มองไปที่ประตูที่ผ่านไปยังห้องโถง กลับไม่ได้ไล่ตามไป

ปีศาจสาวห้ามมันไปที่นั่น หากถูกจับได้จะถูกถอนขนและแขวนคอ

ต้าไป๋เคยมีประสบการณ์นี้แล้ว

แต่โมโหเช่นนี้ ให้กลับไปแบบนี้จะยอมง่ายๆ ได้อย่างไร

ทันใดนั้นต้าไป๋ก็มองไปทางห้องครัวราวกับพบกลิ่นอายที่ไม่รู้จัก มันจึงร้องแกว๊กๆ แล้ววิ่งเข้าไป

โต้วเหรินเพิ่งบอกจุดประสงค์ที่มาหากับซิ่วเย่ว์ก็ได้ยินเสียงร้องของห่าน

มีเสียงห่านได้อย่างไรนะ

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท