ตอนที่ 390 ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของต้าไป๋
ในฐานะที่เป็นฝ่ายในใกล้ตัวองค์รัชทายาท ความฉลาดเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ โต้วเหรินตระหนักได้อย่างรวดเร็ว ใช่แล้ว ที่นี่คือหอสุรา จะมีเสียงไก่ เสียงเป็ด หรือเสียงห่านก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
เนื้อไก่ เนื้อเป็ด และเนื้อห่านจะอร่อยก็ต่อเมื่อได้กินหลังจากเชือดสดๆ
ขณะที่เขาคิดเช่นนี้ก็หันกลับไปมองตามสัญชาติญาณ จากนั้นเขาก็เห็นห่านสีขาวตัวใหญ่ที่สูงประมาณครึ่งตัวคนกำลังเดินเข้ามาหาเขา
โต้วเหรินตกตะลึง ลางสังหรณ์ไม่ดีปรากฏขึ้น “ห่านตัวนี้…”
ไม่เหมือนห่านที่มีไว้ฆ่าเพื่อกินเนื้อนี่
ซิ่วเย่ว์พูดเสียงราบเรียบว่า “กัดคน”
ทันใดนั้นเอง โต้วเหรินก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้น เขาจะถูกขังไว้ในห้องครัวไม่ได้!
เขาทำท่าจะหนีทันที
ทว่าเขาเป็นข้ารับใช้ขององค์รัชทายาท มีชีวิตสุขสบายมานานแล้ว ที่ไหนจะวิ่งได้เร็ว ไม่นานต้าไป๋ก็ไล่ตามโต้วเหรินทัน มันจิกเข้าไปที่ระหว่างขาของเขา
โต้วเหรินใช้มือป้องไว้ตามสัญชาติญาณ จากนั้นก็ตั้งสติได้ว่าตนเองไม่มี…
ครั้นกำลังจะเปลี่ยนไปปกป้องส่วนอื่น ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็โถมมาจากต้นขาด้านใน
โต้วเหรินร้องอุทาน วิ่งไปยังประตูลานด้านหลังที่ผ่านไปยังห้องโถง
ต้าไป๋วิ่งตามไปอย่างไม่ลดละ
สวี่ซีที่ซ่อนตัวในเรือนด้านข้าง ได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดของโต้วเหรินก็แอบสงสัยว่า แปลกจัง เหตุใดจึงไม่ได้ยินเสียงร้องของต้าไป๋นะ
เด็กหนุ่มมองออกไปข้างนอกหน้าต่างด้วยความประหลาดใจ เขาเห็นต้าไป๋กำลังกัดก้นของโต้วเหรินไม่ปล่อย ย่อมไม่สามารถส่งเสียงร้องออกมาได้
ลั่วเซิงได้ยินเสียงก็มองไปทางประตู
เว่ยเชียงเองก็เบนสายตามองไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
แน่นอนว่าเขาได้ยินเสียงร้องของโต้วเหริน
เกิดอะไรขึ้น
ให้โต้วเหรินไปลองหยั่งเชิงถามแม่ครัวของหอสุราคือจุดประสงค์ที่เขามาในวันนี้ เรื่องแค่นี้ก็ทำไม่ได้หรือ
หงโต้วรีบเดินไป เมื่อเปิดม่านประตูขึ้นก็อดทำตาโตไม่ได้ “เอ๋ เหตุใดท่านจึงอยู่ลานด้านหลังของเราได้เล่า”
โต้วเหรินที่พุ่งเข้ามาไหนเลยจะสนใจตอบ เขาตะโกนอย่างทรมาน “เอาห่านตัวนี้ออกไปเร็วๆ!”
ประตูที่ผ่านไปยังลานด้านหลังมีธรณีประตูเล็กๆ โต้วเหรินวิ่งหนีทุลักทุเลจนลืมสิ่งนี้ไป เขาสะดุดธรณีประตูล้มหน้าคว่ำราวกับสุนัขกินอุจจาระในห้องโถง
ต้าไป๋ฉวยโอกาสกระโดดขึ้นคร่อมหลังโต้วเหรินแล้วกัดไปทั่ว
โต้วเหรินร้องไม่หยุด รู้สึกเหมือนกับตนเองจะต้องตายที่นี่แน่แล้ว
เว่ยเชียงลุกขึ้น “คุณหนูลั่ว ห่านตัวนี้มาจากไหน รีบให้คนเอามันออกไปเถอะ”
ลั่วเซิงยิ้ม “วัตถุดิบของหอสุราแพง เลี้ยงไว้เฝ้าเรือนเพคะ องค์ชายไม่ทราบ ห่านตัวนี้ต่อสู้เก่งมาก พอดุร้ายขึ้นมาจริงๆ ไม่มีใครห้ามมันได้”
มองดูคนสนิทที่ถูกห่านสีขาวตัวใหญ่กัดอย่างบ้าคลั่ง เว่ยเชียงก็รู้สึกอับอาย
เขาเป็นถึงขันทีข้างกายตน ถูกห่านตัวหนึ่งกัดจนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ช่างน่าอายจริงๆ โชคดีที่วันนี้มาเร็ว ไม่มีแขกคนอื่นเห็น
ขณะที่กำลังคิดเช่นนี้ เสนาบดีจ้าวก็เดินเข้ามาอย่างเนิบช้า
ทันทีที่เสนาบดีจ้าวเดินเข้ามาก็ตกตะลึง
ต้าไป๋ที่คุณหนูลั่วเลี้ยงกัดคนอีกแล้วรึ
“ไอ้หยา องค์ชายหรือนี่!” เมื่อเห็นคนในห้องโถงชัดแล้ว เสนาบดีจ้าวก็ตะลึงยิ่งกว่าเดิม
เช่นนั้นคนที่ต้าไป๋กัดคือ…
“โต้วกงกง?” เนื่องจากเสนาบดีจ้าวตกตะลึงเกินไปเสียงของเขาจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เสนาบดีเฉียนที่เดินตามมาด้านหลังก็ตะลึงไปเช่นกัน “โต้วกงกงเป็นอะไรไปหรือ”
เว่ยเชียงใบหน้ามืดครึ้ม ตรงหน้ามืดมัว
เหตุใดมาหอสุราทุกครั้งต้องกลายเป็นตัวตลกด้วยนะ
โต้วเหรินคือคนของเขา โต้วเหรินเป็นตัวตลก เขาจะมีหน้ามีตาได้หรือ
จากนั้นผู้อาวุโสหลินก็เดินตามเข้ามา เจ้ากรมศาลต้าหลี่ก็เดินเข้ามา หมอหลวงหยางแห่งสำนักหมอหลวงที่ช่วงนี้มีเงินใช้มากมายก็เดินเข้ามาแล้ว…
ลั่วเซิงเห็นว่าพอประมาณแล้วจึงส่งสายตาให้หงโต้ว
หงโต้วแสร้งทำเหมือนกับเพิ่งตั้งสติได้ รีบวิ่งไปที่ประตูตะโกนเรียก “ฟู่เสวี่ย รีบมาพาต้าไป๋ไป!”
ไม่นานเด็กหนุ่มงดงามคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบและพาต้าไป๋ที่ได้รับชัยชนะออกไป
ห้องโถงตกอยู่ในความเงียบงันอันน่าขนลุกครู่หนึ่ง มีเพียงเสียงร้องเจ็บปวดของโต้วเหริน
“ยังไม่รีบลุกขึ้นมาอีก!”
โต้วเหรินตั้งสติได้ ฝืนลุกขึ้นมา เขามองเว่ยเชียง เกือบจะหลั่งน้ำตาออกมา “องค์ชาย…”
ก่อเรื่องเช่นนี้ เว่ยเชียงหมดอารมณ์แล้ว สายตามองผ่านเสนาบดีจ้าวและคนอื่นๆ ฝืนยิ้มและพูดว่า “ไม่คิดเลยว่าจะทำเรื่องอับอายเช่นนี้ หวังว่าทุกท่านจะไว้หน้าข้า อย่าแพร่งพรายออกไป”
เสนาบดีจ้าวและคนอื่นๆ พูดพร้อมกันว่า “องค์ชายโปรดวางใจ กระหม่อมไม่ใช่คนปากโป้ง”
อารมณ์เว่ยเชียงสงบลง เขามองลั่วเซิงอย่างลึกขึ้ง
ลั่วเซิงกล่าวด้วยความหวังดี “องค์ชาย ต่อไปทรงอย่าลืมเตือนคนข้างกายว่าอย่าเข้าไปลานหลังเรือนของเราโดยพลการอีกนะเพคะ”
“ขอบคุณคุณหนูลั่วที่เตือน วันนี้ไม่รบกวนแล้ว ข้าจะมาวันอื่น”
“ฝ่าบาทไม่ดื่มสุราแล้วหรือเพคะ”
เว่ยเชียงกระตุกมุมปาก
เกิดเรื่องแบบนี้แล้วจะให้กินอะไรอีก ให้ขุนนางที่มาภายหลังเห็นสภาพอนาถของโต้วเหรินหรือ
“ไว้โอกาสหน้าเถอะ”
เมื่อเห็นเว่ยเชียงพาโต้วเหรินเดินจากไปอย่างรีบร้อน ลั่วเซิงก็โค้งริมฝีปากเล็กน้อย
เสนาบดีจ้าวคิดว่าตนเองสนิทกับคุณหนูลั่วแล้ว เขาจึงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “คุณหนูลั่ว โต้วกงกงไปทำอะไรให้ต้าไป๋โมโหหรือ”
ห่านตัวนั้นดุขนาดนั้น หากกัดคนโดยไม่มีสาเหตุ พวกเขาที่มาดื่มสุราเป็นประจำก็ยากที่จะรับรองความปลอดภัยได้
“โต้วกงกงไปลานหลังเรือนคนเดียวโดยที่ไม่มีคนของหอสุราพาเข้าไปด้วยแล้วถูกต้าไป๋เห็นเข้า ผู้ใหญ่ล้วนรู้ดี ห่านน่ะ หน้าที่ของมันคือเฝ้าบ้าน”
ทุกคนกระตุกมุมปากพร้อมกัน
ห่านช่วยเฝ้าบ้านน่ะไม่ผิด แต่กลายเป็นหน้าที่ตั้งแต่เมื่อใดกัน
หน้าที่ของห่านคือวางไข่และเอาไว้ฆ่าเพื่อกินเนื้อต่างหากเล่า
ลั่วเซิงยิ้มเตือนว่า “ต่อไปทุกคนก็อย่าเดินไปข้างหลังคนเดียวเล่า ไม่เช่นนั้น…”
เสนาบดีจ้าวและคนอื่นๆ คิดถึงสภาพยับเยินของโต้วเหรินก็ขนลุก พากันบอกว่ามิบังอาจ
เมื่อสถานการณ์เล็กๆ น้อยๆ ผ่านไป ลั่วเซิงก็เดินไปข้างหลัง
เด็กหนุ่มยังคงผ่าฟืนอยู่ที่มุมหนึ่ง
ลั่วเซิงเรียกสวี่ซีเข้ามาถาม
“กงกงคนนั้นบอกว่าจะไปขอน้ำร้อนดื่มที่ห้องครัว ข้าถามเขาว่าเหตุใดจึงไม่บอกเสี่ยวเอ้อร์ เขาก็เริ่มยกตนข่มท่าน ข้ารู้สึกว่าคนๆ นี้มีพิรุธก็เลยล่อต้าไป๋มา”
ลั่วเซิงยิ้มพยักหน้า “ทำได้ดี ประเดี๋ยวให้อาซิ่วทำแป้งทอดให้กิน”
สวี่ซีได้ยินดังนั้นก็ดีอกดีใจ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าปีศาจสาวเป็นมิตรมากขึ้น
ลั่วเซิงเข้าไปในห้องครัว ถามซิ่วเย่ว์ “โต้วเหรินพูดอะไรบ้าง”
ตอนที่โต้วเหรินแอบเข้ามาลานด้านหลัง อันที่จริงนางเห็นแล้ว เพียงแต่ว่านางอยากรอดูว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรกันแน่
“ขอน้ำร้อนเจ้าค่ะ ยังไม่ทันพูดอะไรต้าไป๋ก็พุ่งเข้ามาแล้ว”
ลั่วเซิงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูดเสียงเยือกเย็นว่า “เห็นที เป้าหมายของโต้วเหรินคือเจ้า”
ซิ่วเย่ว์สะท้านไปทั้งตัว ตระหนักได้ว่า “หรือว่าเขารู้ตัวตนของบ่าวแล้วเจ้าคะ”
ลั่วเซิงพยักหน้าช้าๆ “เป็นไปได้”
เว่ยเชียงมีเจตนาแอบแฝงต่อคุณหนูลั่ว โต้วเหรินสงสัยในตัวซิ่วเย่ว์ การคุกคามของอีกฝ่ายรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เห็นได้ชัดว่าซิ่วเย่ว์เองก็คิดถึงเรื่องเหล่านี้ นางพูดเสียงเบาว่า “ทางฝั่งเซียวกุ้ยเฟย…”
“เรื่องบางเรื่องจะรีบร้อนอย่างไรก็ต้องรอ ข้าเชื่อว่าเซียวกุ้ยเฟยมิใช่คนโง่เขลา”
ซิ่วเย่ว์พยักหน้า
ท่านหญิงพูดเช่นนี้ นางก็สบายใจ
ขณะที่เสนาบดีจ้าวและคนอื่นๆ กลับไป ข่าวเรื่องโต้วกงกงคนสนิทผู้ภักดีขององค์รัชทายาทถูกห่านสีขาวตัวใหญ่ของหอสุรากัดก็แพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว
ปากโป้ง?
ไม่มีทาง พวกเขาแค่แบ่งปันข่าวสารกับคนที่ตนเองไว้ใจที่สุดเท่านั้นเอง ใครจะไปรู้ว่าจะแพร่สะพัดออกไป
แม้เว่ยเชียงจะอาศัยอยู่ในวัง แต่ยังมีลูกน้องในวังบูรพาอีกกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่ง เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไป มีหรือที่พวกเขาจะไม่รู้
เมื่อองค์รัชทายาททราบข่าวก็แทบจะทำจอกชาแตก