ตอนที่ 393 อยากลองหรือไม่
ด้านหลังฉากกั้นมีเตียงหลัวฮั่น[1]ที่ปูเบาะรองนั่งไว้
เซียวกุ้ยเฟยนั่งลงอย่างเกียจคร้าน พยักหน้าให้เถาหง
เถาหงนำเก้าอี้มาวางข้างๆ ซิ่วเย่ว์อย่างรวดเร็ว
“นั่งลงพูดเถิด”
ซิ่วเย่ว์นั่งลงอย่างสุภาพ
เซียวกุ้ยเฟยมองนางครู่หนึ่ง ถามว่า “ขนมที่ส่งมาวังอวี้หวาในช่วงหลายเดือนมานี้ ข้าชอบมาก”
“เป็นเกียรติของหม่อมฉันที่เหนียงเหนียงทรงโปรดเพคะ”
“ครั้งหน้า เจ้าคิดจะทำอะไรให้ข้าชิมหรือ” เซียวกุ้ยเฟยมองซิ่วเย่ว์ด้วยดวงตาวาวโรจน์
ซิ่วเย่ว์กล่าวด้วยสีหน้าสงบว่า “หม่อมฉันคิดว่าจะทำขนมถั่วตัดเพคะ”
เซียวกุ้ยเฟยแววตาเยือกเย็น ส่งสัญญาณให้เถาหงออกไปเฝ้าข้างหน้าฉากกั้น
ซิ่วเย่ว์ราวกับไม่รู้สึกตัว นางยังคงนั่งอย่างสุภาพ
สีหน้าเซียวกุ้ยเฟยเยือกเย็นลงทันใด เอ่ยทีละคำว่า “อาซิ่ว ข้าไม่ใช่คนโง่ พูดมาเถอะว่าเจ้าต้องการทำอะไร”
ซิ่วเย่ว์ลุกขึ้นโค้งตัวให้แล้วก็ก้มศีรษะพูดว่า “หม่อมฉันขออวยพรให้เหนียงเหนียงมีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมืองเพคะ”
เถาหงที่ยืนเฝ้าหน้าฉากกั้นได้ยินแล้วก็ตกตะลึงและหวาดผวา
แม่ครัวคนนี้เสียสติไปแล้วหรือ
อย่าว่าแต่บุคคลท่านนี้คือกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงผู้เกี่ยวข้องกับเชื้อสายมังกรเลย แม้แต่คนธรรมดาสามัญ หากไม่มีข่าวหลายปี จู่ๆ พูดเช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่ไร้มารยาทอย่างยิ่ง
มือที่วางอยู่บนที่เท้าแขนของเซียวกุ้ยเฟยพลันบีบแน่น สีหน้าเยือกเย็น “อาซิ่ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าวาจาของเจ้า แม้แต่คุณหนูลั่วก็ปกป้องเจ้าไม่ได้”
ซิ่วเย่ว์ยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง “หม่อมฉันทราบดีเพคะ”
“เช่นนั้นเจ้ามีจุดประสงค์อันใดกันแน่ หากยังเก็บงำไว้ไม่ยอมพูด ข้าจะเรียกคนมาลากเจ้าออกไป!” เซียวกุ้ยเฟยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มงวด ที่จริงแล้วในใจกลับไม่ได้โมโหเพียงนั้น
นางโมโหแล้ว ตอนนี้สิ่งที่มีมากกว่าความโมโหคือความสงสัย
แม้คุณหนูลั่วบอกว่าแม่ครัวจิตใจบริสุทธิ์ใสซื่อ ใจจดใจจ่ออยู่กับอาหาร แต่ดูจากวาจาของนางแล้วนางไม่ใช่คนโง่ ไม่มีเหตุผลที่จะมาหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว
ที่อาซิ่วทำเช่นนี้ เกรงว่าจะมีเรื่องในใจ
นางไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะมีเรื่องในใจอะไร แต่การใช้คำว่า ‘ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง’ มาหยอกเย้านาง หากไม่สามารถให้คำตอบที่นางพึงพอใจได้ก็อย่าหาว่านางไร้ความปรานี
อย่าว่าแต่คุณหนูลั่วเลย แม้แต่แม่ทัพใหญ่ลั่ว หากเรื่องไปถึงฮ่องเต้แล้วนางจะกลัวหรือ
ซิ่วเย่ว์คุกเข่าลงบนพื้น กระเบื้องสีทองที่เย็นและใสสะอาดสะท้อนให้เห็นใบหน้านางรางๆ
มันเป็นใบหน้าที่น่ากลัว
ซิ่วเย่ว์นึกถึงความเด็ดขาดของนางตอนตัดสินใจทำให้ตนเสียโฉมเมื่อสิบสองปีก่อน
ทนมานานเช่นนี้ รอคอยมานานเช่นนี้ ในที่สุดนางก็สามารถทำอะไรเพื่อจวนเจิ้นหนานอ๋องและท่านหญิงได้แล้ว
ซิ่วเย่ว์ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสบตาเซียวกุ้ยเฟย
เมื่อเซียวกุ้ยเฟยที่มีสีหน้าเยือกเย็นเผชิญกับใบหน้านั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย
“หม่อมฉันช่วยเหนียงเหนียงได้เพคะ” ซิ่วเย่ว์พูดทีละคำ
คำพูดนี้ราวกับระเบิดอันน่าสะพรึงที่ระเบิดขึ้นในใจของเซียวกุ้ยเฟย
เซียวกุ้ยเฟยลุกพรวด “เจ้าพูดอีกครั้งซิ!”
ซิ่วเย่ว์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบ “หม่อมฉันเรียนทำอาหารแต่เล็ก โชคดีที่ได้รับสูตรบำรุงสุขภาพด้วยอาหาร ขอเพียงบำรุงร่างกายด้วยสูตรอาหารสูตรนี้ก็จะสามารถเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้สูง…”
เซียวกุ้ยเฟยยิ้มหยัน “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเรื่องเหลวไหลพวกนี้หรือ”
สูตรบำรุงสุขภาพด้วยอาหารอะไรจะมหัศจรรย์เช่นนี้
หากมีสูตรบำรุงสุขภาพด้วยอาหารเช่นนี้จริงๆ แล้วเหตุใดจึงไม่มีผู้ใดรู้ ต้องรอให้ถึงวันนี้ ให้สตรีสามัญชนถวายให้นาง?
แม่ครัวคนนี้คงคิดจะอาศัยความต้องการมีบุตรของนางเพื่อหวังชื่อเสียงและความร่ำรวย ไม่ต่างจากคนหลอกลวงพวกนั้นเลย
เซียวกุ้ยเฟยหน้าขรึม ไม่อยากยอมรับความคาดหวังที่อยู่ในใจลึกๆ
มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง สำหรับนางแล้วเป็นสิ่งล่อใจใหญ่หลวงจริงๆ แม้จะรู้ดีว่าแม่ครัวตรงหน้าพูดจาเพ้อเจ้อ แต่หัวใจยังคงอดเต้นเร็วไม่ได้
และอดฟังต่อไปไม่ได้…
ซิ่วเย่ว์พูดต่อด้วยความสงบว่า “ต่อหน้าเหนียงเหนียง หม่อมฉันก็เหมือนกับมดปลวก ทว่ามดปลวกก็รักชีวิต หม่อมฉันไม่มีความจำเป็นต้องโกหกเหนียงเหนียงแล้วสละชีวิตตนเอง”
เซียวกุ้ยเฟยมองซิ่วเย่ว์เงียบๆ
ซิ่วเย่ว์สบตา สีหน้าสงบนิ่ง “หม่อมฉันรู้ว่าเหนียงเหนียงได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกว่าเหลวไหล แต่เหนียงเหนียงทรงไม่อยากลองจริงๆ หรือเพคะ”
เหนียงเหนียงทรงไม่อยากลองหรือเพคะ
เซียวกุ้ยเฟยหลุบตามองสตรีหน้าตาอัปลักษณ์คนนั้น กลับรู้สึกว่านี่ไม่ใช่แม่ครัวที่มีฐานะต่ำต้อย แต่เป็นปีศาจเย้ายวนตนหนึ่ง
ส่วนนาง… หวั่นไหวแล้วจริงๆ
นางมีเวลามากโข ลองดูแล้วจะเสียหายอะไร
หากแม่ครัวคนนี้โกหกนาง ถึงครานั้นจะบีบคอนางให้ตายก็ไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไร
ครานี้เอง เซียวกุ้ยเฟยเพิ่งรู้ว่าหัวใจเต้นแรงเป็นอย่างไร
นั่นคืออารมณ์ที่นางไม่เคยรู้สึกแม้แต่ตอนที่นางปรนนิบัติฮ่องเต้ครั้งแรก
ช่วยไม่ได้ ใครให้ฮ่องเต้ชราตั้งแต่ตอนที่นางเข้าวังเล่า
หลังจากเงียบไปนาน เซียวกุ้ยเฟยก็ค่อยๆ ปริปาก “หากข้าคิดจะลอง นานแค่ไหนถึงจะเห็นผล”
ซิ่วเย่ว์ได้ยินดังนั้น หัวใจที่ตึงเครียดก็ผ่อนคลายลง
ไม่ว่าใบหน้าจะสงบนิ่งเพียงใด ในใจจะไม่ประหม่าเลยได้อย่างไร
จิตใจผู้คนยากจะคาดเดา ไม่มีผู้ใดมั่นใจกับการเลือกของคนๆ หนึ่งได้
ด่านที่ยากที่สุด นางผ่านมาได้แล้ว
“เหนียงเหนียง สูตรอาหารเป็นยาแม้จะสามารถบำรุงร่างกายของสตรีได้ แต่ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล โดยปกติแล้วอย่างเร็วก็สองสามเดือน อย่างนานก็หนึ่งปีก็จะรู้ว่าผลเป็นอย่างไรเพคะ”
อาหารเป็นยาเป็นสูตรที่หมอเทวดาหลี่ใช้บำรุงร่างกายของพระชายา ที่พระชายาสามารถให้กำเนิดท่านอ๋องน้อยในวัยกลางคนได้ล้วนเป็นเพราะสูตรนี้
เซียวกุ้ยเฟยลืมตาขึ้น ถามเสียงเยือกเย็นว่า “เช่นนั้นข้าให้เวลาหนึ่งปี หากหลังจากหนึ่งปีแล้วข้ายังไม่มีข่าวดี จะทำอย่างไร”
ซิ่วเย่ว์พูดอย่างไม่ลังเลว่า “หม่อมฉันยอมให้เหนียงเหนียงลงโทษเพคะ”
นี่คือด่านเดิมพันที่สองเหมือนกับการเดิมพันว่าเซียวกุ้ยเฟยจะลองหรือไม่
ไข้หวัดธรรมดา บางคนดื่มน้ำขิงแล้วนอนพักแล้วหายดี บางคนกลับเสียชีวิต
ไม่มียาใดในโลกที่สามารถรักษาโรคได้อย่างแน่นอน มันเป็นเพียงความน่าจะเป็นเท่านั้น
สูตรอาหารเป็นยาที่หมอเทวดาทิ้งไว้ เพียงพอที่จะทำให้ท่านหญิงเดิมพันกับการเลือกของนาง
“ให้ข้าลงโทษรึ” เซียวกุ้ยเฟยถามอย่างเยือกเย็น น้ำเสียงขรึมลง “หากข้าถูกแม่ครัวน้อยหยอกเล่นนานหนึ่งปี ถึงครานั้นแม้จะประหารชีวิตเจ้าก็ยากที่จะระงับความโกรธในใจข้าได้”
ลองคิดดูว่าทานอาหารเป็นยามาหนึ่งปี สุดท้ายพบว่าแม่ครัวเป็นคนโกหก…
เซียวกุ้ยเฟยเลิกคิ้วเล็กน้อย พูดราบเรียบว่า “หากมีวันนั้น ข้าคงต้องเรียกคุณหนูลั่วเข้าวังมาถามสักเล็กน้อยแล้ว”
ความหมายโดยนัยคือ คุณหนูลั่วก็ต้องเข้ามาพัวพันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ซิ่วเย่ว์ราวกับไม่รู้สึกถูกข่มขู่ นางพูดอย่างจริงจังว่า “หากสูตรอาหารไม่เห็นผลกับเหนียงเหนียง เหนียงเหนียงเรียกนายหญิงของเราเข้าวังมาปรึกษาก็ได้เพคะ”
เซียวกุ้ยเฟยชะงัก
แม่ครัวคนนี้คงไม่ได้เสียสติไปแล้วหรอกนะ พูดเพ้อเจ้ออะไรนี่
“ปรึกษาอะไร” เซียวกุ้ยเฟยถามน้ำเสียงราบเรียบ
ซิ่วเย่ว์หลุบตาลงพูดว่า “นายหญิงของเราได้รับความโปรดปรานจากหมอเทวดา หากอาหารที่หม่อมฉันถวายไม่เป็นผลกับเหนียงเหนียง เหนียงเหนียงให้นายหญิงของหม่อมฉันถามหมอเทวดาว่ามีวิธีหรือไม่ก็ได้เพคะ…”
เซียวกุ้ยเฟยใจกระตุก
หมอเทวดามีป้ายทองอาญาสิทธิ์ที่อดีตจักรพรรดิทรงมอบให้ แม้แต่จักรพรรดิก็ไม่สามารถบีบบังคับให้หมอเทวดาทำสิ่งใดได้ ยิ่งมิต้องพูดถึงนางที่ไม่สามารถเชิญหมอเทวดามาวังอวี้หวาได้อย่างเปิดเผยด้วยเหตุผลอย่างการขอบุตรในฐานะกุ้ยเฟย
ข่าวลือว่ากันว่าหมอเทวดาไว้หน้าคุณหนูลั่วมาก บางทีนางอาจจะให้คุณหนูลั่วช่วยเชิญหมอเทวดามาได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เซียวกุ้ยเฟยก็เลิกคิ้วเล็กน้อย
หากเป็นเช่นนี้ เหตุใดนางจึงต้องลองสูตรอาหารเป็นยาที่ไม่มีที่มาชัดเจนนี้ด้วยเล่า
[1] เตียงหลัวฮั่น มีลักษณะคล้ายตั่งยาวที่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับนอนคนเดียว ปกติมักไม่ได้ใช้เป็นเตียง และมักจะมีการวางโต๊ะเสริมไว้ตรงกลาง ทำให้มีพื้นที่แบ่งเป็นสัดส่วน ใช้สำหรับนั่งเล่นจิบชา