บทที่ 227 ให้ท่าน… เป็นผู้คุ้มกันข้าสิบปี!
บทที่ 227 ให้ท่าน… เป็นผู้คุ้มกันข้าสิบปี!
เมื่อได้ตำราการหมักสุราปราบมารและชารู้แจ้งแล้ว ท่านอาจารย์ใหญ่จึงไม่ไปร่วมงานประมูล เขาถือส่วนผสมทั้งห้าอย่างที่หลิงเยว่ให้ไปฝึกวิชาอย่างไม่รีรอ
แน่นอนว่าหลิงเยว่ต้องไปร่วมงานประมูลอยู่ ทั้งยังพาลูกศิษย์และเหล่าอาจารย์ไปด้วย
หอประมูลตระกูลเซี่ยและหอประมูลตระกูลโจวอยู่กันคนละฝั่ง หอประมูลข้างหน้าเต็มไปด้วยผู้คน ห้องส่วนตัวล้วนเต็มทั้งหมด แม้แต่ในโถงทางเดินก็ยังมีผู้คนยืนอยู่มากมาย
ในขณะที่หอประมูลตระกูลโจวนั้น แม้จะมีผู้คนจำนวนไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับหอประมูลตระกูลเซี่ยแล้วยังถือว่าน้อยกว่ามาก โดยมีทั้งนักกลั่นโอสถและผู้บำเพ็ญที่ต้องการสุราปราบมารอย่างเร่งด่วน
“อาจารย์หลิง ขั้นตอนการหมักสุราปราบมารซับซ้อนหรือไม่เจ้าคะ?”
จื่อเฉาอวี่รู้ดีถึงจุดประสงค์ของเหล่านักกลั่นโอสถ พวกเขาต้องประมูลสุราปราบมารกลับไปเพื่อศึกษาหาวิธีการทำ แล้วอาจมีการคิดค้นมันขึ้นมาใหม่ หากพวกเขาประสบความสำเร็จ อาจารย์ของนางอาจสูญเสียชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว
อาหารวิญญาณพิเศษเพิ่งจะสร้างชื่อเสียงได้จากสุราปราบมาร หากเป็นเช่นนั้น…
เหล่าลูกศิษย์ต่างวิตกกังวลไปตาม ๆ กัน
“เจ้าไม่ต้องกังวล หากไม่มีข้าคอยบอกเคล็ดลับ ทั้งชีวิตของพวกเขาก็ไม่มีทางเลียนแบบได้” หลิงเยว่กล่าวประโยคนี้ด้วยความมั่นใจ ลูกศิษย์ของนางต่างเชื่อฟังและวางใจอย่างง่ายดาย
ระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น งานประมูลก็เริ่มต้นขึ้น
ครั้งนี้ไม่มีสมบัติวิเศษและวัสดุสำหรับการกลั่นโอสถหรือการหลอมศาสตราวุธ แต่มีเพียงชาแปลงกายโฉมใหม่สามสิบขวดเท่านั้น
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งขึ้นไปบนแท่นประมูลอย่างกระฉับกระเฉง ร่างกายของเขาเปล่งประกายมีชีวิตชีวา หลิงเยว่เพ่งมองหลายครั้งจึงจำได้ว่า… นั่นคือผู้ดูแลสูงวัยที่ผ่านการแปลงกายมาแล้ว!
เขาดูอ่อนเยาว์ลงไปมาก!
“ชาแปลงกายโฉมใหม่ราคาเริ่มต้นห้าสิบล้านหินวิญญาณระดับกลาง!”
เมื่อเสียงของผู้ดูแลเงียบลง บรรยากาศจึงเริ่มคึกคักขึ้นมาทันที
“หนึ่งร้อยล้าน!” สายตาของซีชางลุกโชนขึ้น กล่าวเปิดประมูลด้วยราคาที่สูงขึ้นอีกเท่าตัว
“สองร้อยล้าน!” ซีหลินผู้เป็นน้องตะโกนตาม ขณะที่พวกเขายื่นข้อเสนออย่างดุเดือด จื่อเฉาอวี่เหลือบมองหลิงเยว่เพียงนิดแล้วเข้าร่วมการประมูลด้วยเช่นกัน…
“ท่านอาจารย์หลิง ท่านไม่ต้องการประมูลเพื่อนำไปศึกษาหรือ?”
ราคาของขวดหนึ่งกำลังจะสูงกว่าราคาสุราปราบมารแล้ว พวกเขาไม่เชื่อว่าหลิงเยว่จะไม่ใจอ่อน
“ไม่ ข้าไม่สนใจ”
เถาวั่งเหลือบมองหลิงเยว่อย่างเย้ยหยัน เนื่องจากเมื่อวานนี้นางได้หินวิญญาณมามากมาย นางคงไม่น่าจะขี้เหนียวขนาดนั้น
“ท่านอาจารย์หลิงไม่สนใจหรือ?” ซีหลินที่ประมูลขวดแรกได้ด้วยราคาหนึ่งพันแปดร้อยล้านหินวิญญาณระดับกลางถึงกับชะงักไป เพราะเขาตั้งใจว่าจะประมูลมันมาเพื่อมอบให้หลิงเยว่!
“เจ้าเก็บไว้เองเถิด” นางรับเพียงหินวิญญาณก็พอแล้ว ถึงแม้ว่าการรับหินวิญญาณจากลูกศิษย์จะดูไม่ค่อยดีนัก แต่ผู้ใดเล่าจะรังเกียจ?
“ในเมื่อไม่สนใจ เหตุใดท่านจึงพาพวกเรามาเล่า?”
“มาเปิดหูเปิดตาเฉย ๆ”
เหล่าอาจารย์และลูกศิษย์ที่มุงอยู่ “…”
หลิงเยว่ไม่ได้ถูกมุงดูอยู่นาน หลังจากขวดที่สองเริ่มประมูล หญิงสาวก็ถูกนักกลั่นโอสถอาวุโสที่โผล่มาพาตัวไปทันที
ทุกคนได้แต่เฝ้ามองขณะที่เขาคว้าตัวหลิงเยว่ได้ง่ายดายราวกับคว้าลูกเจี๊ยบ การเอ่ยปากห้ามปรามก็ทำไม่ได้ ส่วนการช่วยเหลือ… ยิ่งทำไม่ได้เข้าไปใหญ่ เพราะเพียงแค่สายตาดุดันจากนักกลั่นโอสถอาวุโสผู้นี้ก็แทบสังหารทุกคนได้แล้ว
จะแจ้งท่านอาจารย์ใหญ่ของสำนักดีหรือไม่?
ตอนนี้ท่านอาจารย์ใหญ่กำลังเก็บตัวบำเพ็ญอยู่
หากให้หัวหน้าตะขาบมรกตตัวนั้นไป ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรนั้นยังไม่แน่ชัด
ยังไม่ทันที่หลิงเยว่จะทันตั้งสติ นางก็ถูกวางลงบนพื้น สิ่งแรกที่ปรากฏคือกระถางยักษ์สีม่วงเข้มสำหรับกลั่นโอสถ ภายในห้องกว้างใหญ่ ผนังประดับด้วยขวดโอสถมากมาย ส่วนที่พื้น… มีสมุนไพรวิญญาณพิเศษถูกโยนทิ้งเกลื่อนกลาด
และในบรรดาสมุนไพรวิญญาณพิเศษทั้งหลายนั้น หลิงเยว่ก็พบสมุนไพรขั้นต่ำสำหรับหมักสุราสร้างรากฐาน
“สุราปราบมารของเจ้า… ไม่ได้กลั่นตามตำราโอสถสร้างรากฐานใช่หรือไม่? กลิ่นของสมุนไพรวิญญาณนั้นพิเศษมาก”
พิเศษจนกระทั่งนักกลั่นโอสถอาวุโสรวบรวมสมุนไพรวิญญาณขั้นต่ำเท่าที่รวบรวมได้ จากนั้นจึงพยายามแยกแยะกลิ่นทีละชนิด แต่ก็ยังไม่พบกลิ่นของสมุนไพรวิญญาณที่ตรงกัน
ช่างเป็นเรื่องที่น่าพิศวงนัก!
“เป็นตำราโอสถสร้างรากฐานแน่นอน แต่ผสมกับปี้สุ่ยเย่ด้วย”
“ข้ารู้” นักกลั่นโอสถอาวุโสเกาที่ศีรษะที่แทบจะไม่มีผม ด้วยความกังวล “พูดมาเถิด เจ้าต้องการหินวิญญาณเท่าไหร่สำหรับเคล็ดลับในการทำสุราปราบมารของเจ้า?”
หินวิญญาณหรือ… นางมีมากเกินพอแล้ว หลิงเยว่เพียงมองไปยังนักกลั่นโอสถอาวุโส โดยไม่พูดอะไร
เมื่อเห็นเจตนาของหลิงเยว่แล้ว นักกลั่นโอสถอาวุโสจึงเอ่ยอย่างจำใจ “กล่าวเงื่อนไขของเจ้ามาเถิด”
“ให้ท่าน… เป็นผู้คุ้มกันข้า… สิบปี!”
หลังจากที่หลิงเยว่ทนพูดติดขัดจนจบประโยค นางก็เหงื่อโชกไปทั้งร่างโดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับแววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของนักกลั่นโอสถอาวุโส นางหวาดกลัวเหลือเกินว่าเขาจะตบมือเพียงครั้งเดียวแล้วทำให้ร่างของนางมลายกลายเป็นผุยผง
ตำราสุราปราบมารจะซื้อตัวตนอันยิ่งใหญ่ของเขาผู้ซึ่งอยู่ในขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์มาเป็นผู้คุ้มกันให้นางถึงสิบปีนั้น นับว่าคุ้มค่าไม่ใช่หรือ?
“เพียงเท่านี้หรือ?”
ผู้ใดจะคิดว่าสาเหตุที่นักกลั่นโอสถอาวุโสผู้นั้นไม่เชื่อเพราะคำขอของหลิงเยว่นั้นง่ายดายเกินไปต่างหาก
นี่คือสุราปราบมาร ถึงแม้ต้องขายกายตนเองไปถึงร้อยปี เขาก็ไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อย!
“สิบปีช่างดูจะเอาเปรียบเกินไป ภายในร้อยปีนี้ข้าจะคุ้มกันเจ้าเอง”
ร้อยปี!?
มีผู้คุ้มกันที่อยู่ในขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์เป็นเวลาถึงร้อยปี!
คราวนี้เป็นหลิงเยว่เองที่เกิดความสงสัยในตนเอง นางประเมินพลังอำนาจของสุราปราบมารต่ำเกินไปอย่างเห็นได้ชัด มันมากถึงขนาดบีบบังคับให้ตัวตนอันยิ่งใหญ่ของผู้บำเพ็ญของเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ต้องขายกายตนเองเช่นนี้!
“ข้าลู่เว่ยขอสาบานต่อสวรรค์ ตราบใดที่ได้ตำราสุราปราบมาร ข้าจะใช้ชีวิตปกป้องหลิงเยว่เป็นเวลาร้อยปี หากข้ากล้าละเมิดคำสาบานนี้ ขอให้วิญญาณและร่างกายมลายสิ้น!”
เสียงคำสาบานกึกก้องอยู่ข้างหูของหลิงเยว่
คำสาบานนี้ช่างโหดเหี้ยมเสียจริง…
แต่เมื่อมีสวรรค์เป็นพยาน หลิงเยว่ก็รู้สึกวางใจขึ้นมาบ้าง หวังว่า… เมื่อนักกลั่นโอสถอาวุโสได้ยินตำราของนางแล้ว คงจะไม่โกรธถึงขั้นละเมิดคำสาบานและลากนางไปจบชีวิตด้วยกันหรอกนะ
“นี่คือสมุนไพรจูมั่วของแท้ที่ใช้ในการหมักสุราปราบมาร”
หลิงเยว่ปลดคาถาพรางตัวจากสมุนไพรจูมั่วที่อยู่ในมือ
จากสมุนไพรจูมั่วทั่วไปที่จะมีสีดำล้วน แต่สมุนไพรต้นนี้กลับมีสี่สี ทั้งยังมีแสงสีดำอ่อนพันอยู่รอบต้น แม้รูปร่างของมันยังคงเดิม แต่สรรพคุณกลับเปลี่ยนไป
นักกลั่นโอสถอาวุโสถตกใจจนหน้าถอดสี รับสมุนไพรจูมั่วกลายพันธุ์มาตรวจด้วยพลังวิญญาณ ก่อนจะตกตะลึงจนพูดไม่ออก
หลิงเยว่เหมือนจะคิดว่าการโจมตีแค่นั้นยังไม่เพียงพอ นางจึงหยิบสมุนไพรวิญญาณกลายพันธุ์ที่เหลืออีกสี่สิบเอ็ดชนิด ซึ่งรวมถึงสมุนไพรวิญญาณกลายพันธุ์อีกสิบแปดชนิดที่ใช้สำหรับปรุงชาแปลงกายออกมา
นักกลั่นโอสถอาวุโส “…”
เขาใช้ชีวิตมานานเกือบสองพันปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสมุนไพรวิญญาณที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมจนแทบจำไม่ได้ โครงสร้างและสรรพคุณของมันล้วนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง!
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ได้เล่า!?
“เจ้าทำ… ได้อย่างไร?” น้ำเสียงของนักกลั่นโอสถอาวุโสติดขัด เขาไม่กล้าแตะสมุนไพรวิญญาณกลายพันธุ์ที่วางอยู่ตรงหน้า ด้วยกลัวว่าหากสัมผัสเพียงครั้งเดียวจะทำให้สมุนไพรวิญญาณอันบอบบางและล้ำค่าเหล่านี้แปดเปื้อน
“ข้าใช้เบญจธาตุในการเพาะปลูกลงในดินธาตุต่าง ๆ เจ้าค่ะ”
การใช้เบญจธาตุเพาะปลูกน่าทึ่งเช่นนี้เชียวหรือ?
ความคิดแรกที่ผุดขึ้นในใจของนักกลั่นโอสถอาวุโสคือการเลิกบำเพ็ญแก่นปราณของตนเอง แล้วหันมาบำเพ็ญเบญจธาตุแทน
“ทักษะการกลั่นโอสถของท่านเป็นอย่างไร?”
แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดหัวข้อสนทนาจึงเปลี่ยนไปเป็นเรื่องการกลั่นโอสถ แต่หลิงเยว่ก็ตอบด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย “ขณะนี้ข้ากลั่นโอสถได้เพียงไม่กี่ขนาน ซึ่งเป็นโอสถระดับต่ำที่ใช้กันทั่วไปเท่านั้น”
“ให้ข้าดูเถิด” นักกลั่นโอสถอาวุโสพูดด้วยใบหน้านิ่งเฉย พลางยื่นมือออกมา
“ท่านต้องการดูจริงหรือ?”
หลิงเยว่ลังเลอยู่เล็กน้อย แล้วหยิบโอสถฟื้นปราณที่กลั่นขึ้นมาตอนอยู่เมืองฮั่วหยางให้เขาดู
โอสถฟื้นปราณเบญจธาตุที่ปรากฏขึ้นถือเป็นการตอกย้ำความคิดของนักกลั่นโอสถอาวุโสได้เป็นอย่างดี ว่าหญิงสาวผู้นี้นับเป็นสุดยอดแห่งการกลั่นโอสถที่ยากจะพบเห็นในรอบหมื่นปีเลยทีเดียว!