บทที่ 501 ข้อสงสัยของจ้าวอิ๋งเฟิง
บทที่ 501 ข้อสงสัยของจ้าวอิ๋งเฟิง
“คิดจะทำอะไรกัน!” เมื่อเห็นกลุ่มทหารเร่งเข้าหาลั่วเยวี่ย อู๋ฝานจึงอดไม่ได้ที่จะต้องขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้น
ลั่วเยวี่ยที่เผชิญหน้ากับสถานการณ์ดังกล่าวค่อนข้างสับสน เพราะไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ขุนพลอวี่ที่ยังไม่ได้จากไปไหนจึงหันมองทางเหล่าทหาร ลั่วเยวี่ย และอู๋ฝานสลับกันไปด้วยสีหน้างุนงง สุดท้ายจึงเงียบลงและครุ่นคิด
“ที่แท้ก็ใต้เท้าอู๋นี่เอง!” จ้าวอิ๋งเฟิงเดินเข้ามาทักทายพูดคุยกับอู๋ฝาน “เหมือนว่านางจะเป็นข้ารับใช้ของจวนใต้เท้าอู๋กระมัง”
“ถูกต้องแล้ว” อู๋ฝานไม่คิดปฏิเสธ ทั้งยังมองเหล่าทหารพลางถาม “เหตุใดคิดจับกุมตัว คนของข้าไปทำอะไรเอาไว้?”
ผู้นำกลุ่มทหารชี้ลั่วเยวี่ยพลางถาม “ของที่นางถืออยู่ในมือคืออะไร?”
ลั่วเยวี่ยลอบซ่อนถุงยาที่อยู่ในมือไว้ด้านหลังโดยไม่รู้ตัว
จ้าวอิ๋งเฟิงที่เห็นอาการตอบสนองของลั่วเยวี่ยจึงเผยยิ้มกว้างออกมา
“นางออกไปซื้อของให้ข้า เกี่ยวข้องอะไรกับพวกท่าน?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“หากเป็นของอื่นพวกเราคงไม่สนใจ” จ้าวอิ๋งเฟิงพูดขึ้นมาต่อ “แต่ของที่นางซื้อหามาไม่ธรรมดา ไม่ทราบว่าใต้เท้าอู๋กล้าเปิดเผยของนั้นให้ทุกคนในที่นี้ได้เห็นหรือไม่?”
อู๋ฝานขมวดคิ้วก่อนจะตอบกลับ “เพราะอะไรข้าถึงต้องแสดงสิ่งที่ซื้อหาให้ผู้อื่นรับชม?”
“ก็คิดว่าใต้เท้าอู๋คงไม่กล้าอยู่แล้ว” จ้าวอิ๋งเฟิงยิ้มยินดียิ่งขึ้น
“ข้ามีอะไรต้องกลัวกันเล่า?” อู๋ฝานถามกลับ
“เพราะมันเป็นยายังไงล่ะ! ทั้งยังเป็นยาที่ใช้รักษาอาการบาดเจ็บจากอาวุธมีคม!” จ้าวอิ๋งเฟิงชี้หน้าลั่วเยวี่ยพร้อมบอกออกมา
ลั่วเยวี่ยตื่นตกใจ อู๋ฝานขมวดคิ้ว ขุนพลอวี่ที่ยังไม่ได้จากไปไหนเมื่อเห็นเรื่องสนุกให้รับชม จึงเผยสีหน้าครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจไม่รีบร้อนจากไปไหน
“ไม่ทราบว่ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่” อู๋ฝานมองจ้าวอิ๋งเฟิงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ แต่ในใจเริ่มรู้สึกว่าเรื่องยากลำบากมากขึ้น เพราะไม่คาดคิดว่าวิกฤตที่เพิ่งจะคลี่คลายไปได้กลับมีของใหม่เข้ามาปะทะในเวลาสั้น ๆ
ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังเป็นคนที่ไม่ชอบหน้าเขาอย่างแรงกล้าเสียด้วย
คิดหาทางคลี่คลายไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“ใต้เท้าอู๋ไม่ทราบหรือว่าแกล้งไม่ทราบกันแน่?” จ้าวอิ๋งเฟิงยังคงเผยยิ้มอย่างผู้มีชัย “ใต้เท้าอู๋คงไม่คิดว่าตอนขอให้ผู้อื่นไปซื้อยา จะบังเอิญกับช่วงที่ข้าไปรับยาจากที่ร้านจนเห็นเข้าพอดี มันทำให้ข้าคิดว่าเรื่องนี้คงไม่ธรรมดาจึงลอบติดตามมา ตอนเห็นนางเข้ามายังศาลาพักม้าข้าจึงกลับไปแจ้งทหารที่ออกค้นหาในเมือง ขณะนี้ใต้เท้าอู๋คงพอทราบแล้วกระมังว่ามันเป็นเรื่องใด?”
สถานที่เปลี่ยนเป็นเงียบงัน แต่ละคนต่างก็มีความคิดอยู่ในใจ เหล่าทหารที่มาพร้อมกับจ้าวอิ๋งเฟิงต่างมองอู๋ฝานและลั่วเยวี่ยอย่างระแวดระวัง ส่วนขุนพลอวี่ก็ส่งสายตาบอกผู้ใต้บัญชาที่กำลังจะออกไป ให้กลับเข้ามาอีกครั้งเพื่อปิดล้อมอู๋ฝานและลั่วเยวี่ย
“ต่อให้ของนั้นเป็นดังที่ใต้เท้าจ้าวกล่าวจริง แล้วมันจะมีความหมายว่าอะไร?” อู๋ฝานเป็นผู้ทำลายความเงียบขึ้นมา
“ใต้เท้าอู๋คล้ายเป็นคนเลอะเลือนแล้วกระมัง” จ้าวอิ๋งเฟิงเผยยิ้มตอบ “เช่นนั้นให้ข้าเตือนความจำก็แล้วกัน เมื่อวานองค์หญิงสามแห่งหนานปิงได้ก่อเหตุลอบปลงพระชนม์องค์เหนือหัว นางได้รับบาดเจ็บเพราะอาวุธมีคมระหว่างหลบหนีไปหลายแผล ตอนนี้ใต้เท้าอู๋พอจะคิดอะไรออกบ้างหรือไม่?”
สีหน้าของเหล่าทหารเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมา กระทั่งกระชับอาวุธในมือแน่น สายตาของพวกเขาจับจ้องว่าที่ผู้ต้องสงสัยทั้งสองราวกับเตรียมพร้อมจะลงมือทุกเมื่อ
“แล้วอย่างไร?” อู๋ฝานตอบกลับ “ใต้เท้าจ้าวกำลังสงสัยว่าข้ากำลังซ่อนตัวมือสังหารงั้นหรือ?”
“ใต้เท้าอู๋ลองถามข้ารับใช้ที่ซื้อยาคนนั้นมาจะไม่ได้คำตอบที่เหมาะกว่าหรอกหรือ?” จ้าวอิ๋งเฟิงถามกลับ
“คล้ายใต้เท้าจ้าวเลอะเลือนไม่น้อย” อู๋ฝานตอบกลับ “ข้าขอเตือนความทรงจำถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานก็แล้วกัน ข้าเป็นคนแรกที่เอ่ยเตือนฝ่าบาท และยังเป็นคนแรกที่รีบเข้าไปช่วยเหลือ ตอนนั้นใต้เท้าจ้าวทำอะไรอยู่? มุดหัวหลบใต้โต๊ะใช่หรือไม่? คนที่ไม่กล้าแม้แต่จะเผชิญหน้ากับมือสังหาร กลับสงสัยข้าที่เข้าไปให้การช่วยเหลือว่ากำลังซ่อนตัวมือสังหาร ความคิดนี้ของใต้เท้าจ้าวไม่ชวนขบขันหรือ?”
ขณะขุนพลอวี่ได้ยินคำพูดของอู๋ฝาน สีหน้าที่เดิมระแวดระวังเปลี่ยนเป็นผ่อนคลายลงมาก
จ้าวอิ๋งเฟิงเผยท่าทีอับอายออกมา เพราะเขาซ่อนตัวเหมือนดังที่อู๋ฝานบอกจริง ๆ หลังเห็นมือสังหารพยายามจะหลบหนี พอดีกับตอนที่ราชองครักษ์ประจำวังกำลังบุกเข้ามา เขาจึงรวบรวมความกล้าออกไปขวางมือสังหารคนนั้นเอาไว้เพื่อแสดงท่าทีอาจหาญ แต่กลับได้รับบาดเจ็บท่ามกลางเหตุการณ์โกลาหลเสียเอง
คำพูดของอู๋ฝานไม่ต่างอะไรกับการตบหน้ากลางตลาด
แต่เห็นได้ชัดว่าจ้าวอิ๋งเฟิงไม่คิดปล่อยวางเท่านี้ เขายังคงมองอู๋ฝานพร้อมตอบโต้ “ใต้เท้าอู๋เป็นคนแรกที่เข้าช่วยเหลือฝ่าบาทก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าท่านหลุดพ้นข้อสงสัย ผู้ใดจะทราบได้ว่าหากท่านและองค์หญิงสามแห่งหนานปิงร่วมมือกันจะเป็นอย่างไร? บางทีอาจสมรู้ร่วมคิดกันตั้งแต่แรกเพื่อให้ตัวเองเป็นวีรบุรุษ อีกทั้งตอนที่ใต้เท้าอู๋เอ่ยเตือนออกมามือสังหารยังไม่ทันได้ลงมือเสียด้วยซ้ำ ไฉนจึงทราบได้ว่าองค์หญิงสามแห่งหนานปิงคิดจะทำอะไร? ทั้งยังทราบว่าเป็นการลอบสังหารองค์เหนือหัวเสียด้วย”
หลี่จื่อหยางผู้ที่เชื่อมาตลอดว่าอู๋ฝานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับมือสังหาร ขณะนี้กลับต้องมองด้วยความสงสัย เพราะคำถามของจ้าวอิ๋งเฟิงก็เป็นคำถามเดียวกับที่เขามีในใจ เนื่องจากนั่งอยู่ข้างอีกฝ่ายตลอดเวลา ทั้งยังอยู่ไกลจากบัลลังก์มังกร ขนาดผู้อยู่ใกล้ยังไม่เห็นว่าท่าทีขององค์หญิงสามแห่งหนานปิงผิดแปลกเลยด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายที่อยู่ห่างที่สุดกลับพบเห็น ทั้งยังตะโกนออกมาในช่วงที่คนร้ายยังไม่ทันได้ลงมือเลยด้วยซ้ำ หลี่จื่อหยางสงสัยว่าเพราะอะไรชายหนุ่มถึงทราบเรื่ององค์หญิงสามแห่งหนานปิงต้องการลอบสังหาร
อีกหนึ่งคนที่เวลานี้อยู่ในห้องนอนของอู๋ฝานเช่นอูหย่าก็สงสัยเช่นเดียวกัน
เมื่อวานในโถงจัดงานเลี้ยง อูหย่ามีเจตนาใช้การร่ายรำเข้าใกล้จักรพรรดิก่อนจึงค่อยลงมือ ทว่าผลลัพธ์กลับเป็นการที่อู๋ฝานตะโกนขึ้นมาอย่างกะทันหัน จนทำให้นางตื่นตระหนกและร้อนรนจนต้องลงมือ แต่สุดท้ายก็ผิดพลาดไม่ประสบผลสำเร็จ แม้นางพยายามจะแก้ไขสถานการณ์แล้วก็ยังไม่อาจสังหารจักรพรรดิได้
“ใต้เท้าจ้าวเคยได้ยินเรื่องจิตสังหารหรือไม่?” อู๋ฝานเอ่ยถามเสียงเบา
“จิตสังหาร?” จ้าวอิ๋งเฟิงเผยสีหน้าสับสน
“กล่าวแบบนี้ก็แล้วกัน ไม่ว่าทหารหรือขุนพลที่มีประสบการณ์ต่อสู้อย่างโชกโชนย่อมมีจิตสังหารอยู่กับตัว ในขณะเดียวกันนั้นก็ยังสามารถทราบจิตสังหารของผู้อื่นด้วย ข้าคาดเดาเจตนาขององค์หญิงสามได้จากจิตสังหารที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย” อู๋ฝานอธิบายด้วยอาการสงบ “แน่นอนว่าคนเช่นใต้เท้าจ้าวที่ไม่เคยไปเยือนสนามรบหรือฆ่าคนคงไม่เข้าใจอะไรเช่นจิตสังหาร แต่ขุนพลอวี่และผู้อื่นน่าจะทราบกระมัง?”
เมื่อเห็นอู๋ฝานมองมา ขุนพลอวี่จึงต้องพยักหน้ารับโดยไม่รู้ตัว
แต่แม้ขุนพลอวี่ทราบเรื่องจิตสังหาร ทว่าก็ทราบเช่นกันว่าจิตสังหารเป็นอะไรที่ไม่ต่างกับมายา มีเพียงคนที่พรากชีวิตผู้อื่นด้วยมือมาแล้วมากมายเท่านั้น จึงจะมีและสัมผัสถึงจิตสังหารได้ เพียงแต่คนเหล่านั้นมีจำนวนแค่น้อยนิด
ส่วนว่าอู๋ฝานมีความสามารถถึงขั้นนั้นหรือไม่ ขุนพลอวี่ไม่แน่ใจ