คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 680 แผลหน้าผี คนหน้าซื่อใจคด

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 680 แผลหน้าผี คนหน้าซื่อใจคด

เมื่อเหยียนฉีซานเห็นแผลหนองที่อยู่ด้านหลังจังหัวพลันตกใจจนขาสั่น และเมื่อได้ยินฉินหลิวซีเอ่ยถึงเรื่องตบหน้าก็หนังหน้ากระตุกขึ้น มุมปากขยับเล็กน้อย

“นี่ นี่มัน…” เหวินฝู่หลินที่อายุปูนนี้ก็ยังตกใจจนแทบจะเป็นลม

เมื่อจังหัวเห็นพวกเขามีท่าทางเช่นนี้ ก็อดใจเต้นแรงไม่ได้ เอ่ย “น้องหญิง เกิดสิ่งใดขึ้นหรือ แผลของข้าเป็นอะไรหรือ”

เหวินจิ่นซูปลายนิ้วสั่นระริก พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว

“กระจก ไปเอากระจกมา”

เมื่อจังหัวเห็นว่าพวกเขาไม่ขยับ จึงลงจากเตียงด้วยตัวเอง มาที่หน้ากระจกทองแดงแล้วหันกลับไปมองดู สีหน้าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ใบหน้าที่ซูบผอมพลันเปลี่ยนสีทันที กวาดกระจกทองแดงลงบนพื้น ร้องอย่างบ้าคลั่งว่า “เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”

เดิมทีแผลหนองขนาดใหญ่นั้นเน่าเปื่อยอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เต็มไปหนองพุพอง แต่นี่ยังไม่เท่าไหร่ แผลหนองกำเริบรุนแรงอย่างกะทันหัน ความร้ายแรงไม่เพียงแค่นี้

แต่สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวนั้นไม่ใช่แผลที่มีหนอง แต่ก้อนเนื้อของแผลกลับก่อตัวเป็นรูปร่างเหมือนใบหน้าคน โดยที่มีตา หู จมูก ปากครบ ซ้ำยังอ้าปากพะงาบๆ อีกด้วย ราวกับมีฟันสองซีก

นี่ยังเรียกว่าแผลหนองอยู่หรือ เป็นโรคร้ายชัดๆ

เหวินฝู่หลินปัญญาชนผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยอ่านตำราของนักปราชญ์มาหลายเล่มก็ยังไม่กล้าสาบานว่านี่เป็นเพียงอาการป่วยร้ายแรง

น่าขันเกินไปแล้ว ในใต้หล้านี้มีอาการป่วยรุนแรงใดบ้างที่บาดแผลกลายเป็นใบหน้าคน

“ท่าน ท่านเจ้าอาวาสน้อย อาการป่วยร้ายแรงของเขามันคืออะไรกัน ก่อนหน้านี้สองวันก็ไม่ใช่เช่นนี้ เหตุใดจึงแย่ลงกว่าเดิม” เหวินฝู่หลินมองไปยังฉินหลิวซีซึ่งเป็นคนเดียวในห้องที่ยังคงมีใบหน้าสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง ขยับเข้าไปใกล้นางโดยไม่รู้ตัว

แม้ว่าเด็กคนนี้จะอายุยังน้อย แต่เมื่อเผชิญหน้ากับแผลที่น่ากลัวเช่นนี้ก็ยังคงสงบนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพียงแค่เห็นจิตใจเช่นนี้ก็ทำให้หลายคนรู้สึกละอายใจ

เหยียนฉีซานพลันได้สติกลับมา เดินไปข้างกายฉินหลิวซีเช่นกัน ถามว่า “เขาไปทำบาปมาหรือ”

เหวินฝู่หลินได้ฟังดังนั้นก็โมโหจนแทบจะยืนไม่อยู่ เหยียนฉีซานถูกทำให้ตกใจจนโง่ไปแล้วหรือ เหตุใดจึงได้พูดจาหยาบคายเช่นนี้

ฉินหลิวซียืนเอามือไขว้หลังพลางมองจังหัวที่หมดอาลัยตายอยากเล็กน้อย แล้วจึงเอ่ย “แผลหน้าผี หากจะบอกว่าไปทำบาปมา ก็ได้เช่นกัน”

เหวินฝู่หลิน “?”

เขามีสีหน้ามืดครึ้ม

เหยียนฉีซานรู้สึกเจ็บปวดที่ใบหน้าเล็กน้อย

เป็นไปตามคาด ความรู้สึกหนังหน้าตึงเมื่อก่อนหน้านี้ก็รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องดีอะไร อย่างที่คาดไว้ ถูกนางตบหน้าเข้าให้จริงๆ เจ็บปวดมากทีเดียว

เขากลับไม่ได้คิดว่าฉินหลิวซีกำลังพูดเรื่องไร้สาระ ประการแรกเป็นเพราะเขารู้ถึงความสามารถของนางเป็นอย่างดี นางยังเคยพาเขาเดินผ่านสถานที่อย่างเส้นทางหยิน ยังจะมีอะไรที่มองไม่ออกอีก

อีกอย่างเขาก็ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นแผลหนองเช่นนี้มาก่อน แต่แผลใครจะไปมีรูปร่างหน้าตาเหมือนคน

มีจังหัวเพียงผู้เดียวเท่านั้น

ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเขาเป็นปัญญาชนที่เคยเล่าเรียนตำราและเห็นโลกกว้าง คนทั่วไปที่เห็นแผลนี้ เกรงว่าในใจคงจะสงสัยว่าคนผู้นี้ไปทำสิ่งที่ผิดต่อศีลธรรมมาหรือไม่ มิเช่นนั้นเหตุใดจึงได้มีสิ่งที่น่ากลัวโผล่ขึ้นมาเช่นนี้

แผลหน้าผี เพียงแค่ได้ยินชื่อนี้ก็รู้สึกน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

ในที่สุดเหวินจิ่นซูก็สงบสติอารมณ์ของจังหัวลงได้ เมื่อได้ยินคำพูดของฉินหลิวซี ในใจก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เอ่ยว่า “แผลหน้าผีคืออะไรกัน”

ฉินหลิวซีกลับมองไปยังจังหัว เอ่ย “ในใจจังจวี่เหรินคงจะรู้ดีว่าใบหน้านี้เป็นของใคร”

ทันใดนั้นรูม่านตาของจังหัวก็หดแคบลง หลบสายตาเล็กน้อย เอ่ยกับเหวินจิ่นซูว่า “น้องหญิง ข้าเวียนหัวเล็กน้อย อยากพักผ่อนแล้ว พรุ่งนี้ค่อยเชิญหมอท่านอื่นมาตรวจเถิด ต้องขอโทษท่านอาจารย์เหยียนด้วย”

การไล่แขกและปฏิเสธการวินิจฉัยของฉินหลิวซี หากไม่ใช่เพราะรู้อยู่แก่ใจแล้วจะเป็นอะไร

เหยียนฉีซานมองไปยังสหายเก่า อยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่กลับเอ่ยไม่ออกแม้แต่คำเดียว

เหวินฝู่หลินขมวดคิ้ว มองสลับกันระหว่างกับจังหัวกับฉินหลิวซี

เหวินจิ่นซูได้รับการเลี้ยงดูมาในฐานะบุรุษตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อเห็นว่าจังหัวไล่แขก ในใจรู้สึกมืดมนเล็กน้อย จากนั้นก็มองฉินหลิวซีพลางเอ่ย “ท่านเจ้าอาวาสน้อย ขอท่านโปรดอธิบายอย่างชัดเจน สามีของข้าเพียงแค่เจ็บปวดขึ้นมากะทันหัน แต่ท่านกลับพูดจาเสียมารยาท อะไรคือการทำบาป”

“คนที่ตายอย่างอยุติธรรมย่อมมีความแค้นมาก ดังนั้นจึงไปแก้แค้นคนที่ทำให้เขาตายอย่างอยุติธรรม การแก้แค้นมีหลายวิธี อย่างเช่นการฝังความแค้นไว้บนร่างกายของอีกฝ่าย อาศัยร่างกายของอีกฝ่ายหล่อเลี้ยงวิญญาณ อย่างเช่นตอนนี้ แผลนี้มีมานานแล้ว เพียงแต่ตั้งแต่ปรากฏขึ้นมาจนถึงตอนนี้ เมื่อผ่านไปเป็นเวลานาน มันก็ค่อยๆ โตขึ้นทีละน้อย จังจวี่เหรินมีความสามารถโดดเด่น ทั้งยังกินมังสวิรัติ ร่างกายนี้จึงกลายเป็นแหล่งในการหล่อเลี้ยงวิญญาณชั้นดี กระทั่งความขุ่นเคืองของวิญญาณนี้เพิ่มพูนขึ้น ก็เลยมีรูปร่างเป็นใบหน้าของคนขึ้นมา” ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างไม่แยแสว่า “แผลของจังจวี่เหรินมีมานานแค่ไหน แม่นางเหวินคงจะรู้ดี”

เหวินจิ่นซูใจเต้นแรง

มีนานแค่ไหนแล้วนั้นแน่นอนว่านางรู้ดี ตอนที่แต่งงานกันก็เคยเห็นแล้ว ตอนนั้นก็เป็นเพียงแค่เม็ดเล็กๆ เท่าเมล็ดถั่ว เนื่องจากว่าไม่เจ็บและไม่คัน จังหัวจึงไม่ได้สนใจ

แต่ถั่วเม็ดนั้นก็โตขึ้นทุกปี ดื่มยาต้มบรรเทาอาการอักเสบมาโดยตลอด แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ แผลนี้เริ่มส่งกลิ่นเหม็นและเป็นหนองจึงได้ทำให้พวกเขาตื่นตระหนก หาหมอมานับไม่ถ้วนแต่ก็ไม่ดีขึ้น

ตอนนี้ฉินหลิวซีกลับบอกว่านั่นไม่ใช่แผลหนองธรรมดาทั่วไป เป็นแผลหน้าผีซึ่งมีวิญญาณที่ตายอย่างอยุติธรรมมาล้างแค้นงั้นหรือ

“ไร้สาระ!” เหวินฝู่หลินข้องใจเป็นคนแรก “ขงจื้อไม่สอนเรื่องอำนาจลี้ลับ วิญญาณตายอย่างอยุติธรรมอะไรกัน นี่มันก็แค่เรื่องงมงาย ไร้สาระ”

เอาแล้ว อารมณ์ร้ายของสหายเก่ามาช้าแต่มาแน่

ศีรษะของเหยียนฉีซานมึนตึบไปหมด ดึงแขนเสื้อของเหวินฝู่หลิน

“เจ้าดึงข้าทำไม เหล่าเหยียน เพราะข้าเชื่อเจ้าจึงได้ให้เจ้าพาคนมาตรวจอาการบุตรเขยของข้า แต่เจ้าฟังสิว่านางเอ่ยว่าอะไร หล่อเลี้ยงวิญญาณ ความขุ่นเคืองอะไรก็ไม่รู้ พูดจาเหลวไหลชัดๆ!” เหวินฝู่หลินสะบัดแขนเสื้อด้วยความโกรธ

เหยียนฉีซานสีหน้ามืดครึ้ม เอ่ย “ก็ข้าได้ยินมาว่าบุตรเขยของเจ้าป่วยมาเป็นเวลานานแล้วก็ยังรักษาไม่หาย ท่านเจ้าอาวาสน้อยผ่านมาที่นี่พอดี ก็เลยเชิญนางมาด้วยความหวังดี เหตุใดเจ้ากล่าวเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ข้าบอกไว้ว่าอย่างไรเจ้าลืมแล้วหรือ”

“ลืมแล้ว ลืมหมดแล้ว! ข้ารู้แค่ว่านางกำลังพูดจาเหลวไหล” เหวินฝู่หลินเอ่ยด้วยความโกรธ

เหยียนฉีซานเองก็โมโหเช่นกัน “เจ้ามันไม่มีเหตุผล เราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว ท่านเจ้าอาวาสน้อย พวกเราไปกันเถิด อย่างไรเสียก็รักษาไม่หาย” หลังจากหยุดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ในฐานะที่เป็นสหายเก่ากันมา ข้าจะเตือนเจ้าสักหนึ่งประโยค ในเมื่อท่านเจ้าอาวาสน้อยเอ่ยเช่นนี้ เช่นนั้นก็ต้องเป็นปัญหาของเขาอย่างแน่นอน หมอทั่วไปย่อมไม่สามารถรักษาแผลหน้าผีนี้ได้ เจ้าควรจะไปหาภิกษุหรือนักพรตมาไล่ผีจับวิญญาณเสียแต่เนิ่นๆ เหอะ!”

เขาดึงฉินหลิวซีแล้วกำลังจะเดินออกไป

ฉินหลิวซีเอ่ย “ท่านอาจารย์เหยียนพูดถูก หมอทั่วไปรักษาแผลหน้าผีนี้ไม่ได้ หากอยากรักษาหาย ต้องเชิญนักพรตเต๋าหรือภิกษุ เขาไม่ได้เป็นโรคร้าย แต่เป็นเพราะวิญญาณที่ตายอย่างอยุติธรรมต้องการแก้แค้น จังจวี่เหริน กฎของสวรรค์มีการเวียนว่ายตายเกิด เจ้าทำอะไรไว้ล้วนถูกบันทึกไว้ในใบกรรม ชดใช้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว แผลหน้าผีมีฟันออกมาแล้ว ต่อไปเขาก็จะกัดกินเนื้อของเจ้าเป็นแน่ นั่นจึงจะเป็นการทรมานทั้งเป็น หากข้าเป็นเจ้า ก็จะกลับไปตระกูลจังอย่างบริสุทธิ์ใจเพื่อสารภาพผิดและชดใช้บาป มิเช่นนั้น…”

จังหัวมีบาปการฆ่าติดตัว

คนที่เขาฆ่าคือใครก็ตามที่ปรากฏอยู่ที่หลังของเขา ใบหน้าที่ดูเด็กนั่น บวกกับเหตุการณ์ลักพาตัวของเขาในตอนนั้น มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นพี่ชายซึ่งเป็นบุตรชายภรรยาเอกของเขาผู้นั้นถึงแปดเก้าในสิบส่วน

หลังจากที่ฉินหลิวซีเอ่ยจบก็เดินออกไป

เมื่อเดินไปถึงหน้าประตู นางมองไปยังเหยียนฉีซาน เขารีบยกมือขึ้นพลางเอ่ย “เดี๋ยวข้าตบหน้าเอง”

เพียะ

ถ่อมตนอะไรกัน ถุย ก็เป็นเพียงแค่คนหน้าซื่อใจคดที่แสร้งทำตัวมีศีลธรรม เขาตาบอดไปแล้ว

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท