ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1424 ไม่เต็มใจจากลา

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1424 ไม่เต็มใจจากลา

บทที่ 1424 ไม่เต็มใจจากลา

กู้หนิงผิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ท่านอาไม่ต้องกังวลไป ท่านก็ควรดูแลสุขภาพให้ดี ท่านพี่และน้องสาวของข้า ข้าฝากท่านอาดูแลพวกนางด้วย”

“เจ้าเด็กคนนี้ กำลังพูดถึงอะไรอยู่” กู้ฟางสี่แทบจะหลั่งน้ำตาออกมาเมื่อได้ยินมัน จากนั้นเงยหน้าขึ้นพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้

จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ และการบอกลาก็สิ้นสุดตรงหน้า

อาโม่ขี่ม้าสีดำตัวสูงเข้ามาขนาบข้างขณะที่กู้หนิงผิงกล่าวลาทุกคน

รูปร่างหน้าตาที่สวยงามของถานอวี้ซูเปรียบเสมือนดอกไม้ที่บานสะพรั่งในใจของเขา

นางคลี่ยิ้มหวานให้กู้หนิงผิง “พี่หนิงผิง อวี้ซูจะรอท่านกลับมา ไม่ว่าจะนานแค่ไหน อวี้ซูก็จะรอท่านอยู่ที่บ้านเสมอ”

“อืม…” เมื่อกู้หนิงผิงได้ยินเช่นนี้ ความเศร้าในใจของเขาก็เพิ่มขึ้น ทันใดนั้น ใบหน้าที่สวยงามตรงหน้าเขาเริ่มพร่ามัว เด็กหนุ่มรีบหันกลับมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเช็ดน้ำตาด้วยแขนเสื้อแล้วก็กระโดดขึ้นหลังม้าไป เขาหันไปมองครอบครัวของตนเองอีกครั้ง เขาพยายามสุดความสามารถที่จะกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลลงมา แล้วกล่าวลากับทุกคนว่า “ดูแลตัวเองด้วย”

กู้หนิงผิงกวาดสายตามองทุกคนและหยุดลงที่ถานอวี้ซู สายตาต้องมองอีกฝ่ายไม่วางตา เข้าจะเก็บความสวยงามนี้ไว้ในใจ

ถานอวี้ซูมองไปที่กู้หนิงผิงด้วยรอยยิ้มอย่างไม่เต็มใจจะลาจาก แววตาคู่นั้นเปี่ยมด้วยความปรารถนาที่ไม่อาจบรรยายได้

และก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมา กู้หนิงผิงหันกลับไปและควบม้าออกไปทันที ทิ้งไว้เพียงฝุ่นที่ปลิวว่อนเป็นทางยาว

ทุกคนลังเลที่จะละสายตาจากแผ่นหลังของกู้หนิงผิง เฝ้ามองม้าสีดำขลับวิ่งหายลับไปจากสายตา จากนั้นก็ต้องถอนสายตากลับมาอย่างไม่เต็มใจ

ในที่สุดน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้

ถานอวี้ซูพิงไหล่ของกู้เสี่ยวหวานและร้องไห้เงียบ ๆ “ท่านพี่ ฮือ ๆๆ”

“ท่านอา ข้าคิดถึงท่านพี่”

กู้เสี่ยวอี้โผเข้าไปในอ้อมแขนของกู้ฟางสี่และเริ่มร้องไห้

เมื่อกลับมาถึงรถม้า กู้เสี่ยวหวานยังกอดถานอวี้ซูที่ร้องไห้ไว้ในอ้อมแขนพลางลูบหลังที่สั่นเทาของนางเป็นระยะ ๆ

นางเองจะรู้สึกเต็มใจได้อย่างไร

อย่างไรก็ตาม มันเป็นเส้นทางที่กู้หนิงผิงเลือก หากเขาต้องการที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น สิ่งนี้ก็เป็นหนทางเดียวที่เขาจะทำได้

ไม่เช่นนั้น เขาคงจะไม่สามารถให้สัญญาได้

ทั้งกู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซู

ระหว่างทางไม่มีใครพูดอะไรสักคำ ในรถม้ามีแต่เสียงสะอื้นไห้เป็นระยะ ๆ เมื่อกู้เสี่ยวหวานกลับมาจากการส่งน้องชาย นางก็เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา

เมื่อพวกเขามาถึงจวนแม่ทัพ ดวงตาของถานอวี้ชูบวมแดงจากการร้องไห้ และอาอวี้ก็รู้สึกเป็นทุกข์มากเมื่อเห็นมัน

“อวี้ซู กลับไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะ สวนชิงก็ถือเป็นบ้านของเข้า เจ้าสามารถไปที่นั่นได้ทุกครั้งที่ต้องการ” กู้เสี่ยวหวานจับมือถานอวี้ซูและค่อย ๆ เช็ดน้ำตาบนแก้มของนางอย่างแผ่วเบา

