รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 966 หลี่จิ่วเต้า ‘ลั่วสุ่ย คุณชายจะพาเจ้าไปเที่ยวชมดินแดนแปลกใหม่!’

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 966 หลี่จิ่วเต้า ‘ลั่วสุ่ย คุณชายจะพาเจ้าไปเที่ยวชมดินแดนแปลกใหม่!’

บทที่ 966 หลี่จิ่วเต้า ‘ลั่วสุ่ย คุณชายจะพาเจ้าไปเที่ยวชมดินแดนแปลกใหม่!’

ร่างเงาสุสานหลักโกรธอย่างถึงที่ขีดสุด นักพรตอัษฎสมบูรณ์หลบเก่งเกินไปแล้ว ฝึกฝนมาเช่นไรกัน?

การโจมตีทั้งหมดของมันล้วนไม่ได้ผล ราวกับตีใส่อากาศ ไม่สามารถสัมผัสได้แม้แต่เส้นผมสักเส้นของนักพรตอัษฎสมบูรณ์

ไม่อาจปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปได้ สุสานหลักมีรอยร้าวมากขึ้นเรื่อย ๆ หากยังไม่หยุด จะต้องมีเรื่องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ตู้ม!

ขณะนั้นเองพลันมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมาจากสุสานหลัก ทำให้นักพรตอัษฎสมบูรณ์ผงะถอย หลังจากนั้น…มันก็วิ่งหนีหายไปในทันที!

เห็นได้ชัดว่ามันกำลังหวาดกลัว กลัวว่าสุสานหลักจะถูกนักพรตอัษฎสมบูรณ์เปิด!

พลังที่สุสานหลักระเบิดออกน่าพิเศษและน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง มีความกดดันบางอย่างที่มากกว่าพลังอื่นทั้งปวง

นักพรตอัษฎสมบูรณ์ไม่ได้ไล่ตาม ทว่ามายังด้านข้างนักพรตอู๋เหลียง ก่อนลงมือทุบตีนักพรตอู๋เหลียงทันที

“โอ๊ย!”

นักพรตอู๋เหลียงที่ถูกทุบตีมึนงงสับสนไปหมด

นี่คืออันใดกัน?

เขาไม่ได้ทำสิ่งใดเลย เหตุใดนักพรตอัษฎสมบูรณ์ถึงได้ทุบตีเขา?

สุดท้ายเมื่อเขาถูกทุบตีจนใบหน้าปูดบวม นักพรตอัษฎสมบูรณ์ถึงยอมรามือโยนเขาทิ้งไปอีกทาง

“เพราะเหตุใดกัน?!”

เขาถามออกมาอย่างไม่ยินยอม

โดนทุบตีก็ได้ แต่ควรบอกเหตุผลให้เขารู้ด้วยไม่ใช่หรือ?

เหตุใดกันเขาจึงถูกทุบตีเช่นนี้!

“ยังจะถามว่าด้วยเหตุใดอีก? เจ้ามันไร้สมองเกินไปแล้ว! สุสานวิ่งหนี ทว่ายังไม่นำหนังสือไล่ตามไปอีก เอาแต่ยืนตะลึงจนพลาดโอกาสไล่ตาม ตอนนี้คิดอยากตามก็ไม่อาจตามได้แล้ว!”

นักพรตอัษฎสมบูรณ์ตวาดเสียงลั่น

หลังจากนั้นร่างของเขาก็เลือนหาย กลับเข้าไปในหนังสือ ก่อนที่หน้ากระดาษจะปิดแล้วร่วงลงไปบนมือของนักพรตอู๋เหลียง

นักพรตอู๋เหลียงยังคงสับสน ไม่เข้าใจในสิ่งที่นักพรตอัษฎสมบูรณ์เอ่ย

หรือว่าจะเป็นเพราะนักพรตอัษฎสมบูรณ์ไม่สามารถออกห่างจากหนังสือได้ ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวว่าเขาควรจะนำหนังสือไล่ตามสุสานหลักไป

สุนัขดำพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้ แต่สุดท้ายก็กลั้นไม่อยู่ หัวเราะออกมาเสียงดัง

“ช่างชั่วร้ายเสียจริง! เห็นได้ชัดว่าไม่กล้าไล่ตาม แต่กลับโยนความผิดใส่หัวเจ้า”

มันเห็นชัดเต็มสองตา นักพรตอัษฎสมบูรณ์หรือจะไร้หนทางไล่ตามไปได้? ยังสามารถกล่าวได้อีกอย่างว่า นักพรตอัษฎสมบูรณ์หรือจะไม่มีวิธีหยุดรั้งสุสานหลักเอาไว้ที่นี่?

คำตอบควรจะเป็น ‘ไม่’ อย่างแน่นอน

นักพรตอัษฎสมบูรณ์สมควรสามารถไล่ตามไปได้ ทั้งยังมีวิธีหยุดรั้งสุสานหลักเอาไว้ที่นี่

ในนิยายกล่าวเอาไว้ นักพรตอัษฎสมบูรณ์มีวิธีการมากมายใช้ค้นหาสุสาน การตรึงสุสานเอาไว้ก็มีหลายหนทาง ทว่ายามสุสานหลักหนีไป นักพรตอัษฎสมบูรณ์ไม่ได้ลงมือหยุดยั้ง ทั้งยังไม่ได้ใช้วิธีการใด ๆ เพื่อไล่ตาม

เห็นได้ชัดเจนเป็นอย่างยิ่งว่าพลังอันน่าสะพรึงกลัวเหนือชั้นที่สุสานหลักระเบิดออกมาในตอนท้าย ทำให้นักพรตอัษฎสมบูรณ์หวาดกลัวอย่างถึงที่สุด จึงไม่กล้าหยุดยั้งหรือไล่ตามไป

“ไอ้สารเลวนี่!”

นักพรตอู๋เหลียงคิดกลับไปแล้วรู้สึกว่าคำพูดของสุนัขดำถูกต้องยิ่ง

นักพรตอัษฎสมบูรณ์ชั่วร้ายนัก ตนเองหวาดกลัวแท้ ๆ ยังมาพูดจาให้เขาแบกรับความผิด

เขากัดฟันด้วยความชิงชังเสียจนฟันแทบหัก

“โอ๊ย!”

ในตอนนั้นเองนักพรตอู๋เหลียงก็พลันส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

หนังสือในมือพุ่งขึ้นมาตบหัวของเขาอย่างกะทันหัน ดวงดาราคล้ายแล่นผ่านไปมาในดวงตาของเขา

“เจ้าตัวเหม็นโฉ่อย่างเจ้าจะรู้สิ่งใด! นี่ไม่ได้เรียกว่ากลัว ต้องเรียกว่าหลีกเลี่ยงอันตรายเฉพาะหน้า!”

“หลีกเลี่ยงอันตรายเฉพาะหน้า?!”

นักพรตอู๋เหลียงถลึงตามอง หลีกเลี่ยงอันตรายเฉพาะหน้าบ้าบออันใดกัน?

“สุสานนั้นไม่ธรรมดา หากขุดออกมาจริง ๆ จะต้องเกิดเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน ตัวข้านั้นอย่างไรก็ได้ แต่พวกเจ้าจะต้องประสบหายนะครั้งใหญ่อย่างแน่นอน ข้าทำก็เพื่อผลดีต่อตัวพวกเจ้าเอง”

เสียงดังออกมาจากหนังสืออีกครั้ง

นักพรตอู๋เหลียงตื่นตะลึง ไม่คาดคิดว่าจะได้รับการตอบกลับเช่นนี้

สิ่งที่ทำให้เขาอัศจรรย์ใจยิ่งกว่าคือนี่นับเป็นฝีมืออำนาจของคุณชายอย่างนั้นหรือ? ตัวละครภายในหนังสือมีชีวิตขึ้นมาจนสามารถสื่อสารกับพวกเขาได้ และมีจิตสำนึกเป็นของตนเอง

“แต่เหตุใดจึงตีเพียงข้าเล่า? สุนัขดำพูดก่อนข้าเสียด้วยซ้ำ!”

เขาเอ่ยออกมาอย่างไม่ยินยอม รู้สึกว่าสุนัขดำควรถูกปฏิบัติเหมือนกับเขา

เพียะ!

“ข้าพอใจเช่นนั้น!”

เสียงในหนังสือเอ่ยออกมา

นักพรตอู๋เหลียงฉุนเฉียว ไม่เคยพบผู้ชั่วร้ายเช่นนี้มาก่อน พอใจก็พอใจสิ เหตุใดถึงต้องตบตีเขาอย่างบ้าคลั่งด้วย?

“สุนัขไม่อาจยั่วยุ โดยเฉพาะ…สุนัขดำ!”

เสียงรำพึงของนักพรตอัษฎสมบูรณ์ดังขึ้น หลังจากนั้นหนังสือก็เงียบลง ประกายแสงทั้งหมดเลือนหายไป

นักพรตอู๋เหลียงได้แต่ข่มกลั้นอารมณ์ในใจ ไม่กล้าพูดออกมา

เห็นชัดเต็มตาว่านักพรตอัษฎสมบูรณ์มีเงามืดขนาดใหญ่ภายในใจเกี่ยวกับสุนัขดำ ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ประสบเคราะห์มามากมายเพียงใดด้วยน้ำมือของสุนัขดำ

นักพรตอัษฎสมบูรณ์ชั่วร้ายและหน้าเนื้อใจเสือถึงเพียงนี้ ยังมีช่วงเวลาที่ต้องประสบเคราะห์หวาดหวั่นด้วยอย่างนั้นหรือ?

เช่นนั้นสุนัขดำตัวนั้นเกรงว่าจะชั่วร้ายและหน้าเนื้อใจเสือเสียยิ่งกว่า!

“ยังไม่จบสมบูรณ์หรือ? เห็นได้ว่าน่าจะยังมีส่วนต่อ…”

ดวงตาของสุนัขดำเปล่งประกาย

หนังสือเล่มนี้มันอ่านไม่เจอการปรากฏตัวของสุนัขดำ ดังนั้นน่าจะยังมีส่วนต่อ ไม่ใช่เล่มจบสมบูรณ์

“ข้าจะตั้งตารอ!”

มันอดเอ่ยออกมาไม่ได้ ภายในใจตั้งตารออ่านส่วนต่อไปจริง ๆ อยากรู้ว่าผู้อาวุโสสุนัขตนนั้นจะจัดการนักพรตอัษฎสมบูรณ์เช่นไรบ้าง

เมื่อสุสานหายไปหมดแล้ว สุนัขดำและนักพรตอู๋เหลียงเองก็จากที่นี่ไป

พวกเขาไปหาต้าเต๋อเพื่อมอบหญิงชราและมังกรทองให้ต้าเต๋อ

“ใช่แล้ว เห็นได้ชัดว่าการมาหาข้าคือหนทางที่ดีสุด ข้าเชี่ยวชาญในด้านนี้นัก”

ต้าเต๋อกล่าวด้วยรอยยิ้มหวาน

หญิงชราและมังกรทองเห็นเณรน้อยท่าทางเปี่ยมธรรม ภายในใจก็พลันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

ดูแล้วไม่เหมือนกับสุนัขดำและนักพรตอู๋เหลียง หากพวกมันอยู่ในเงื้อมมือของทั้งสองต่อ ไม่รู้ว่าชะตากรรมจะต้องทุกข์ทรมานเพียงใด

ต้าเต๋อดูแล้วดีกว่ามาก พวกเขาไม่น่าจะต้องเผชิญเคราะห์มากเกินไปนัก

แต่หลังจากนี้ พวกเขาคงไม่มีความคิดเช่นนี้เหลืออยู่อีกต่อไป

ต้าเต๋อมองไปทางมังกรทองด้วยรอยยิ้มกว้าง ทว่ามุมปากกลับมีน้ำลายไหลลงมา

เขาพึมพำว่า “เนื้อมังกร อ่า หากนำไปย่างน่าจะอร่อยมาก เหมาะทำเป็นกับแกล้มที่สุดแล้ว!”

มังกรทองตื่นตกใจ ต้าเต๋อที่ดูดี แท้จริงกลับไม่ได้ดีเช่นนั้น!

“อย่า!”

สุนัขดำเอ่ยว่า “นี่คือมังกรทองที่ออกมาจากภายในสุสาน อยู่ในสภาวะพิเศษ ไม่แน่ใจว่าเป็นสิ่งใดกันแน่ อย่าได้กินมั่ว ๆ จะดีกว่า มันอาจจะน่าแขยงเป็นอย่างยิ่งก็ได้”

“เป็นเช่นนี้เอง…”

ต้าเต๋อมองมังกรทองด้วยสายตาเสียดาย หลังจากนั้นก็นำตัวมังกรทองและหญิงชราไปพร้อมเอ่ยออกมาว่า “นี่น่าเสียดายอยู่บ้าง”

“พวกข้าไปแล้ว!”

สุนัขดำและนักพรตอู๋เหลียงอำลาต้าเต๋อ เสร็จแล้วจึงจากเขาหลิงซานไป

ณ เมืองชิงซาน

ลานเล็ก

หลี่จิ่วเต้านอนอยู่บนเก้าอี้โยก แท็บเล็ตในมือถูกวางลง

เขายืนขึ้นบิดขี้เกียจ วันนี้ทั้งวันเขาใช้เวลาไปกับการเล่นแท็บแล็ต

ลั่วสุ่ยกำลังรดน้ำดอกไม้ แสงแดดส่องลงมาตกกระทบใบหน้าของนาง จนหลี่จิ่วเต้าอดมองอย่างเคลิบเคลิ้มไม่ได้

งดงามเกินไป งดงามเสียจนทำให้หลี่จิ่วเต้ารู้สึกว่านี่เป็นเพียงความฝัน หาใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด

“หากนี้คือความฝัน ข้าก็หวังว่าจะฝันเช่นนี้ไม่ตื่นไปตลอดการ”

เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มเบาบาง

ทว่าโลกในแท็บเล็ตนั้นอ้างอิงจากความเป็นจริง ทั้งยังไม่แตกต่างอันใดจากความจริง

จากนั้นเขาก็เดินไปหาลั่วสุ่ยแล้วเอ่ยขึ้นว่า “หยุดมือเร็ว คุณชายจะพาเจ้าไปเที่ยวชมดินแดนแปลกใหม่”

“ดินแดนแปลกใหม่?”

“ใช่แล้ว ดินแดนแปลกใหม่”

ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พาเจ้าไปลองเที่ยวชมอาณาจักรแห่งอื่น”

ดินแดนแปลกใหม่ เขามักออกไปท่องชมอยู่เสมอ

แน่นอนว่าไม่ใช่ของจริง แต่เป็นโลกด้านในแท็บเล็ต

ทว่าโลกในแท็บเล็ตนั้นอ้างอิงจากความเป็นจริง ทั้งยังไม่แตกต่างอันใดจากความจริง

หลังจากลั่วสุ่ยเริ่มเดินบนเส้นทางฝึกตนก็อยู่เพียงแต่ในลานเล็ก ๆ ไม่เคยออกไปยังอาณาจักรแห่งอื่น เขาจึงต้องการพานางไปเที่ยวชมอาณาจักรแห่งอื่น

“ตกลง!”

อ่านน้อยลง

ลั่วสุ่ยยิ้มหวาน นางเต็มใจจะไปกับคุณชายทุกหนแห่ง

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท