บทที่ 745 แห่ประจานกลางที่สาธารณะ

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

บัดนี้​เพิ่งจะ​ผ่านพ้น​ ยาม​เห​ม่า[1] จีหย่วน​ที่​กำลัง​นอนตะแคง​ข้างบน​เสื่อ​ พลาง​ห่ม​ผ้า​ขาด​รุ่งริ่ง​ที่​ทั้ง​เหม็น​และ​สกปรก​ ก็​โดน​เสียงเคาะ​ประตู​ดัง​ ‘ปัง​’ ทำให้​ตกใจ​สะดุ้ง​ตื่นขึ้น​

ทันใดนั้น​เอง​ก็​มีเสียง​ฝีเท้า​ดัง​ตาม​มาจาก​บริเวณ​ประตู​เหล็ก​ที่อยู่​สุด​ทางเดิน​

ผ่าน​ไป​ไม่นาน​ คน​เคาะ​ยาม​สิบ​กว่า​คน​ก็​ปรากฏ​กาย​ต่อหน้า​จีหย่วน​ และ​สู่สายตา​ของ​พวก​ขุนนาง​แห่​งอ​วิ๋น​โจว​

“ลุกขึ้น​ได้​แล้ว​ จะพา​พวก​แก​ออก​ไป​ตากแดด​บ้าง​”

ฆ้อง​ทองแดง​คน​หนึ่ง​หยิบ​กุญแจ​ออกมา​ แล้ว​ไข​โซ่ที่อยู่​ตรง​ราวลูกกรง​

จากนั้น​จีหย่วน​ก็​ถูก​ฆ้อง​ทองแดง​คน​หนึ่ง​ที่​มีบุคลิก​เงียบขรึม​ฉุดลาก​อย่าง​โหดเหี้ยม​ ซ้ำยัง​โดน​ผลัก​ออกจาก​ห้องขัง​ด้วย​ความรุนแรง​

นี่​เป็น​วัน​ที่สาม​แล้ว​ที่​เขา​มาอยู่​ใน​คุก​ใต้ดิน​ของ​คน​เคาะ​ยาม​ และ​ก็​เป็น​เสื่อ​ฟางแห้ง​ๆ กับ​ผ้าห่ม​ขาด​รุ่งริ่ง​ที่​ได้​ช่วย​ต่อ​ชีวิต​ของ​เขา​เอาไว้​ มิให้​เขา​ต้อง​หนาว​แข็ง​ตาย​ใน​คุก​อัน​เย็นยะเยือก​แห่ง​นี้​

แต่​เขา​ที่​มีชีวิต​อยู่ดีกินดี​มาตั้งแต่​เล็ก​ หา​ได้​เคย​ประสบ​พบ​เจอ​โทษ​เช่นนี้​มาก่อน​ไม่?

เพียง​ระยะเวลา​สอง​วัน​สั้น​ๆ มือ​เท้า​ก็​เต็มไปด้วย​แผล​เปื่อย​จาก​ความ​เย็น​จัด​ ใบ​หน้าเขียว​ช้ำ ริมฝีปาก​ดู​ซีดเซียว​ไร้​เลือด​ ผมเผ้า​กระเซิง​

ภายใน​สอง​วันนี้​ เขา​รู้สึก​เสียใจ​ไม่หยุด​ที่​รับ​ตำแหน่ง​ทูต​ผู้เจรจา​หย่าศึก​

จีหย่วน​เป็น​ผู้​ที่​มีความรู้​ความสามารถ​ โดดเด่น​ด้าน​วาทศิลป์​ สิ่งเหล่านี้​เป็น​ความสามารถ​ที่​มีค่า​ยิ่ง​ ทว่า​ถึงอย่างไร​เขา​ก็​เป็น​คุณชาย​ผู้มั่งคั่ง​ใช้ชีวิต​มาอย่าง​สุขสบาย​ ย่อม​ขาด​ประสบการณ์​ทั้ง​ใน​สังคม​และ​ยุทธ​ภพ​

แม้มีความสามารถ​เฉิดฉาย​ แต่​ก็​มิได้​หมายความว่า​จะทน​แรงกดดัน​ได้​

สิ่งที่​ได้​เจอ​มาใน​สอง​วันนี้​ รวมถึง​ความกลัว​ต่อ​สิ่งที่จะ​เกิดขึ้น​ในอนาคต​นั้น​ ทำให้​จิตใจ​ของ​เขา​แทบ​แตกสลาย​

ความหวัง​เดียว​ใน​ตอนนี้​ ก็​คือ​ตัวเอง​ยัง​มีค่า​พอที่​สวี่​ชีอัน​จะไม่ฆ่าเขา​ และ​อาจ​ใช้เขา​เป็น​เบี้ย​เพื่อ​ต่อรอง​ฝ่าย​กบฏ​อวิ๋น​โจว​

ซึ่งนี่​คือ​ความหวัง​เดียว​ที่จะ​ทำให้​เขา​มีแรง​กัดฟัน​อดทน​ต่อไป​ได้​

‘ได้​ตากแดด​บ้าง​ก็ดี​ หาก​อยู่​แต่​ใน​คุก​ตะราง​ ไม่ช้าก็เร็ว​ข้า​คง​ได้​แข็ง​ตาย​เอา​พอดี​…’ จีหย่วน​เดินโซเซ​ไป​ตาม​โถงทางเดิน​อัน​มืดมิด​ โดย​มีเหล่า​ขุนนาง​แห่​งอ​วิ๋น​โจว​ยี่สิบ​กว่า​คน​ติดตาม​หลังเขา​

เมื่อ​ออก​มาจาก​ประตู​คุก​ใต้ดิน​ ก็​เจอ​อากาศ​หนาวเย็น​อัน​ชวน​ให้​ตื่นตัว​ แต่กระนั้น​ดวงตะวัน​ที่​ลอย​นิ่ง​ค้าง​อยู่​กลาง​นภา​ ก็​ทำให้​รู้สึก​อบอุ่น​เล็กน้อย​

จีหย่วน​ชะงัก​ฝีเท้า​ก่อน​จะเงย​ศีรษะ​ขึ้น​ แล้ว​เพลิดเพลิน​ไป​กับ​ความรู้สึก​ที่​แสงแดด​ส่อง​กระทบ​ลง​บน​ใบหน้า​

ทว่า​จู่ๆ ฆ้อง​ทองแดง​ที่อยู่​ด้านหลัง​ก็​เตะ​เข้าที่​บั้นท้าย​ของ​เขา​ จน​ทำให้​เขา​ล้ม​ลง​กับ​พื้น​

จีหย่วน​ลุกขึ้น​มาอย่าง​ยากลำบาก​ พลาง​มอง​ไป​ที่​ฆ้อง​ทองแดง​ผู้​นั้น​ด้วย​สายตา​เคือง​โกรธ​และ​บึ้งตึง​

“มอง​อะไร​ เชื่อ​หรือไม่​ว่า​ข้า​ควัก​ลูกตา​ของ​แก​ได้​”

ฆ้อง​ทองแดง​ผู้​นั้น​กด​ด้าม​ดาบ​ด้วยมือ​เดียว​ โดยที่​ใบหน้า​เคร่งขรึม​ของ​เขา​ไม่แสดง​อารมณ์​ใดๆ​ แล้ว​พูดว่า​

“แก​ไม่ได้​มีนิสัย​กำเริบเสิบสาน​มาก​ขนาด​นั้น​เสียหน่อย​กระมัง​ ครั้น​เข้า​เมืองหลวง​หมาย​จะเป็น​เจ้ากรม​พิธีการ​และ​สมุห​ราชเลขาธิการ​แห่ง​ราชวงศ์​ปัจจุบัน​ ถึงกับ​ต้อง​มีชิน​อ๋อง​ออกจาก​เมือง​มาเพื่อ​ต้อนรับ​ จึงจะยอม​เข้า​เมือง​ใช่หรือไม่​

“แก​ไม่ได้​ติเตียน​คนใน​ตำหนัก​กระดิ่งทอง​ จน​พวก​เจ้าหน้าที่​พลเรือน​และ​ทหาร​ทั้ง​ราชสำนัก​รู้สึก​กดดัน​อับอาย​ไม่กล้า​เงยหน้า​หรอก​ใช่หรือไม่​

“แก​คง​ไม่ได้​ใช้เล่ห์เหลี่ยม​เล็กๆ น้อยๆ​ เพื่อให้​ประชาชน​ใน​เมืองหลวง​เกิด​ความสงสัย​เกี่ยวกับ​ชื่อเสียง​ของ​สวี่​หนิง​เยี่ยน​ใช่หรือไม่​

“แก​ยัง​ทำตัว​กำเริบเสิบสาน​อยู่​นะ​”

จีหย่วน​กำมือ​ทั้งสอง​ข้าง​แน่น​ พร้อมกับ​กัดฟัน​อย่าง​อดกลั้น​

หาก​ในวันหน้า​อวิ๋น​โจว​บุก​เข้า​ยึด​เมืองหลวง​สำเร็จ​ เขา​จะขอ​เป็น​คน​ทำลาย​หน่วย​คน​เคาะ​ยาม​ด้วยตัวเอง​ และ​เหล่า​คน​เคาะ​ยาม​ที่​มีมิตรภาพ​อัน​ดีงาม​กับ​สวี่​ชีอัน​ จะต้อง​ถูก​เฉือน​เนื้อ​ทั้งเป็น​ให้​หมด​

ตอนนั้น​เอง​ ก็​มีฆ้อง​ทองแดง​วัยกลางคน​ผู้​หนึ่ง​เดิน​เข้า​มาหา​ พลาง​มอง​ฝูงชน​ด้วย​สายตา​เข้มงวด​

เหล่า​ฆ้อง​ทองแดง​ทั้งหลาย​ต่าง​พา​กัน​จัด​ปก​คอเสื้อ​จน​เรียบร้อย​ทันใด​ และ​ปรับ​ตำแหน่ง​สัญลักษณ์​ฆ้อง​ทองแดง​บน​หน้าอก​ให้​ตรง​ เมื่อ​ตรวจสอบ​ทุกอย่าง​สมมาตร​ไร้​ปัญหา​ใด​แล้ว​ ก็​เอ่ย​ด้วย​น้ำเสียง​เคารพ​นบนอบ​ว่า​

“หัวหน้า​”

ฆ้อง​ทองแดง​วัยกลางคน​เพียง​พยักหน้า​เบา​ๆ ดึง​สาย​ตากลับ​ด้วย​ความพอใจ​ แต่​เขา​ไม่ได้​มอง​ไป​ทาง​จีหย่วน​ที่​มีสภาพ​ผมเผ้า​ยุ่งเหยิง​ สวม​ชุด​นักโทษ​ที่​ทั้ง​สกปรก​และ​ยับยู่ยี่​

“ออกเดินทาง​กัน​เถอะ​ อย่า​มัวแต่​เสียเวลา​”

‘ออกเดินทาง​รึ​ ไป​ที่ใด​กัน​?’ จีหย่วน​ตกตะลึง​ใน​ใจ คิด​อยาก​จะสอบถาม​ แต่​ก็​รู้สึก​ว่า​จะไม่ได้​คำตอบ​อยู่ดี​ กลับกัน​อาจ​โดน​เฆี่ยนตี​แทน​ด้วยซ้ำ​

ฆ้อง​ทองแดง​มีบุคลิก​เงียบขรึม​คน​นั้น​จึงคุมตัว​จีหย่วน​เดิน​ออก​ไป​ พลาง​กล่าวว่า​

“หัวหน้า​ หนิง​เยี่ยน​มาหา​พวกเรา​คืนนี้​เพื่อ​ร่ำสุรา​ด้วยกัน​”

ฆ้อง​ทองแดง​วัยกลางคน​นิ่ง​ไป​ชั่วครู่หนึ่ง​

“ไป​หอ​คณิกา​หรือว่า​สำนัก​สังคีต​?”

“หอ​คณิกา​ขอรับ​ เขา​บอ​กว่า​พัก​หลัง​ไม่ไป​สำนัก​สังคีต​แล้ว​” ฆ้อง​ทองแดง​ผู้​เงียบขรึม​ตอบ​

ฆ้อง​ทองแดง​วัยกลางคน​รู้สึก​โล่งใจ​อยู่​หน่อย​ๆ

“ดั่ง​สำนวน​ที่ว่า​หนึ่ง​คำมั่นสัญญา​มีค่า​เท่ากับ​ทองพันชั่ง​ เขา​รักษา​สัจจะวาจา​เสมอ​เลย​นะ​”

ห​ลี่​อวี้​ชุน​รู้​มาว่า​ช่วงแรก​ที่​ฝูเซียง​ตาย​จากไป​ สวี่​ชีอัน​ก็​สัญญาไว้​ว่า​จะไม่ไป​สำนัก​สังคีต​อีก​

จูกว่าง​เสี้ยว​เงียบ​ไป​สักพัก​หนึ่ง​ ก่อน​กล่าว​เสริม​ว่า​

“เขา​บอ​กว่า​สามารถ​เชิญนาง​คณิกา​จาก​สำนัก​สังคีต​ทั้งหมด​ไป​ที่​หอ​คณิกา​ได้​ขอรับ​”

…ห​ลี่​อวี้​ชุน​ไม่อยาก​จะพูด​อัน​ใด​อีกแล้ว​

หลังจาก​ผ่าน​ด้านหลัง​ของ​ที่ทำการ​ปกครอง​ ก็​เดิน​มายัง​ส่วน​โถงทางเดิน​ด้านนอก​ จากนั้น​ก็​ผ่าน​ห้อง​สำนักงาน​และ​ลาน​สวน​ จน​สุดท้าย​ก็​มาถึงประตู​ของ​ที่ทำการ​ปกครอง​

ซึ่งตรง​ประตู​ของ​ที่ทำการ​ปกครอง​ มีรถ​คุม​นักโทษ​คัน​หนึ่ง​จอด​รอ​อยู่​

จูกว่าง​เสี้ยว​มอง​จีหย่วน​แล้ว​เอ่ย​อย่าง​ราบเรียบ​ว่า​

“ไป​ตากแดด​กัน​”

ใบหน้า​จีหย่วน​นิ่ง​ค้าง​กะทันหัน​ และ​ยืน​ทึ่ม​ทื่อ​อยู่กับที่​เช่นนั้น​ไป​

ประกาศ​ที่​ติด​อยู่​ตาม​กำแพง​บริเวณ​ที่ทำการ​ปกครอง​ใน​เมืองหลวง​ ตรง​ประตูเมือง​ทั้ง​ด้านใน​และ​ด้านนอก​ ครั้น​ยามเช้าตรู่​มาเยือน​ ก็​ถูก​แปะ​ติดประกาศ​ใหม่​แล้ว​

ประกาศ​นี้​จะเป็น​ช่องทาง​สำคัญ​ที่​เหล่า​ประชาชน​ใน​เมืองหลวง​ได้รับ​ข่าวสาร​จาก​ทางการ​ใน​แต่ละวัน​

ใน​อดีต​เหล่า​ประชาชน​มิได้​สนใจ​กับ​ประกาศ​สัก​เท่าไร​ นอก​เสีย​จากว่า​จะเป็น​เรื่องสำคัญ​ที่​เพิ่ง​เกิด​ได้​ไม่นาน​

ซึ่งเมืองหลวง​ใน​ขณะนี้​ สิ่งที่​สำคัญ​มาก​ที่สุด​คือ​การ​เจรจา​สงบศึก​

“ใน​ประกาศ​ว่า​ไว้​อย่างไร​?”

ทันทีที่​ติด​ใบประกาศ​ เหล่า​ประชาชน​ต่าง​ก็​รายล้อม​พร้อม​แสดงความคิดเห็น​ และ​กรู​กัน​เข้าไป​ถามเจ้าพนักงาน​ที่​ติดประกาศ​

หนึ่ง​ชั่ว​ยาม​ก่อนที่จะ​มีการ​ติดประกาศ​ บางที​ก็​จะมีเจ้าพนักงาน​ที่​รับหน้าที่​ ‘ร้อง​ตะโกน​สิ่งที่จะ​ประกาศ​’ ซึ่งเป็นการ​บอก​เนื้อหา​ให้​แก่​ประชาชน​รับทราบ​

เพราะ​ถึงอย่างไร​ใน​หมู่​ประชาชน​ ก็​ยังมี​ผู้​ที่​รู้หนังสือ​จำนวน​น้อย​อยู่ดี​

อีก​ทั้ง​ประกาศ​จาก​ทาง​ราชสำนัก​เช่นนี้​ บวก​กับ​ระดับ​ภาษาที่​ใช้ก็​เป็น​ระดับสูง​มาก​อีก​ ต่อให้​เป็น​คน​รู้หนังสือ​ แต่​หาก​ไม่เคย​ได้รับ​การศึกษา​มาก่อน​ ก็​ไม่อาจ​เข้าใจ​เนื้อหา​ได้​ทั้งหมด​

สุดท้าย​ก็​จะกลายเป็น​สถานการณ์​อย่าง​ ‘ทุก​ตัวอักษร​ล้วน​รู้จัก​หมด​ แต่​มิอาจ​เข้าใจ​ใน​ความหมาย​’

“เนื้อหา​ต้อง​เกี่ยวกับ​เรื่อง​เจรจา​สงบศึก​แน่นอน​ ทาง​ราชสำนัก​รบ​แพ้​แล้ว​ ส่วน​ชิงโจว​ก็​สูญเสีย​การป้องกัน​ ข้า​ได้ยิน​ว่า​เหมือน​จะยอม​ยก​ดินแดน​เพื่อ​สงบศึก​นะ​”

“ไม่นึก​เลย​ว่า​เฝ่ย​โจว​จะอวดดี​เช่นนี้​ ตั้งแต่​กษัตริย์​องค์​ใหม่​ขึ้น​ครองราชย์​ ชีวิต​ของ​ประชาชน​ก็​ย่ำแย่​ลง​ทุกวัน​ ซ้ำขุนนาง​ยัง​แผลงฤทธิ์​ฉ้อโกง​อีก​”

“ชู่ เบา​เสียง​หน่อย​ อย่า​พูดจา​ส่งเดช​สิ”

“กลัว​อัน​ใด​ ทาง​นี้​ไม่มีพวก​ทหาร​อยู่​เสียหน่อย​ อีก​อย่าง​ ทุกคน​ก็​ด่า​กัน​แบบนี้​ทั้งนั้น​”

ขณะที่​พูดคุย​กัน​อยู่​นั้น​ หัวข้อ​สนทนา​ก็​ถูก​เปลี่ยน​จาก​ ‘การ​เจรจา​สงบศึก​’ เป็นเรื่อง​ชิงโจว​สูญเสีย​การป้องกัน​แทน​

“กระทั่ง​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ยัง​ไม่สามารถ​ปกป้อง​ชิงโจว​ได้​เลย​หรือ​ เขา​เป็น​ถึงผู้​แข็งแกร่ง​ที่​สามารถ​กวาดล้าง​กองกำลัง​ของ​สำนัก​พ่อ​มด​จำนวน​สอง​แสน​นาย​ที่​ด่า​นอ​วี้​หยาง​ได้​ด้วย​ดาบ​เล่ม​เดียว​เชียว​นะ​”

“เรื่อง​นี้​ข้า​ฟังเจ้าพูด​หลาย​รอบ​จน​นับไม่ถ้วน​แล้ว​นะ​ ใคร​มัน​จะไป​รู้​ได้​เล่า​ แต่​เมื่อ​พูดถึง​ ก็​ไม่ได้​เจอ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ใน​เมืองหลวง​มานาน​แล้ว​เหมือนกัน​”

“ข้า​ได้ยิน​มาว่า​ท่าน​โหราจารย์​ได้​สิ้นชีพ​อยู่​ที่​ชิงโจว​ทั้งหมด​ไม่เหลือ​รอด​แม้แต่​คนเดียว​ ซึ่งฆ้อง​เงิน​สวี่​ก็​มิใช่คู่ต่อสู้​ของ​กลุ่ม​กบฏ​อวิ๋น​โจว​ด้วย​”

“เฮ้อ​ ไม่แปลกใจ​เลย​ที่​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ถึงตกต่ำ​เช่นนี้​ แต่​ก็​ช่วยไม่ได้​ ก็​ดัน​เอาชนะ​ฝ่าย​นั้น​ไม่ได้​นี่​”

หลังจาก​พูด​ระบาย​อารมณ์​มาหลาย​วัน​แล้ว​ แม้เหล่า​ประชาชน​ส่วนใหญ่​จะยัง​จิตใจ​ไม่สงบ​ แต่กระนั้น​พวกเขา​ก็​เคย​ผ่าน​เวลา​ที่​สับสน​มาก​ที่สุด​มาแล้ว​ สำหรับ​เรื่อง​การตัดสินใจ​และ​การ​เจรจา​สงบศึก​ระหว่าง​ราชสำนัก​กับ​อวิ๋น​โจว​ ถึงจะก่น​ด่า​กัน​อย่าง​ลับ​ๆ ทว่า​พวกเขา​ก็​จนปัญญา​ไม่รู้​จะทำ​อย่างไร​เช่นกัน​

ความรู้สึก​ต่อต้าน​จึงไม่ได้​มาก​ขนาด​นั้น​แล้ว​

โดย​เฉพาะเรื่อง​ชิงโจว​สูญเสีญการป้องกัน​และ​เรื่อ​งอ​วิ๋น​โจว​ส่งคณะ​ทูต​เข้า​เมืองหลวง​ เมื่อ​ข่าวลือ​ต่างๆ​ ที่​หมกเม็ด​เอาไว้​ก็​เริ่ม​แพร่กระจาย​ออก​ไป​ เหล่า​ประชาชน​ใน​เมืองหลวง​ก็​ค่อยๆ​ เข้าใจ​ที่มา​ที่​ไป​ของ​เรื่องราว​ และ​ทราบ​ถึงข่าว​การตาย​ของ​นักบุญ​อุปถัมภ์​แห่ง​ต้าฟ่ง​อย่าง​ท่าน​โหราจารย์​ใน​สงคราม​ที่​ชิงโจว​ได้​

แม้ว่า​ใน​สายตา​ของ​พวกเขา​ ชื่อเสียง​ท่าน​โหราจารย์​จะน้อยกว่า​ฆ้อง​เงิน​สวี่​

เพราะ​ความเข้าใจ​ของ​ประชาชน​ชนชั้นล่าง​ ท่าน​โหราจารย์​ก็​เป็น​เพียง​สมญานาม​และ​แนวคิด​อย่างหนึ่ง​

ใน​ตอนนั้น​เอง​ เจ้าพนักงาน​ที่​ยืน​อยู่​ข้าง​ใบประกาศ​ก็​กล่าว​เสียงดัง​กึกก้อง​