ถานอวี้ซูพยักหน้าอย่างหนัก

หลังจากส่งถานอวี้ซูและกลับมาถึงสวนชิงแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็ตรงไปที่ห้องนอนของตนเอง ด้านหลังตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่มั่นคง ไม่ช้าไปหรือเร็วไป ราวกับเหยียบย่ำเข้ามาในหัวใจของนางซึ่งทำให้รู้สึกสบายใจ

และนางก็รู้ดีว่าคนผู้นั้นคือใคร

ยังไม่ทันจะถึงห้อง กู้เสี่ยวหวานไม่สามารถทนได้อีกแล้ว น้ำตาเอ่อคลอในดวงตาทำให้การมองเห็นของนางพร่ามัว

หนทางข้างหน้าพร่ามัวไปหมด สุดท้ายก็ตัดสินใจหยุดเดินและรอจนกระทั่งคนข้างหลังเข้ามาใกล้ จากนั้นหันกลับมาแล้วโผข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นที่คุ้นเคยพลางพูดเสียงสะอื้นไห้ “พี่เย่จือ”

เสียงร้องไห้เหมือนลูกแมวได้รับบาดเจ็บ ทำให้ฉินเย่จือรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ

“หวานเอ๋อร์”

“ข้าทนไม่ได้ที่จะต้องแยกจากกัน หนิงผิงไม่เคยไปที่ชายแดนมาก่อน หนิงผิงจะดูแลตัวเองได้อย่างไร” กู้เสี่ยวหวานร้องไห้อย่างทุกข์ระทม

ฉินเย่จือนิ่งเงียบไม่พูดอะไร เขากอดหญิงตรงหน้าไว้แน่นและลูบหลังนางเบา ๆ เพื่อให้นางสงบลง

จนกระทั่งกู้เสี่ยวหวานสงบลงเล็กน้อย ฉินเย่จือจึงพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ไม่เป็นไร เขาจะกลับมาอย่างปลอดภัย ข้าสัญญา”

ไม่รู้ว่าทำไม แต่หลังจากได้ยินคำพูดของฉินเย่จือ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ได้ แม้ว่านางจะรู้ว่าฉินเย่จือกำลังปลอบโยนตัวเอง แต่นางก็คิดเสมอว่ามันถูกต้อง จึงได้แต่พยักหน้าอยู่อย่างนั้น

นางไม่อยากแม้แต่จะเคลื่อนตัวไปไหน

“หวานเอ๋อร์ เจ้าตื่นแต่เช้า ทำไมไม่กลับไปพักผ่อนสักหน่อยล่ะ”

เมื่อได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอของคนในอ้อมแขน ฉินเย่จือกล่าวอย่างเป็นทุกข์

“อืม…” คนในอ้อมแขนของเขาตอบรับ และเมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ฉินเย่จือก็อุ้มกู้เสี่ยวหวานขึ้นมา กู้เสี่ยวหวานซบใบหน้าของนางลึกลงไปในอ้อมแขนอันอบอุ่นนั้น โอบรอบคอของฉินเย่จือและค่อย ๆ หลับตาลง ความรู้สึกง่วงนอนก่อตัวขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้

ก่อนที่จะไปถึงเตียง ก็มีเสียงหายใจสม่ำเสมอจากคนในอ้อมแขน

ฉินเย่จือส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ วางคนในอ้อมแขนลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง และหลังจากห่มผ้าให้แล้ว เขาก็ยังไม่เต็มใจที่จะจากไป จึงนั่งข้างเตียงจับมือของกู้เสี่ยวหวานไว้และเอาแต่จ้องมองใบหน้าที่กำลังหลับใหล และทุกครั้งที่มอง เขาจะรู้สึกตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมาก

เขาวางมือของกู้เสี่ยวหวานไว้ที่ริมฝีปาก กดจูบที่หลังมือของนางและพูดเบา ๆ ราวกับกำลังสาบานว่า “หวานเอ๋อร์ ไม่ต้องกังวล ข้าจะปกป้องรอยยิ้มของเจ้า ความสุขของเจ้า ปกป้องทุกคนที่เจ้าหวงแหนไปตลอดชีวิต”

จนกระทั่งเขารู้สึกว่าเขามองเพียงพอแล้ว ฉินเย่จือก็วางมือของกู้เสี่ยวหวานไว้ในผ้าห่ม ลดผ้าม่านลงอย่างระมัดระวัง แล้วเดินออกไปอย่างเงียบเฉียบ

ด้านนอกห้องมีอาจั่วและอาโม่รออยู่

เมื่อเห็นฉินเย่จือออกมา อาโม่ก็พูดอย่างกังวล “นายท่าน ให้ข้ากลับมารับใช้ข้างกายท่านเถอะ ศิลปะการต่อสู้ของอาเว่ยดีที่สุด ตอนนี้เขาไปแล้ว ข้าเป็นกังวล”

“ใช่แล้วนายท่าน อาเว่ยถูกท่านส่งไปอยู่เคียงข้างนายน้อยกู้ และตอนนี้เหลือแค่เราสองคนที่อยู่เคียงข้างท่าน ถ้าเป็นเช่นนั้น…” อาจั่วก็พูดอย่างเป็นกังวลเช่นกัน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท