บทที่ 963 ฉากอันแท้จริง ดวงหน้าสองใบ!
บทที่ 963 ฉากอันแท้จริง ดวงหน้าสองใบ!
แสงแดดยังคงสาดส่องเจิดจ้าอยู่บนท้องฟ้า สายฝนยังคงกระหน่ำ สุสานมโหฬารคืบคลานต่อไปช้า ๆ เคลื่อนตัวไปยังที่นั่น
เป็นภาพที่แปลกประหลาดและพิศวงยิ่ง สุนัขดำและนักพรตอู๋เหลียงเห็นพระอาทิตย์ถึงสองดวง ท้องฟ้าสองผืน พวกเขาไม่เข้าใจว่าเกิดอันใดขึ้น
สุสานมโหฬารนี้ทั้งน่ากลัวและน่าพรั่นพรึง ราวกับพวกมันล่องหนไม่มีอยู่จริง ทะลุผ่านขุนเขาสูงชันนับคณาขณะเคลื่อนตัวไปยังฉากอันแท้จริงที่ยายเฒ่าว่า
ระหว่างนั้น อสูรมหึมาฝูงใหญ่โลดแล่นอยู่ในชั้นเมฆา อยู่เพียงเบื้องหน้าของสุสานที่กำลังเคลื่อนไหว
“หนีไปเร็ว!”
“ไปจากที่นี่!”
สุนัขดำและนักพรตอู๋เหลียงร่ำร้องบอกอย่างรีบร้อนให้อสูรฝูงนั้นออกไป
หากอสูรฝูงนี้ไม่ยอมไป ต้องชนเข้ากับสุสานแน่นอน
ทว่าเรื่องที่เหนือความคาดหมายของพวกเขาคือ อสูรฝูงนี้ราวกับไม่ได้ยินเสียงของพวกเขาสักนิด มิเคยเหลือบแลมาทางพวกเขาแม้แต่น้อย และมิเคยเหลือบแลสุสานที่ใกล้ชนเต็มที!
เป็นไปได้อย่างไรกัน?!
อสูรฝูงนั้นไม่ได้ยินเสียงพวกเขาตะโกนยังไม่เท่าไหร่ เหตุไฉนถึงมองไม่เห็นสุสานมโหฬารเช่นนี้?
สุสานแห่งนี้กว้างใหญ่เหลือแสน แทบจะบดบังฟ้าดิน ทว่าอสูรฝูงนี้กลับมีท่าที่เหมือนไม่เห็นสุสาน ซ้ำยังมุ่งหน้ามาทางสุสานอีกต่างหาก
ลงท้ายสุสานชนเข้ากับอสูรฝูงนั้น!
เดิมสุนัขดำและนักพรตอู๋เหลียงคิดว่าอสูรฝูงนี้คงจบเห่แล้ว ทว่าใครเล่าจะคิด สุสานกลับทะลุผ่านอสูรฝูงนั้น!
อสูรฝูงนั้นไร้รอยขีดข่วน เสมือนว่าสุสานไม่มีอยู่จริง วิ่งจากไปทั้งอย่างนั้น
“พระอาทิตย์สองดวง โลกสองใบ การประสานระหว่างความจริงและเรื่องอุปโลกน์หรือ?!”
สุนัขดำเอ่ยขึ้นอย่างอดมิได้
หวนนึกถึงฉากอันแท้จริงที่ยายเฒ่ากล่าวถึงก่อนหน้า มันผุดความคิดขึ้นมาว่าอาจมีสักฝ่ายที่เป็นฉากอุปโลกน์!
“สุสานเป็นของปลอม หรืออสูรฝูงนั้นเป็นของปลอม”
มันพึมพำเสียงเบา
“หนึ่งโลกความจริง หนึ่งโลกมายา หมาน้อย เจ้ากล้าคิดจริง ๆ! เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าสุสานอาจมีพลังพิเศษบางอย่างเปลี่ยนสสารตนเองให้กลายเป็นสุญญากาศ อสูรเหล่านั้นถึงมองไม่เห็น สัมผัสไม่โดน”
นักพรตอู๋เหลียงส่ายหน้า แสดงความคิดเห็นของเขาออกไป
เขาไม่สู้จะเห็นด้วยกับแนวคิดของสุนัขดำเท่าใด
เพราะเขาไม่ต้องการและไม่กล้า!
หากเป็นดั่งที่สุนัขดำว่าจริง มีโลกทั้งหมดสองใบ หนึ่งจริงหนึ่งปลอม ต้องเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างใหญ่หลวงแน่!
ว่าตามคำกล่าวของยายเฒ่า ที่นั่นต่างหากคือดินแดนที่แท้จริง มิหมายความว่าอาณาจักรของพวกเขาเป็นดินแดนอุปโลกน์ พวกเขาไม่มีอยู่จริงหรือ?!
ความคิดเช่นนี้ไม่พึงมี น่ากลัวเกินไป จะทำให้พวกเขาปฏิเสธการมีตัวตนของตัวเองจนเกิดปัญหาใหญ่
“ฮ่า ๆ ๆ…”
เวลานั้นเอง ฝาโลงของยายเฒ่าไถลไปด้านล่าง เผยให้เห็นใบหน้าของยายเฒ่า
ยายเฒ่าจ้องมองสุนัขดำและนักพรตอู๋เหลียงแล้วหัวเราะร่วน สายตาเปี่ยมไปด้วยความดูแคลนเย้ยหยัน
“อยากหวดนางเสียจริง!”
นักพรตอู๋เหลียงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเจ็บใจ สายตาที่ยายเฒ่ามองเขาน่าโมโหเหลือเกิน
“อดทนไว้!”
สุนัขดำดึงนักพรตอู๋เหลียงไว้มิให้วู่วาม
สุสานเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็ใกล้ถึงฉากอันแท้จริง!
สายฝนยังคงสาดลงมา คราวนี้สุนัขดำและนักพรตอู๋เหลียงแตะโดนน้ำฝนแล้ว!
พวกเขาเปียกชุ่มเพราะหยาดฝนขณะมองหน้ากันและกัน นี่พวกเขาอยู่ในฉากอันแท้จริงที่ว่าแล้วหรือ
ทว่าเมื่อลองคิดดูแล้ว เป็นเช่นนั้นจริงหรือ
หากพวกเขาคือสิ่งมีชีวิตในดินแดนอุปโลกน์ เป็นเพียงภาพมายาไม่มีตัวตนอยู่จริง เช่นนั้นหลังมาถึงดินแดนที่แท้จริงพวกเขาควรต้องสลายหายไปทันทีมิใช่หรือ
พวกเขาจ้องมองอีกฝ่าย ไม่เห็นว่าอีกฝ่ายมีวี่แววว่าจะหายไป
“เอาแต่ผวาไปเองอยู่ได้ พวกเราไฉนเลยจะเป็นเพียงภาพมายา! ต่อให้พวกเราคือภาพมายา แล้วคุณชายเล่า เป็นภาพมายาด้วยหรือ?!”
สุนัขดำเอ่ยเสียงเบา
มันกล่าวต่อ “หากว่ามีโลกสองใบจริง ความจริงคือพวกเขาต่างหากที่เป็นภาพมายา พวกเรานั้นคือของจริง!”
มันมีความมั่นใจต่อคุณชายอย่างเต็มเปี่ยมแน่วแน่
มันไม่เชื่อหรอกว่าคุณชายเป็นเพียงบุคคลอุปโลกน์ คุณชายเก่งกาจปานนั้น ผู้ใดจะสามารถสร้างคุณชายขึ้นมาได้?
เป็นไปมิได้!
เวลานั้น สายฝนหยุดชะงัก ท้องฟ้าที่เคยส่องแสงแจ่มจ้าพลันมัวหมองมืดหม่น ราวกับถูกเมฆครึ้มปกคลุม
“ไม่ใช่เมฆครึ้ม นั่นมัน…อะไรกัน ดวงหน้า…หนึ่งใบหรือ?!”
สุนัขดำแหงนหน้ามองแล้วต้องตะลึง ใบหน้าหนึ่งปรากฏบนนภาบดบังดวงอาทิตย์ สะท้อนความมืดมนลงมาอย่างไร้ที่สิ้นสุด
“ไม่ใช่เพียงใบเดียว! เจ้าดูสิ ใบหน้าปรากฏออกมาอีกหนึ่งแล้ว!”
นักพรตอู๋เหลียงตะโกน
ดวงหน้าสองใบที่เริ่มแรกยังคงเลือนรางอยู่มากจนมองไม่เห็นรูปลักษณ์ชัดเจน ต่อมาค่อย ๆ ชัดขึ้นเรื่อย ๆ
ใบหน้าทั้งสองนี้เยาว์วัยมาก บุรุษหนึ่ง สตรีหนึ่ง
“เหตุใดถึงมีแมลงตามมาด้วยสองตัว”
คิ้วเรียวบนดวงหน้าสตรีเลิกขึ้นขณะปรายตามองสุนัขดำและนักพรตอู๋เหลียง ปริปากเสียงเบา น้ำเสียงเจือแววขยะแขยง
ภาษาของนางเป็นภาษาที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน คล้ายคลึงกับภาษาของสิ่งมีชีวิตหลังฉาก
สุนัขดำและนักพรตอู๋เหลียงข้องแวะกับสิ่งมีชีวิตหลังฉากมามาก จึงเข้าใจถ้อยคำของดวงหน้าสตรีนี้
พวกเขาหน้าตาย่ำแย่ลงในบัดดล
ดวงหน้าสตรีสบประมาทพวกเขาเกินไปแล้ว ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาสักนิด
“อืม เจ้าเก่งยิ่ง เก่งจนเหลือแค่ส่วนใบหน้า!”
สุนัขดำถากถางดวงหน้าสตรี
“เจ้าว่าอะไรนะ?!”
แววตาดวงหน้าสตรีทอประกายดุดัน สีหน้าเริ่มไม่เป็นมิตร
“ไยต้องแยแสแมลงเช่นนี้ ไร้ความหมายสิ้นดี”
ดวงหน้าบุรุษบอกกับดวงหน้าสตรีด้วยสีหน้าราบเรียบ
“จริงด้วย”
ดวงหน้าสตรีเบนสายตากลับมา ไม่สนใจสุนัขดำและนักพรตอู๋เหลียงอีก
“แมลงอุปโลกน์เท่านั้น กระโดดโลดเต้นไปก็ไร้ความหมาย ท้ายที่สุดก็เป็นเพียงความว่างเปล่า”
นางเอ่ยอย่างดูหมิ่น
จากนั้นนางเบนสายตาไปที่สุสานหลัก ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ผ่านไปตั้งนานนม มีโอกาสสำเร็จหรือไม่”
“สำเร็จได้แน่!”
ดวงหน้าบุรุษเอ่ยเสียงมาดมั่น “ไม่เห็นหรือว่าเริ่มมีพลังชีวิตปรากฏ แม้จะยังอ่อนบางอยู่มาก แต่ก็ดำรงอยู่จริง ๆ”
“อย่าเพิ่งเอ่ยเช่นนี้ ยังไม่ถึงท้ายที่สุด ไม่อาจกล่าวได้ว่าสำเร็จ”
ดวงหน้าสตรีสั่นศีรษะ “ลืมตัวอย่างในอดีตแล้วหรือ พลังชีวิตอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนั้น ไร้ซึ่งกลิ่นอายแห่งความตาย แต่ยังไม่อาจทลายกฎเกณฑ์นั้น ลงท้ายก็จบด้วยความล้มเหลว!”
“ไม่เหมือนกัน”
ดวงหน้าบุรุษแย้ง “นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดกับสุสานรอง หาใช่สุสานหลัก ผู้ที่ฝังอยู่ในสุสานหลักไม่เหมือนกัน สุสานรองไม่อาจเทียบได้เลย!”
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!”
ดวงหน้าสตรีถอนหายใจ “ทุกอย่างช่างยากเย็นเหลือเกิน หวังว่าสุดท้ายพวกเราจะสำเร็จในที่สุด!”
“ไม่ต้องมีท่าทีเช่นนั้น พวกเราคอยปรับปรุงแก้ไขที่นี่อยู่ตลอด จนที่นี่มหัศจรรย์ขึ้นมาอย่างเหลือล้น กระทั่งก่อนหน้านี้มีตัวละครที่รู้แจ้งถึงความเป็นจริงปรากฏออกมาแล้วด้วย!”
ดวงหน้าบุรุษเอ่ย “บ่งบอกว่าโอกาสสำเร็จสูงยิ่ง มิฉะนั้นไม่มีทางมีตัวละครระดับรู้แจ้งถึงความจริงปรากฏออกมาแน่นอน”
“ล่วงรู้ได้ถึงความจริง เขาไม่ธรรมดาเลย ทำได้อย่างไรกัน จนบัดนี้ข้ายังคิดไม่ตก…”
ดวงหน้าสตรีขมวดคิ้วพลางเอ่ย ตกอยู่ในห้วงความทรงจำ