“กษัตริย์​ใน​อดีตกาล​ล้วน​ให้ความสำคัญ​กับ​การปกป้อง​ราษฎร​เสมอมา​ และ​ไม่อาจ​ทน​ได้​เมื่อ​มีผู้​มาทำร้าย​คนใน​ชาติ​…ตั้งแต่​ที่​ข้า​ได้​ขึ้น​ครองราชย์​ การปกครอง​ประเทศ​ก็​มิได้​เป็นไป​อย่าง​ราบรื่น​นัก​ เป็นเหตุให้​กลุ่ม​กบฏ​อวิ๋น​โจว​ลุกฮือ​ขึ้น​ต่อต้าน​ ทั่ว​ทั้ง​จิ่ว​โจว​เกิด​ความวุ่นวาย​โกลาหล​ ซ้ำยัง​ตก​อยู่​ใน​สถานการณ์​อันตราย​ ทำให้​ราษฎร​เป็นทุกข์​และ​เดือดร้อน​ไป​ทั่ว​ทุกหย่อมหญ้า​ รู้สึก​ละอาย​ต่อ​บรรพบุรุษ​ยิ่ง​…

“องค์​หญิง​ใหญ่​ฮว๋าย​ชิ่ง ผู้​รองรับ​สรรพสิ่ง​ด้วย​คุณธรรม​ เหนือ​ล้ำ​กว่า​ข้า​มากหลาย​โข​…กล่าวคือ​องค์​หญิง​ใหญ่​ฮว๋าย​ชิ่งจะขึ้น​ครองราชย์​แทน​ โดย​มีสวี่​ชีอัน​จะเป็น​ผู้ช่วย​ให้คำปรึกษา​ คอย​ช่วย​ฟื้นฟู​ระบอบ​การปกครอง​ที่​เสื่อมถอย​ ปราบปราม​กลุ่ม​กบฏ​ แล้ว​ทำให้​ต้าฟ่ง​มีการเมือง​ที่​โปร่งใส​ สงบสุข​ร่มเย็น​อีก​ครา​ เช่นนี้​จะไม่ดีกว่า​หรือ​? จบ​พระ​ราชโองการ​เพียงเท่านี้​”

ใน​ใบประกาศ​มีตัวอักษร​ยืดยาว​ถึงสี่ร้อย​กว่า​ตัว​ เมื่อ​เจ้าพนักงาน​อ่าน​จบ​ เหล่า​ประชาชน​ที่อยู่​รอบข้าง​ต่าง​ก็​ตกตะลึง​อ้าปากค้าง​ตาม​กัน​ไป​ พวกเขา​แข็งทื่อ​อยู่กับที่​ราวกับ​รูปปั้น​แกะสลัก​อย่างไร​อย่างนั้น​

“มะ หมายความว่า​อะไร​?”

“เหมือนว่า​…องค์​จักรพรรดิ​จะสละ​ราชบัลลังก์​ให้​องค์​หญิง​ใหญ่​?” ดวงตา​ของ​ผู้พูด​พลัน​เบิกโพลง​ “องค์​หญิง​ใหญ่​จะขึ้น​เป็น​จักรพรรดิ​หรือ​?”

ทันใดนั้น​เอง​สถานการณ์​ก็​กลายเป็น​ดั่ง​หม้อ​ทอด​อัน​ร้อน​ฉ่า เกิด​ความโกลาหล​ขึ้น​ท่ามกลาง​ฝูงชน​อย่าง​ดุเดือด​

เนื้อหา​ใน​ประกาศ​ดังกล่าว​กระทบกระเทือน​จิตใจ​และ​สร้าง​ความ​สับสน​ให้​แก่​ประชาชน​อย่าง​มาก​

สิ่งนี้​ทำให้​พวกเขา​ไม่คิด​จะระวัง​วาจา​พา​ซวย​ที่​หลุด​ออกจาก​ปาก​อีกต่อไป​ แล้ว​เริ่ม​หารือ​กัน​อย่าง​รุนแรง​

“สตรี​จะขึ้น​เป็น​จักรพรรดิ​ได้​อย่างไร​ นี่​ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล​หรอก​รึ​ จะเอา​พวก​ขุนนาง​ไป​นั่ง​เย็บ​ปัก​ผ้า​ด้วยกัน​หรือ​ไร​?”

“องค์​หญิง​นาง​รู้หนังสือ​บ้าง​หรือไม่​? เหตุใด​ฝ่าบาท​ถึงสละ​ราชบัลลังก์​ให้​องค์​หญิง​กัน​นะ​ สตรี​ขึ้น​เป็น​จักรพรรดิ​ ไม่กลัว​ถูก​ผู้​คนใต้​หล้า​เยาะเย้ย​เลย​หรือ​?”

ปฏิกิริยา​แรก​ของ​พวกเขา​คือ​ต่อต้าน​ โกรธเคือง​ และ​รับ​กับ​สิ่งนี้​ไม่ได้​ รู้สึก​เพียงแต่ว่า​เรื่อง​นี้​เป็นเรื่อง​ที่​เหลวไหล​ที่สุด​ใน​ใต้​หล้า​

ต่อจากนั้น​ก็​มีคนพูด​ขึ้น​ว่า​

“พวก​เจ้าเคย​ฟังเรื่องเล่า​ใน​โรงน้ำชา​หรือไม่​? เหมือนว่า​ใน​อดีต​จะเคย​มีจักรพรรดิ​ที่​เป็น​สตรี​มาก่อน​ด้วย​ เรียก​ เรียก​ว่า​อะไร​กัน​นะ​?”

“จักรพรรดินี​แห่ง​สุริยัน​?”

“ใช่ๆ เจ้าก็​เคย​ได้ยิน​มาเหมือนกัน​หรือ​”

ทันใดนั้น​เอง​เสียง​วุ่นวาย​โกลาหล​ก็​พลัน​หยุด​ลง​ เป็นที่​ชัดเจน​ว่า​มีคน​จำนวน​ไม่น้อย​ที่​เคย​ได้ยิน​เนื้อหา​เช่นนี้​มาจาก​ภัตตาคาร​ โรงน้ำชา​ หอ​นางโลม​ หรือ​สถานบันเทิง​อื่นๆ​

จากนั้น​ก็​มีคน​กล่าว​ขึ้น​มา

“ใน​ประกาศ​บอก​ไว้​ว่า​ องค์​หญิง​ใหญ่​ขึ้น​ครองราชย์​ โดย​มีฆ้อง​เงิน​สวี่​เป็น​ผู้ช่วย​ให้คำปรึกษา​นี่​”

โอ้​ มีฆ้อง​เงิน​สวี่​เป็น​ผู้ช่วย​ให้คำปรึกษา​นี่เอง​

เสียง​ต่อต้าน​จึงลดน้อยลง​ แต่​ก็​ยังมี​คน​บ่นพึมพำ​อยู่​

“ทำไม​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ต้อง​เป็น​ผู้ช่วย​ให้​กับ​สตรี​ที่จะ​ขึ้น​เป็น​จักรพรรดิ​ด้วย​ นี่​มัน​ไม่เหลวไหล​ไป​หน่อย​หรือ​ ต้าฟ่ง​ของ​เรา​มีประวัติ​ยาวนาน​นับ​หกร้อย​ปี​ แต่​ก็​ไม่เคย​มีเรื่อง​ทำนอง​นี้​มาก่อน​”

“ใช่ ไม่เข้าใจ​จริงๆ​ ว่า​พวก​ขุนนาง​และ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​คิด​อะไร​อยู่​ ระหว่าง​ที่​เจรจา​สงบศึก​กับ​อวิ๋น​โจว​ ก็​มาผลักดัน​ให้​องค์​หญิง​ใหญ่​ขึ้น​เป็น​จักรพรรดิ​อีก​”

“ฆ้อง​เงิน​สวี่​เลอะเลือน​แล้ว​”

เดิมที​สวี่​ชีอัน​ก็​ถูก​มองว่า​เป็น​วีรบุรุษ​และ​นักบุญ​อุปถัมภ์​ของ​ปวง​ประชาชน​ แต่​พอ​เกิดเรื่อง​ชิงโจว​เสีย​การป้องกัน​ก็​ทำให้​ผิดหวัง​อยู่​บ้าง​ ไหนจะ​เห็น​เรื่อง​เจรจา​สงบศึก​ที่​น่าอับอาย​นั่น​อีก​ แม้ว่า​จะไม่มีใคร​กล่าว​ต่อว่า​สวี่​ชีอัน​ใน​ที่สาธารณะ​ แต่​ใน​ใจนั้น​ก็​ย่อม​มีความผิดหวัง​ต่อ​เขา​อยู่แล้ว​

เมื่อ​ใบ​ติดประกาศ​ปรากฏ​ออกมา​ ความผิดหวัง​ที่​สะสมภายใน​จิตใจ​ ก็​กลายเป็น​ความไม่พอใจ​ทันที​

จังหวะ​นั้น​เอง​ เสียง​เอะอะ​เสียง​หนึ่ง​ก็​ดึง​ความสนใจ​ของ​ประชาชน​ที่อยู่​รอบ​ๆ ใบประกาศ​ที่​ติด​ตรง​กำแพง​ไป​

เมื่อ​มองตาม​เสียง​ดังกล่าว​ไป​ ก็​เห็น​ว่า​รถ​คุม​นักโทษ​คัน​หนึ่ง​กำลัง​ค่อยๆ​ แล่น​มาทาง​นี้​ ซึ่งมีประชาชน​กลุ่ม​หนึ่ง​คอย​ตาม​ด้านหลัง​รถ​นั่น​ พวกเขา​ทั้ง​ขว้าง​หิน​และ​ถุยน้ำลาย​ใส่นักโทษ​ที่อยู่​บน​รถ​คุม​นักโทษ​อย่าง​ไม่หยุดหย่อน​

ทั้ง​ยังมี​คน​ถือ​ถังใส่ของเสีย​ แล้ว​ขว้างปา​อุจจาระ​ไป​ทาง​นักโทษ​ที่อยู่​ใน​รถ​อีกด้วย​

ตอนนั้น​เอง​ท่ามกลาง​คน​ขี่ม้า​หลาย​คน​ ก็​มีคน​เคาะ​ยาม​คน​หนึ่ง​ขี่ม้า​ก้าว​นำ​ออกมา​ด้านหน้า​ ก่อน​จะเคาะ​ฆ้อง​หนึ่ง​ครั้ง​ แล้ว​กล่าว​เสียงกึกก้อง​ว่า​

“ภายใต้​คำสั่ง​ของ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ สั่งให้​นำ​กลุ่ม​กบฏ​แห่​งอ​วิ๋น​โจว​แห่​ประจาน​กลาง​ที่สาธารณะ​”

ตลอด​สอง​ข้างทาง​เปี่ยม​ไป​ด้วย​ฝูงชน​ที่​กำลัง​คึกคัก​ หลังจาก​ได้​ฟังประกาศ​เมื่อ​ครู่​ประชาชน​ก็​เข้าไป​ร่วม​สนุก​ บ้าง​ก็​ต่อ​แถว​ขว้าง​หิน​ใส่ บ้าง​ก็​ชี้นิ้ว​พลาง​ตะโกน​สาปแช่ง​ และ​บางส่วน​ก็​ปรบมือ​หัวเราะ​อย่าง​ชอบ​อก​ชอบใจ​

ยาม​นี้​ศีรษะ​ของ​จีหย่วน​เต็มไปด้วย​เลือด​ จิตใจ​ดุจ​เถ้าที่​ดับ​มอด​สิ้น​

ส่วน​ขุนนาง​จากอ​วิ๋น​โจว​ที่​ติด​ตามมา​ด้วย​ต่าง​ก็​ตัวสั่น​งันงก​ ร้องไห้​สะอึกสะอื้น​ด้วย​ความ​โศกเศร้า​

ยาม​พลบค่ำ​

ภายใน​ห้อง​ทรง​พระ​อักษร​ ฮว๋าย​ชิ่งกำลัง​นั่ง​โต๊ะ​ขนาดใหญ่​ที่​ถูก​ปู​ด้วย​ผ้าไหม​สีทอง​ ซึ่งภายใน​ห้องโถง​ก็​มีหัวหน้าพรรค​สอง​คน​อย่าง​หลิว​หง​และ​เฉียน​ชิงซู รวมถึง​เจ้ากรม​พิธีการ​อยู่​ด้วย​

เจ้ากรม​พิธี​การประสานมือ​ทำความเคารพ​กล่าวว่า​

“ฝ่าบาท​ เรื่อง​การ​ขึ้น​ครองราชย์​เตรียม​ไว้​เรียบร้อย​แล้ว​พ่ะย่ะค่ะ​”

ฮว๋าย​ชิ่งที่​สวม​ชุด​งามตาม​แบบ​ของ​ราชสำนัก​ พยักหน้า​เบา​ๆ

หลังจาก​เจ้ากรม​พิธีการ​ถอยกลับ​ไป​แล้ว​ หลิว​หง​ก็​ออกมา​ประสานมือ​คำนับ​พร้อม​เอ่ย​ว่า​

“วันนี้​ทั้งเมือง​กำลัง​เดือด​ระอุ​ เหล่า​ประชาชน​มีการ​ต่อต้าน​อยู่​บ้าง​ แต่​ไม่นับว่า​หนักหนา​ ส่วน​เสียง​วิจารณ์​ของ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ก็​เปลี่ยนเป็น​ดีขึ้น​ ยัง​เป็นที่ชื่นชอบ​ของ​ประชาชน​ใน​เมืองหลวง​อยู่​มาก​พ่ะย่ะค่ะ​”

เมื่อ​หลิว​หง​พูด​จบ​ ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ยิ้ม​ขึ้น​มา

“ด้วย​ชื่อเสียง​ของ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ใน​ปัจจุบัน​ ใช้ให้​เป็น​เกราะ​คุ้มกัน​ของ​ฝ่าบาท​ก็​เหมาะสม​ที่สุด​แล้ว​ เพราะ​ใน​ยุค​สมัยนี้​ไม่มีใคร​ได้ใจ​ประชาชน​เท่า​เขา​อีกแล้ว​”

ใน​ความจริง​แล้ว​ พวก​ชนชั้นสูง​ยอมรับ​การ​ที่​องค์​หญิง​จะขึ้น​ครองราชย์​เป็น​จักรพรรดิ​ได้​มากกว่า​ประชาชน​ ซึ่งขอ​เพียงแค่​ได้​ผลประโยชน์​ร่วม​เท่านั้น​ แต่​หาก​บีบบังคับ​ด้วย​กำลัง​ ก็​น้อย​คน​นัก​ที่จะ​ยอมจำนน​

สิ่งที่​สำคัญ​ที่สุด​ก็​คือ​ ใน​สายตา​ของ​ชนชั้น​ปกครอง​ฮว๋าย​ชิ่งเป็น​สตรีเพศ​ แต่​ถึงอย่างไร​ก็​มีเชื้อสาย​ราชวงศ์​ฝังลึก​อยู่​

สตรี​ที่จะ​สถาปนา​ขึ้น​เป็น​จักรพรรดิ​จะถูก​ยกเว้น​เป็น​กรณีพิเศษ​ ซึ่งกษัตริย์​องค์​ใหม่​ก็​ยัง​เป็น​คนใน​ราชวงศ์​ต้าฟ่ง​

สิ่งนี้​จะช่วย​ลด​การ​ต่อต้าน​ของ​ชนชั้น​ปกครอง​ได้​อย่าง​มาก​

แต่​ประชาชน​ทั่วไป​ไม่สนใจ​สิ่งเหล่านี้​ หาก​จะเอาใจ​ประชาชน​ ก็​ต้อง​โน้มน้าว​พวกเขา​ แต่​ฮว๋าย​ชิ่งมีบารมี​ไม่มาก​พอ​ และ​ไม่มีใคร​มีบารมี​พอ​เช่นเดียวกัน​ จึงมีเพียง​สวี่​ชีอัน​เท่านั้น​ที่​ทำได้​

จากนั้น​เฉียน​ชิงซูก็​กล่าว​เสริม​ว่า​

“ฝ่าบาท​จะสามารถ​ได้ใจ​ของ​ราษฎร​หรือไม่​นั้น​ ก็​ดู​ผล​ใน​วันพรุ่งนี้​เถิด​”

ฮว๋าย​ชิ่งก้มหน้า​ ตรวจ​อ่าน​เอกสาร​ใน​มือ​ แล้ว​ตอบ​เพียง​ ‘อืม​’ โดย​มิได้​เงยหน้า​

“ตอนนี้​ดึก​แล้ว​ ท่าน​ทั้งหลาย​กลับ​ไป​ก่อน​เถิด​”

จากนั้น​ทั้ง​สามคน​ต่าง​ประสานมือ​คำนับ​ ก่อน​จะเดิน​ออกจาก​ห้อง​ทรง​พระ​อักษร​ไป​

เอกสาร​ใน​มือ​ฮว๋าย​ชิ่งถูก​ส่งมาจาก​สำนักราชเลขาธิการ​ โดย​เนื้อหา​คือ​งาน​ที่​ต้อง​ทำ​หลัง​ขึ้น​ครองราชย์​ ซึ่งมีแต่​เรื่อง​หยุมหยิม​ แต่​มีเรื่อง​หนึ่ง​ที่​ดู​สำคัญ​มาก​ที่สุด​ นั่น​ก็​คือ​เรียก​สมุหเทศาภิบาล​ของ​แต่ละ​ที่​และ​ผู้บัญชาการ​ทุกคน​กลับ​เมืองหลวง​มารายงาน​

ทว่า​แท้จริง​แล้ว​นี่​คือ​การ​เจรจา​และ​การโน้มน้าว​ เพื่อให้​ผู้นำ​แต่ละ​เมือง​มาร่วม​ทำงาน​ภายใต้​อุดมการณ์​เดียวกัน​

วัน​ต่อมา​

วันนี้​บรรยากาศ​ใน​เมืองหลวง​ดู​แปลกประหลาด​ยิ่ง​ ตั้งแต่​เหล่า​ขุนนาง​ชนชั้นสูง​ จนถึง​ประชาชน​รากหญ้า​ทั่วไป​ ต่าง​ก็​ทราบ​กัน​ดี​ว่า​วันนี้​คือ​วัน​ที่จะ​ต้อง​ถูก​บันทึก​ใน​ประวัติศาสตร์​อย่าง​แน่นอน​

เนื่องจาก​องค์​หญิง​ใหญ่​ฮว๋าย​ชิ่ง จะขึ้น​ครองราชย์​เป็น​จักรพรรดิ​ใน​วันนี้​ ซึ่งเป็น​สิ่งที่​ต้าฟ่ง​ไม่เคย​มีมาก่อน​ตลอด​หกร้อย​ปี​ที่​ก่อตั้ง​ประเทศ​

ยาม​ที่​จักรพรรดิ​ขึ้น​ครองราชย์​ ประชาชน​ทั่วไป​จะไม่มีวาสนา​ได้​เห็น​ แต่​จะไม่มีการขัดขวาง​ความสนใจ​หรือ​การ​วิพากษ์วิจารณ์​ของ​พวกเขา​

ทุก​ชนชั้น​ล้วน​มีความคิดเห็น​แตก​ต่างกัน​ไป​ เช่น​เหล่า​บัณฑิต​ใน​ราช​วิทยาลัย​และ​สำนักศึกษา​ รู้สึก​จงเกลียดจงชัง​กับ​เรื่อง​ฮว๋าย​ชิ่งจะขึ้น​ครองราชย์​อย่าง​มาก​ แม้ว่า​คณะ​ทูต​จากอ​วิ๋น​โจว​จะถูก​แห่​ประจาน​กลาง​ที่สาธารณะ​ ก็​ไม่สามารถ​ทำให้​พวกเขา​รู้สึก​ดี​ได้​เลย​

แต่​ส่วนมาก​ก็​มิได้​ด่าทอ​สวี่​ชีอัน​แล้ว​

ใน​ชนชั้น​ประชาชน​คน​ทั่วไป​ มีความเห็น​ที่​หลากหลาย​มาก​ที่สุด​ บ้าง​ก็​ว่า​รับ​ไม่ได้​ บ้าง​ก็​ว่า​เรื่อง​นี้​ไม่เกี่ยวกับ​ตัวเอง​ และ​มีบางส่วน​ที่​เลือก​จะเชื่อมั่น​ฆ้อง​เงิน​สวี่​

ณ จวน​สกุล​สวี่​ อา​สะใภ้ก็​เป็นตัวแทน​ของ​สตรี​ชนชั้นสูง​ใน​การแสดง​ความคิด​ด้วย​

“เหล่า​เห​ยี​ย​ เรื่อง​หนิง​เยี่ยน​คราวนี้​มิใช่แค่​เรื่องเหลวไหล​หรอก​ใช่หรือไม่​ สตรี​จะขึ้น​เป็น​จักรพรรดิ​ได้​อย่างไร​ ข้า​มิกล้า​ออกจาก​จวน​ด้วยซ้ำ​ เพราะ​กลัว​จะโดน​คน​จำได้​ว่า​เป็น​อา​สะใภ้ของ​สวี่​หนิง​เยี่ยน​ จะทำ​อย่างไร​ถ้าถูก​คน​ปา​ไข่เน่า​ใส่เนี่ย​”

อา​สะใภ้ยังคง​งดงาม​ดั่ง​เดิม​ ราวกับว่า​กาลเวลา​จะเห็นใจ​นาง​เป็นพิเศษ​

แม้นาง​จะนั่ง​เคียงข้าง​กับ​ผู้​เป็น​บุตรสาว​ ถึงจะไม่ได้​ให้​ความรู้สึก​ดั่ง​เด็กสาว​ แต่​ก็​ไม่ได้​ดู​แก่​ชรา​ และ​ใบหน้า​ขาวนวล​ของ​นาง​หา​ได้​มีริ้วรอย​แม้สักนิด​ไม่

ส่วน​อา​รอง​สวี่​ก็​ก้มหน้าก้มตา​กินข้าว​ ไม่ได้​แสดง​ความเห็น​ใด​

“พี่ใหญ่​เขา​มีขอบเขต​ของ​ตัวเอง​อยู่​”

สวี่ห​ลิง​เยวี่ย​เมื่อ​เปรียบเทียบ​กับ​มารดา​แล้ว​ นาง​มักจะ​ชื่นชม​วีรกรรม​ของ​พี่ใหญ่​อยู่​มาก​

เมื่อ​อา​สะใภ้สงบ​สติ​ตัว​ลง​ได้​ ก็​ถอนหายใจ​

“เรื่อง​ชิงโจว​สูญเสีย​การป้องกัน​ ก็​ยัง​ไม่ได้​ถามเอ้อร์​หลา​งเลย​ ส่วน​ห​ลิง​อิน​ที่​กำลัง​บำเพ็ญ​อยู่​เผ่าพันธุ์​กู่​ ก็​ไม่รู้​จะกลับมา​ปี​ไหน​เดือน​ใด​ นาง​คง​ไม่ได้​ถูก​ชาว​หมา​น​อี๋​ใน​ซินเจียง​ตอน​ใต้​รังแก​หรอก​นะ​

“คน​ไร้​มโนธรรม​อย่าง​เจ้าสวี่​หนิง​เยี่ยน​ กลับ​เมืองหลวง​มาแล้ว​ แต่​ก็​ไม่รู้จัก​กลับบ้าน​กลับ​ช่อง​มาหา​บ้าง​เลย​”

ขณะที่​พูด​อยู่​นั้น​ แววตา​ของ​อา​สะใภ้ก็​พลัน​นิ่ง​ชะงัก​ และ​มองออก​ไป​ยัง​ห้องโถง​

……………………………………………….

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท